<h2>รายงานผลประกอบการรอบ 9 เดือนของปี 2566 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมกว่า 288,996 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาวที่มีกำหนดชำระตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปีจนกระทั่งการบินไทยอยู่ในสภาวะใกล้ล้มละลายในปี 2563 และต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2564 จากนั้นการบินไทยก็เดินหน้าปรับตัวด้วยการลดต้นทุนรอบด้าน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การบินไทยขาดทุนมาหลายปีตั้งแต่ก่อนโควิด พอเกิดโควิดยิ่งขาดทุนหนักเพราะไม่สามารถทำการบินได้ กระทรวงการคลังต้องขายหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์จนการบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจเพื่อฟื้นฟูกิจการ” ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) เริ่มต้นบอกเล่าเส้นทางฟื้นฟูการบินไทยกับทีมงาน Forbes Thailand ในวันที่ผลประกอบการกลับมาเป็นบวก เขายอมรับว่า ตลอดเวลาเกือบ 2 ปีต้องปรับตัวอย่างหนัก เพราะไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายกับภาระหนี้ก้อนโต ปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนี้กว่า 2 แสนล้านบาทยังไม่คลี่คลายก็ถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก การบินไทยต้องรับมือทั้งที่ปัญหาเดิมหนักอยู่แล้ว เมื่อบินไม่ได้ยิ่งซ้ำเติมปัญหาหนักขึ้น ผู้บริหารแผนฯ ต้องเจาะลึกในรายละเอียดและเดินหน้าปรับทั้งโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับโครงสร้างองค์กรเกิดขึ้นตั้งแต่มีการแต่งตั้งผู้ทำแผน หลังจากศาลล้มละลายกลางเห็นชอบให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 2563 โดยมี พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน เป็นประธานของคณะผู้ทำแผน 7 คน ซึ่งอำนาจจากผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริษัทได้โอนมายังผู้ทำแผนทั้งหมด ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2564 ศาลล้มละลายกลางได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูและแต่งตั้งผู้บริหารแผนสานงานต่อจากผู้ทำแผน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบันผมเป็นประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีผู้บริหารแผนอีก 2 ท่าน คือ คุณพรชัย ฐีระเวช จากกระทรวงการคลังมาในฐานะเจ้าหนี้ และคุณชาญศิลป์ ตรีนุชกร ในฐานะตัวแทนสหกรณ์ออมทรัพย์” ซึ่งคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมี 5 คน ประกอบด้วย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์, พรชัย ฐีระเวช, ไกรสร บารมีอวยชัย, ศิริ จิระพงษ์พันธ์ และ ชาญศิลป์ ตรีนุชกร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดคือ เจ้าหนี้หุ้นกู้จำนวน 7 หมื่นล้านบาท เจ้าหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ 4 หมื่นล้านบาท และเจ้าหนี้รายย่อย 3 หมื่นล้านบาท ส่วนธนาคารพาณิชย์เป็นเจ้าหนี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การฟื้นฟูเริ่มต้นทันทีเมื่อตั้งผู้ทำแผนฯ เพราะรอไม่ได้ ตอนนั้นการบินไทยไม่มีรายได้เลย แถมเงินยังไหลออกทุกวัน พนักงาน 29,500 คน ต้องลดค่าใช้จ่ายหลายอย่าง” หนึ่งในนั้นคือ ลดพนักงานด้วยการลาออกโดยสมัครใจ 15,000 คน จ่ายชดเชยตามกฎหมายแรงงานและบวกให้ประมาณ 1 เดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เป็นการทยอยจ่าย เพราะไม่มีเงินจ่ายทั้งก้อน และได้ลดสวัสดิการ ลดเงินเดือนโดยสมัครใจ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พนักงานช่วยกันทำโน่นนี่เพื่อหารายได้” เขาอธิบายและว่า สิ่งสำคัญในการทำแผนฟื้นฟูคือ การเจรจากับเจ้าหนี้ ทั้งเจ้าหนี้ธนาคาร ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้เครื่องบิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนเจ้าหนี้เครื่องบิน เขาเล่าว่า ต้องเข้าไปดูในรายละเอียด อะไรควรเก็บไว้หรือขายออก พบว่ามีเครื่องบินเก่าจำนวนมากที่ไม่ใช้แล้ว ได้เจรจาคืนเครื่องไปหลายลำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เครื่องบินก่อนโควิดมี 102 ลำ พอโควิดลดเหลือ 65 ลำที่ใช้บิน คืนไป 37 ลำ ส่วนหนึ่งคืน ส่วนหนึ่งขาย เพราะเก่าเกินไปไม่คุ้ม แต่ก่อนไม่กล้าขายกลัว สตง. ตรวจสอบ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/gvcAFU5f533HC7XC9jRR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="gvcAFU5f533HC7XC9jRR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อสังหาฯ หลักมี 2 แห่งที่ขายไปกับเครื่องบินเก่าข้างต้น แต่ค่าใช้จ่ายยังสูง เงินไหลออกตลอดและไม่มีรายได้ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงาน 2.4 พันล้านบาทต่อเดือน เมื่อลดจำนวนพนักงานและลดเงินเดือน ภาระส่วนนี้เหลืออยู่ 800 ล้านบาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เงินไหลออกตลอด ตอนต้นปี 2565 เงินในบัญชีเหลือ 6 พันล้านบาท ในแผนฟื้นฟูบอกว่าจะมีเงินเข้ามา 5 หมื่นล้านบาทจากรัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท และเอกชน 2.5 หมื่นล้านบาท แต่รัฐก็เบี้ยวเงินไม่มา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อเงินจากภาครัฐไม่มา เงินของภาคเอกชนก็ไม่มาด้วย ทำให้การบินไทยต้องช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้ และโชคดีที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย ประกอบกับการลดค่าใช้จ่ายที่ผ่านมา เมื่อกลับมาบินได้เกือบปกติโดยไม่ต้องจ่ายหนี้ทำให้มีเงินสะสมมากขึ้น จากต้นปี 2565 มีเงินในบัญชี 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 6.7 หมื่นล้านบาท (ธันวาคม ปี 2566) ซึ่งเป็นเงินสดที่มาจากผลประกอบการแท้ๆ ซึ่งเงินสดนี้จะรีบจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้การค้าก่อน เช่น เวนเดอร์ที่ผลิตสื่อให้การบินไทยแต่ยังไม่ได้เงินค่าจ้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาย้ำว่า เงินสดที่ทำได้ 6.7 หมื่นล้านบาทมาจากการบินที่ยังไม่เท่าเดิม เพราะบางเส้นทางยังไม่เปิด และบางเส้นทางยังบินไม่ครบ โดยข้อจำกัดมาจากจำนวนเครื่องบินและบุคลากร ซึ่งปัจจุบันเพิ่มมาเป็น 17,000 คนแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของเครื่องบินได้มีการปลดระวางเครื่องเก่า คืนเครื่องไปต้นปี 2565 ทำให้มีเครื่องบินอยู่ 57 ลำ มีทั้งแบบลำตัวกว้างและลำตัวแคบ และจอดอยู่อีก 8 ลำ ซึ่งเดิมจะขายแต่เก็บไว้และนำมาบินรวมเป็น 65 ลำ แต่ใน 8 ลำที่นำมาบิน มี 5 ลำที่เก่ามาก คาดว่าจะบินอีกเพียง 2-3 ปีเท่านั้น ที่เหลือเป็นการเช่าระยะยาว และต้องมีแผนจัดหาเครื่องใหม่เพราะเครื่องเก่าหลายลำจะทยอยหมดสัญญาเช่า โดยจะเหลือเพียง 51 ลำในปี 2576 จึงต้องหาเครื่องมาเพิ่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มีข่าวเราเฟิร์มออร์เดอร์ 45 ลำจริง เมื่อบวกกับของเดิม 51 ลำ รวมเป็น 96 ลำ ก็ยังน้อยกว่าก่อนโควิดซึ่งเคยมี 102 ลำ เฟิร์มออเดอร์ที่คนบอกว่าเยอะ เป็นการชดเชยของเก่าทั้งนั้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาย้ำว่า วันนี้การบินไทยเดินทุกอย่างตามแผนฟื้นฟู “ความจริงฐานะการเงินดีกว่าแผนที่ศาลเห็นชอบเยอะ เพราะแผนมีการแก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม ปี 2565 ลดเงินกู้ 2.5 หมื่นล้าน เปลี่ยนเงื่อนไขการออกจากแผนว่าทุนต้องเป็นบวก เพราะทุนเป็นลบจะทำธุรกิจยาก” จึงได้ปรับแผนใหม่ให้มีการแปลงหนี้เป็นทุน โดยแปลงหนี้กระทรวงการคลัง 100% แปลงหนี้สถาบันการเงินและหุ้นกู้ 24.5% และออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม พนักงาน และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง เมื่อทุนเป็นบวกก็สามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/people/fabulous-40s-and-50s/charles-pintanon-created-element-72-with-passion" alt="ชาร์ลส์ ปิณฑานนท์ ปั้น Element 72 ด้วยแพสชั่น">ชาร์ลส์ ปิณฑานนท์ ปั้น Element 72 ด้วยแพสชั่น</a>​ ​<a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="305,400" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"></figure></div>

“ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” เทคออฟการบินไทย ฝ่ามรสุมหนี้แสนล้าน “เร็ว-แรงเกินคาด”

<h2>"การบินไทย" พลิกกำไรแล้ว 9 เดือนแรกปี 2566 กำไรหมื่นล้าน รายได้ทะยาน 1.15 แสนล้านบาท หลังขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยงบการเงินรวมสำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 ประกอบด้วย งบการเงินเฉพาะกิจการ และงบการเงินของบริษัทย่อย 5 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท ไทย-อะมาดอสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด 2) บริษัท วิงสแปน เซอร์วิสเซส จำกัด 3) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด 4) บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิ่ง จำกัด และ 5) บริษัท ทัวร์เอื้องหลวง จำกัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 37,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,148 ล้านบาท (12.6%) กำไรสุทธิ 1,546 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดของรายได้ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รายได้จากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน 30,921 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,458 ล้านบาท (26.4%) สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.0% คิดเป็นเงินประมาณ 5,300 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารเพิ่มขึ้น อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.3% สูงกว่าปกติซึ่งเฉลี่ย 77.0%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนีมชดเชยค่าน้ำมันและค่าเบี้ยประกันภัย) เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (3.5%) หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รายได้จากการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ จำนวน 3,461 ล้านบาท ลดลง 2,966 ล้านบาท (46.1%) เป็นผลจากมีรายได้จากพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันและค่าประกันภัย) เท่ากับ 8.95 บาท ลดลง 8.98 บาท (50.1%) หรือประมาณ 3,400 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีอัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (Freight Load Factor) เฉลี่ย 52.7% ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 59.1% ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (Revenue Freight TonKilometers : RFTK) เพิ่มขึ้น 7.1% คิดเป็นเงินประมาณ 400 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รายได้จากกิจการอื่น ประกอบด้วย รายได้จากหน่วยธุรกิจ ได้แก่ การบริการภาคพื้น ครัวการบิน การบริการคลังสินค้า และรายได้จากกิจการสับสนุนอื่นๆ รวมจำนวน 2,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 232 ล้านบาท (12.5%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยหน่วยธุรกิจการบริการภาคพื้นและครัวการบินมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารของสายการบินลูกค้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้จากธุรกิจคลังสินค้า และการให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน มีรายได้ลดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รายได้อื่นสูงกว่าปีก่อน 424 ล้านบาท เนื่องจากดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น จากเงินสดที่เพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 29,330 ล้านบาท กำไรสูงกว่าปีก่อน 29,878 ล้านบาท รายได้รวมจำนวน 115,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50,330 ล้านบาท (76.8%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการขนส่งเพิ่มขึ้น 48,291 ล้านบาท (80.0%) โดยมีรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้น 129.2% จากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันและค่าเบี้ยประกันภัย) สูงกว่าปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ลดลง 35.5% จากรายได้พัสดุภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 44.1% ถึงแม้ว่าปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (RFTK) สูงขึ้น 14.6% ก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้รายได้จากกิจการอื่นเพิ่มขึ้น 24.6% สาเหตุหลักเกิดจากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของสายการบินลูกค้าเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ค่าใช้จ่ายรวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 86,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,452 ล้านบาท (30.9%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น 8,227 ล้านบาท (31.6%) เป็นผลมาจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีปริมาณการใช้น้ำมันสูงกว่าปีก่อน ในขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน 21.0%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประกอบกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานในส่วนที่ผันแปรตามปริมาณการผลิต/การขนส่งเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายคงที่เพิ่มขึ้น 22.5% โดยส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 19.3% และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 50.9%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ส่วนใหญ่เกิดจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ การปรับปรุงค่าเช่าพื้นที่สำนักงานดอนเมือง และผลขาดทุนจากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตาม TFRS 9 ถึงแม้ว่าจะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ และกำไรจากการขายสินทรัพย์ก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว-สุทธิ เป็นค่าใช้จ่ายรวม 2,390 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 16,342 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 27,579 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 16,314 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 7.47 บาท สูงกว่าปีก่อน 12.63 บาทต่อหุ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขค่าเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินคำนวณจากการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hour) 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรจำนวน 31,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,958 ล้านบาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/thailand-post-covid-medical-tourism" alt="โอกาสของไทยในการเป็นผู้นำ Medical Tourism ยุคหลังโควิด">โอกาสของไทยในการเป็นผู้นำ Medical Tourism ยุคหลังโควิด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

การบินไทย 9 เดือนปีนี้ กำไรหมื่นล้าน รายได้ 1.15 แสนล้าน

<h2>​หลัง “การบินไทย” ประกาศผลกำไรไตรมาสแรกกว่า 1.25 หมื่นล้านบาท ล่าสุด CEO คนใหม่เผย เตรียมเพิ่มขนาดฝูงบินเพื่อรองรับการเดินทางที่ฟื้นตัวเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus และ Boeing เพิ่ม​ </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในการประชุมสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศประจำปี 2023 ที่มีสายการบินจากทั่วโลกร่วมงานกว่า 300 บริษัท ณ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมาว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางการบินไทยเตรียมส่งหนังสือเพื่อหารืออย่างเป็นทางการกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ทั้ง 2 ราย ได้แก่ Airbus และ Boeing ภายในสัปดาห์หน้า ถึงการสั่งซื้อเครื่องบินล็อตใหญ่ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มรับเครื่องบินลำใหม่เหล่านี้ได้ภายในปี 2026 เป็นต้นไป&nbsp;อีกทั้ง การบินไทย ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจของ “ไทยสมายล์” บริษัทลูกในเครือ ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus A321neo อีกจำนวนหลายลำเพื่อเพิ่มเข้าสู่ฝูงบินด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การสั่งซื้อเครื่องบินล็อตใหม่ดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้สายการบินต่างๆ ทั่วโลกเริ่มทำการขยายฝูงบิน โดยสายการบินหลายแห่งเลือกที่จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานอย่างน้ำมันได้มากกว่า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/b8PiuHnavcibPgxE2xwG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="b8PiuHnavcibPgxE2xwG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องการการส่งมอบให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ทางบริษัทเครื่องบินทั้งของ Airbus และ Boeing ก็พยายามเพิ่มกำลังการผลิตของพวกเขาให้แล้วเสร็จได้โดยเร็วอย่างเต็มที่เช่นกัน” CEO คนใหม่ล่าสุดของการบินไทยกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันความจุผู้โดยสารของการบินไทยอยู่ระหว่าง 65-70% และเพิ่งประกาศผลกำไรในไตรมาสแรกกว่า 1.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความต้องการเที่ยวบินระยะไกลที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางการบินในยุโรปและออสเตรเลีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การบินไทยอยู่ระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้การกำกับดูแลของศาล ขณะเดียวกันก็มุ่งฟื้นฟูศักยภาพการดำเนินงาน โดยก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทางสายการบินมีฝูงบิน อยูที่ 103 ลำ หลังจากนั้นจึงได้ทำการปรับลดลงเหลือจำนวน 65 ลำ ณ ปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตแผนการฟื้นฟูขนาดฝูงบินจะทำการสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มขึ้นรวมทั้งเครื่องบินเช่าให้มีขนาดฝูงบินมากกว่า 113 ลำได้ ภายในปี 2027 อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-the-45-academia-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99" alt="“ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” เปิดหลักสูตร “The 45 Academia” ปั้นกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่สู่ความยั่งยืน">“ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” เปิดหลักสูตร “The 45 Academia” ปั้นกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่สู่ความยั่งยืน</a> <hr class="__se__solid"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“การบินไทย” สั่งซื้อเครื่องบินเพิ่ม หลังกำไรไตรมาสแรก 1.25 หมื่นล้านบาท

<h2>ต้นเดือน กุมภาพันธ์ เรามีนัด “ดื่มกาแฟ” กับ จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คนที่ 17 ของ บมจ.การบินไทย ณ ห้องประชุมชั้น 21 เป็นช่วงเวลาแห่งการออกพบสื่อมวลชน รับนัดสัมภาษณ์มากขึ้น หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 4 ธันวาคม ปีทีที่แล้ว เหตุเพราะ แผนฟื้นฟูปฏิรูปสายการบินที่ติดธงชาติไทย ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล และต้องชี้แจงให้พนักงาน และสาธารณชนเข้าใจ</h2>
“ตอนนี้เป็นมรสุมวิกฤต พนักงานทุกคนต้องร่วมมือกัน ช่วยกันดึงเครื่องให้เงยขึ้นอีกครั้ง” จรัมพร หรือ “นก” กล่าวกับทีมงาน Forbes Thailand ด้วยนำเสียงจริงจัง เขาพบกับเราในเสื้อเชิร์ตสีขาวพร้อมเนคไทสีม่วงน้ำเงิน สวมทับด้วยแจ็กเกตสีดำ มีลายปักโลโก้การบินไทย และ 787 DREAMLINER บนหน้าอกซ้าย

อดีตกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมาดๆ เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของการบินไทยกับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน การบินไทยขาดทุนสุทธิ 3 ปีซ้อน ที่ 6.2 พันล้านบาท ในปี 2555 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2556 และ 9.21 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ทำให้ทุนของผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลงจาก 6.89 หมื่นล้านบาทในปี 2555 มาอยู่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาทเมื่อ กันยายน 2557

&nbsp;

เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์, นพพร วงศ์อนันต์ ลายเส้น: “สมเกียรติ ศิริวงศ์ศิลป์”

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events