หลังทุ่มงบกว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมครั้งใหญ่ ‘เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา’ โรงแรมที่ได้ชื่อว่า Themed Hotel แห่งแรกของไทย รวมถึงเป็นรีสอร์ทสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง ก็ได้กลับมาให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมาพร้อมกับความสนุกที่มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นสไลเดอร์ขนาดใหญ่ และกิจกรรมที่อัดแน่นสำหรับผู้เข้าพักทุกเพศทุกวัย
จุไรรัตน์ มงคลวงศ์สิริ รองประธานฝ่ายขาย โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่า ‘เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา’ เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนกันยายน 2552 บนพื้นที่ 43 ไร่เศษ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่าเซ็นทรัล วงอมาตย์ โดยมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือตั้งอยู่จุดที่มีหน้าหาดยาวถึง 300 เมตร
“แม้ได้รับการตอบรับดี แต่เราปิดให้บริการไปช่วงหนึ่ง และกลับมาเปิดใหม่ในคอนเซ็ปต์ Themed Hotel แห่งแรกของไทย ซึ่งตอนนั้นคุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ไปเที่ยวหลายที่ จึงเกิดไอเดียนำคอนเซ็ปต์จากอเมริกาและแอฟริกามารวมกัน กลายเป็นธีมของโรมแรมเราว่า The Lost World” จุไรรัตน์ย้อนความให้ฟัง
เธอยังบอกอีกว่า การปรับเปลี่ยนมาเป็น Themed Hotel ในครั้งนั้นได้เปลี่ยนมุมมองของพัทยาในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ จากก่อนหน้านี้ 20 ปีที่แล้ว พัทยามักถูกมองว่าเป็น ‘ที่เที่ยวชายโสด’ ปัจจุบันพัทยาเริ่มมองว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวมากขึ้น 40-50% แล้ว
“เราภูมิใจที่มีส่วนในการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพัทยาให้เป็นที่ที่เด็กและครอบครัวมาเที่ยวได้ มากไปกว่านั้น เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ยังสะท้อนความสำเร็จของชื่อแบรนด์มิราจเป็นอย่างดี โดยมีนักลงทุนต่างชาติหลายรายที่อยากเอาแบรนด์นี้ไปอยู่ประเทศอื่น และปัจจุบันชื่อแบรนด์มิราจก็มีเปิดให้บริการแล้วทั้งในเวียดนาม ดูไบ และมัลดีฟส์”
เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เรียกได้ว่ามาในคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งการมีสวนน้ำขนาดใหญ่ การตกแต่งห้องพัก กิจกรรมเครื่องเล่น ทุกอย่างมาในธีม The Lost World ที่อยากชวนผู้เข้าพักทุกคนไปผจญภัยร่วมกัน เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมที่สามารถเข้าพักได้ทุกเพศ ทุกวัย
โดยล่าสุดการรีโนเวทครั้งใหญ่ในช่วงปีที่ผ่านมา ที่นี่ก็กลับมาให้บริการอีกครั้ง พร้อมนำเสนอประสบการณ์ผจญภัยครั้งใหม่ ในดินแดนโลกสาบสูญที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ พร้อมมอบความสนุกและตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“The Lost World หมายถึงมาแล้วตื่นเต้นเหมือนเข้ามาอีกโลกหนึ่ง” จุไรรัตน์ กล่าว ก่อนจะบอกอีกว่า นอกเหนือจากกลุ่มครอบครัวแล้ว ที่นี่ยังพร้อมรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจัดงานเลี้ยง กลุ่มที่เดินทางเพื่อธุรกิจและท่องเที่ยว ไปจนถึงกลุ่มสัมมนา จัดกิจกรรม Team Building และกลุ่ม MICE โดยมีสถานที่รองรับทั้งห้องแกรนด์บอลรูม สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามหญ้า
[ งบปรับโฉมกว่า 1,400 ล้านบาท ]
ชัยพันธุ์ ทองสุธรรม ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา กล่าวว่า การริ่มโนเวทครั้งนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา โดยใช้งบกว่า 1,400 ล้านบาท 70% ใช้ในการปรับปรุงห้องพักใหม่ทั้งหมด และอีก 30% ใช้ในการปรับปรุง Facility อื่นๆ
“การปรับปรุงครั้งนี้ทำให้ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Lazy River ที่อัพเกรดใหม่ให้สนุกกว่าเดิม ด้วยการติดปั๊มน้ำเข้าไปเพิ่ม 20 ตัว โดยมีปั๊ม 5 ตัวที่ส่งแรงได้มาก ทำให้น้ำไหลแรงขึ้น สนุกขึ้น”
สำหรับโฉมใหม่ของเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา แขกผู้เข้าพักจะได้พบโลกแห่งความหรรษาอย่างเต็มรูปแบบผ่านสวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซน ทั้งเกาะภูเขาไฟอันน่าตื่นเต้น, เครื่องเล่นสไลเดอร์ขนาดยักษ์, สวนน้ำท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ และป่าหมอกอันน่าค้นหา โดยสวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซน มอบประสบการณ์ผจญภัย 4 รูปแบบอย่างน่ามหัศจรรย์
นอกจากนั้นยังมีสวนสนุกลอสต์ เวิล์ด แอดเวนเจอร์ แลนด์ (Lost World Adventure Land) ตั้งอยู่ใจกลางรีสอร์ท ซึ่งเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับคุณหนูๆ ที่ชอบการผจญภัย โดยเด็กๆ จะเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจไปกับการบินลาดผาดโผนเหนือจินตนาการ ท่องไปตามเส้นทางท่ามกลางธรรมชาติ กับการผจญภัยกลางแจ้งของเครื่องเล่นสกายไรเดอร์และสกายเทรลที่ส่งเสริมความกล้าของเด็กๆ ในการปีนป่ายผจญภัยบนเชือก อีกทั้งสนามเด็กเล่นที่ประกอบไปด้วยสไลด์เดอร์, เครื่องเล่นกระโดด, แพเชือก และหลุมล่าหากระดูกไดโนเสาร์ (โดยในส่วนนี้มีค่าบริการเพิ่มเติม)
เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ปรับโฉมห้องพักและสวีทวิวทะเลทั้ง 555 ห้องใหม่ทั้งหมด ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับธีม Lost World ของรีสอร์ทอย่างลงตัว ไฮไลต์อื่นๆ ของห้องพักยังรวมไปถึงห้องน้ำภายในห้องพัก ที่ปรับจากรูปแบบกระจกที่มีม่าน เป็นประตูไม้บานเลื่อนเปิด-ปิดได้ มอบความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับลูกค้าที่เข้าพักแบบกลุ่มเพื่อน
รีสอร์ทริมทะเลแห่งนี้ยังมอบประสบการณ์อาหารเลิศรสผ่านห้องอาหารหลากหลายสัญชาติ โดยหนึ่งในไฮไลต์ห้องอาหาร คือ โคสต์บีชคลับและบิสโทร บีชคลับริมหาดในบรรยากาศสุดชิล ที่มาพร้อมเลานจ์และดาดฟ้าดีไซน์ใหม่สำหรับการมานั่งสังสรรค์หรือผ่อนคลายอย่างสบายๆ
นอกจากนั้นในรีสอร์ทยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับครอบครัวอย่างครบครัน อาทิ “แคนดี้สปา” สปาสำหรับเด็ก และ “สปา เซ็นวารี” สำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงกิจกรรมสันทนาการต่างๆ อีกมากมาย
ชัยพันธุ์ยังบอกอีกว่า สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ยังรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้กับทุกเพศทุกวัยตลอดวัน เช่น วอลเลย์บอลในสระว่ายน้ำ, มวยทะเล, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าพาล่องน้ำ, ปืนฉีดน้ำ, มีกิมมิกจุดเช็กอินสำหรับเด็กๆ นอกจากนี้ ในช่วงเย็นของทุกวัน จะมีโชว์ Volcano ซึ่งเป็นการแสดงโชว์แสง สี เสียง น้ำ จำลองเหมือนภูเขาไฟปะทุ และเชื่อว่านี่จะเป็นจุดขาย
“เรายังเตรียมเปิดให้บริการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่เข้าพักห้องพรีเมียมสวีทที่มีอยู่ 70 กว่าห้อง ให้สามารถเข้าใช้พื้นที่ตรงสวนน้ำได้เลยหากมาถึงก่อนเวลาเช็กอิน โดยจะจัดทำพื้นที่ฝากสัมภาระไว้ให้บริการ”
[ ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลักชัวรี ]
จุไรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ที่ตั้งเป้าไว้คือกลุ่มลักชัวรี โดย Room Rate ของที่นี่ปรับเพิ่มขึ้น 15-20%YoY ในช่วง 3 ปีแรก หลังจากทำตลาดได้นิ่งแล้วจะเพิ่มขึ้นทีละ 5% ไปสู่เป้าหมายที่ 30% ในอนาคต
“Room Rate เราจากเดิมอยู่ที่ 5,000-8,000 บาท หลังรีโนเวตแล้วราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000-10,000 บาท ซึ่งอยากให้มองว่าโดยรวม Value ของเราก็เพิ่มขึ้นด้วยถ้าเทียบกับห้องเก่า ทั้งไลน์อาหารที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เรายังมีห้องสวีทคิดเป็น 22% ของจำนวนห้องทั้งหมด หรือ 118 ห้อง ซึ่งเป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น และราคาที่เพิ่มขึ้นของเรายังเป็นไปตามภาพรวมตลาด ปีนี้โรงแรมในกรุงเทพก็ค่าห้องเพิ่มขึ้นเยอะ ของเราไม่ได้แพงกว่าตลาด” จุไรรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า Occupancy Rate หรืออัตราการเข้าพักเฉลี่ยของปีนี้ไว้ที่ 80% โดยวางกลยุทธ์การตลาดด้วยการเดินสายหาลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 13 ประเทศ จากเดิม 6 ประเทศ ส่วนลูกค้าในปัจจุบันนั้น อันดับ 1 คือ Domestic ซึ่งได้แก่คนไทยและ Expat ครองสัดส่วน 35-40% รองลงมาคือ รัสเซีย จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย
“ภาพรวมการแข่งขันในโซนนี้ค่อนข้างสูง เราเองมีคู่แข่งโดยตรง 6-7 ราย แต่ละกลุ่ม แต่ละเชน ตอนนี้ก็ต้องหาจุดแตกต่างและจุดขาย เราต้องไวกับพฤติกรรมลูกค้าและคู่แข่ง ต้องวิ่งก่อนคู่แข่ง เราเป็นแบรนด์ที่อยู่มา 41 ปี ได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้ามาตลอด ดังนั้น เราเลยรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าพอใจ และเรามั่นใจว่าด้วยจุดเด่นต่างๆ ที่ทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น เชื่อว่านี่คือจุดแข็งของเรา” จุไรรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
เครดิตภาพ: โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : คัมแบ็กแล้วหลังปรับโฉมใหญ่! ‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ มอบการพักผ่อนที่เหมาะกับทุกวัย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine