<h2>​ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดงาน “จาก Aged Society สู่ Happy Young Old” ขยายผลความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการจัดสรรเงินออมสำหรับกลุ่มคนวัยใกล้เกษียณและหลังเกษียณ คาดปีนี้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการ 10,000 คน และเข้าถึงสื่อความรู้ออนไลน์ครอบคลุม 500,000 คนทั่วประเทศ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรและเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนับตั้งแต่ปี 2548 โดยมีอัตราส่วนของประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 10 % ของประชากรทั้งประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และจากข้อมูลล่าสุด&nbsp;ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น&nbsp;13 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 20 % ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุในระดับสมบูรณ์ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/YtQohogtJBfpEWezva8y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YtQohogtJBfpEWezva8y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2576 จำนวนผู้สูงอายุของไทยจะเพิ่มขึ้นอีก 3.5 % ต่อปีและกลายเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นถึง 28% ถือเป็นการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุในระดับสุดยอด (Super-Aged Society) อย่างเต็มตัว ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มี 1 จังหวัดในประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในระดับดังกล่าวแล้ว คือ จ.ลำปาง เพราะมีผู้สูงอายุโดยเฉลี่ยถึง 28 % รองมาคือ จ.ลำพูนและแพร่ อยู่ในระดับ 27%&nbsp;ซึ่งอัตราตัวเลขดังกล่าวได้ส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทางกระทรวงพม. จะต้องหาแนวทางรับมือและแก้ไขในทุกมิติเพื่อคุณภาพชีวิตของประชากรผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/F2S1bCTLH4r7s4pnhF9S.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="F2S1bCTLH4r7s4pnhF9S.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องคือการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชนทุกระดับทุกช่วงวัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญกับภาวะสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) จึงต้องเตรียมการรับมือความเปลี่ยนแปลงในหลายด้านรวมถึงด้านการเงิน และจากข้อมูลดังกล่าวยังพบว่าคนไทยวัยเกษียณในปัจจุบัน มีสถานะอ่อนแอเปราะบางอันเกิดจากการขาดความรู้และทักษะด้านการบริหารจัดการทางการเงิน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/LYWTcHU6d2vo1Cwzpfna.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LYWTcHU6d2vo1Cwzpfna.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ริเริ่มโครงการ “Happy Money, Happy Young Old ปูนนี้ (ก็) มีใช้” มาตั้งแต่ปี 2566 โดยร่วมกับองค์กรพันธมิตรส่งเสริมความรู้และความเข้าใจการวางแผนและการจัดสรรเงินออมเพื่อเกษียณได้อย่างเหมาะสม ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากตัวเลขของปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมเรียนรู้ผ่าน SET e-Learning พื้นฐานวางแผนการเงินวัยเกษียณจำนวน 6,684 คน มีความรู้เพิ่มขึ้น 31.05% นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมทางการเงินที่ดีขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุดในปี 2567 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดงานสัมมนา “จาก Aged Society สู่ Happy Young Old” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ประกอบด้วย SET e-Learning 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร “วัย 50+: เตรียมชีวิตมั่งคั่ง รับวันเกษียณ” และหลักสูตร “วัย 60+: บริหารเงินหลังเกษียณสไตล์วัยเก๋า” พร้อมต่อยอดด้วยการฝึกวางแผนการเงินจริงผ่าน Workshop หลักสูตรบริหารเงินหลังเกษียณ และกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ พร้อมตั้งเป้าจะมีกลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนวัยใกล้เกษียณเข้าร่วมโครงการ ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และเข้าถึงสื่อความรู้ออนไลน์ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นจำนวน 500,000 คน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/BedqkTahpivrVLt8ckzA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BedqkTahpivrVLt8ckzA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ttb-suggests-thai-people-4-ways-for-a-better-financial-life" alt="TTB เผย คนไทยเป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิตมากสุด พร้อมแนะ 4 วิธี 'พิชิตหนี้' เพื่อชีวิตการเงินที่ดีกว่าเดิม">TTB เผย คนไทยเป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิตมากสุด พร้อมแนะ 4 วิธี 'พิชิตหนี้' เพื่อชีวิตการเงินที่ดีกว่าเดิม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าปี 67 'ผู้สูงอายุ' เข้าถึงสื่อความรู้ด้านการเงินและการออมทั่วประเทศ 5 แสนคน

<h2>ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจงด่วนไม่พบความผิดปกติการซื้อขายหุ้นแบบ Short Sell ยืนยันขั้นตอนตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เร่งแก้ปัญหาเพิ่มนักลงทุนรายย่อย ยืนยันผู้บริหาร บอร์ด ดำเนินการอย่างโปร่งใส</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงถึงกรณีมีข่าวปล่อยให้มีการซื้อหุ้น Naked Short Sell แบบผิดกฎหมาย ผ่านโปรแกรมซื้อขายหุ้น ว่า ปัจจุบัน จากการตรวจสอบไม่พบการทำธุรกรรมผิดปกติในการซื้อขายหุ้นแบบ Short Sell กรณีที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย เป็นกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นคำสั่งซื้อจากโปรแกรม แต่เป็นการสั่งซื้อจากนักลงทุนรายหนึ่ง ที่มีการตั้งคำสั่งซื้อและยกเลิกไปก่อนที่จะมีการซื้อขาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดมีการมอนิเตอร์ตลอดเวลา ทุกทรานแซกชั่นแบบเรียลไทม์ มีพบข้อสงสัยบ้าง แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบการทำผิดกฎหมาย หากนักลงทุนมีข้อสงสัยในข้อมูลส่วนไหน สามารถสอบถามเข้ามาที่คอลเซ็นเตอร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตลอดเวลา เรายินดีตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ดังนั้นเรื่องที่พูดกันในขณะนี้อาจไม่ใช่ความจริง” ดร.ภากรกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/mFZWgPBC3ugyXg2mobaD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mFZWgPBC3ugyXg2mobaD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวยอมรับว่า โปรแกรมซื้อขายหุ้นถือเป็นสัดส่วนใหญ่ของการซื้อขายหุ้นในตลาดฯ เนื่องจากมีทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศใช้โปรแกรมดังกล่าว ขณะที่นักลงทุนรายย่อย มีสัดส่วนน้อย ซึ่งตลาดฯ จะพยายามเพิ่มจำนวนนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ยาก เพราะหากจะทำให้มีสมดุลสำหรับนักลงทุนแต่ละกลุ่ม ต้องเพิ่มจำนวนรายย่อยให้ได้ถึง 500,000 – 600,000 ราย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/SWHYuB8G3j7w9mH1a9gH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SWHYuB8G3j7w9mH1a9gH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ดร.ภากร ได้ชี้แจงถึงโครงสร้างของกรรมการ (บอร์ด) ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงกระแสข่าวความไม่พอใจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต่อผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทยที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง โดย ดร.ภากร ยืนยันว่า บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ผ่านกระบวนการสรรหาอย่างชัดเจน และดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) มีที่มาที่ตรวจสอบได้และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่คณะผู้บริหารก็ดำเนินการภายใต้นโยบาย และการกำกับกิจการที่ดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการเปลี่ยนตัวผู้บริหารและคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ดร.ภากร ขอไม่ตอบในประเด็นดังกล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/3rd-quarter-2023-property-ghbank" alt="อสังหาฯ ไตรมาส 3 ชะลอ ยอดโอนวูบ แต่กลุ่มกำลังซื้อสูง หนุนตลาดราคา 7.5 ล้านบาทยังคงขยายตัวสูง">อสังหาฯ ไตรมาส 3 ชะลอ ยอดโอนวูบ แต่กลุ่มกำลังซื้อสูง หนุนตลาดราคา 7.5 ล้านบาทยังคงขยายตัวสูง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจงไม่พบความผิดปกติ Short Sell ยืนยันขั้นตอนตรวจสอบแบบเรียลไทม์

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ "BLC" หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ขยายกำลังการผลิตรองรับการรับจ้างผลิต (OEM) รุกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่อย่างน้อย 14 รายการ รับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพเติบโตทั่วโลก เตรียมขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ปักธงดันรายได้เติบโต 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569&nbsp;ขณะที่ผลงานปี 2565 แข็งแกร่ง ทำรายได้จากการขาย 1,238.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/6ey8ivfS8bk9fwNHMacb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="6ey8ivfS8bk9fwNHMacb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1569,1045" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้น BLC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก (21 มิถุนายน 2566) ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 10.50 บาท นับเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงไปอีกขั้น จากความแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพื่อรองรับการขยายการลงทุนเพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายภายใน 5 ปี (ปี 2566-2570) มีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 ตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) อย่างน้อย 14 รายการ ในกลุ่มยาที่มีอัตราการเติบโตสูง รองรับการก้าวสู่สังคมสูงอายุของประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยวางแผนการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายวางจำหน่ายไม่น้อยกว่า 2 รายการต่อปี เพื่อรักษาอัตราเติบโตของรายได้และอัตรากำไรของบริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายจากช่องทางโรงพยาบาล จากการนำเสนอยาสามัญใหม่ของบริษัทฯ แก่โรงพยาบาลรัฐ และเอกชน และแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศที่เป็นเป้าหมาย ทั้ง CLMV และประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย Modern trade และ E-commerce ขยายพอร์ตสินค้าอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มสินค้า (Portfolio Management) ทำให้ได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำกำไรและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมเชื่อมั่นว่า BLC มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและยั่งยืน จากเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก เราเป็นบริษัทยาของคนไทย ที่ก่อตั้งด้วยความตั้งใจอยากให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพดี สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาของประเทศไทย ด้วยการสร้างนวัตกรรมด้านสมุนไพร เพื่อสร้างการยอมรับในระดับโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/qQBQmTZz3LqhLuiRPb4T.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="qQBQmTZz3LqhLuiRPb4T.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1569,1045" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภก.ศุภชัย สายบัว ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC กล่าวว่า บริษัทฯ ก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC ขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบสนองต่อแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับสังคมผู้สูงอายุ สังคมที่ใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง และมีอัตราการทำกำไรที่สูง เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้าด้วยการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตตามแผนงาน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/sbRTyBo7dbn7x5CyDybq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="sbRTyBo7dbn7x5CyDybq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1569,1045" style="" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภก.สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 2564 และ 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,027.2 ล้านบาท 1,027.7 ล้านบาท และ 1,238.5 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 9.8% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวหลังจากวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ดีมานด์ของยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่ม Brand Awareness ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปริมาณการขายสินค้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิปี 2563 2564 และ 2565 อยู่ที่ 13.7 ล้านบาท 51.1 ล้านบาท และ 129.7 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโต 273% และ 153% จากปีก่อนตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ และกำไรขั้นต้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไรให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/PgxYkjSmbKNLL389Aue1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="PgxYkjSmbKNLL389Aue1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1569,1045" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า BLC เป็นบริษัทที่อยู่ในช่วงเติบโต และจะเป็นหุ้น Growth Stock ด้วยจุดเด่นการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีความจำเป็นในการรักษาโรคครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ และมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร สามารถรองรับการเติบโตของเทรนด์ด้านสุขภาพในอนาคตจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทุกกลุ่มลูกค้า โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนในการนำไปสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และรองรับการรับจ้างการผลิต (OEM) รวมถึงรองรับความร่วมมือจากพันธมิตรในอนาคต จึงมั่นใจว่า BLC เป็นหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ BLC ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม พร้อมทั้งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย จึงเชื่อมั่นว่า BLC จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/VSwLMYwqp6gznv7PYw3j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="VSwLMYwqp6gznv7PYw3j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="4176,2799" style="" data-index="4"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/other/marketing/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%97-gulfstream-g-700" alt="&quot;สายการบินกาตาร์&quot; เปิดตัวเครื่องบินเจ็ท Gulfstream G700">"สายการบินกาตาร์" เปิดตัวเครื่องบินเจ็ท Gulfstream G700</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"BLC" เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก วางกลยุทธ์รับเทรนด์สุขภาพเติบโต ตั้งเป้าปี 69 ดันรายได้ทะลุ 2 พันล้านบาท

<h2>ภายในอาณาจักรผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มีเรื่องราวของทายาทธุรกิจหนุ่มที่ตัดสินใจทิ้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในธุรกิจของครอบครัวมูลค่ากว่า 2 พันล้านด้วยความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยวในโอกาสทางธุรกิจที่มองเห็น ผลักดันให้บุตรชายคนเล็กของครอบครัวทีปกรสุขเกษมต่อยอดประสบการณ์ที่สั่งสมในธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรีมากกว่า 10 ปี เริ่มต้นสร้างทางธุรกิจให้เติบโตบนแนวทางของตัวเอง</h2>
“หลังจากนำธุรกิจครอบครัว CCP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เราเริ่มเห็นทางแยกในธุรกิจก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงมายัง precast ผมนำเรื่องเข้าบอร์ด แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ เพราะโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันผมรู้สึกเสียดายโอกาส จึงตัดสินใจลาออกวันนั้นเหมือนทุบหม้อข้าว แต่เราเชื่อว่ามันเกิด เทรนด์ธุรกิจชัดเจนมาก ถ้าผมไม่ทำคนอื่นก็ทำ ผมจึงตัดสินใจออกจาก CCP และเริ่มระดมทุนเอง โชคดีที่เราได้รับผลตอบรับจากธนาคารและนักลงทุนดีมาก” ชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนแนล จำกัด

ชาคริต เริ่มสะสมประสบการณ์ตั้งแต่ทำงานในสถาบันการเงินอย่าง ธนาคารดีบีเอสไทยธนุ องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ก่อนและเดินทางศึกษาต่อยังสหรัฐอเมริกาและคว้าปริญญาโท 2 สาขาสำคัญกลับมาและเข้าทำงานของครอบครัวที่ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2545 จนกระทั่งทางแยกกับธุรกิจของครอบครัวในวันที่ 18 มกราคม 2556 วันเวลาของการก้าวสู่โลกธุรกิจด้วยความแน่วแน่

"เราเปิดตัวว่า เราเป็นผู้ผลิต precastที่มีมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทย สมัยก่อน precast เป็นความลับเหมือน Black Box โรงงาน precast เป็นเขตหวงห้าม แต่เราเปิดเผยและสามารถสร้างความเชื่อมั่นกับตลาดหรือลูกค้าได้ เพราะเรามี know-how พื้นฐานผมที่คลุกมาทั้ง finance และ operation management จึงสามารถดูได้ทั้งระบบและซอฟต์แวร์เอง ขณะที่ประสบการณ์ทำงานจาก CCP ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในเชิงวิศวกรรมโครงสร้าง ทำให้ลูกค้าที่รู้จักเราให้ความไว้วางใจ"

ชาคริต งัดกลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบและผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีรูปแบบและคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า ในระดับราคาที่ใกล้เคียงกับเจ้าอื่น แต่เหนือกว่าที่ความคุ้มค่า เขาให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับใน precast ด้วยการใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องจักรการผลิตระบบ fully automatic ของ Vollert Anlagenbau Gmbh ประเทศ เยอรมนี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงมีการควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวดจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยบริษัทยังเป็นผู้ผลิต precast รายเดียวที่ใช้หุ่นยนต์ในการผลิตทั้งหมด ทำให้สินค้าไม่มีข้อผิดพลาดจากการใช้แรงงานซึ่งช่วยลดค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง และระยะเวลาในการก่อสร้างได้ถึง 60% จากระยะเวลาก่อสร้างเดิมและยังได้รับมาตรฐานการผลิต PCI 135-00 Precast Tolerance และ PCI 117-77 Manual for Quality Control for Plants and Productions of Architectural Precast Concrete Products รวมถึงบริการที่ครบวงจร ทั้งในด้าน การพัฒนาแบบที่รวดเร็วแม่นยำ ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า จึงสามารถรับประกันได้ว่าทุกขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัท จะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้าง โดยมี lead time ในการผลิตต่ำสุด

แม้ชาคริตจะให้น้ำหนักธุรกิจไปยังโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ หากแต่ CPanel ยังคงยึดพื้นที่ชลบุรีเป็นฐานการผลิตหลักตามวิสัยทัศน์ของบิดา (ประทีป) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรีว่า ชลบุรีเป็นจังหวัดที่สะดวกในการคมนาคมขนส่งหรือจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศต่อเนื่องไปยังประเทศใกล้เคียง

แม้การแข่งขันที่รุนแรง ชาคริตไม่เคยกังวลกับการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดนับตั้งแต่ตัดสินใจก้าวออกจากธุรกิจของครอบครัวจากความเชื่อมั่นในโอกาสและหลักการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา พร้อมพยายามตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ คุณภาพหรือระยะเวลาการผลิตที่รวดเร็ว

กลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่กลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) โดยเฉพาะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ประมาณ 430,000 ตารางเมตรต่อปี และเพิ่มเป็น 860,000 ตารางเมตรต่อปีในปี 2558 เพื่อให้บริษัทมีสินค้าเพียงพอรองรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้า

นอกเหนือจากสินค้าผนังคอนกรีตสำเร็จรูป บริษัทยังมีบริการจัดหาวัสดุก่อสร้างหลากหลายชนิด โดยพร้อมจำหน่ายและจัดส่งให้แก่ ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ได้แก่ ปูนซิเมนต์คอนกรีตผสมเสร็จ คอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานโครงสร้างพื้นฐาน ท่อคอนกรีต อิฐมวลเบา คานสำเร็จรูปและบันไดสำเร็จรูป

“เรามีทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนในการเป็น leading construction material เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ เราเห็นทั้งตลาด ลูกค้า และพฤติกรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ รวมถึงเรายังมี resource ในองค์กร และ connection ที่แข็งแกร่ง”

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิ๊กอ่าน "ก้าวที่กล้าของ CPanel เล็งจังหวะต่อยอดคอนกรีตภูธร" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6ef061c9479ff04c8771ed25445ed78a.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events