<h2>หลังโควิดกระทบจนขาดทุนมาหลายปี ล่าสุดปี 2566 เซ็นทารา พลิกกลับมามีกำไรแล้ว ส่วนปีนี้เตรียมงบลงทุน 6,500-7,000 ล้าน เปิดโรงแรมใหม่ 6 แห่งทั้งในและต่างประเทศ</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2566 นับเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจที่เซ็นทาราเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ในไทย และเป็นปีที่เซ็นทาราประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับหลากหลายโปรเจกต์สำคัญ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาทิ การเปิดให้บริการ <strong>“เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า”</strong> ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเซ็นทาราในญี่ปุ่น, การได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2023 จากงาน Kincentric Best Employers Thailand 2023 และความสำเร็จของแบรนด์ “เซ็นทารา แกรนด์” ที่คว้าตำแหน่งแบรนด์ที่แข็งแกร่งสุดในไทย จากรายงาน 50 อันดับบริษัทประจำปี 2023 โดยสถาบัน Brand Finance</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/mVTUMRnZpHM7jqKiiHmc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mVTUMRnZpHM7jqKiiHmc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="601,900" style="" data-index="0"><figcaption><div>เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า</div></figcaption></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีที่ผ่านมา เซ็นทาราบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง โดยเซ็นทารามีรายได้รวมอยู่ที่ 9,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงิน (EBITDA) จำนวน 3,284 ล้านบาท เติบโต 83% เมื่อเทียบกับปีก่อน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยของทั้งหมด (RevPar) เพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 4,141 บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแผนการขยายโรงแรมในปี พ.ศ. 2567 นี้ เซ็นทาราเดินหน้าตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำ ด้วยการเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง โดยแบ่งเป็น 3 แห่งในไทย, 2 แห่งในสปป.ลาว และ 1 แห่งในมัลดีฟส์ ได้แก่ เซ็นทารา ไลฟ์ ละมัย รีสอร์ท สมุย, เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี, เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี,  โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ, เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ และเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งโปรเจ็กต์สำคัญที่สุดแห่งปี คือ “โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. 2567 นี้ ถือเป็นโครงการส่วนแรกของเซ็นทาราบนเกาะสวรรค์ในมาเล่ อะทอลล์เหนือ หนึ่งในเกาะในกลุ่มมัลดีฟส์ที่มีความสวยงามอย่างเหนือชั้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจะสามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยง่ายด้วยสปีดโบ๊ทเพียง 30 นาที จากท่าอากาศยานนานาชาติเวลานา หรือที่มักเรียกว่า ท่าอากาศยานนานาชาติมาเล่ เซ็นทารา มิราจ ลากูน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มัลดีฟส์นับเป็นโรงแรมภายใต้ธีมมิราจ แห่งที่ 4 ของโลก ต่อจากที่พัทยา มุยเน่ และดูไบ โดยโรงแรมแห่งนี้ เป็นแบรนด์ธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัว ออกแบบมาให้โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์โลกใต้น้ำ มีสวนน้ำและกิจกรรมทางน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ากลุ่มครอบครัว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และต่อไปในไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2568 เซ็นทารามีแผนจะเปิดให้บริการ “โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” รีสอร์ทหรูขนาด 142 ห้องพักเป็นลำดับถัดไป นั่นจะทำให้นักเดินทางที่มาเยี่ยมเยือนเกาะในฝันแห่งนี้สามารถเพลิดเพลินไปกับตัวเลือกที่พัก 2 แบบ 2 สไตล์ในเครือเซ็นทารา เพื่อการพักผ่อนที่น่าประทับใจได้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนั้น ยังมีอีกสองโรงแรมแฟลกชิปที่เซ็นทาราตั้งใจจะปรับโฉมครั้งใหญ่ในปีนี้ คือ เซ็นทารา กะรน  รีสอร์ท ภูเก็ต (จำนวน 335 ห้องพัก) และเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา (จำนวน 553 ห้องพัก) และสำหรับการรีแบรนด์ เซ็นทาราได้ประกาศรีแบรนด์ “เซ็นทรา บาย เซ็นทารา” ให้เป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” ในช่วงปลายปีที่แล้ว และมีแผนจะรีแบรนด์ “เซ็นทารา บูติก คอลเลกชัน” ต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเซ็นทารามีแผนจะขยายแบรนด์ในเครือทั้ง 6 แบรนด์ ออกสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางทั้งในและต่างประเทศ อาทิ แผนขยายแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ และโรงแรมในธีมมิราจไปในไทย, มัลดีฟส์, ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย รวมถึงแผนการเซ็นสัญญาขยายเครือข่ายพันธมิตรในตลาดสำคัญๆ อย่างจีนด้วยเช่นกัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรารู้สึกภาคภูมิใจกับเส้นทางความสำเร็จในการเดินหน้า เพื่อก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน พ.ศ. 2570 ตามที่เราเคยได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในปีที่แล้ว เราได้ก้าวจากอันดับที่ 150 มาอยู่ที่อันดับที่ 111 ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราสามารถเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้ตามแผนและตรงตามกลยุทธ์ที่เราได้ตั้งไว้เร็วกว่าที่คาดการณ์” ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ กล่าว</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/DqiA5fA8KqXVM9N1HGNc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DqiA5fA8KqXVM9N1HGNc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="600,900" style="" data-index="1"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>กันย์ ศรีสมพงษ์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีของการสร้าง Future growth โดยเตรียมใช้งบลงทุนกว่า 6,500-7,000 ล้านบาท ครอบคลุมการเปิดโรงแรมใหม่และการรีโนเวตโรงแรมเดิมต่อ และใช้สำหรับธุรกิจอาหารด้วย จากปีที่แล้วใช้งบเพียง 2,200 ล้านบาทเท่านั้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 12,500 ล้านบาท (รวมกับรายได้จากการ JV ที่ดูไบแล้ว) และถ้ารวมธุรกิจอาหารด้วยคาดว่าจะมีรายได้ทั้งหมด 29,000 ล้านบาท เติบโต 14-15% จากปีทีผ่านมา โดยปัจจัยหลักๆ มาจากสถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้น ทั้งที่ดูไบ, มัลดีฟส์นักท่องเที่ยวจีนก็เริ่มกลับมา, โอซาก้าก็จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเรายังรีโนเวตและปรับพอร์ตให้เป็นโรงแรมระดับ 4-5 ดาวมากขึ้น เมื่อเทรนด์นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นกลุ่มใช้จ่ายสูง เป็นกลุ่มไฮเอนด์ ทำให้เราได้ประโยชน์ โดยคาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยในปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เซ็นทาราคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (รวมโรงแรมร่วมทุน) จะอยู่ที่ 70% - 73% และมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) จะอยู่สูงสุดที่ 4,300 บาท”<br></p><p><br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/minor-hotels-open-avani-in-china" alt="Minor Hotels เปิดตัวแบรนด์ ‘โรงแรมอวานี’ ครั้งแรกในประเทศจีน">Minor Hotels เปิดตัวแบรนด์ ‘โรงแรมอวานี’ ครั้งแรกในประเทศจีน</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

‘เซ็นทารา’ ฟื้นกลับมามีกำไร! ปีนี้เตรียมเปิดโรงแรมอีก 6 แห่ง

“เซ็นทารา” ขยายโรงแรมใหม่ เปิด 5 แห่งทั้งใน-ต่างประเทศ

<h2>CPN เปิด โรงแรมเซ็นทารา โคราช ย้ำเดินตามแผนเปิดโรงแรม 37 แห่งใน 27 จังหวัดทั่วประเทศใน 5 ปี คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้านเครือเซ็นทาราคาดธุรกิจโรงแรมเริ่มค่อยๆ พลิกฟื้นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่ก็กังวลด้านขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาพลังงานแพง จะเป็นตัวฉุดรั้ง</h2>
<img class="alignnone size-large wp-image-69063" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/เซ็นทารา-โคราช_0903-1024x683.jpg" alt="" width="640" height="427" />

โรงแรมเซ็นทารา โคราช เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นโครงการแรกภายใต้แผนธุรกิจ 5 ปี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีโรงแรมทั้งสิ้นราว 37 แห่งและมีห้องจำนวนกว่า 4,000 ห้องในปี 2569 ทั้งนี้ การเปิดตัวของโรงแรมเซ็นทารา โคราช ยังช่วยเพื่อเติมเต็มเมืองโคราชให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว

เนื่องจากการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้งยังช่วยส่งเสริม Korat Mice City และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของโคราชทั้งระบบ

<img class="alignnone size-full wp-image-69064" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/เซ็นทารา-โคราช_0904.jpg" alt="" width="650" height="433" />

<strong>สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ</strong> head of Hotel Development ของ CPN กล่าวว่า นครราชสีมาเป็นจังหวัดแรกที่ CPN ได้เข้าไปบุกเบิกโครงการมิกซ์ยูสที่ครบสมบูรณ์ทั้ง 3 ส่วนคือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช, โรงแรมเซ็นทารา โคราช และเอสเซ็นท์ โคราช เฟส 1 และเฟส 2 โดยในส่วนของโรงแรมนั้น บริษัทได้ผสมผสานความเชี่ยวชาญของสองบริษัทคือ CPN ในฐานะผู้ลงทุนและพัฒนาโครงการ และ Centara Hotels &amp; Resorts ผู้บริหารโรงแรม เพื่อสร้างโรงแรมและการบริการที่ดีที่สุดให้กับเมืองโคราช

<span style="color: #993300;">“การบุกเบิกธุรกิจโรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนา เราเล็งเห็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานของการพักอาศัยในโรงแรม และเติมเต็ม Travel Ecosystem ของเมืองและจังหวัดต่างๆ ที่เราไปถึงตามที่เราได้ประกาศแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้าขยายโรงแรมรวม 37 โครงการใน 27 จังหวัด รวมกว่า 4,000 ห้อง ภายในปี 2569”</span> สุรางค์ กล่าว

<strong>ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การร่วมมือจากสองบริษัทครั้งนี้ก็เพื่อต้องการผลักดันศักยภาพของเมืองโคราชให้เป็น Gateway ของอีสานและศูนย์กลางของภูมิภาค และยังต้องการให้โรงแรมเซ็นทารา โคราช เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง เป็น The Place to Be ที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติ

แม้ว่าตอนนี้ อัตราการเข้าห้องพักอยู่ในระดับราว 55% ในปีแรกของการเปิด โดยมีผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นคนในประเทศ แต่คาดว่าตัวเลขนี้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการโรงแรมและท่องเที่ยวโดยรวม ซึ่งเขาคาดว่า ธุรกิจโรงแรมเริ่มค่อยๆพลิกฟื้นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ก็กังวลด้านขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาพลังงานแพง ที่อาจจะส่งผลกระทบ

<img class="alignnone size-full wp-image-69065" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/เซ็นทารา-โคราช_0905.jpg" alt="" width="659" height="439" />

โรงแรมเซ็นทารา โคราช มีห้องพัก 217 ห้อง มีจุดเด่นที่น่าสนใจเช่น การผสมผสานความทันสมัยผ่านทางการดีไซน์และการสะท้อนเอกลักษณ์อันมีเสน่ห์ของโคราชเข้ากับ Thai Hospitality ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของโรงแรมในเครือเซ็นทารา พร้อมเติมเต็มทุกจุดประสงค์ของการเดินทางในทริปเดียวในคอนเซ็ปต์ Business + Leisure พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รองรับลูกค้าได้แบบ Multi-Generation

และทุกห้องของโรงแรมมี Daybed เป็นพื้นที่พักผ่อน มี Dining Table สำหรับทำงานและทานอาหาร พร้อมชุดอุปกรณ์รับประทานอาหารอย่างดี ซึ่งต่างจากโรงแรมโดยทั่วไปและถือเป็นการตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลังจากการโควิดระบาด ต้องการสถานที่ทำงานและการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ โรงแรมยังรองรับการการจัดงานและการประชุมต่างๆ เนื่องจากมีพื้นที่ห้องประชุมรวมกันมากถึง 1,000 ตร.ม.สามารถจุคนรวมกันได้ร่วม 1,000 คน สามารถรองรับการจัดงานประชุมระดับประเทศและนานาชาติ สอดคล้องกับแนวทางของเมืองโคราชที่ต้องการเป็น KORAT MICE city โดยภาพรวมตั้งแต่การเปิดให้บริการของโรงแรมเซ็นทารา โคราช (25 สิงหาคม 2565) ได้มีการจัดงานระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ มีผู้ร่วมงานแต่ละงานไม่ต่ำกว่า 300 คน

<img class="alignnone size-full wp-image-69067" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/เซ็นทารา-โคราช_0908.jpg" alt="" width="650" height="433" />

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ CPN จะเปิดโรงแรมแห่งที่ 2 ขึ้น ที่โครงการมิกส์ยูส จังหวัดอุบลราชธานี ในคอนเซ็ปต์เดียวกัน แต่เป็นในรูปแบบสวน และในปีหน้าจะเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ที่โครงการมิกส์ยูส จังหวัดอยุธยา และระยอง

โดยทั้ง 4 โครงการนี้ ถือเป็นการลงทุนระดับเทียร์ 1 หรือมีการลงทุนสูงสุดราว 1,000 ล้านบาท ส่วนอีก 33 โครงการที่เหลือ จะมีทั้งระดับเทียร์ 2 และเทียร์ 3 หรือมีการลงทุนที่ต่ำลงมา แต่ยังคงอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของกลุ่ม CPN เช่น โรบินสัน เป็นต้น มั่นใจว่าทั้ง 33 โครงการที่เหลือนี้ จะเปิดครบภายในปี 2569 ตามแผน 5 ปีที่วางไว้

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/mqdc-%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87-reit-%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99.html">“MQDC” รุกเปิดกอง REIT “ซื้อคืน” แพ็กโรงแรมหรู ระดมทุน 4 พันล้าน</a>

<hr />
<p class="p1"><span class="s1"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก<span class="s2"> Forbes Thailand Magazine</span></a></span></p>

CPN เดินหน้าตามแผนลงทุน 5 ปี 1 หมื่นล้าน พร้อมเปิดตัวโรงแรมเซ็นทารา โคราช

<h2>CPN บุกตลาดโรงแรม อัดงบ 1 หมื่นล้านบาทด้วยแผนลงทุนระยะ 5 ปี ลุยเปิดทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ขานรับนักท่องเที่ยวฟื้นภายใต้ 3 แบรนด์หลัก จับกลุ่มลูกค้าหลากหลาย คาดรายได้จากโรงแรมมีสัดส่วน 10% จากทั้งหมด</h2>
<strong>วัลยา จิราธิวัฒน์</strong> กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)(CPN) เปิดเผยว่า แผนงานใน 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทจะใช้เงินลงทุน 10,000 ล้านบาทพัฒนาโรงแรมทั้งหมด 37 โครงการ จำนวน 4,000 ห้อง ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในไทยที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย โดยจะเน้นขยายในทำเลที่ติดกับศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปเป็นหลัก จากปัจจุบันมีอยู่ 2 โรงแรมที่พัทยาและอุดรธานี ตั้งเป้าหมาย 5 ปี มีสัดส่วนรายได้ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด

ปัจจุบัน CPN เป็นหนึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เป็นผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “Retail-Led Mixed-Use Development” และล่าสุดประกาศรุกเขาสู่ตลาดโรงแรมอย่างเต็มสูบ มุ่งหวังจะสร้างมาตรฐานใหม่การพักอาศัยโรงแรม ด้วยการบุกเบิก “เศรษฐกิจการเดินทาง” (Travel Ecosystem) เพื่อตอบโจทย์ที่มากกว่าการท่องเที่ยว กล่าวคือ โรงแรมสามารถตอบสนองลูกค้าได้ทั้งการพักผ่อน การทำธุรกิจ และทำงานควบคู่กันไป

ภายใต้แผนงานนี้ บริษัทจะมุ่งไปยังทั้งเมืองหลัก-เมืองรอง เมืองท่องเที่ยว และเมืองอุตสาหกรรม รวม 27 จังหวัดทั่วประเทศ คาดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และช่วยเพิ่มการจ้างงานได้ 3,900 คน โดยผนึกกำลังพันธมิตรในกลุ่มเซ็นทรัล Centara Hotels &amp; Resorts เข้าบริหารโรงแรมทั้งหมด

<img class="alignnone size-full wp-image-64164" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/CPN_0603.jpg" alt="" width="650" height="372" />

ทั้งนี้ โครงการโรงแรมต่างๆดังกล่าวจะภายใต้ 3 แบรนด์โรงแรมหลักคือ Centara แบรนด์ระดับ Upscale, Centara One แบรนด์ Lifestyle Midscale และ ‘Go! Hotel’ แบรนด์ Premium Budget โดยคาดว่าภายใน 2 ปีนี้จะเปิดให้บริการ 10 โครงการในนครราชสีมา, อุบลราชธานี, อยุธยา, ระยอง, ศรีราชา, ชลบุรี และเชียงราย โดย CPN ได้ผนึกกำลังพันธมิตรในกลุ่มเซ็นทรัล Centara Hotels &amp; Resorts เข้าบริหารโรงแรมทั้งหมด

<span style="color: #993300;">“ทุกจังหวัดในประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งการขยายโครงการโรงแรมรวมถึงต่อยอดโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนาในครั้งนี้เชื่อว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการเดินทาง ทำให้คนไทยมีเดสติเนชั่นในการเดินทางใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติมีตัวเลือกของการพักอาศัยที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย”</span> วัลยากล่าว

สำหรับโครงการแรกจะเริ่มเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้นี้คือ โรงแรมเซ็นทาราโคราช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะเป็นเครือโรงแรมระดับประเทศแห่งแรก เนื่องจากนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีศักยภาพและปัจจุบันบริษัทได้ไปบุกเบิกโครงการมิกซ์ยูส เซ็นทรัล โคราช ไว้แล้ว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1.html">ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยปรับเป้าเงินเฟ้อไทยปี 65 ขึ้นเป็น 5.6%</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
&nbsp;

&nbsp;

CPN อัดงบ 1 หมื่นล้านขยายธุรกิจโรงแรม ขานรับท่องเที่ยวฟื้น

<h2>โรงแรมโคซี่ สมุย เฉวง บีช เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัล โคซี่ สมุย เฉวง ผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลที่ไวต่อเทคโนโลยี</h2>
แบรนด์โคซี่ แบรนด์น้องใหม่ล่าสุดของเครือเซ็นทารา ซึ่งโรงแรมบนเกาะสมุยแห่งนี้ ด้วยความคิดที่ว่าโรงแรมควรจะเป็นอย่างไรสามารถเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่และเหล่านักเดินทางที่รักความอิสระและความคล่องตัวที่สามารถเข้าถึงได้ ผลของแนวคิดดังกล่าวทำให้ก่อกำเนิดโรงแรมแบรนด์โคซี่น้องใหม่นี้ขึ้นมา ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของบุคคลเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ด้านนวัตกรรม ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ราคาที่สามารถเข้าถึงได้ และพิกัดที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางย่านแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ เรียบแนวชายหาดเกาะเฉวง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางที่คึกคักและได้รับความนิยมมากที่สุด

<span style="color: #ff0000;">“ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลหรือคนรุ่นใหม่ต้องการความเป็นอิสระ ติดต่อสื่อสารและแชร์ประสบการณ์ต่างๆอย่างฉับไว พวกเขาเหล่านี้จะชื่นชอบและสนใจความเรียบง่าย เทคโนโลยี นวัตกรรม และความสนุกสนานมากกว่าความฟุ้งเฟ้อหรูหราแบบเดิมๆ พวกเราจึงออกแบบโคซี่สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ และเราคาดหวังว่า โคซี่จะเป็นก้าวแรกของก้าวต่อๆไปในแนวทางดังกล่าว”</span> <strong>ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/afdef423fa45dfcf0b5f8210449e5ca4.png" alt="" />

ความแตกต่างแรกสุดที่ได้รับคือ การเช็คอิน – เช็คเอ้าท์บนแก็ดเจ็ตดิจิทัล การรอคิวเช็คอินที่ล๊อบบี้โรงแรมกลายเป็นเรื่องของเมื่อวานที่ไร้ความจำเป็น ทั้งโคซี่ยังถูกออกแบบให้รองรับการทำงานต่างๆผ่านแก็ดเจ็ตหรือสมาร์ทโฟน ทั้งนักท่องเที่ยวทุกท่านยังสามารถเปิดเพลง ดูหนังในห้องนอนด้วยสมาร์ททีวีแบบสัมผัส ขนาด 43 นิ้ว ซึ่งจะเชื่อมต่อผ่านหน้าจอโทรศัพท์ของผู้เข้าพักได้ อีกทั้งยังรองรับการใช้บริการ Netflix และ Amazon เพื่อให้แขกผู้เข้าพักได้ติดตามซีรี่ส์ที่ชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย พร้อมบริการฟรีอินเตอร์เน็ตไร้สายที่รวดเร็วในทุกบริเวณของโรงแรม

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/03ccfc3beaa78a4e1de9d4e2ea32945b.png" alt="" />

โรงแรมโคซี่ สมุย มีวิซซีวิกคาเฟ่ (คาเฟ่ที่ชื่อว่า “วิซซีวิก” (WYSIWYG) ซึ่งมาจากคำว่า What You See Is What You Get) เพื่อตอบรับทุกโจทย์ด้าน Social Media โดยผู้เข้าพักจะได้รับเครดิตประจำวันเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มในทุกช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นศูนย์รวมของแขกผู้มาพัก ไม่ว่าจะทานอาหาร ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม เล่นเกม หรือเชียร์กีฬาสุดโปรด

โคซี่ สมุยมีห้องพักทั้งหมดจำนวน 150 ห้อง แบ่งออก 2 ประเภท ได้แก่ ห้อง”โคซี่” มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 18 ตารางเมตร และห้อง ”โคซี่ พลัส” มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 21 ตารางเมตร ภายในห้องพักมีการตกแต่งออกแบบสไตล์โมเดิร์น สีสันงดงาม ให้ความรู้สึกสบายๆ คล่องตัว พอร์ทยูเอสบีต่างๆ 5 พอร์ท ไว้คอยบริการเพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเลคโทนิคได้โดยไม่ต้องกังวล

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d7c1b7d8a4b61044a1eb35625b02787b.png" alt="" />

นอกจากนี้ โคซี่ สมุย ยังมีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าขนาด 18 เมตร และเครื่องซักผ้าอัตโนมัติเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพักตลอด 24 ชั่วโมง การออกแบบแนวมินิมอลลิสท์ที่เรียบหรูที่สอดคล้องกับนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ขับเน้นการบริการอันสะดวกสบาย เสริมด้วยพนักงานของโคซี่ สมุย ที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพักที่มา  สมุยครั้งแรกให้ได้ค้นพบสถานที่ยอดนิยมต่างๆของสมุยและสัมผัสโรงแรมนั้องใหม่ที่ดีที่สุดแห่งนี้

ด้าน <strong>แฮรินเดอร์ ซิงห์ ธาลิวาล</strong> ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มโรงแรมภาคใต้ ประเทศศรีลังกา บาหลี โคซี่และผู้จัดการโรงแรมทั่วไป กล่าวว่า“โคซี่ นำเสนอความคิดใหม่ๆบนความเป็นไปได้ต่างๆของธุรกิจโรงแรม โดยคำนึงถึงทั้งปัจจัยที่สำคัญในทัศนคติของนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลและปัจจัยประกอบย่อยอื่นๆ เมื่อเราพร้อมที่จะโยนกรอบเก่าๆทิ้งไป สิ่งที่เราได้มาคือ รูปแบบใหม่ๆที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัลด้วยประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำซากจำเจ”

โคซี่ สมุย ตั้งอยู่ติดกับศูนย์การค้า Central Festival ใกล้แหล่งอาหารและสถานบันเทิงต่างๆเรียบแนวชายหาด ซึ่งโคซี่ สมุย อยู่ห่างจากชายหาดเพียง 800 เมตรเท่านั้น อีกทั้งโคซี่ยังอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที  โคซี่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการและเปิดให้ทำการจองออนไลน์แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการจองสำรองห้องพักได้ที่  cosihotels.com หรือ โทร. +66 77 430 123 – 4.

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events