ตลท. มองตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 2568 อยู่ในระดับที่โอเค แต่ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาด้านภาษี ถ้าออกมาดีอาจทรงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทางตลท. ยังร่วมกับภาครัฐเดินสายไป Roadshow ในต่างประเทศเพื่อเชิญชวนนักลงทุนรายใหญ่จากต่างชาติเข้ามาลงทุนไทย หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทยอยเทขายหุ้นไทยไป แต่เน้นย้ำว่า ต่างชาติยังรอความดูความชัดเจนว่าโครงการต่างๆ ของภาครัฐจะได้ริเริ่ม หรือเดินหน้าเพียงใด
อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ SET กล่าวว่า ท่ามกลางความผันผวนตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง 2568 น่าจะโอเค แต่ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาด้านมาตรการทางภาษี หากผลลัพธ์ออกมาดีอาจจะทรงตัวหรือมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ และมีโอกาสน้อยที่จะตลาดหุ้นจะแย่กว่านี้ จึงต้องรอติดตามปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าต่างชาติยังคงมองไทย เป็น Safe haven ซึ่งอาจจะเห็นเงินไหลเข้ามาได้
ทั้งนี้ ส่ิงที่ ตลท. เดินหน้าอย่างเต็มที่คือ การเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทยผ่านเครื่องมือทุกรูปแบบ ทั้งสร้างความมั่นใจ เพื่อการเข้าถึงข้อมูล และมีเครื่องหมายต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ รวมถึงยังเดินสายจัด Roadshow ในต่างประเทศ ล่าสุด เดินทางไปที่สิงคโปร์พบกองทุนราว 20 กองทุน
“ผมอยากจะไปเจอกับนักลงทุนต่างประเทศ ด้วยอยากฟังว่า ณ วันนี้เขามองเมืองไทยอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะสนใจที่จะกลับลงทุนเมืองไทยมากขึ้น ที่ผ่านมาทำไมเขาถึงค่อยๆทยอยออกไป อย่างที่บอกคำตอบคือว่านโยบายต่างๆ ณ วันนี้เขา (ต่างชาติ) มองว่ารัฐบาลมีนโยบายดีๆ แต่เขาอยากจะมีความมั่นใจว่ามันจะเกิดขึ้นจริง” อัสสเดช กล่าว
ในมุมมองของนักลงทุนย่อมการมองหาโอกาสที่จะจะสร้างมูลค่าได้มากกว่า ดังนั้นหากประเทศอื่น บริษัทอื่นที่คิดว่ามีความชัดเจนในการลงทุน มีความชัดเจนในการเจริญเติบโตในอนาคตมาก นักลงทุน (ต่างชาติ) ก็อาจโยกไปลงทุนกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าไทยมีนโยบายที่ชัดเจน มุ่งเป้า เชื่อว่าจะมีแรงหนุนที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย
ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือน พ.ค. 68 SET Index ปิดที่ 1,149.18 จุด ปรับลดลง 4.0% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ปรับลดลง 17.9% เนื่องจากความผันผวนจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศยังคงรบกวนบรรยากาศการลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะกลาง

ขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และ กลุ่มเทคโนโลยี
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 43,327 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 9.9% โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิ 16,182 ล้านบาท และยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 55.37% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการปรับพอร์ตการลงทุนตาม MSCI Rebalance ที่มีด้วยกันสองรอบต่อปีในเดือนพ.ค. และ พ.ย. ตามลำดับ
ภาพ: ตลท., lonely blue on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 5 ประเด็นสำคัญเมื่อความเสี่ยง 'ภาษีทรัมป์ยังไม่จบ' KKP ย้ำการค้าโลกขาดสมดุล ไม่ใช่แค่สงครามการค้า
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine