อ่านงบไตรมาส 1 ปี 68 ของ ‘การบินไทย’ บทสรุปหลังเตรียมออกแผนฟื้นฟูฯ และจะกลับมาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย - Forbes Thailand

อ่านงบไตรมาส 1 ปี 68 ของ ‘การบินไทย’ บทสรุปหลังเตรียมออกแผนฟื้นฟูฯ และจะกลับมาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย

สายการบินแห่งชาติอย่าง ‘การบินไทย’ ที่เผชิญกับภาวะวิกฤตมานานหลายปี หนี้ท่วมจนต้องเข้าสู่แผนการฟื้นฟูกิจการ แต่ล่าสุดมาถึงอีกจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะการบินไทยเตรียมจะออกแผนฟื้นฟูฯ และกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยแล้ว


    ในวันที่ 9 พ.ค. 68 ที่ผ่านมาจึงอาจเป็นการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายที่ทีมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการจะออกมาสรุปความคืบหน้า และความเป็นไปของการบินไทยหลังจากนี้

ไตรมาส 1 ปี 68 กำไรฯ ยังเพิ่มขึ้น

    “ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์” ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เล่าถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2568 ว่าผลออกมาก็เป็นที่น่าพอใจเพราะว่าจำนวนผู้โดยสารในไตรมาสแรกอยู่ในระดับสูงถึง 4.33 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 11.6%

    ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ตามด้วยอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (cabin factor) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้วเป็นที่น่าพอใจก็คือ 83.3% (ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า)

    แน่นนอนว่า กำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนหักต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ออกมาอยู่ที่ 13,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.3%YoY อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin) อยู่ในระดับ 26.5% สูงกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 24.1% มีเพียง EBITDA หลังหักเงินสดค่าเช่าเครื่องบินอยู่ที่ 12,728 ล้านบาท ลดลง 8%YoY

    ส่วนปี 2568 นี้คาดว่าการบินไทยจะมีเครื่องบินในฝูงบิน 80 ลำ ทำให้จำนวนเครื่องบินปีนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก จึงจะมีการจัดเส้นทางการบินให้เหมาะสม ความถี่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่เน้นการซ่อมแซมบำรุงรักษาให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยมองว่าผลการดำเนินงานในเดือน เม.ย. 68 มีทิศทางที่ดีจากและตลอดทั้งปีมองว่ายังมี traffic ทั้งจากยุโรปและระยะไกลเข้ามาเพิ่มเติม


จับตา 4 มิ.ย. 68 ศาลนัดพิจารณาการยกเลิกแผนฟื้นฟู

    ปิยสวัสดิ์ เล่าต่อว่า ส่วนการรออกจากแผนฟื้นฟูฯ มีการยื่นต่อศาลไปแล้ว โดยในวันที่ 4 มิ.ย. 68 ศาลนัดพิจารณาการยกเลิกแผนฟื้นฟูฯ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญที่ยื่นเข้าไปแล้วคือ EBITDA เกิน 20,000 ล้านบาท และยังบอกไม่ได้ว่าผลผลการไต่สวนจะออกมาเมื่อไหร่

    ทั้งนี้ ทางการบินไทยต้องรอว่าคำสั่งของศาลที่จะออกมา ซึ่งหากออกมาในช่วงครึ่งหลังเดือนมิ.ย. 68 หน้าที่ของผู้บริหารแทนฯ จะยุติเพียงเท่า และอำนาจของผู้บริหารแทนฯ ก็จะโอนกลับไปที่กรรมการที่ตั้งใหม่ ฝั่งผู้ถือหุ้นกรรมการใหม่ต้องประชุมเพื่อคัดเลือกประธานกรรมการกรรมการตรวจสอบ และหลังจากนั้นก็มีขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.ที่ต้องดำเนินการเพื่อให้บริษัทสามารถที่จะเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นช่วงหลังของเดือนก.ค.หรือต้นส.ค.

    นอกจากนี้ วันที่ 8 พ.ค. 68 ผู้บริหารแผนฯ ยังมีมติก็คืออนุมัติให้จดทะเบียนยกเลิกกิจการของ Thai Smile ซึ่งมีขั้นตอนต่างๆ เช่น กรรมการฯ ต้องประชุม และประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อยกเลิกการจดทะเบียนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป


บทเรียนการบินไทยในวิกฤต

    “ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่า เราคงคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่ต้องปรับกันที่ภายใน ซึ่งช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเรามีทั้งเตรียมพร้อมบุคคลากร ต้นทุนและปรับด้านต่างๆ ไว้แล้ว

    “ไม่เพียงแต่การบินไทย แต่สายการบินต่างชาติด้วย พบว่าสายการบินเป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อ Cashflow (กระแสเงินสด) มากเพราะว่าถ้าไม่มีรายได้เข้าหรือมีการกระตุกของรายได้เข้า,k ต้องใช้เงินสดอย่างมากเพราะฉะนั้นอันนี้ก็คือบทเรียนอย่างหนึ่งที่เราจะต้องวางแผนเรื่องการเงินโดยเก็บเงินสดที่มีสภาพคล่องเป็นสัดส่วนที่สามารถจะบริหารจัดการได้หากมีปัญหา”

    ถือว่าเป็นบทเรียนใหญ่ว่าหากเกิดสภาวะที่เป็น Negative impact กับสายการบินมีปัญหากับธุรกิจ Committed Credit Line (วงเงินที่มีผลผูกพันจากสถาบันการเงินอื่น) ที่เคยได้ก็จะหายไป เพราะเมื่อสายการบินมีปัญหา Committed Credit Line ที่มีอยู่จะไม่ได้มีประโยชน์เลยในช่วงวิกฤต ฉะนั้นเราก็ต้องถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องให้มากเพียงพอ

    ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เครื่องบินของการบินไทยไม่ได้ปรับปรุงมาข้างในมาก่อน เพราะฉะนั้นความสามารถในการแข่งขันมันหายไป ดังนั้นจึงต้องรับฟังความเห็นของผู้โดยสารเรื่องสภาพภายในของเครื่องบิน ถ้าเราไม่ลงทุนปัญหานั้นที่จะไม่หายไปซึ่งประมาณการทางงบการเงินเราใส่งบลงทุนและค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปแล้ว

    ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่นข่าวที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อาจจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ มองว่าช่วงที่ผ่านมาเราปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปหลายด้าน โดยปรับให้กรุงเทพฯ เป็นฮับมากขึ้น จึงมีการขนส่งผู้โดยสารข้ามทวีปที่จะฃ่วยลดผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวลง

    นอกจากนี้ยังมีการจัดการบริหารความเสี่ยงด้านรายได้ ให้แหล่งรายได้มาจากหลายแหล่งไม่เพียงแต่เกิดจากประเทศไทย เช่น จีน มีการบินใน 5 เมือง (35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์) แม้ช่วงที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงแต่เราไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายของการบินไทยเป็นผู้โดยสารเดินทางเดี่ยวไม่ใช่ผู้โดยสารกลุ่ม นอกจากนี้เรายังมีการปรับเส้นทางการบินไปยังเมืองที่มีแนวโน้มและการเติบโตที่ดีกว่า

    “อยากการันตีว่าหลังจากนี้ (การบินไทย) จะมีกำไร แต่คงการันตีไม่ได้ แต่ว่าแนวโน้มเราก็เห็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะระยะสั้น อย่างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เรื่องเครื่องบินเรามีการปรับปรุงมาตลอด” ชายกล่าว



ภาพ: THAI



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ทำไมยอดต่างชาติเที่ยวไทยปี 68 อาจต่ำเป้า 37 ล้านคน แต่ททท. ยังมั่นใจรายได้ฯ ยังโตได้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine