หุ้น-ทองคำไทย เปิดตลาดราคาดิ่งแรง! เหตุคนเทขาย-หนีความกังวลสงครามการค้า (8 เม.ย. 68) - Forbes Thailand

หุ้น-ทองคำไทย เปิดตลาดราคาดิ่งแรง! เหตุคนเทขาย-หนีความกังวลสงครามการค้า (8 เม.ย. 68)

เช้านี้ (8 เม.ย. 68) ทั้งราคาทองคำ-และตลาดหุ้นไทยต่างปรับตัวลดลงในช่วงการเปิดตลาด
ฝั่งสมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองคำแท่งขายออก เปิดมาอยู่ที่ 49,200 บาทต่อบาททองคำลดลง 550 บาทจากวันก่อนหน้า ส่วน SET Index เปิดตลาดร่วงลงต่ำสุดที่ 1,073.43 จุด ลดลงมากกว่าร่วงกว่า 50.94 จุด แม้เมื่อวานนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะออกมาตรการฯ ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ต เป็นการชั่วคราว


    วันที่ 8 เม.ย. 68 รายงานจากสมาคมค้าทองคำพบว่า ราคาทองคำแท่งขายออกเปิดตลาดอยู่ที่ 49,200 บาทต่อบาททองคำ ลดลง 550 บาทจากวันก่อนหน้า โดยถึงช่วง 10.54 น. ราคาทองคำไทยเปลี่ยนแปลงแล้ว 5 ครั้ง ปรับลดลงรวม 4 ครั้ง (รวม 700 บาท) มีราคาขึ้น 1 ครั้งที่ 100 บาท

    ขณะที่ภาพรวมและบทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทอง Spot ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจาก 2 เม.ย. โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งทำให้สงครามการค้าโลกรุนแรงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำอย่างต่อเนื่อง และหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย อย่าง ดอลลาร์สหรัฐฯ ฟรังก์สวิส และเยน โดย กองทุน SPDR ขายทอง 6.02 ตัน


    ทั้งนี้ นักลงทุนมีความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งล่าสุดทรัมป์ระบุว่า จีนมีเวลาถึงวันนี้ที่จะยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 34% มิฉะนั้นสหรัฐจะภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 50%

    จากปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ คาดว่ามีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เจพีมอร์แกน คาดมีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

    ในส่วนของราคาทองคำไทยระบุว่าอาจต้องเจอแรงเทขายอีกครั้ง จึงอาจแบ่งขายทำกำไรก่อน และแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมที่ระดับ 49,050 บาทต่อบาททองคำ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 49,750 บาทต่อบาททองคำ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 48,750 บาทบาทต่อบาททองคำลงไป

    ด้านตลาดหุ้นไทยอย่าง SET Index เปิดตลาดร่วงลงกว่า 50 จุด โดยมีจุดต่ำสุดช่วงเปิดตลาดที่ 1,073.43 จุด ถึงปัจจุบัน (11.02 น.) ดัชนียังปรับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,063.38 จุด ซึ่งลดลง 61.83 จุด จากราคาปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,125.21 จุด สาเหตุเพราะความกังวลว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีน ยังไม่มีท่าทีในการเจรจากันได้ และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอลง



    อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเช่นกัน ทำให้เมื่อวานนี้ช่วง 15.00 น. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาตรการด่วนอย่างการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว โดยจะเริ่มใช้ 8 เม.ย. และไม่เกิน 11 เม.ย. 68 โดยระบุเหตุผลในการออกมาตรการนี้ว่าเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุน โดยจะติดตามภาวะตลาดต่อเนื่องทุกวัน พร้อมปรับเปลี่ยนเกณฑ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์

    ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อ 7 เม.ย. 2568 จึงได้มีมติอนุมัติปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้เป็นการชั่วคราว ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) ได้มีมติอนุมัติเกณฑ์ TFEX ที่เกี่ยวข้องด้วย

    ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) สำหรับการซื้อขายในแต่ละวันข้างต้น จะไม่ใช้บังคับกับการซื้อขาย DR และ DRx

    ส่วนการปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ จากเดิม ±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น เป็น ±5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น ห้ามการขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker สำหรับ SET, mai และ TFEX





ภาพ: SET, สมาคมค้าทองคำ, STREAMING, Firefly.Adobe



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าฯ แรงเกินคาด! ทำทองพุ่ง - ไทยโดน 37% เสี่ยง GDP โตต่ำ 2% หลังจากนี้รัฐบาลรับมืออย่างไร

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine