ราคาทองคำโลกทำ All-Time High ครั้งใหม่ที่ 2,450 เหรียญสหรัฐ เหตุธนาคารกลาง - กองทุนฯ ยังซื้อเพิ่ม - Forbes Thailand

ราคาทองคำโลกทำ All-Time High ครั้งใหม่ที่ 2,450 เหรียญสหรัฐ เหตุธนาคารกลาง - กองทุนฯ ยังซื้อเพิ่ม

หลังราคาทองคำโลกทำจุดสูงสุดครั้งใหม่ที่ 2,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพราะหลังนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจ YLG วิเคราะห์เทรนด์ราคาทองคาดอาจพุ่งไปถึง 2,500-2,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพราะกองทุนขนาดใหญ่ยังเข้าซื้อทองคำปริมาณมาก และนักลงทุนยังสนใจทองจากภาวะเงินเฟ้อทรงตัวระดับสูง ส่วนทองคำไทยในระยะสั้นมองว่าจะอยู่ในกรอบ 40,800-42,200 บาทต่อบาททองคำ


    นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า วันนี้ 20 พ.ค. 2567 (12.50 น.) ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ล่าสุดที่ระดับ 2,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ สาเหตุเพราะท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยังไม่แสดงความชัดเจนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีแรก 

    ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ปรับสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และผลักดันความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ซึ่งมีเบื้องหลังมาจากช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐยังอ่อนแอ เช่น ตลาดแรงงาน ยอดค้าปลีก และตัวเลขที่อยู่อาศัยบางส่วน รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่รายงานว่าดัชนี CPI และ Core CPI ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดการณ์ สู่ระดับ 0.3%

    ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศ และกองทุนทองคำขนาดใหญ่ยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Scion Asset Management ได้เข้าซื้อ ETF ทองคำในปริมาณ 7.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มสัดส่วนทองคำในพอร์ตเป็น 7.4% สูงสุดเป็นอันดับ 5 ในบรรดาสินทรัพย์ทั้งหมด จากก่อนหน้าที่ไม่เคยลงทุนในทองคำมาก่อน

    ขณะที่ ราคาทองคำในระยะสั้นมีแรงซื้อจากสถานการณ์อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ซึ่งมีประธานาธิบดีอิหร่านและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน โดยล่าสุดเช้าวันนี้สื่อของรัฐอิหร่าน ได้รายงานยืนยันการเสียชีวิตของทั้งสองท่าน ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นอุบัติเหตุจากสภาพอากาศ หรือการก่อการร้าย

    ด้าน YLG ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ที่ 2,500 - 2,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากด้วยปีนี้ยังมีแรงหนุนจาก 1) สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ 2) ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกเฉลี่ยกว่า 1,000 ตันต่อปี 3) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่หากภายในปีนี้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้จริง จะส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 2,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

    สำหรับความเคลื่อนไหวของทองคำในระยะสั้น YLG มองว่า หลังจากที่ราคาขึ้นทำ All Time High ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,450 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แรงขายยังคงเข้ามากดดันอย่างจำกัด จึงมีโอกาสที่จะยังทรงตัวอยู่ได้ในระดับสูง โดยให้แนวรับที่ 2,418 - 2,397 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และแนวต้านที่ 2,478 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.50% ในประเทศ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 40,800 - 42,200 บาทต่อบาททองคำ


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับ นักกีฬารายได้สูงสุด ประจำปี 2024

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine