<h2>วายแอลจีเผย 4 ปัจจัยหนุนทองคำทำสถิติใหม่ราคาปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,160 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ จากต้นปีปรับขึ้นมาแล้วกว่า 4.5% รับปัจจัยหนุน มองปีนี้ภาพใหญ่ยังสดใสไปได้ต่อ ครึ่งปีหลังมีลุ้นทำสถิติใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และเทรนด์ยังเป็นขาขึ้นไปอีก 2- 3 ปี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,160 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ส่งผลให้นับจากต้นปีราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 4.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นมาอย่างน่าสนใจในรอบนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่ก้าวสู่เดือนมีนาคม เนื่องจากได้รับแรงหนุนหลายปัจจัย ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากที่แม้ว่าช่วงก่อนนี้นักลงทุนจะลดความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด จากมากสุดที่ 6 ครั้ง ลดลงมาอยู่ที่โซน 3-4 ครั้ง จึงเกิดแรงขายทองคำออกมา อย่างไรก็ดี ตลาดได้ซึมซับปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว ราคาทองคำจึงเริ่มฟื้นตัวอีกทั้งยังเริ่มมีความกังวลต่อภาคการจ้างงานที่ลดลง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ธนาคารกลางทั่วโลกที่ถือครองทองคำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้าซื้อทองคำกว่า 1,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่จะมีการเข้าซื้อที่ประมาณ 400-600 ตันต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่กระแส “De-dollarization” หรือการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐที่ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือใช้ในการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้ความต้องการทองคำมีมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ทองคำได้ทรานส์ฟอร์มจากสินทรัพย์ทางกายภาพสู่การเก็งกำไรในโลกดิจิทัล ส่งผลให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนใหม่เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะนับตั้งแต่การเกิดการระบาดของโควิด 19 เป็นต้นมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หลังจากที่ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แต่ภาพของทองคำในระยะยาวของปี 2567 ทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเป้าหมายใหญ่ของทั้งปี YLG ยังคงให้ไว้ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์เนื่องจากในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง และตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปต่อเนื่อง 2-3 ปี ดังนั้นภาพใหญ่ 2- 3 ปี ทองคำจึงยังคงเป็นบวก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เดินหน้าทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยราคาทำระดับสูงสุดใหม่ที่ระดับ 36,350 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนเช่นเดียวกับทองคำในตลาดโลกแล้ว ยังได้รับอานิสงส์มาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ใกล้โซน 36 บาท Photo by <a href="https://unsplash.com/@zlataky?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Zlaťáky.cz</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/gold-and-silver-round-coins-y7jRMXOz7pE?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bitcoin-gold-a-chance-rising-after-price-made-new-high" alt="'บิตคอยน์-ทองคำ' มีโอกาสพุ่งต่อ หลังราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่">'บิตคอยน์-ทองคำ' มีโอกาสพุ่งต่อ หลังราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

YLG เผย 4 ปัจจัยหนุนทองโลกทำนิวไฮที่ 2,160 ดอลลาร์ มองครึ่งปีหลังมีลุ้นแตะ 2,300 ดอลลาร์

<h2>วายแอลจีเผยทองคำทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังตลาดคลายความกังวลมาตรการดอกเบี้ยของเฟดที่ล่าสุดคงดอกเบี้ย 2 ครั้งติด คาดอาจได้เห็นเฟดลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น เป็นในไตรมาส 1/2567 หลังขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 11 ครั้ง แนะจับตาไตรมาส 1/2567 ทองคำจะปรับขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ล่าสุดราคาทองคำได้ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังจากที่สามารถยืนเหนือ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเป็นการปรับขึ้นจากปัจจัยการผ่อนคลายความกังวลเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ได้ผ่านจุดสูงสุดของวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากการประชุมเมื่อปลายเดือน พ.ย. เฟดมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มเข้าสู่นโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2565 ด้วยเหตุนี้ทองคำจึงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่อง จากการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนมีนาคม ทั้งนี้ จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool รายงานว่า ล่าสุดพบการสำรวจของตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 50% ไปในทิศทางว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าคาดการณ์ช่วงก่อนหน้า เป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 และในช่วงนั้นราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แม้หลังการพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงมาบ้างจากแรงขายทำกำไร แต่ความต้องการซื้อทองคำยังแข็งแกร่ง ทำให้ทองคำยืนเหนือ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งแสดงถึงสัญญาณที่ดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำช่วงนี้ วายแอลจีแนะนำ ไม่ควรไล่ราคา ให้รอจังหวะซื้อที่ 2,070-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 2,120-2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นแนวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ต้องรอการทดสอบอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนราคาทองคำในประเทศ ความบริสุทธิ์ 96.50% แนะนำเข้าซื้อที่โซนแนวรับ 34,200-33,850 บาทต่อบาททองคำ สำหรับแนวต้านมองที่โซน 35,000-35,400 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.85 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 4 ธ.ค. 2566 เวลา 10.00น.) เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/finance-and-investment/news/hua-seng-heng-new-branch" alt="“ฮั่วเซ่งเฮง” เผย 3 ปัจจัยหนุนทองคำขาขึ้น เปิดสาขาเจาะคนรุ่นใหม่">“ฮั่วเซ่งเฮง” เผย 3 ปัจจัยหนุนทองคำขาขึ้น เปิดสาขาเจาะคนรุ่นใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ทองคำพุ่งแตะ 2,144 ดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ YLG แนะรอจังหวะซื้อเก็งกำไร 2,070-2,050 ดอลลาร์

<h2>วายแอลจี เผยแนวโน้มทองคำพุ่งแรงทำนิวไฮของปี หลังผลประชุมเฟดเดือน มี.ค.มีแนวโน้มไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากกลุ่มแบงก์ของสหรัฐฯ อ่วมหนัก ส่งผลราคาพันธบัตรร่วงสวนทางผลตอบแทน แนะเพิ่มความระมัดระวังลงทุนทองคำเหตุไต่ระดับมาอย่างต่อเนื่อง อาจมีแรงขายทำกำไรสลับ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่กลุ่มธนาคารในสหรัฐอเมริกาขาดเสถียรภาพในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นจากนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง แต่ราคาของพันธบัตรกลับสวนทางกับอัตราผลตอบแทน ดังนั้น เมื่อธนาคารมีการบันทึกบัญชีจากการถือครองพันธบัตรจึงทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ทำให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐ เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่ จึงทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพของกลุ่มธนาคารในสหรัฐ และทำให้บางแห่งเกิดการปิดกิจการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การประชุมเฟดในช่วงวันที่ 21-22 มีนาคม 2566 มีการคาดการณ์แตกต่างจากก่อนหน้าที่ที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% มาเป็นคาดการณ์ว่าว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในช่วงวันที่ 21-22 มีนาคม 2566 รวมถึงปรับขึ้นอัตราดอกบี้ยเพียง 0.25% เริ่มมีสัดส่วนการคาดการณ์ที่มากกว่า ดังนั้นต้องจับตาว่าการขาดเสถียรภาพของกลุ่มธนาคารในครั้งนี้จะก่อให้เกิดวิกฤตทางการเงินหรือไม่ ซึ่งต้องดูการประชุมของเฟดในครั้งที่จะถึงนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผลกระทบต่อตลาดทองคำยังต้องดูการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อประกอบ ถ้าหากเงินเฟ้อไม่พุ่งรุนแรงมากเช่นครั้งก่อนหน้า ก็อาจจะทำให้ทองคำย่อตัวอย่างจำกัด อย่างไรก็ดีการย่อตัวของทองคำถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ เพราะแนวโน้มทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ภาพรวมยังแกว่งตัวในขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยราคาทะยานขึ้นอย่างรุนแรง สวนทางสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำเข้าใกล้จุดสูงสุดที่ 1,958 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ซึ่งราคาอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับลงมา เพราะระดับทองคำช่วงนี้เป็นจุดสูงสุดของปี ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,887 เหรียญต่อทรอยออนซ์ แต่เนื่องจากเทรนด์ยังเป็นขาขึ้นได้ต่อ จึงสามารถทยอยเข้าซื้อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านแนวรับรับสำคัญอยู่ที่ 1,871 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หากไม่หลุดแนวรับนี้มีโอกาสปรับขึ้นต่ออย่างชัดเจน เพราะกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับเข้าซื้อทองคำ จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญ ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรง ส่วนราคาทองคำในรูปของเงินบาท มองกรอบแนวรับ 30,900 - 30,600 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 31,900 บาทต่อบาททองคำ อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" alt="&quot;ไทยกูลิโกะ&quot; เปิดตัวนมอัลมอนด์ รุกตลาดนมทางเลือกในไทย">"ไทยกูลิโกะ" เปิดตัวนมอัลมอนด์ รุกตลาดนมทางเลือกในไทย</a>​​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

YLG ชี้ทองคำแรงต่อเนื่องรับข่าวเฟดหลังแบงก์สหรัฐฯ ส่อเค้าวิกฤต

<h2>สภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลกประจำปี 2565 ความต้องการทองคำทั่วโลก 18 % แตะ 4,741 ตัน ด้านประเทศไทยความต้องการทองคำในปี 2565 ลดลงที่ 28.5 ตัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงาน Gold Demand Trends ฉบับล่าสุดจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลกประจำปี 2565 (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแตะ 4,741 ตัน ซึ่งเป็นยอดรวมรายปีที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สี่ของปี 2565 นี้ได้รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางและการลงทุนของผู้บริโภครายย่อยที่ยังคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในประเทศไทยความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4/2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบเป็นรายปีกล่าวคือเพิ่มจาก 12.4 ตัน ในไตรมาสที่ 4/2564 ไปเป็น 13.5 ตัน ด้วยแรงหนุนจากความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่สูงขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 10.0 ตันในไตรมาส 4/2564 เป็น 10.8 ตันในไตรมาส 4/2565 และความต้องการอัญมณีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จาก 2.4 ตันในไตรมาส 4/2564 ไปเป็น 2.8 ตันในไตรมาส 4/2565 <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/02/AemSXjudpwpCoNGg67g2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AemSXjudpwpCoNGg67g2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,867" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp; Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า "แม้ตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนจะมีการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้นในปี 2565 แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำรายปีได้ลดลงมาเล็กน้อยโดยมาอยู่ที่ 28.5 ตัน ในขณะที่ความต้องการอัญมณีรายปีในประเทศยังคงค่อนข้างซบเซาหากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแม้ว่าความต้องการรายไตรมาสจะสูงกว่าก็ตาม”หากมองในภาพรวมของทั่วโลกแล้วความต้องการรายปีของธนาคารกลางเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวไปอยู่ที่ 1,136 ตัน ในปี 2565 จาก 450 ตัน ในปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการทุบสถิติในรอบ 55 ปี โดยมียอดซื้อในไตรมาส 4/2565 เพียงไตรมาสเดียวที่สูงถึง 417 ตัน ซึ่งทำให้ยอดรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 พุ่งไปมากกว่า 800 ตัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความต้องการในฝั่งการลงทุน (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) สำหรับปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา โดยมีผลมาจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ การชะลอตัวของเงินทุนไหลออก ETF ที่เห็นได้ชัดและความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่แข็งแกร่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งทองคำแท่งและเหรียญทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมของนักลงทุนในหลายประเทศทั่วโลกจึงนับว่าเป็นปัจจัยที่มาช่วยชดเชยความต้องการที่ถดถอยในประเทศจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฝั่งของด้านประเทศในยุโรป การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำรวมในปี 2565 พุ่งทะลุ 300 ตัน จากแรงหนุนของความต้องการที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในเยอรมนีนอกจากนี้ ความต้องการยังเพิ่มขึ้นอย่างมากในพื้นที่ตะวันออกกลาง โดยความต้องการรายปีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความต้องการอัญมณีในปี 2565 ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 3 มาอยู่ที่ 2,086 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการของอัญมณีในประเทศจีนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดกว่าร้อยละ 15 เนื่องจากการล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งปี &nbsp;&nbsp; นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในไตรมาสที่ 4 ยังส่งผลให้ความต้องการอัญมณีรายปีลดลงอีกด้วย อุปทานของปี 2565 ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบเป็นรายปี มาแตะ 4,755 ตัน และยังคงสูงกว่าในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด อีกทั้งการทำเหมืองทองคำยังเพิ่มขึ้นเป็น 3,612 ตัน ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบสี่ปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp; Louise Street นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก (World Gold Council) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เห็นระดับความต้องการทองคำรายปีที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่สูงของธนาคารกลางเพื่อสำรองไว้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการขับเคลื่อนความต้องการที่มีความหลากหลายของตลาดทองคำมีบทบาทในการสร้างความสมดุล แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก ETF ในทางเทคนิค แต่ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกระตุ้นให้มีการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ โดยความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้นที่ 10% จากปีที่ผ่านมา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในปี 2566 นี้ จากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจเล็งเห็นสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายและภาวะเศรษฐกิจที่อาจถดถอยลงทั่วโลก อาจทำให้แนวโน้มของการลงทุนทองคำเปลี่ยนไป หากอัตราเงินเฟ้อลดลงในอนาคต การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำอาจมีอุปสรรค และในทางกลับกันความต้องการกองทุนทอง ETF อาจได้รับอานิสงส์จากกค่าเงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระดับปานกลาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเราน่าจะเห็นว่าการบริโภคอัญมณียังคงอยู่ในระดับที่ฟื้นตัวได้ด้วยแรงหนุนจากความต้องการที่กลับมาเมื่อประเทศจีนเปิดประเทศอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเศรษฐกิจร่วงหนักกว่าเดิม ผู้บริโภคจะต้องรัดเข็มขัดในส่วนของรายจ่าย ซึ่งอาจเป็นการทำให้ความต้องการในส่วนนี้ลดต่ำลง แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้หลากหลาย แต่ทองคำก็เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจนั้นมีความผันผวนและโดดเด่นในด้านของมูลค่าในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ระยะยาว” อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/amex-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A1-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99-3-5-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2" alt="AMEX เน้นตอบโจทย์สมาชิกแพลทตินัมหลังใช้จ่ายสูงกว่าบัตรอื่น 3.5 เท่า">AMEX เน้นตอบโจทย์สมาชิกแพลทตินัมหลังใช้จ่ายสูงกว่าบัตรอื่น 3.5 เท่า</a>​<hr class="__se__solid">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine&nbsp; ​​

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events