<h2>อบาคัส ดิจิทัล (ABACUS digital) ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในทำเนียบ Forbes Asia 100 to Watch ปี 2023 สะท้อนถึงความโดดเด่นในการนำเทคโนโลยี AI/ML ที่พัฒนาขึ้นเองมาช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย สร้างโอกาสที่ดีขึ้นให้แก่ทุกคน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล (ABACUS digital) เปิดเผยว่าบริษัทรู้สึกภูมิใจที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในทำเนียบ Forbes Asia 100 to Watch ในปีนี้ การได้รับเกียรติครั้งนี้เป็นกำลังใจให้กับทีมงานที่มุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชัน MoneyThunder เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสร้างโอกาสทางการเงินให้กับกลุ่มคนที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนเครดิตน้อยที่ต้องใช้เงินกู้นอกระบบ จนสามารถปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กให้กับลูกค้าที่ต้องการเริ่มสร้างเครดิตด้วยวงเงิน 800 บาท ไปจนถึงวงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครสินเชื่อกับ MoneyThunder สูงถึง 200,000 รายต่อเดือน ยอดปล่อยสินเชื่อเติบโต 3-4 เท่าต่อปี โดยมี NPL ต่ำกว่าตลาดถึง 3 เท่า พร้อมกันนี้บริษัทได้วางแผนในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2568 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การจัดอันดับ Forbes Asia 100 to Watch จัดขึ้นโดยนิตยสาร Forbes เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ มีการคัดเลือกสตาร์ทอัพจากผู้สมัครกว่า 550 ราย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 13 ประเทศ ที่มีความโดนเด่นในเรื่องเทคโนโลยีที่สร้างเอง การเติบโตของรายได้ ความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และการสร้าง impact ให้เกิดขึ้นจริง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71142" alt="อนันดาฯ โชว์ความสำเร็จ โครงการ “อาร์เทล อโศก – พระราม 9” กวาดยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท">อนันดาฯ โชว์ความสำเร็จ โครงการ “อาร์เทล อโศก – พระราม 9” กวาดยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท</a>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

อบาคัส ดิจิทัล ติดอันดับ 100 สตาร์ทอัพน่าจับตามองแห่งปีจาก Forbes Asia

100 To Watch บริษัทขนาดเล็กและสตาร์ทอัพมาแรงแห่งเอเชีย 2023

<h2>หลังเปิดรับเสนอชื่อเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ถึงคราวประกาศรายชื่อ Forbes Asia 100 to Watch ประจำปี 2023 ซึ่งเป็นทำเนียบที่ให้แสงแก่บรรดาบริษัทขนาดเล็กและสตาร์ทอัพมาแรงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทที่มีสิทธิท้าชิงพื้นที่บนทำเนียบต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ได้แก่ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เงินทุนรวมไม่เกิน 100 ล้านเหรียญ เป็นบริษัทเอกชนที่แสวงหาผลกำไร และยังไม่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในทำเนียบ Forbes Asia 100 to Watch 2023 ก็มีบริษัทไทยปรากฏชื่อบนทำเนียบทั้งหมด 3 ราย ดังนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/5jLqRoTfXENBmnoCymGQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5jLqRoTfXENBmnoCymGQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1000,533" style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Abacus Digital​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเภทธุรกิจ : การเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีที่ก่อตั้ง : 2017&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอ : ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนับสนุนหลัก : CAI Partners, Openspace Ventures, SCBX และ Vertex Ventures&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทที่แยกออกมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ หนึ่งในผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่ของประเทศไทย Abacus Digital พัฒนาแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยให้การกู้เงินเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น (ไวเพียง 10 นาที) แก้ปัญหาลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินกับธนาคารไม่สะดวกเท่าที่ควร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Abacus Digital เผยว่าแอปของพวกเขา เงินทันเด้อ (MoneyThunder) ได้จัดหาเงินกู้ 250 ล้านเหรียญแก่ลูกค้ากว่า 3 ล้านราย โดยทางบริษัทยังตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2025 &nbsp; &nbsp;&nbsp;<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/ceyD66futQ95xz3TT3nA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ceyD66futQ95xz3TT3nA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1000,533" style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;GoWabi ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเภทธุรกิจ: เทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีที่ก่อตั้ง: 2016&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอ: Samir Cherro&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนับสนุนหลัก: Modulus Ventures และ Orzon Ventures&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;GoWabi ดำเนินการแอปด้านสุขภาพและความงามครบวงจรซึ่งอำนวยให้ผู้ใช้สามารถจองและจ่ายเพื่อสปา ทำเล็บ และบริการประเภทเดียวกันในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนสิงหาคมปี 2022 ทาง GoWabi ได้รับเงินลงทุน 4 ล้านเหรียญจาก Modulus Ventures ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตน้ำมันก๊าซแห่งประเทศไทย&nbsp; &nbsp;&nbsp;<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/HR43HYfLeTetiYXnSJVx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HR43HYfLeTetiYXnSJVx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1000,533" style="width: 100%;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;HD​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเภทธุรกิจ: เทคโนโลยีชีวภาพและสุขภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีที่ก่อตั้ง: 2019&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอ: Sheji Ho&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนับสนุนหลัก: Crusade Partners, Gobi Partners, Google for Startups, M Venture&nbsp;Partners, Orvel และ Partech Partners&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;HD ได้รับเลือกให้เข้าร่วม Google for Startups Accelerator,s 2022 ซึ่งเป็นโปรแกรมสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพจาก Google โดย HD ตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นเสมือน Amazon ด้านบริการเกี่ยวกับสุขภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;HD ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทยดูแลพื้นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนบริการด้านสุขภาพต่างๆ ตลอดจนการเงิน ทางบริษัทเผยว่าได้ช่วยให้ลูกค้ากว่า 250,000 คนพบกับผู้บริการกว่า 1,500 รายแล้ว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แปลและเรียบเรียงจาก Forbes Asia 100 To Watch 2023 ซึ่งเผยแพร่บน Forbes &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/smd-%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95-257-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87" alt="SMD โชว์ผลงานหลังทรานฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ เติบโต 257% เล็งต่อยอดธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง">SMD โชว์ผลงานหลังทรานฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ เติบโต 257% เล็งต่อยอดธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;​

3 บริษัทไทยน่าจับตามอง บนทำเนียบ Forbes Asia 100 to Watch

Forbes 30 Under 30 Asia 2023 (ตอนที่ 2)

11 บริษัทมหาชนไทยยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย Forbes Asia’s Best Under A Billion 2023

จับตาสตาร์ทอัพจิ๋วแต่แจ๋วในเอเชียแปซิฟิก จากทำเนียบ ‘100 to Watch’ ตอนที่ 3

จับตาสตาร์ทอัพจิ๋วแต่แจ๋วในเอเชียแปซิฟิก จากทำเนียบ ‘100 to Watch’ ตอนที่ 2

จับตาสตาร์ทอัพจิ๋วแต่แจ๋วในเอเชียแปซิฟิก จากทำเนียบ ‘100 to Watch’ ตอนที่ 1

<h2>Forbes Asia นำเสนอสุดยอดบริษัท 200 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มียอดขายต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ประจำปี 2021 แต่น่าจับตามองในแง่ของการเติบโตของยอดขาย กำไร และอัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้รับมือได้ดีเพียงใดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก</h2>
สำหรับในปีนี้ ธุรกิจที่ให้บริการดูแลสุขภาพมีความโดดเด่นไม่แพ้บริษัทด้านเทคโนโลยีและโลจิสติกส์ ซึ่งต่างได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเครือข่ายอี-คอมเมิร์ซทั่วโลก

พบกับ 8 สุดยอดบริษัทจากทำเนียบ "Forbes Asia's Best Under a Billion" ที่เป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาด (รายชื่อเรียงตามลำดับอักษร)

<img class="alignnone wp-image-50718 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/kilpest-300x150.png" alt="" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/kilpest-india/?list=asia200&amp;sh=30c48d1ba392">Kilpest India</a>

ประเภทธุรกิจ: เคมีภัณฑ์

ประเทศ: อินเดีย

มูลค่าตลาด: 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แม้ว่าในปีที่แล้วธุรกิจเคมีเกษตรของบริษัทจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว (Rapid Antigen Test) ของบริษัทลูก ได้มีส่วนข่วยให้ยอดขายของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านการเกษตรในอินเดียแห่งนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12  ทั้งยังเป็นชุดตรวจจากบริษัทอินเดียแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา

<img class="alignnone wp-image-50697 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/Mega-Lifesciences-Logo-Design-Featured-300x200.jpg" alt="" width="300" height="200" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/mega-lifesciences/?list=asia200&amp;sh=947aa8f5a577">Mega Lifesciences</a>

ประเภทธุรกิจ: ยา

ประเทศ: ไทย

มูลค่าตลาด: 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 402 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายรับของบริษัทยาในไทยแห่งนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เป็น 402 ล้านเหรียญในปี 2020 โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และวิตามินที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวิกฤตโรคระบาด นอกจากนี้ในปีที่แล้ว บริษัทยังได้เข้าซื้อกิจการ Futamed Pharmaceuticals ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Mega Lifesciences Indonesia 

<img class="alignnone wp-image-50699 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/optim-300x150.png" alt="Best Under a Billion" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/optim/?list=asia200&amp;sh=7a097f8b4bac">Optim</a>

ประเภทธุรกิจ: ซอฟต์แวร์

ประเทศ: ญี่ปุ่น

มูลค่าตลาด: 945 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

การทำงานจากที่บ้านในช่วงโควิด-19 ได้กระตุ้นให้เกิดความต้องการในเครื่องมือทำงานระยะไกลของ Optim เป็นผลให้กำไรสุทธิของบริษัทญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 10 เท่าเป็น 12 ล้านเหรียญสำหรับปีงบประมาณ ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 

ทั้งนี้ นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการทำงานทางไกลแล้ว กล้อง AI ของบริษัทยังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีในปีที่แล้ว ซึ่งใช้สำหรับติดตามพื้นที่แออัด เช่น โรงอาหารของพนักงาน

<img class="alignnone wp-image-50700 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/1-300x150.png" alt="Best Under a Billion" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/prodia-widyahusada/?list=asia200&amp;sh=799c82fa6e83">Prodia Widyahusada</a>

ประเภทธุรกิจ: เฮลท์แคร์

ประเทศ: อินโดนีเซีย

มูลค่าตลาด: 494 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 129 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Prodia Widyahusada เป็นบริษัทเอกชนรายแรกในอินโดนีเซียที่ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้รัฐบาลดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย Rapid Antigen Test ได้ดียิ่งขึ้น

กำไรสุทธิของบริษัทห้องปฏิบัติการทางคลินิกในปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 มาอยู่ที่ 18 ล้านเหรียญ จากการเปิดตัวบริการใหม่ เช่น บริการ Drive-in และ Teleconsultation 

<img class="alignnone wp-image-50706 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/1-1-300x150.png" alt="" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/riverstone-holdings/?list=asia200&amp;sh=278e3e0663f6">Riverstone Holdings</a>

ประเภทธุรกิจ: เฮลท์แคร์

ประเทศ: สิงคโปร์

มูลค่าตลาด: 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 435 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายรับของบริษัทในปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 85 สู่ระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 435 ล้านเหรียญ จากยอดขายถุงมือ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และภาคส่วนอื่นๆ 

โดยยอดขายถุงมือคลีนรูมสูงขึ้นร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายถุงมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เนื่องจากความต้องการในช่วงโควิด-19

<img class="alignnone wp-image-50710 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/2-300x150.png" alt="" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/vincent-medical-holdings/?list=asia200&amp;sh=49a020fc3d50">Vincent Medical Holdings</a>

ประเภทธุรกิจ: เฮลท์แคร์

ประเทศ: ฮ่องกง

มูลค่าตลาด: 102 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 149 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020 ของผู้ผลิตอุปกรณ์ช่วยหายใจในฮ่องกงเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 149 ล้านเหรียญ เนื่องจากยอดขายจากธุรกิจระบบทางเดินหายใจเติบโตมากถึงร้อยละ 286 ในช่วงวิกฤตโรคระบาด โดยในปีที่แล้ว บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิต 3 เท่าในช่วง 2 เดือน และเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 2 เท่า

<img class="alignnone wp-image-50712 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/3-300x150.png" alt="Best Under a Billion" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/wisetech-global/?list=asia200&amp;sh=321300358ca5">Wisetech Global</a>

ประเภทธุรกิจ: ซอฟต์แวร์

ประเทศ: ออสเตรเลีย

มูลค่าตลาด: 8.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 288 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านลอจิสติกส์ในออสเตรเลียแห่งนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 ในปี 2020 เป็น 288 ล้านเหรียญ เนื่องจากอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ได้รับแรงหนุนจากวิกฤตโควิด-19 

แพลตฟอร์มโลจิสติกส์ของบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นบริษัทขนส่งสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิเช่น DHL Global Forwarding และ Yusen Logistics

<img class="alignnone wp-image-50714 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/wu1-300x150.png" alt="Best Under a Billion" width="300" height="150" />

<a href="https://www.forbes.com/companies/wuxi-biologics/?list=asia200&amp;sh=569464b9452a">WuXi Biologics</a>

ประเภทธุรกิจ: ยา

ประเทศ: จีน

มูลค่าตลาด: 5.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยอดขาย: 813 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปีที่แล้ว ธุรกิจผลิตวัคซีนของ WuXi Biologics ได้ลงนามในสัญญามูลค่ากว่า 3.2 พันล้านเหรียญ ขณะที่รายรับของปี 2020 ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 41 เป็น 813 ล้านเหรียญ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อพัฒนาการรักษาและวัคซีนใหม่สำหรับโรคโควิด-19

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Forbes Asia’s Best Under A Billion 2021 เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/3-มหาเศรษฐีญี่ปุ่น-ที่ธุ.html">3 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ที่ธุรกิจทะยานท่ามกลางสถานการณ์โควิด</a>

Best Under a Billion: 8 สุดยอดบริษัทรายได้ต่ำกว่าพันล้านเหรียญแห่งเอเชีย ปี 2021

<h2>Forbes Asia จัดลำดับมหาเศรษฐีใจบุญครั้งที่ 14 ประจำปี 2020 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่บริจาคทรัพย์สินส่วนบุคคลมูลค่าสูงที่สุด เพื่อช่วยเหลือในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค</h2>
สำหรับในตอนที่ 3 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของมหาเศรษฐีใจบุญจากหลากหลายอุตสาหกรรม ที่สนับสนุนการพัฒนาทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ตลอดจนนโยบายสาธารณะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ทั้งในระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ

<img class="alignnone wp-image-37329 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-5.jpg" alt="เศรษฐีใจบุญ" width="416" height="416" />

<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/manuel-villar/?sh=127a9284abb7">Manuel Villar</a>

วัย 70 ปี 

ประธาน Vista Mall และ Vista Land &amp; Landscapes

ฟิลิปปินส์

ในปี 2019 Manuel Villar ประธานของหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในฟิลลิปปินส์ มอบพื้นที่มากกว่า 2 เฮคเตอร์ให้ Saint Jude Catholic School ในกรุงมะนิลา และล่าสุดเพิ่งอนุมัติการบริจาคพื้นที่อีก 5 เฮคเตอร์ให้กับ The University of the Philippines ซึ่งเป็นสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของตน เพื่อสร้างศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ โดยพื้นที่ที่ได้บริจาคไปทั้งสองแห่งนี้มีมูลค่าราว 8 พันล้านเปโซ (165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) 

นอกจากนี้ Villar ยังได้สมทบทุนให้กับโรงเรียนในฟิลิปปินส์อีก 4 แห่ง เพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษา เพราะเขาเชื่อว่า การศึกษา คือ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เขา ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนได้มีชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้

“การศึกษาสามารถยกระดับชีวิตคนๆ หนึ่งจากความยากจน ด้วยการนำมาซึ่งเกียรติยศและหน้าที่การงาน”  Villar อธิบายผ่านทางอีเมล

ขณะที่ การบริจาคอีกส่วนหนึ่งได้ถูกส่งมอบให้กับการบูรณะโบสถ์ การบรรเทาความยากจน ตลอดจนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และการสมทบทุนเพื่อเปลี่ยนอาคารเป็นสถานกักกันโรคโควิด-19

<img class="alignnone wp-image-37330 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-7.jpg" alt="เศรษฐีใจบุญ" width="416" height="416" />

Simon Lin

วัย 67 ปี

ประธาน Wistron

ไต้หวัน

ในเดือนพฤศจิกายน 2019 Lin ให้คำมั่นสัญญาว่า ในระยะเวลา 5 ปี เขาจะบริจาคทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่า 5.2 ล้านเหรียญให้กับ The National Chiao Tung University สถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของตน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 1.04 ล้านเหรียญ เพื่อที่จะนำผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านปัญญาประดิษฐ์มาบรรยายที่มหาวิทยาลัย

Lin ดำรงตำแหน่งประธาน <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/companies/wistron/?sh=6699f8b57f8d">Wistron</a> ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทแยกตัวออกมาจาก <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/companies/acer/?sh=479b0adc310d">Acer</a> บริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมดังกล่าวของไต้หวัน และในขณะเดียวกัน เขาก็ดำรงตำแหน่งประธาน Wistron Foundation ซึ่งก่อตั้งในปี 2010 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

<img class="alignnone wp-image-37331 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-3.jpg" alt="เศรษฐีใจบุญ" width="416" height="416" />

Lee Su-Young

วัย 82 ปี

ประธาน Gwangwon Industry

เกาหลีใต้

ในเดือนกรกฎาคม 2020 Lee Su-Young นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้บริจาคเงินให้กับ Korea Advanced Institute of Science and Technology (KAIST) ที่มูลค่า 68 พันล้านวอน (57 ล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นยอดบริจาคที่มากที่สุดนับตั้งแต่มหาวิทยาลัยเคยได้รับมา โดย Lee หวังว่า เงินดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในการสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยรางวัลโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์ในเกาหลีใต้

นอกจากนี้ Lee ในฐานะอดีตผู้สื่อข่าวสายการเงิน ที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ ยังได้มอบที่ดินใน Los Angeles ซึ่งมีมูลค่าราว 8 ล้านเหรียญให้กับ KAIST ซึ่งเงินบริจาคในส่วนนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้วางแผนที่จะนำไปสร้าง Lee Su-Young Foundation for Science Education ขณะที่รายได้ส่วนหนึ่งที่มาจากค่าเช่าจะนำไปเป็นทุนสนับสนุนการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์เป็นระยะเวลา 10 ปี

<img class="alignnone size-full wp-image-37332" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-9-2.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/li-xiting/?sh=4f6b7f1f6ab7">Li Xiting</a>

วัย 69 ปี 

ประธาน Shenzen Mindray Bio-Medical Electronics

จีน

ในเดือนมิถุนายน 2020 Li Xiting ประธานของหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์รายใหญ่ที่สุดในจีน บริจาคเงินให้ The University of Science and Technology of China ซึ่งเป็นสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของตน เป็นจำนวน 107 ล้านหยวน (16 ล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดที่ทางมหาวิทยาลัยเคยได้รับในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา โดยเงินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อก่อตั้งมูลนิธิ Li Xitng Foundation เพื่อคัดเลือกและพัฒนาบุคคลที่มีความสามารถ

อีกทั้ง ในช่วงก่อนหน้านี้ Li ได้มอบเงินราว 4.5 ล้านเหรียญให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลภายในเครือ ขณะที่ในปี 2016 เขาได้บริจาคเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติจำนวน 120 เครื่องให้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีนที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-37333" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-6.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/rakesh-jhunjhunwala/?sh=3f497072174b">Rakesh Jhunjhunwala</a>

วัย 60 ปี

ผู้ก่อตั้ง Rare Enterprises

อินเดีย

มูลนิธิ R. Jhunjhunwala Foundation ของมหาเศรษฐีพันล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านการศึกษาและสาธารณสุข โดยได้บริจาคเงินครึ่งหนึ่งของ 7.5 ล้านเหรียญของทางมูลนิธิ ให้กับโรงพยาบาลจักษุแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองมุมไบ เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยโรงพยาบาลดังกล่าวพร้อมเปิดให้บริการในปี 2021

นอกจากนี้ Rakesh Jhunjhunwala ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคเงินทั้งสิ้น 17 ล้านเหรียญให้กับ Ashoka University ภายในปี 2022 ซึ่งในปัจจุบันได้มอบไปแล้วหนึ่งในสามของมูลค่าดังกล่าว  

และเป็นประจำทุกปีที่มหาเศรษฐีพันล้านผู้นี้ จะมอบเงิน 1 ล้านเหรียญให้กับ Agastya International Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิที่สนับสนุนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ให้กับผู้ยากไร้ในชนบท โดย Jhunjhunwala ได้กล่าวไว้เมื่อปี 2011 ว่า ในปี 2020 เขาในวัย 60 ปี จะบริจาคร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 2.7 พันล้านเหรียญ) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แผนการที่วางไว้ข้างต้นจำเป็นต้องชะลอไป เพื่อนำเงินส่วนนั้นไปช่วยเหลือและเยี่ยวยาผลกระทบจากสภาวะที่เกิดขึ้นเสียก่อน

“ตอนที่ผมได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีพันล้านในปี 2008 พ่อของผมไม่ได้สนใจมูลค่าทรัพย์สินที่ผมมีอยู่เลย เขาสนใจแต่เพียงจำนวนเงินที่ผมจะบริจาค” Jhunjhunwala กล่าว พร้อมเล่าถึงเป้าหมายที่ตั้งใจจะบริจาคเงินให้ได้ทั้งสิ้น 750 ล้านเหรียญ

<img class="alignnone size-full wp-image-37334" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/333333-8.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/profile/yusaku-maezawa/?sh=dfbfdd26d0eb">Yusaku Maezawa</a>

วัย 44 ปี

อดีตประธาน Zozo

ในปี 2020 นี้ Yusaku Maezawa มหาเศรษฐีพันล้านจากธุรกิจค้าปลีก สนับสนุนทุนการศึกษาวิจัยกว่า 9.5 ล้านเหรียญ ภายใต้หัวข้อ "เงินเดือนให้เปล่า (Universal Basic Income) กับการพัฒนาสังคม" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ว่าด้วยการจัดสรรรายได้ขั้นพื้นฐานให้แก่ประชาชนทุกคนจำนวนหนึ่งต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินชีวิตขั้นพื้นฐาน โดยเป็นเงินให้เปล่าที่ไม่มีเงื่อนไขใดใด

การพิสูจน์แนวคิดข้างต้น เริ่มต้นด้วยการมอบเงินให้กับผู้เข้าร่วมในการทดลอง 79,000 คน ซึ่ง 1,000 คนในจำนวนนั้นมาจากการคัดเลือกผ่านผู้ติดตามในโซเลียลมีเดียของ Maezawa ที่มีทั้งหมด 11 ล้านคน

ในท้ายที่สุด จึงได้บทสรุปว่า ร้อยละ 90 มีความเห็นตรงกันถึงความจำเป็นของเงินได้เปล่าที่ได้รับมา โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่อีกร้อยละ 45 กล่าวว่า ถ้าตนได้รับเงินได้เปล่าราว 9,500 เหรียญต่อเดือน พวกเขาจะนำไปใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจหรือลงทุนเพื่อการศึกษาเพิ่มเติม

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Heroes of Philanthropy เผยแพร่บน forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/เศรษฐีใจบุญ-แห่งภูมิภาค.html"> “เศรษฐีใจบุญ” แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 ตอนที่ 2</a>

“เศรษฐีใจบุญ” แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 ตอนที่ 3

“เศรษฐีใจบุญ” แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 ตอนที่ 2

“เศรษฐีใจบุญ” แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 ตอนที่ 1

Forbes Asia จัดงานเสวนาครั้งใหญ่แห่งภูมิภาคเอเชียภายใต้ชื่อ Forbes Asia Forum: The Next Tycoons THE GENERATION EMERGES เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2015 ณ Island Ballroom Shangri-La ฮ่องกง &nbsp; 
 
ภายในงานได้เชิญคณะผู้บริหารลิขสิทธิ์ Forbes จากประเทศต่างๆ อาทิ ศุภกรณ์ เวชชาชีวะ ประธาน บมจ. โพสต์ พับลิชชิง เจ้าของลิขสิทธิ์ Forbes Thailand กฤษฎา สวามิภักดิ์ CEO แห่ง Forbes Thailand และ ศรีวิภา สิริปัญญาวิทย์ บรรณาธิการ Forbes Thailand, Henry Nguyen ประธาน แห่ง Forbes Vietnam ทั้งยังได้รับเกียรติจาก Tim Ferguson บรรณาธิการแห่ง Forbes Asia เป็นผู้ดำเนินรายการในช่วงเสวนาต่างๆ 
 
ภายในงานได้เชิญผู้ประกอบการจากทั่วเอเชียที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศและต่างประเทศจากธุรกิจครอบครัวที่หลากหลาย ทั้งจากการเตรียมความพร้อมให้ทายาทเข้าสืบทอดกิจการของรุ่นก่อน เข้ารับไม้ต่อของรุ่นต่อไป และยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์แบ่งปันประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจด้านการสานต่อกิจการครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นอย่างมืออาชีพ พร้อมเผยปัญหา อุปสรรค และข้อคิดให้แก่เจ้าของกิจการผู้บริหารและผู้อ่าน Forbes ทั่วภูมิภาคเอเชีย 
 
Forbes Asia Forum: The Next Tycoons THE GENERATION EMERGES แบ่งช่วงเสวนาเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆ และมีผู้บริหารจากไทยได้เข้าร่วมพูดคุยในเวทีต่างๆ โดย ปณต สิริวัฒนภักดี CEO แห่ง Univentures Thailand ร่วมวงเสวนา เวทีแรกในหัวข้อเสวนา "In the driver&rsquo;s seat&rdquo; ที่ร่วมพูดคุยในการบริหารนำพาบริษัท การขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวให้ไปสู่จุดหมายแห่งความท้าทายและรางวัลความสำเร็จ รวมไปถึงการสร้างกลยุทธ์และแผนงานการดำเนินงานต่างๆ ในการลงทุน การบริหารจัดการภายองค์กร 
 
ศุภกรณ์ เวชชาชีวะ ประธาน บมจ.โพสต์ พับลิชชิง เจ้าของลิขสิทธิ์ Forbes Thailand เข้าร่วมพูดคุยในเวทีเสวนา &ldquo;Beyond family values&rdquo; ที่ร่วมพูดคุยถึงสังคมของชาวตะวันออกจากคนรุ่นใหม่ซึ่งสร้างมูลค่าจากความคิดวิเคราะห์อย่างแตกต่าง ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในเอเชียสิ่งใดที่มีความคุณค่าในการขับเคลื่อนการเป็นผู้นำในรุ่นต่อไป สิ่งใดเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำธุรกิจ 
 
Caroline Link ประธานแห่งกลุ่ม B.Grimm เข้าร่วมพูดคุยในเวทีเสวนา &ldquo;Forging new paths&rdquo; ร่วมพูดคุยเสนอแนะนำผ่านประสบการณ์ถึงเส้นทางความคิดสำหรับแนวทางในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ 
 
ทั้งภายในงานเสวนา Forbes Asia Forum ยังมีผู้บริหารรุ่นใหม่จากประเทศไทยเข้าร่วมอาทิ รุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่ มาลีสามพราน ธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพราวด์ เรียลเอสเตท จำกัด

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events