<h2>KFC ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 40 ปี จัดเซอร์ไพรส์ใหญ่เปิดตัว “Friend of KFC” คนแรกของประเทศไทย “แบมแบม กันต์พิมุกต์” ศิลปินไอดอลเกาหลีสัญชาติไทยที่ดังไกลระดับโลก พร้อมเปิดตัว BamBam Box</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Suhayl Limbada ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เคเอฟซี ประเทศไทย กล่าวว่า “การคอลแล็บร่วมกันระหว่าง KFC x BamBam ครั้งใหญ่นี้ ถือเป็นของขวัญสุดพิเศษที่เราตั้งใจมอบให้กับแฟนๆ KFC ทุกคน ในโอกาสที่ KFC ครบรอบ 40 ปี ผ่าน KFC APP เวอร์ชันใหม่ที่ใช้งานง่าย สะดวกและคุ้มค่ามากกว่าเดิม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แบมแบมเป็นไอดอลที่มีคาแร็คเตอร์ขี้เล่น สนุกสนาน เป็นกันเอง แบบฉบับเพื่อนรักผู้พัน และมีความผูกพันกับ “เคเอฟซี” มาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมกับ KFC เลยก็ว่าได้ เพราะเคยมีความทรงจำที่ดีร่วมกับ KFC มาตั้งแต่ปี 2010 ที่ได้ร่วมเล่นโฆษณาตัวแรกกับ KFC&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และตอนนี้ในปี 2024 ก็ได้กลับมาร่วมงานกับ KFC ประเทศไทย อีกครั้ง แต่รอบนี้บอกเลยว่ายิ่งใหญ่และพิเศษมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะกลับมาในฐานะ “Friend of KFC คนแรกของประเทศไทย” ที่พร้อมเสิร์ฟความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับแฟนๆ KFC ทุกคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การคอลแล็บร่วมกันครั้งนี้ หรือ KFC x BamBam ได้เปิดตัวเมนูเดอะบอกซ์สุดพิเศษ “BamBam Box” ที่แบมแบมร่วมออกแบบเมนูและแพ็คเกจจิ้งดีไซน์ด้วยตัวเอง โดยในบอกซ์ประกอบไปด้วย วิงซ์แซ่บของโปรด 4 ชิ้น ไก่ทอด 1 ชิ้น นักเก็ตส์ 2 ชิ้น เฟรนช์ฟรายส์ (ปกติ) 1 ชุด และ เป๊ปซี่ พร้อมกับดีไซน์กล่องเดอะบอกซ์ลิมิเต็ด ด้วยโทนสีดำพรีเมียมสุดคูล ตัดกับลายกราฟิกโลโก้สีแดงเท่ๆ ของ BamBam Official ที่ไม่เหมือนที่ไหน ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 159 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะแฟนๆ KFC เท่านั้น เพียงสั่งซื้อ BamBam Box หรือเดอะบอกซ์ชุดใดก็ได้ผ่าน KFC APP ได้รับฟรีทันที! โฟโต้การ์ดแบมแบม สุดลิมิเต็ด ทั้งหมด 4 แบบ ให้ชาวอากาเซ่ได้ไปสะสมกันฟินๆ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2567 ถึง 26 มิถุนายน 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/WCyZEexxY55EBrcuwPaW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="WCyZEexxY55EBrcuwPaW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้! ถ้าใครอยากเจอแบมแบม ห้ามพลาด! เพียงสั่งซื้อ BamBam Box หรือเดอะบอกซ์ชุดใดก็ได้ผ่าน KFC APP ระหว่างวันที่ 25 เมษายน ถึง 26 พฤษภาคม 2567 รับสิทธิ์ลุ้นเป็น Lucky Fan 475 ท่าน และ Super Fan 25 ท่าน ร่วม Meet &amp; Greet กับแบมแบม ที่งานแฟนมีตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “KFC x BamBam Fanmeet at Kentucky Town” ซึ่งจัดขึ้นที่สามย่านมิตรทาวน์ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 นี้อีกด้วย พร้อมช้อปสินค้า KFC x BamBam สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีขายเฉพาะในงานนี้เท่านั้น! (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ KFC Thailand) เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/marketing/japan-7-eleven-targets-aggressive-global-growth" alt="บริษัทแม่ 7-Eleven ในญี่ปุ่น ประกาศขยายสาขาไปทั่วโลก ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100,000 สาขาในปี 2030">บริษัทแม่ 7-Eleven ในญี่ปุ่น ประกาศขยายสาขาไปทั่วโลก ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100,000 สาขาในปี 2030</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KFC Thailand ครบรอบ 40 ปี เปิดตัว “แบมแบม กันต์พิมุกต์” Friend of KFC คนแรกของไทย

<h2>วาเลนไทน์ปีนี้ถือเป็นปีที่ 40 ของ KFC Thailand กับเรื่องราวแห่งความรักหลากหลายความทรงจำ หลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ KFC ที่ที่หลายคู่รักได้ออกเดต ได้มีโมเม้นต์หวานๆ ระหว่างมื้อ KFC กรอบๆ โอกาสพิเศษแบบนี้ KFC และผู้พันแซนเดอร์สขอฉลองแบบลักชูให้แก่ความรักตลอด 40 ปี ด้วยการเป็นตัวแทนแห่งรัก นิรันดร์กับแหวนอัญมณีแทนใจทำจากไก่ทอด KFC ครั้งแรกของโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;The Fried Chicken Ring แหวนอัญมณีเม็ดงามวงนี้ มีเพียง 11 วงในโลกเท่านั้น พร้อมแล้วที่จะมอบให้กับ 11 คู่รัก กับ 11 เรื่องราวแห่งรักที่พร้อมจะเป็นตำนานแห่งความรักที่ KFC โดย “แหวนอัญมณีไก่ทอดแทนใจ” นี้ สร้างสรรค์จากไก่ทอด KFC แท้ๆ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 750px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/QivCCwQSaR869PPfvLjz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="750px,562px" data-align="center" data-file-name="QivCCwQSaR869PPfvLjz.jpg" data-file-size="0" origin-size="750,562" data-origin="750px,562px" style="width: 750px; height: 562px;" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp; แหวนอัญมณีเหล่านี้ผ่านการออกแบบ ความชำนาญ และความประณีตจาก GEMORIES ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนอินทรียสาร มาร่วมคอลแล็บ ให้เนื้อไก่ทอดกรอบ KFC กลายเป็นอัญมณีที่เลอค่าพร้อมเชิดชูความรัก ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่จำลองกระบวนการกำเนิดอัญมณีตามธรรมชาติ หรือการทำอัญมณีสังเคราะห์ โดยนำ ‘ไก่ทอด KFC’ ไปผ่านความร้อนสูงถึง 1,800 องศา และผ่านแรงดัน 11 ชั่วโมง จนกลายเป็นอัญมณีจากไก่ทอด KFC ครั้งแรกของโลก ​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/LuMswTtCgd8QnVUU5N8j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LuMswTtCgd8QnVUU5N8j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="750,562" style="" data-index="1"></figure></div>​​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซูเฮล ลิมบาดะ (Suhayl Limbada) ประธานบริหารฝ่ายการตลาด KFC ประเทศไทย กล่าวว่า “KFC และทีมงานหน้าร้านทุกคนล้วนได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในโมเม้นต์แห่งความรักที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะที่ KFC สาขาไหนก็ตามในไทย นอกเหนือจากการเป็นสถานที่ที่เคยมีส่วนในการสร้างความทรงจำแห่งความรักให้กับหลายๆ คู่รักในไทยแล้ว วาเลนไทน์ปีนี้ เราจึงขอมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างอีกหนึ่งความทรงจำแห่งรักนิรันดร์ด้วยสัญลักษณ์แทนใจและคำมั่นสัญญาแห่งรักที่จะมีให้กันและกันตลอดไปผ่านแหวน The Fried Chicken Ring”&nbsp;&nbsp; &nbsp; โดยแหวนที่มีเพียง 11 วงในโลกนี้จะมอบให้แก่คู่รักผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางโซเชียลของ KFC THAILAND เท่านั้น ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/adecco-it-growth-in-labour-market-with-ai-trend" alt="ตลาดแรงงานคึกคัก ชิงทาเลนต์สายไอที ค่าตัวพุ่ง 1 แสนบาท">ตลาดแรงงานคึกคัก ชิงทาเลนต์สายไอที ค่าตัวพุ่ง 1 แสนบาท</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KFC ขอฉลองวาเลนไทน์สไตล์ลักชู ผลิตแหวน “อัญมณีจากไก่ทอด” เพียง 11 วงในโลก!

<h2>หลังมีกระแสข่าวมาสักพักว่าหนึ่งในผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ KFC ในประเทศไทยอย่างบริษัท Restaurants Development Co., Ltd. หรือ RD นั้นอาจจะขายสิทธิ์แฟรนไชส์ดังกล่าวในประเทศไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด มีการยืนยันแล้วว่า RD ไม่ได้ขายสิทธิ์แฟรนไชส์ KFC ในไทยแต่อย่างใด แต่มีบริษัทอินเดียเข้ามาร่วมลงทุน ปิดดีลเดินหน้าขยายสาขาแทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แถลงการณ์จาก RD ระบุว่า Devyani International DMCC บริษัทในเครือ Devyani International Limited (DIL) เซ็นสัญญาลงทุนในบริษัท Restaurants Development Co., Ltd. (RD) ซึ่งเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ของ KFC ในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบริษัท DIL เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บริหารของกลุ่มธุรกิจ Quick Service Restaurants/Limited Service Restaurants (QSR/LSR) ในประเทศอินเดีย เนปาล และไนจีเรีย ภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ทำให้ทั้ง RD และ DIL ร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจ QSR ในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;KFC ประเทศไทยได้รับการจัดการด้านแฟรนไชส์โดย บริษัท Yum Restaurants International (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็น บริษัทในเครือของ Yum Brands, Inc. โดย KFC นับเป็นกลุ่มธุรกิจ QSR ในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดนับตั้งแต่ปี 2527 ที่เริ่มเปิดกิจการเป็นครั้งแรก โดยในปี 2559 RD ได้เริ่มเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ร้าน KFC 127 แห่ง ภายในระยะเวลา 7 ปี RD สามารถขยายร้าน KFC ได้ถึง 274 แห่งในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งการขยายสาขาของ RD ส่งผลให้เกิดการสร้างงานและโอกาสให้กับคนไทยกว่า 4,500 ชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกลุ่มบริษัท DIL ในประเทศอินเดียเป็นกลุ่มบริหารจัดการขนาดใหญ่ในสายธุรกิจ QSR/LSR ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่าง KFC, Pizza Hut, Costa Coffee และกลุ่มธุรกิจในเครือด้วยเครือข่ายสาขาที่มีมากกว่า 1,350 แห่งทั่วโลก รวมไปถึงความสามารถในการบริหารจัดการอย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้ DIL มุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในกลุ่มบริหารจัดการสายธุรกิจ QSR/LSR ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่่อง รวมไปถึงการต่อยอดความสำเร็จ ในทุกพื้นที่ที่บริษัทเข้าไปบริหารจัดการธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ พันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง DIL และ RD ต่างมีจุดมุ่งหมายในการขยายเครือข่ายสาขาในประเทศไทยผ่านความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท ยกระดับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้ารวมไปถึงชุมชนต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การทำธุรกรรมดังกล่าวยังอยู่ภายใต้การอนุมัติตามกฎระเบียบและการอนุมัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2567 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/inthanin-coffee-to-expand-2500-stores-in-5-years" alt="“อินทนิล” วางเป้าหมาย ขยาย 2,500 สาขาใน 5 ปี ออกโปรดักต์ ทำแคมเปญเจาะคนรุ่นใหม่">“อินทนิล” วางเป้าหมาย ขยาย 2,500 สาขาใน 5 ปี ออกโปรดักต์ ทำแคมเปญเจาะคนรุ่นใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Devyani International DMCC บริษัทอินเดีย เข้าลงทุนใน RD เจ้าของแฟรนไชส์ KFC 274 สาขาในไทย เดินหน้าขยายสาขา

<h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Robinhood (โรบินฮู้ด) แอปเพื่อคนตัวเล็กที่ยั่งยืน แท็กทีม KFC (เคเอฟซี) ส่งแคมเปญเอาใจสายฟู้ดดี้ “KFC x Robinhood Food” ยกขบวนหลากหลายเมนูโดนใจจากร้าน KFC กว่า 400 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่และชลบุรี มาไว้บน Robinhood Food พร้อมเสิร์ฟไก่ทอดผู้พันและหลากหลายเมนูสุดคุ้มให้ลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Robinhood กว่า 3.7 ล้านคน อร่อยจัดเต็มทุกเมนู&nbsp;</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยโปรโมชันสุดคุ้ม 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1: ส่วนลดสูงถึง 50% ทุกเมนูทั้งร้าน KFC เฉพาะวันที่ 20 กันยายน 2566 เท่านั้น ต่อที่ 2: แจกโค้ดส่วนลดพิเศษสูงถึง 100 บาท เมื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มขั้นต่ำ 200 บาท จากร้าน KFC ในสาขาที่เข้าร่วมรายการ บน Robinhood Food และกรอกโค้ด RBHKFC100 ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2566 - 20 ตุลาคม 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยความร่วมมือครั้งนี้ Robinhood Food หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโมเมนต์แห่งความสุขผ่านอาหารมื้ออร่อยสุดคุ้มให้แก่ลูกค้าบนแพลตฟอร์ม พร้อมเพิ่มโอกาสในการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับไรเดอร์ของเราท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71310" alt="“มานะ ดีเวลลอปเม้นท์” เปิดตัว “บารานี บลิซ รังสิต-คลอง 3” ตอบโจทย์กำลังซื้อบ้านหลากหลายบนโซนรังสิต">“มานะ ดีเวลลอปเม้นท์” เปิดตัว “บารานี บลิซ รังสิต-คลอง 3” ตอบโจทย์กำลังซื้อบ้านหลากหลายบนโซนรังสิต</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Robinhood จับมือ KFC ยกขบวนหลากหลายเมนูโดนใจขึ้นบนแพลตฟอร์ม พร้อมอัดโปรแรงลดสูงสุด 50% อิ่มคุ้มทุกเมนู

<h2>ไหนๆ มีทาสคนไหนเคยถูกสายตาเว้าวอนของน้อน ๆ 4 ขามาวิงวอนเวลามีของกินบ้าง? แล้วยิ่งเป็นไก่ทอดร้อนๆ ของผู้พัน จะมีน้องหมาที่ไหนอดใจไหว?! แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่า ความเป็นจริงแล้ว การให้น้องหมาแทะกระดูกไก่เป็นอันตรายกับน้อง ๆ โรงพยาบาลสัตว์หลายแห่งก็ออกมาเตือนว่า เศษกระดูกเล็กๆ อาจเข้าไปทิ่มแทงอวัยวะภายใน หรืออุดตันลำไส้ ทำให้น้องหมาติดเชื้อจากแบคทีเรียได้ ถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็กเลย</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา คือ “วันมะหมาโลก” หรือ International Dog Day ปีนี้ KFC เล่นใหญ่แบบแบรนด์ตัวพ่อวงการไก่ทอด จับมือกับ Momo &amp; Friends ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการตระหนักรู้ถึงอันตรายของกระดูกไก่กับน้องหมา ผลิต “KFC BONE TIE” ขนมขัดฟันแปรรูปที่ผลิตจากกระดูกไก่ KFC แจกกันแบบฟรีๆ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้นุดหยุดให้กระดูกไก่กับน้องหมา และหันมาให้ขนมขัดฟันที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแทน&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/6wfknmt8WuqGHzF8AmK7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="6wfknmt8WuqGHzF8AmK7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1920,1080"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งความพิเศษคือ KFC BONE TIE แปรรูปมาจากกระดูกไก่ KFC ช่วยขัดฟันและคราบ มีโปรตีนสูง ไม่ทิ่มอวัยวะ แถมยังดีไซน์พิเศษ ขึ้นรูปเป็นโบว์ผู้พันแซนเดอร์ส น่ารักเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของผู้พันแบบไม่ซ้ำใครและหาไม่ได้จากที่ไหน! เพราะ KFC BONE TIE ไม่มีขาย แต่แจกฟรี ในวันมะหมาโลก เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เฉพาะที่ KFC สาขาเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นห้าง Pet-friendly และกิจกรรมบนเพจ KFC Thailand ผู้พันขอขอบคุณเหล่าทาสที่ได้พาน้อนๆ มากันแบบไม่ขาดสาย แถมยังร่วมสนุกลุ้นรับฟรีกันแบบล้นหลามจนไวรัลกันไปทั้งโซเชียล! &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซูเฮล ลิมบาดะ (Suhayl Limbada)&nbsp;ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าว “ในฐานะ KFC แบรนด์ไก่ทอดต้นเรื่องที่ยั่วน้ำลายน้องหมา อ้อนขอจนทำให้หลายคนอาจใจอ่อนให้กระดูกน้องหมาไป วันมะหมาโลกปีนี้ เราจึงตั้งใจรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ว่าการให้กระดูกไก่สุกเป็นอันตรายกับน้องหมา และส่งต่อความปรารถนาดีไปยังคนรักน้องหมาทั่วประเทศ ด้วย KFC Bone Tie ขนมขัดฟันจากกระดูกไก่ KFC เป็นครั้งแรกของโลก! และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่สาขา KFC ในห้าง Pet-friendly อย่างเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ แฟชั่นไอซ์แลนด์และเมกาบางนา ได้มีส่วนร่วมในการหย่อนกระดูกไก่หลังทานเสร็จแล้ว เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ Upcycle เศษอาหาร และผลิต KFC BONE TIE อีกด้วย”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/H9yd3j6fECBcSMdCRdyi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="H9yd3j6fECBcSMdCRdyi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1732,1154"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาคย์ วรรณศิริ&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ ของวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “แบรนด์ KFC และทีมความคิดสร้างสรรค์ของ Wunderman Thompson ประเทศไทย ได้ร่วมกันคิดค้น KFC BONE TIE ขนมขัดฟันแปรรูปจากกระดูกไก่ KFC ร่วมมือกับผู้ผลิตขนมสุนัขชั้นนำอย่าง Momo &amp; Friends ใส่ความเป็นแบรนด์ KFC เข้าไปด้วยการขึ้นรูปขนมขัดฟันเป็นโบว์ผู้พัน แฝงกิมมิคเล็กๆ เป็นชื่อแบรนด์ไว้ที่หางโบว์ได้อย่างน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับผู้พัน และร่วมกับ Gluta Story คอนเทนต์ครีเอเตอร์กับแก๊งน้องหมาชื่อดัง สื่อสารแคมเปญผ่านหนังโฆษณาสุดน่ารัก ที่ใครๆ เห็นก็ต้องร้องงู้ยยยยและไวรัลกันไปทั้งโซเซียล! หนึ่งในแคมเปญโฆษณาที่หลายคนอยากดูจนจบ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังช่วยระดมทุนให้กับมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) เปิดให้ทุกคนที่ร่วมสนุกรับ KFC BONE TIE ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน้องหมาตัวอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยการสแกน QR code บริจาคเงินตามอัธยาศัยให้กับมูลนิธิได้โดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญดีๆ ที่ไวรัลไปทั้งโซเซียล หากใครสนใจร่วมบริจาคสมทบทุน สามารถเข้าไปบริจาคโดยตรงได้ที่เว็บไซต์มูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/6DRoiCGpetSNzvY52M2m.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="6DRoiCGpetSNzvY52M2m.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1732,1154"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71077" alt="การ์ทเนอร์จัดอันดับให้ Generative AI อยู่บนสุดของความคาดหวังที่จะโตขยายอีกมาก">การ์ทเนอร์จัดอันดับให้ Generative AI อยู่บนสุดของความคาดหวังที่จะโตขยายอีกมาก</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​​​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;&nbsp;​

KFC ผลิต “KFC BONE TIE” กระดูกไก่ KFC เดียวที่น้องเคี้ยวได้ เซอร์ไพรส์วันมะหมาโลก

<h2>สร้างกระแสบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในแคมเปญ “มื้อเที่ยงผู้พัน” กระตุกต่อมคนไทยกับมื้อเที่ยงเดิมๆ ด้วยทางเลือกที่อร่อย เร็ว แถมราคาสบายกระเป๋า ผ่านแคมเปญหนังโฆษณาสุดปั่นที่เจาะพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วไทย สร้างกระแสบนโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เที่ยงนี้กินอะไรดี?” คำถามยอดฮิตที่ทุกคนมักตั้งคำถามเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เรารอคอย แต่ด้วยเวลาที่บีบคั้น บางวันมีประชุมติดๆ กันจนมื้อเที่ยงกลายเป็นมื้อ 5 นาทีในตอนบ่าย กลายเป็นมื้อที่กินอะไรก็ได้ รสชาติยังไงก็ได้ สุดท้ายก็มักจบที่เมนูเดิมๆ วนไป เพราะง่าย เร็ว แต่เดิมๆ…แล้วจะดีกว่าไหม ถ้าเรามีทางเลือกที่ทั้งอร่อยและเร็ว ในราคาสบายกระเป๋าเหมาะกับเศรษฐกิจแบบนี้?”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้พันแซนเดอร์สจะไม่ทน! ขอประกาศเป็นผู้นำมื้อเที่ยงอิ่มสะดวก ส่ง KFC “มื้อเที่ยงผู้พัน” เปลี่ยนมื้อเที่ยงสุดจำเจของคนไทย เป็นมื้อเที่ยงสุดฟินตามสไตล์ KFC ที่ทั้งอร่อย สดใหม่ สะดวก คุ้มค่า ราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียงชุดละ 99 บาท เป็นตัวเลือกมื้อเที่ยงให้ได้เลือกฟินกันไม่มีเบื่อ โดย “มื้อเที่ยงผู้พัน” สุดฟินของ KFC ขนเมนูสุดโดนใจคนไทยมาให้เลือกเพียบ! ไม่ว่าจะเป็นเมนูไก่ทอดร้อนๆ เมนูข้าวแซ่บๆ ไปจนถึงเบอร์เกอร์แบบฉบับ KFC ที่จัดชุดเป็นมื้อเที่ยงแบบเน้นๆ ให้คนไทยได้เลือกกัน จากแนวคิดที่ต้องการเน้นให้ความสำคัญกับรสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทยแบบยืนหนึ่ง ปริมาณพอดีอิ่มที่มาพร้อมเครื่องดื่มรีฟีลสุดฟินให้ไปลุยงานกันต่อ และสุดท้ายคือมาในราคาที่จับต้องได้เพียง 99 บาทต่อชุดเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมถ่ายทอดไอเดียผ่านงานโฆษณาสุดปั่นผ่านไอเดียของหน่วยกอบกู้มื้อเที่ยงที่บุกเข้าไปกู้ภัยมื้อเที่ยงเดิมๆ ด้วยความอร่อยจาก KFC มื้อเที่ยงผู้พัน ที่สร้างมาจาก pain points ของผู้บริโภค เล่นกับ micro moment ของมื้อเที่ยงท่ามกลางการบีบคั้นของหน้าที่การงานและเวลาที่จำกัด ด้วยมุขตลกและอารมณ์ขันสนุกสนานในแบบฉบับตัวตึงวงการไก่ทอด โดยหนังโฆษณาดังกล่าวจาก KFC ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม การันตีได้จากตัวเลขความสำเร็จของยอดวิวของโฆษณาทางโทรทัศน์ และบนโลกออนโลน์ที่รวมแล้วสูงสุดกว่า 29 ล้านวิว และกว่า 306 ล้านอิมเพรสชั่น ส่งผลให้แคมเปญนี้ถูกพูดถึงจนเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์ร้านอาหารด่วนอันดับหนึ่งในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หลังจากที่แคมเปญ KFC มื้อเที่ยงผู้พัน ปล่อยออกไปก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศ เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งมั่นมอบสุดยอดบริการผ่านมื้ออาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ในราคาที่คุ้มค่าเพื่อคนไทยทุกคน” เศกชัย ชูหมื่นไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถ้ามื้อเที่ยงนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ไปตำ KFC ผู้พันแซนเดอร์สเค้าพร้อมเติมพลังไก่ทอดให้ทุกคนได้อิ่มอร่อย มีความสุข อยากไปทำงานต่อในช่วงบ่าย ส่วนใครอยากรู้ว่า KFC จะมีอะไรสนุกๆ มาแบ่งปันกับทุกคนอีก ก็อย่าพลาดกดติดตามอัปเดตต่างๆ ของพวกเรา ได้ที่ Instagram kfcthailand, Facebook KFC และ Twitter KFC Thailand &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71050" alt="CPANEL เผยทิศทางธุรกิจ Q3/66 โตต่อ ตุน Backlog 1,476.38 ล้านบาท">CPANEL เผยทิศทางธุรกิจ Q3/66 โตต่อ ตุน Backlog 1,476.38 ล้านบาท</a>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​&nbsp;​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

"ผู้พันแซนเดอร์" ประกาศกอบกู้มื้อเที่ยงของคนไทย สร้างกระแสบนโลกโซเชียลด้วยแคมเปญโฆษณาสุดปั่น

<h2>เพราะ 365 วันของคนเป็น "แม่" รับหน้าที่ทั้งทำงานบ้าน เลี้ยงลูก ดูแลครอบครัว จนเป็นภาพจำ ที่ว่าคนเป็น “แม่” ต้องดูแลงานบ้าน งานครัว งานของแม่ศรีเรือนต่างๆ รวมถึงดูแลทุกคนในครอบครัวให้กินอิ่ม นอนหลับ แบบที่ไม่เคยได้หยุดพักจากบทบาทหน้าที่นี้เลยสักวัน เหมือนที่เคยมีคนพูดไว้ว่า “อาชีพแม่ ไม่มีวันหยุด”</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วันแม่ปีนี้ KFC แบรนด์ไก่ทอด “ตัวพ่อ” ขอสร้างเทรนด์ใหม่ บอกรักแม่ ด้วยการให้แม่พัก พ่อทำแทนให้ ผ่านแคมเปญที่ใครเห็นก็ต้องร้องงุ้ยยย อย่าง “KFC Let Mom Rest เหนื่อยนัก พักก่อนแม่” ที่ผู้พันแซนเดอร์ส ขอประกาศตัวเป็นตัวแทนพ่อบ้าน ทำหน้าที่แทนตัวแม่ทั้งหลาย ทั้งงานบ้าน งานครัว งานแม่ศรีเรือนต่างๆ และชวนให้ทุกครอบครัวแบ่งเบาภาระทำหน้าที่แทนแม่ ตอบแทนทุกความเหนื่อยที่แม่ต้องเจอ ให้แม่ได้ใช้เวลาพักกินไก่ทอดแบบชิลๆ แถมยังมีกิมมิคสุดปั่น จุดกระแสวันแม่มิติใหม่นี้ ผ่านการคอลแลบกับ “แบรนด์ตัวแม่”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการนำ “ผู้พันแซนเดอร์ส” ตัวแทนพ่อบ้าน เข้าไปแทนเหล่าตัวแม่ในโลโก้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เปลี่ยนชื่อแบรนด์จากคำว่า “แม่” เป็นคำว่า “พ่อ” ไม่ว่าจะเป็น ซอสหอยนางรมตราพ่อครัว ข้าวตราพ่อศรีเรือน หรือ หน่อไม้ต้มในน้ำเกลือตราพ่อบ้าน และยังจัดทำเป็นของจริงสุดลิมิเต็ด KFC Let Mom Rest Gift Set จัดกิจกรรมแจกฟรีด้วย จนกลายเป็นกระแสไวรัลแคมเปญสุดปั่น ได้ใจบรรดาเหล่าตัวแม่แบบสุด <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/GF53EAyfKWniVwxwkQEY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="GF53EAyfKWniVwxwkQEY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1080,1080"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เศกชัย ชูหมื่นไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป แม่เองต้องรับบทบาททั้งนอกบ้านและในบ้านซึ่งแทบจะไม่ได้หยุดพัก ในโอกาสพิเศษนี้ KFC ให้ความสำคัญกับแม่ๆ ทุกคน เรามีความตั้งใจที่จะสร้างเทรนด์ใหม่ รักแม่ ก็ให้แม่พักบ้าง เพราะเราเชื่อว่างานดูแลลูกและครอบครัวไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนเป็นแม่เท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ร่วมกันของบรรดาพ่อๆ ด้วยเช่นกัน ทุกคนในครอบครัวคือทีมเดียวกัน” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วันแม่ปีนี้ ต้องไม่พลาดชวนคุณแม่ไปพัก พร้อมอิ่มอร่อยพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วคว้า KFC Let Mom Rest Gift Set มาเป็นเจ้าของกันได้ แค่สั่ง KFC All in One Bucket 299 บาท ที่ KFC สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ในวันแม่ 12 ส.ค. นี้ จำนวนจำกัดเพียง 200 ชุดเท่านั้น แต่ยังไม่หมดแค่นั้น! ผู้พันใจดีแจกกระเป๋า Love Mom ให้เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ แค่สั่ง KFC ชุดใดก็ได้ในราคา 300 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 12-14 ส.ค. 2566 เฉพาะ KFC สาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/DZ5RVXhwnCHzPgjJ8ufx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="DZ5RVXhwnCHzPgjJ8ufx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1080,1080"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้! ถึงจะเป็นวันแม่ ก็ไม่ใช่แค่บรรดาแม่ๆ ที่ควรได้พัก แต่ยังให้พนักงาน KFC ตัวแม่ได้พักและมีโมเม้นต์ฟินๆ กับ KFC มื้อพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ต้องทำงานในเทศกาลวันหยุดยาวนั่นเอง และทั้งหมดนี้ก็คือแคมเปญวันแม่สุดอบอุ่นของผู้พัน ที่สะท้อนความเชื่อของ KFC ที่ว่าการดูแลบ้าน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหน้าที่ของแม่คนเดียว แต่ทุกคนในครอบครัวสามารถช่วยกันแบ่งเบาให้คุณแม่ได้พักบ้าง เริ่มต้นกันที่วันแม่ปีนี้เลย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนใครเป็นแฟน KFC เรายังมีเรื่องสนุกๆ อีกหลายอย่างในปีนี้ อย่าพลาดกดติดตามอัปเดตต่างๆ ของพวกเรา ได้ที่ Instagram kfcthailand, Facebook KFC และ Twitter KFC Thailand <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/5AeTqu54iX1G941vpmUb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="5AeTqu54iX1G941vpmUb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1080,1080"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70924" alt="อินโดรามา เวนเจอร์ส เผยผลประกอบการรายไตรมาสปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางความท้าทาย">อินโดรามา เวนเจอร์ส เผยผลประกอบการรายไตรมาสปรับตัวดีขึ้น ท่ามกลางความท้าทาย</a>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</a>​​

KFC สร้างเทรนด์บอกรักแม่ กับ “KFC Let Mom Rest เหนื่อยนัก พักก่อนแม่”

<h2>ยัม เรสเทอรองตส์ ปรุงเมนูพิเศษด้วยเนื้อไก่จากพืชแบรนด์ “Meat Zero” สูตรเฉพาะเคเอฟซี เอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ ประเดิมเสิร์ฟ Meat Zero ในร้าน KFC Green Store มั่นใจตอบโจทย์ความต้องการและความอร่อยได้เหมือนเนื้อไก่ นวัตกรรมจาก ซีพีเอฟ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50209" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/เนื้อจากพืช_003.jpg" alt="" width="576" height="384" />

แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซีประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับเนื้อจากพืชกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เมนูอาหารจากแพลนต์เบส (Plant Based) จึงเป็นอีกความท้าทายหนึ่งของ KFC ในการนำเสนอเมนูเนื้อไก่จากพืชที่เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยเป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง ซึ่งพบว่า Meat Zero เป็นแบรนด์แพลนต์เบสของไทยที่มีความโดดเด่น เหมือนเนื้อไก่จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส เมื่อนำมาปรุงเป็นเมนูแบบไทยในสไตล์ของเคเอฟซี จึงมั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับอรรถรสความอร่อยเหมือนทุกครั้งที่สัมผัสรสชาติของ KFC

“การเลือก Meat Zero มาปรุงเป็นเมนู ไก่ป๊อปแพลนต์เบสและข้าวยำไก่ป๊อปแพลนต์เบส มีความอร่อยลงตัวและกลมกลืนมาก เชื่อว่าผู้บริโภคจะแทบไม่รู้เลยว่ากำลังรับประทานเนื้อไก่ที่ทำมาจากพืช วันไหนที่ต้องการเว้นเนื้อสัตว์เราสามารถตอบโจทย์นี้ของลูกค้าได้ทันที ภายใต้ความอร่อยที่ทุกคนคุ้นเคย เมนูพิเศษนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งภายใต้แนวคิดรักษ์โลกของ KFC โดยจะประเดิมวางจำหน่ายที่ร้านสาขา KFC Green Store” แววคนีย์ กล่าว

ด้าน ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า Meat Zero เป็นนวัตกรรมจากพืชที่อร่อยอย่างเนื้อ และได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้บริโภค ครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของ Meat Zero ที่ได้รับเลือกจาก KFC เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอันดับ 1 ของไทย ให้เป็นเมนู แพลนต์เบสจานแรกของ KFC และร่วมเติมเต็มรสชาติความอร่อย ที่รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมของร้าน KFC Go Green สอดคล้องกับความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมของซีพีเอฟ และเป็นเมนูที่ดีต่อใจของผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ทั้งกลุ่มวีแกน และกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian)

และจำหน่ายที่ร้าน KFC Green Store 2 สาขา คือ สาขาอาคารแสงโสม และสาขาวนชัย ดีโป้ ฉะเชิงเทรา โดยมีเซตเมนูให้เลือกถึง 6 เซต อาทิ แพลนต์เบสป๊อป 7 ชิ้น ข้าวแพลนต์เบสแซ่บโบว์ล ทั้งนี้เมนูอาหารจากแพลนต์เบส เป็นส่วนหนึ่งของโรดแม้ปด้านความยั่งยืนของ KFC ที่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ Planet การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ อาทิ การเลือกวัสดุก่อสร้างร้านสาขา ลดใช้พลังงานและการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง – Food สร้างสรรค์เมนูอาหารที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ – People การเพิ่มศักยภาพของผู้คนในการเข้าถึงอาหารและลดความเหลื่อมล้ำ

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/fuze-post-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-3-%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b9%8c.html">“FUZE POST” การผนึกกำลังของ 3 ยักษ์ใหญ่ขนส่งโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KFC ร่วมกับ ซีพีเอฟ เสิร์ฟเมนูไก่ทอดจากพืช “Meat Zero” ในประเทศไทย

<h2>Dine with the Boss ครั้งนี้เราไม่ได้นัดกันในร้านอาหารเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากแขกคราวนี้ คือ Hester Chew ประธาน คณะกรรมการและซีอีโอ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารแฟรนไชส์ McDonald’s ในประเทศไทย</h2>
เราจึงตกลงใช้ห้องรับรองของแมคไทยบนชั้น 5 อาคารบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งมีทั้งมุมโซฟาและเคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่มนานาชนิดแล้วสั่ง Signature Collection ชุดเนื้อแองกัสที่เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ และน้ำอัดลมเพื่อให้ได้บรรยากาศของ Quick Service Restaurant (QSR)

Hester จะครบรอบ 30 ปีที่เขาเดินทางเพื่อมาทำงานในประเทศไทยในเดือนตุลาคมนี้ เมื่อเขาได้รับมอบหมายจากสำนักงานภูมิภาคของ Tricon Global Restaurants (ปัจจุบันคือ Yum! Brands, Inc) ที่สิงคโปร์ในขณะนั้นให้เข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tricon กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่เพิ่งได้รับสิทธิ์ในการบริหารแฟรนไชส์ KFC ในประเทศไทย

“ตอนนั้นทั้ง KFC McDonald’s มีประมาณ 4 สาขาเท่านั้น ผมมาเริ่ม JV ใหม่กับซีพี มีประเสริฐ พุ่งกุมาร สมัยก่อนก็เจอคุณมิน คุณพงษ์ คุณอดิเรก ดร.อาชว์ (ปัจจุบัน) ผมก็ยังทานข้าวกับคุณอดิเรกอยู่ปีที่แล้วก็กินข้าวกับคุณประเสริฐ นานๆ ที ก็คุยกับ ดร.หลิน กินข้าวคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไม่มีอะไร”

จาก 4-5 สาขา KFC ภายใต้การนำของ Hester ได้เติบโตขึ้นมาเป็นเครือข่าย QSR ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวน 300 สาขาภายในเวลา 13 ปี โดยมีหตุการณ์พิสูจน์ฝีมือเขาที่สุดอาจเป็นช่วงปี 2543-2544 ที่ Bill Heinecke ยื่นฟ้อง Tricon ที่ศาลใน New York แล้วปลดป้ายร้าน Pizza Hut ทั้ง 116 สาขาในไทยเปลี่ยนเป็น The Pizza Company

ซึ่งหลังจากนั้น เขาได้เริ่มสร้างเครือข่าย Pizza Hut ในไทยใหม่จากศูนย์ Hester ใช้เวลา 2 ปีเปิดสาขา Pizza Hut ได้ประมาณ 100 สาขา ในช่วงที่อยู่ Tricon เขายังเป็นผู้นำเอา Taco Bell เข้ามาเปิดในสิงคโปร์ และเปิดสาขาแรกของ KFC ในเวียดนามอีกด้วย

หลังจากทำงานที่ KFC ประมาณ 20 ปี ราวปี 2545 Hester ลาออกไปร่วมงานกับ Délifrance แฟรนไชส์ร้านเบเกอรี่จากฝรั่งเศส ในฐานะผู้บริหารเบอร์ 1 ที่ดูแลตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหลังจากนั้นได้ตั้งบริษัทที่ปรึกษาที่เน้นลูกค้าในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) รวมทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ในเอเชีย จนกระทั่งได้รับเชิญจาก วิชา พูลวรลักษณ์ ให้มาร่วมทุนซื้อแฟรนไชส์ McDonald’s จากบริษัทแม่ในปี 2549

“มกราคม ปี 2006 FA (financial advisor ของ McDonald’s) เขาอยากขาย FA ไปหาหลายบริษัทอยู่ สุดท้ายก็เป็นวิชากับผม วิชาเป็นหุ้นใหญ่ ผมกับวิชารู้จักกันใกล้ 30 ปีแล้วเพราะผมเปิดสาขาที่ 3 KFC อยู่ห้างเวลโก้ปิ่นเกล้า ของพ่อเขา แล้ววิชามีออฟฟิศเป็นเจ้าของที่ พี่ชายเขาเป็นเอ็มดี วิชาเป็นมาร์เก็ตติ้งไดเร็กเตอร์ ผมก็สนิทคุยกับเขาเป็นเพื่อนกันอยู่”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/977d58c0ba04dc994afd8de0150469f2.png" alt="" />
<h2>ลงทุนเพื่ออนาคต</h2>
Hester บอกว่า 11 ปีที่ผ่านมาแมคไทยไม่เคยขาดทุนเลย โดยสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรก อย่างไรก็ตามกำไรในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาลดลงไปพอสมควรเนื่องจากบริษัทโหมลงทุนเพื่อขยายสาขา standalone และ drive-thru ซึ่งใช้เงินลงทุนสูง แต่เขามองว่าน่าจะช่วยสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าในระยะยาว นอกจากนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ McDonald’s ไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นมา 2 ปีแล้ว

“การลงทุนในสาขา free-standing สูงกว่า สัญญาเช่าเฉลี่ย 20-25 ปี ยาวกว่าศูนย์การค้าที่เฉลี่ย 12 ปี ผมคิดระยะยาวเพราะในอนาคต 5 ปีพื้นที่ดีๆ ในระยองชะอำ อาจจะไม่มีอีกแล้ว บางทีอีก 3 ปีอาจจะดีกว่า แต่ถ้ารอ 3 ปีอาจไม่มีโอกาส”

ปัจจุบัน McDonald’s มีสาขาทั้งสิ้น 252 แห่งในประเทศไทย (ในจำนวนนี้ 82 สาขา หรือประมาณ 1 ใน 3 เป็น standalone/drive-thru) เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 96 สาขาเมื่อ 12 ปีที่แล้วที่วิชาและ Hester เทกโอเวอร์กิจการมาจากบริษัทแม่เจ้าของแฟรนไชส์ในสหรัฐอเมริกา Hester มอง McDonald’s ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในไทย โดยดูจากจำนวนลูกค้าซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 9-10 ล้านคนต่อเดือน และจำนวน visit ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.3 ครั้งต่อเดือน
<h2><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b62761e2f5cc2331fad62bb6e66221a4.png" alt="" />
มองธุรกิจใหม่ “Asian Foods”</h2>
Hester กล่าวว่าเรื่องธุรกิจใหม่นั้นยังเป็นสิ่งที่แมคไทยมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากการใช้ competencies ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน การฝึกอบรมและกระบวนการจัดการต่างๆ อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจใหม่ๆ นั้น จะต้องมีการพูดคุยกับบริษัทแม่เจ้าของแฟรนไชส์ McDonald’s ให้เรียบร้อยก่อนด้วยเช่นกัน

“ผมก็เคยคุยกับเขา เขาบอกยูต้องเมคชัวร์ไม่ compete ผมบอกผมทำอะไรก็ไม่อยาก compete แต่ถ้าเป็นอาหารก็ต้องแข่งแล้วใช่ไหม ผมจึงอยากจะเคลียร์ทุกอย่างก่อนแต่ก็จะเป็นโปรดักส์ใหม่ คอนเซปท์ใหม่แน่นอน ก็คิดอยู่ สาขาก็อาจจะเล็กกว่า ลงทุนน้อยกว่าแมคเยอะ โปรดักส์ก็เสิร์ฟได้ 2-3 มื้ออาหารเช้า อาหารเย็น snack ต้องกินอิ่มไม่ได้กินเล่นอย่างเดียวใช่ไหม”
<h2>Key success</h2>
เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ Hester ตอบว่าคือการทำงานหนักแต่ขณะเดียวกันการทำงานหนักไม่จำเป็นต้องซีเรียส และจะต้องโฟกัสในสิ่งที่ถูกต้อง

“ผมคิดว่าเราทำงานหนัก แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตัวเองซีเรียส คุณสามารถสนุกสนานอย่างผมก็อาจจะแต่งตัวในชุดตลกๆ ในบางครั้ง เพราะถ้าเราทำตัวซีเรียส องค์กรก็จะมีความซีเรียสตามไปด้วย ผมคิดว่าองค์กรต้องสบายๆ หน่อย แต่ต้องโฟกัสอยู่ในงาน และในสิ่งที่ควรต้องใส่ใจ”

&nbsp;

ภาพประกอบ: มังกร สรพล

<hr />

<a href="http://bit.ly/2HaFurN">คลิกอ่านฉบับเต็ม "Hester Chew กับโอกาสใหม่ใน Asian Foods'" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ เมษายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/2HaFurN"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/97891240d6b165e726b23c91d5985a6d.png" alt="" /></a>

Hester Chew กับโอกาสใหม่ใน 'Asian Foods'

<h2>ตลาดไก่ทอดในประเทศไทยโดยเฉพาะร้านอาหารเชนแบบเสิร์ฟด่วนนั้น ได้รับการคาดการณ์ว่ามีมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท และยังคงมีอนาคตที่สดใสต่อเนื่อง การเติบโตอันหอมหวลของตลาดดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายแห่งกระโดดลงมาแย่งชิงเค้กชิ้นใหญ่นี้ ไม่ว่าจะเป็น บมจ.ปตท. ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่ซื้อแฟรนไชส์ไก่ทอดแบรนด์ “Texas Chicken” สัญชาติอเมริกันและเปิดตัวในปีที่ผ่านมา หรือบริษัท แมคไทยจำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ที่มีชื่อเสียงด้านเมนูเบอร์เกอร์ ก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มเมนูไก่ทอดอย่างจริงจังเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า</h2>
ทว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะร้านไก่ทอดยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างแบรนด์เคเอฟซี (KFC) จากเมืองลุงแซม ภายใต้การบริหารของ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้วางรากลึกลงในตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยครองสัดส่วนทางการตลาดราว 65% ดังนั้น ทั้งผู้มาใหม่และผู้ที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว คงต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยที่จะแย่งชิงลูกค้าให้เข้าร้านตนเอง

แม้จะเป็นผู้นำตลาดแต่ แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์เคเอฟซีในประเทศไทย ไม่เคยหลงระเริงกับสถานภาพที่เป็นอยู่ ในทางตรงกันข้ามเธอยังทำงานหนักเพราะตระหนักดีว่า การแข่งขันในตลาดไก่ทอดนี้ดุดันขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เคเอฟซีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองในทุกๆ ด้านเพื่อรักษาฐานลูกค้าให้ยั่งยืน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c5370050fcaba3958d3bb45d51da509a.png" alt="" />

พวกเรา Forbes Thailand นัดพบแววคนีย์ ที่ Pacific Club ชั้น 28 ย่านสุขุมวิท เธอเลือกที่นี่เนื่องจากมีหมายประชุมในตึกเดียวกันนี้ในช่วงบ่าย พวกเราเลือกรับประทานติ่มซำเป็นอาหารเที่ยงในวันนั้น แต่ทีมงานเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่งไก่ทอดเคเอฟซีถังใหญ่จากสาขาใกล้เคียงพร้อมกับข้าวไก่เขียวหวานโบว์ลมาให้พวกเราชิมเพื่อเพิ่มอรรถรสในการสนทนาแววคนีย์บอกเราว่า ทุกวันนี้ตลาดแข่งขันกันสูง ทำให้เคเอฟซีไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะเมนูอาหารที่จะเปิดใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นนักชิมให้มาลิ้มลอง

“เรามีคู่แข่งมากขึ้น ซึ่งก็กังวลนะ แต่เราต้องมีแผน โจทย์แรกคือทำอย่างไรให้เป็น‘quality เคเอฟซี’ และทำอย่างไรให้ core product ของเราเจ๋งที่สุด” เธอกล่าวประสบการณ์สร้างคนแววคนีย์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการตลาดจาก Yokohama National University ประเทศญี่ปุ่นและระดับปริญญาโทด้าน International Marketing จาก California State University ซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ เธอผ่านงานจากบริษัทชั้นนำของโลกที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรวมไปด้วยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) ที่เธอใช้เวลาถึง 7 ปี ดูผลิตภัณฑ์ยาสระผม นอกจากนี้เธอยังร่วมงานกับจอห์นสัน แอนด์ จอนห์สัน และคาโอจากญี่ปุ่น รวมแล้วสะสมประสบการณ์ทั้งหมดนับ 10 ปี

เธอร่วมงานกับเคเอฟซีเมื่อ 14 ปีที่แล้วเนื่องจากรู้สึกอิ่มตัวจากการทำงานกับบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งกำลังเปลี่ยนนโยบายการผลิตเป็นการสร้างฐานการผลิตในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งทำให้แววคนีย์ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพียงลำพังอยู่เนืองๆ จนเธอเปรียบเปรยว่า เธอมีชีวิตราวกับ “นกนางแอ่น” ที่บินไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่เธอไม่ประทับใจนักและหลังจากที่มีคนรู้จักแนะนำงานที่บริษัทยัม เธอจึงให้ความสนใจ และด้วยประสบการณ์ที่เปี่ยมล้น แววคนีย์จึงผ่านการคัดเลือกจากบริษัทให้เข้ามาดูแลแบรนด์เคเอฟซีในตำแหน่งรองผู้อำนวยทางการตลาด

ช่วงนั้น เคเอฟซีขึ้นแท่นเป็นผู้นำทางการตลาดร้านอาหารเชนไก่ทอดแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอพบว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เคเอฟซีต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้แบรนด์มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำวิจัยตลาดเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค พร้อมกับหาข้อมูลทางการตลาดจากเอเยนซี่ต่างๆ เข้ามาช่วยเสริม

“เราทำวิจัยเพื่อจะได้รู้ consumer insight เราจะได้รู้จักลูกค้าและเข้าใจเขา เพื่อการสร้างแบรนด์ และมันจะช่วยด้านการวางแผนพร้อมกับคาดการณ์ความสำเร็จได้” แววคนีย์กล่าวพร้อมย้ำว่า เธอสนุกกับงาน โดยเฉพาะการที่ต้องคิดเร็วทำเร็วเนื่องจากที่มีการแข่งขันสูง ผลงานที่เธอทำได้ส่งให้เธอขึ้นสู่ตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทั่วไปของเคเอฟซี ประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556
<h2>สูตรสำเร็จเคเอฟซี</h2>
แววคนีย์ กล่าวถึงความสำเร็จ ทุกวันนี้ที่ทกให้เคเอฟซีเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในไทยเกิดจาก 3 ส่วนคือ เมนูอาหาร ราคาเหมาะสม และประสบการณ์ที่ดีของผู้บริโภคต่อร้านอย่างเมนูอาหาร บริษัทจะมีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นความอยากกินของลูกค้า เช่นไก่ทอดที่เป็นสินค้าหลักของเคเอฟซี ได้มีการดัดแปลงไปเป็นเมนูอื่นๆ อาทิ เบอร์เกอร์ไก่ สแนค ข้าวยำไก่แซ่บ ด้วยเหตุที่ว่า ถ้าไม่มีการคิดค้นเมนูใหม่อย่างสม่ำเสมอจะทำให้ร้านไม่มีแรงดึงดูดเราไปถึงประสบการณ์ในร้าน ซึ่งเป็นหนึ่งใน “หัวใจ”ของการขับเคลื่อนธุรกิจในโลกยุคนี้ รวมไปถึงจำนวนสาขาที่ปัจจุบันเคเอฟซีมีร้านทั้งสิ้น 570 ร้านทั่วประเทศ ทั้งลงทุนเองและผ่านระบบแฟรนไชส์

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/617b46667259a60644717418fb1cbbbd.png" alt="" />

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/df361a1e3f22faa9cb95760f0bf981e7.png" alt="" />

โดยเธอหวังว่าจะเพิ่มจำนวนร้านเป็น 800 ร้านภายในปี 2563 แต่จะเน้นร้านระบบแฟรนไชส์เพื่อให้บริษัทมีเวลาทุ่มเทกับการวางยุทธศาสตร์ธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นการลดภาระทางการเงินของบริษัทอีกด้วย ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาบริษัทประกาศเลือก บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด เข้าเป็นพันธมิตรรายใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ หลังจากที่มีพันธมิตรธุรกิจเพียงแห่งเดียวมากว่า 30 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด โดยพันธมิตรใหม่นี้จะเข้าร่วมบริหารและปรับโฉมร้านเคเอฟซี 130 สาขาที่มีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมถึงภาคใต้ พร้อมทั้งจะร่วมลงทุนเปิดร้านใหม่อีก 100 ร้านในอนาคต

ทุกวันนี้ แววคนีย์ดูแลคนนับหมื่น ซึ่งคนอื่นอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่เธอกลับมองว่าเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย เพราะการบริหารคนได้ถูกวิธีนั้นจะสามารถดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาได้อย่างชัดเจนและประโยชน์ก็จะตกอยู่กับบริษัทในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า

“2-3 ปีข้างหน้า คิดว่าเคเอฟซีจะเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งต่อไป เน้นการขยายสาขาแบบเชิงรุกต่อไป จะมีการพัฒนาต่อไปสำหรับเรื่องของพาร์ทเนอร์แฟรนไชส์เพิ่มเข้ามา ทำอย่างไรให้ตัวแบรนด์ทำงานเป็นระบบและถ่ายทอดความใหม่ทั้งหลาย หรือสิ่งที่ลูกค้า happy ไปสู่พาร์ทเนอร์แฟรนไชส์เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีขึ้น เป็นการตอบโจทย์ลูกค้า” เธอกล่าวทิ้งท้าย

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2a13778db5157c8827e026011a03b08f.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/sfeKXF">คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล สยายปีกร้านเคเอฟซี รักษาแชมป์ไก่ทอด" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล สยายปีกร้านเคเอฟซี รักษาแชมป์ไก่ทอด

เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา 
 
mascot ทั้ง 3 ของเชนฟาสต์ฟู้ดดังกำลังจะกลับมาเติมเต็มความอร่อยอีกครั้ง โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้ง McDonald&rsquo;s Burger King และ KFC ต่างก็นำตัวการ์ตูนที่เป็นสัญลักษณ์ของร้าน ที่ถูกจัดเข้าคลาสเป็นของขึ้นหิ้งไปแล้วกลับมาปัดฝุ่นให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในยุคโซเชียลมีเดียนี้ ทั้ง Hamburglar, The King และ ผู้พัน Sanders 
 
ธุรกิจร้านอาหารจานด่วนเป็นธุรกิจขนาดยักษ์ ในปี 2014 เด็กอายุ 12 -17 ปีมีโอกาสเห็นภาพโฆษณาเฉลี่ยประมาณ 1,620 ชิ้น ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเห็นโฆษณาร้านอาหารจานด่วนมากกว่าวันละ 4 ชิ้น เจ้าตลาดทั้งสามรายต่างก็โหมใช้การโฆษณาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถปั๊มรายได้ไปได้มากถึง 4.27 หมื่นล้านเหรียญในปีที่แล้ว 
 
 
 
The King 
รายได้ของ Burger King ในปี 2014: 1.06 พันล้านเหรียญ 
 
เปิดตัวครั้งแรก: ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ด้วยตัวการ์ตูนที่มีรูปลักษณ์คล้ายๆ George Washington แต่สวมมงกุฎและใส่กางเกงขี่ม้าสไตล์เชื้อพระวงศ์สีน้ำเงินนั่งอยู่บน Whopper และถือแก้วโซดาที่ใหญ่พอที่จะทำให้คนทั้งราชสำนักกลายเป็นเบาหวานกันได้เลยทีเดียว 
 
อดีต: ในยุคปลายทศวรรษที่ 1960 Burger King ได้สร้างการ์ตูนตัวใหม่ออกมาอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเชื้อพระวงศ์อยู่แต่ใช้ชื่อที่ผวนเป็น Kurger Bing โดยการ์ตูนตัวนี้ดูเหมือนจะอายุราวๆ 5 ขวบ (คาดว่าน่าจะเป็นรัชทายาท) และต่อมาในต้นทศวรรษที่ 2000 ก็มีการใช้คนแต่งชุดเหมือนกับพระราชา แต่สวมหัวพลาสติกที่ดูน่าขนลุกและมีรอยยิ้มที่แข็งทื่อออกมาปรากฏตัวทางโฆษณาโทรทัศน์ 
 
ปัจจุบัน: พระราชาน่าสยองกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ถูกเนรเทศไปก่อนหน้านี้ โดยมีรายงานข่าวว่า Burger King ใช้เงินไปถึง 1 ล้านเหรียญเพื่อให้พระราชาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้ติดตามของ Floyd Mayweather ในแมตช์ที่ขึ้นชกกับ Manny Pacquiao และอีก 200,000 เหรียญเพื่อนั่งติดกับผู้ฝึกม้าดังอย่าง American Pharoah ในการแข่งขันที่ Belmont นอกจากนี้พระราชาก็กำลังกลับมาอยู่บนสื่อโฆษณาต่างๆ ด้วยเช่นกัน 
&nbsp; 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/FO062915_220.png" /> 
THE HAMBURGLAR 
 
รายได้ของ McDonald&rsquo;s ในปี 2014: 2.74 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ 
 
เปิดตัวครั้งแรก: ในราวปี 1975 ในรูปของตัวการ์ตูนหัวขโมยที่ดูคล้ายๆ ตัวประหลาดที่ใส่ชุดลายขวางเหมือนนักโทษ และใส่เสื้อยืดตัวโคร่ง จะว่าไปแล้วทศวรรษที่ 1970 ถือเป็นช่วงเวลาที่แปลกมากทีเดียว 
 
อดีต: ในปี 1985 McDonald&rsquo;s ได้ปรับภาพของ Hamburglar ให้ดูเป็นการ์ตูนที่มีบุคลิกซุกซนมากกว่าที่จะดูมีพิษสง แต่มันก็ถูกเก็บเข้ากรุไปหลังจากทำหน้าที่ได้สองทศวรรษ 
 
ปัจจุบัน: เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม McDonald&rsquo;s ได้เปิดตัว Hamburglar เวอร์ชั่นใหม่อีกครั้ง โดยในรอบนี้เปลี่ยนมาเป็นคนจริงที่ดูออกจะมอมแมมซึ่งรับบทนำบนสื่อโฆษณาเพื่อโปรโมตเบอร์เกอร์เนื้อเซอร์ลอยน์ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ แต่รอบนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือเขาผอมลงอย่างเห็นได้ชัด 
 
 
ผู้พัน SANDERS 
 
รายได้ของ KFC ในปี 2014 : 1.42 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ 
 
การเปิดตัว: Harland Sanders ตัวจริงเป็นผู้ก่อตั้ง Kentucky Fried Chicken ขึ้นในปี 1930 และใช้หน้าของเขาเป็นจุดขายบนกล่องไก่ทอด KFC กล่องแรกในปี 1957 
 
อดีต: ผู้พัน (ตำแหน่งเกียรติยศที่ผู้ว่าการรัฐ Kentucky มอบให้กับ Sanders) เสียชีวิตในปี 1980 ด้วยวัย 89 ปี และศพเขาถูกฝังไปในชุดสูทสีขาวประจำตัว ต่อมาในปลายปี 1990 KFC จึงออกโฆษณามาใหม่เป็นตัวการ์ตูนเลียนแบบบุคลิกของผู้พัน Sanders ด้วยท่าทางร่าเริง และพากย์เสียงโดยนักแสดงนาม Randy Quaid 
 
ปัจจุบัน: ในเดือนพฤษภาคม Darrell Hammond (ซึ่งโด่งดังมาจากการทำท่าเลียนแบบ Bill Clinton ในรายการ Saturday Night Live) มาสวมบทผู้พัน Sanders ในโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ด้วยการส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับส่งเสียงคำรามว่า &ldquo;ฉันกลับมาแล้ว อเมริกา&rdquo; ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Dh2rHsxYh6U" width="560"></iframe>
<hr />
<a href="http://goo.gl/xs62JE">คลิ๊กอ่านบทความเพื่อเติมไฟทางธุรกิจจาก Forbes Thailand ในรูปแบบ E-Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events