<h2>Sam Altman เตือน ควรคิดให้ดีก่อนใช้ ChatGPT เป็นนักบำบัด ขอคำปรึกษาด้านชีวิตจิตใจ เพราะยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองความลับหรือข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ใช้ ChatGPT ควรคิดให้ดีก่อนใช้แชตบอท AI เพื่อการบำบัดจิตใจหรือการขอคำปรึกษาด้านอารมณ์ เพราะตามคำกล่าวของ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ที่บอกว่าวงการ AI ยังไม่มีแนวทางชัดเจนในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยเฉพาะเมื่อบทสนทนาเหล่านั้นมีความอ่อนไหว ซึ่งต่างจากการพูดคุยกับแพทย์หรือนักบำบัดที่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลผู้ป่วยไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman แสดงความคิดเห็นนี้ในพอดแคสต์ This Past Weekend with Theo Von โดยระบุว่า “ผู้คนพูดเรื่องส่วนตัวสุดๆ กับ ChatGPT โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ใช้มันเป็นนักบำบัด เป็นโค้ชชีวิต ถามเรื่องความสัมพันธ์ว่า ‘ควรทำยังไงดี?’ แต่ตอนนี้ ถ้าคุณคุยกับนักบำบัด ทนาย หรือหมอ จะมีความลับตามกฎหมายคุ้มครองไว้ แต่กับ ChatGPT เรายังหาทางทำให้เรื่องนี้ถูกกฎหมายไม่ได้เลย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีคดีความเกิดขึ้น OpenAI ก็อาจถูกบังคับทางกฎหมายให้เปิดเผยข้อมูลบทสนทนาเหล่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ด้านความเป็นส่วนตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมว่ามันแย่มาก การพูดคุยกับ AI ควรได้รับการคุ้มครองเหมือนการคุยกับนักบำบัดหรือหมอ และนี่คือเรื่องที่ไม่มีใครนึกถึงเมื่อปีที่แล้วเลยด้วยซ้ำ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;OpenAI เองก็รับรู้ถึงปัญหานี้ ว่าการไม่มีนโยบายเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวตามกฎหมายอาจเป็นอุปสรรคในการขยายฐานผู้ใช้ ขณะเดียวกันบริษัทก็กำลังต่อสู้กับคำสั่งศาลในคดีฟ้องร้องกับ New York Times ซึ่งอาจบังคับให้ OpenAI ต้องเก็บบทสนทนาของผู้ใช้ทั่วโลก (ยกเว้นลูกค้าแบบ ChatGPT Enterprise)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;OpenAI ได้โพสต์แถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า บริษัทกำลังยื่นอุทธรณ์ เพราะมองว่าคำสั่งดังกล่าวเป็น “การใช้อำนาจเกินขอบเขต” และอาจเป็นแบบอย่างให้หน่วยงานรัฐหรือฝ่ายกฎหมายเรียกร้องข้อมูลผู้ใช้ในอนาคตได้ง่ายขึ้น ทั้งที่ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ก็ถูกหมายเรียกเพื่อขอข้อมูลผู้ใช้อยู่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าในโลกยุคปัจจุบัน ที่กฎหมายบางฉบับจำกัดสิทธิเสรีภาพมากขึ้น เช่น หลังจากศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินยกเลิกคดี Roe v. Wade ผู้หญิงหลายคนก็หันไปใช้แอปติดตามประจำเดือนที่มีระบบเข้ารหัสมากขึ้น เพื่อป้องกันการถูกเปิดเผยข้อมูล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman ยังได้ถามโฮสต์ของรายการเกี่ยวกับการใช้ ChatGPT ส่วนตัวของเขา ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าไม่ค่อยใช้ เพราะกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่จะรอให้เรื่องความเป็นส่วนตัวและข้อกฎหมายเคลียร์ก่อนจะใช้งาน ChatGPT อย่างจริงจัง” Altman กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://techcrunch.com/2025/07/25/sam-altman-warns-theres-no-legal-confidentiality-when-using-chatgpt-as-a-therapist/" alt="Sam Altman warns there’s no legal confidentiality when using ChatGPT as a therapist">Sam Altman warns there’s no legal confidentiality when using ChatGPT as a therapist</a> ​Photo by JUSTIN SULLIVAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/it/jensen-huang-said-ai-will-create-more-millionaires" alt="“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน">“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ซีอีโอ OpenAI เตือนเอง! อย่าใช้ ChatGPT ระบายปัญหาชีวิต เสี่ยงข้อมูลหลุด เพราะกฎหมายไม่คุ้มครอง

<h2>Sam Altman ซีอีโอ OpenAI ย้ำชัด! AI จะมาแทนงานบางประเภทแบบสิ้นเชิง งานบริการลูกค้าเสี่ยงสูงสุด ชี้ ChatGPT วินิจฉัยโรคดีกว่าแพทย์ แต่การรักษายังต้องพึ่งพาหมอตัวจริงอยู่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในงานประชุม Capital Framework for Large Banks ที่จัดโดยคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ว่า การพัฒนา AI จะทำให้ “งานบางประเภทหายไปอย่างสิ้นเชิง” โดยเฉพาะงานบริการลูกค้า (Customer Support)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman ยกตัวอย่างว่า ปัจจุบันระบบ AI สามารถรับสายลูกค้าได้เหมือนคุยกับ “คนจริงๆ ที่เก่งมากๆ” โดยไม่ต้องผ่านเมนูอัตโนมัติหรือโอนสายซ้ำไปมา และยังสามารถทำงานได้รวดเร็ว ไม่ผิดพลาด “ทุกอย่างเสร็จสิ้นตั้งแต่การโทรครั้งแรก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงภาคสาธารณสุขว่า AI อย่าง ChatGPT “สามารถวินิจฉัยโรคได้ดีกว่าแพทย์ส่วนใหญ่ทั่วโลกแล้ว” แต่ยอมรับว่ายังไม่อยากให้การรักษาพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีแพทย์มนุษย์ร่วมตรวจสอบ เตือนภัย AI ใช้เป็นอาวุธโจมตีระบบการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman แสดงความกังวลต่อศักยภาพการทำลายล้างของ AI โดยยกตัวอย่างความเป็นไปได้ที่รัฐศัตรูจะใช้ AI เป็นอาวุธเพื่อโจมตีระบบการเงินของสหรัฐฯ เขายังเตือนถึงความเสี่ยงจากเทคโนโลยีเลียนเสียง (Voice Cloning) ที่อาจถูกใช้ทำธุรกรรมการเงินปลอมแปลงได้ เนื่องจากยังมีสถาบันการเงินที่ยืนยันตัวตนด้วยเสียง ปรับเกมในวอชิงตัน ท่ามกลางนโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเยือนวอชิงตันครั้งนี้ สอดคล้องกับแผน “AI Action Plan” ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้นลดกฎเกณฑ์และส่งเสริมการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ แตกต่างจากยุคไบเดนที่ OpenAI เคยเรียกร้องให้มีการกำกับดูแล AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman ยังประกาศแผนเปิดสำนักงาน OpenAI แห่งแรกในวอชิงตันปีหน้า พร้อมปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมาธิการวุฒิสภา (Senate Commerce Committee) อีกครั้ง หลังจากเคยขึ้นเวทีใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีโลก Photo by MANDEL NGAN / AFP แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.theguardian.com/technology/2025/jul/22/openai-sam-altman-congress-ai-jobs" alt="OpenAI CEO tells Federal Reserve confab that entire job categories will disappear due to AI">OpenAI CEO tells Federal Reserve confab that entire job categories will disappear due to AI</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/it/jensen-huang-said-ai-will-create-more-millionaires" alt="“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน">“AI จะปั้นเศรษฐีใหม่ เร็วกว่ายุคอินเทอร์เน็ต!” ซีอีโอ Nvidia ประกาศชัดใครไม่ใช้ AI มีสิทธิ์ตกงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Sam Altman เตือนแรง! ChatGPT วินิจฉัยโรคดีกว่าแพทย์ AI อาจทำให้งานบริการลูกค้า ‘สูญพันธุ์’

<h2>เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา Sam Altman ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ได้พูดคุยกับ Jack Altman น้องชายของเขาผ่านรายการ Uncapped with Jack Altman ในหัวข้อ The Future of AI และมีการเปิดเผยว่าหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง Meta ต้องการดึงตัวพนักงานของเขาไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พวกเขาเริ่มยื่นข้อเสนอยักษ์ใหญ่แก่หลายๆ คนในทีมของเรา” Sam เล่า “บ้าบอมากเลย ผมดีใจที่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีสุดยอดพนักงานของเราคนใดตัดสินใจตอบตกลง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอ Open AI เผยว่า Meta เสนอเงินจูงใจ (signing bonus) แก่พนักงานของเขามากถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,200 ล้านบาท พร้อมค่าตอบแทนรายปีมหาศาล เพราะต้องการบุคลากรไปเสริมทัพในการพัฒนาและวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่ Meta กำลังไล่ตามคู่แข่งรายอื่นๆ อยู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมได้ยินว่า Meta มองเราเป็นคู่แข่งรายสำคัญ” Sam กล่าว “การดำเนินงานด้าน AI ของพวกเขาในตอนนี้ยังไม่น่าพึงพอใจเท่าที่พวกเขาคาดหวังไว้ แต่ผมก็เคารพการสู้ไม่ถอยและทดลองสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง มีหลายอย่างที่ผมเคารพ Meta ในฐานะบริษัท แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาเป็นบริษัทที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม ผมคิดว่าเราเข้าใจอะไรต่างๆ มากมายที่พวกเขาไม่เข้าใจ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สื่อ CNN และ CNBC ได้ถามความคิดเห็นจาก Meta ในประเด็นเหล่านี้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ความคิดเห็นของ Sam เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ซึ่งมีรายงานจากสื่อ The Information เมื่อเร็วๆ นี้ว่ากำลังรวบรวมคนเพื่อก่อตั้งทีมวิจัยและพัฒนา Superintelligence นวัตกรรมที่สามารถก้าวข้ามสมองของมนุษย์ โดยหนึ่งในนั้นคือ Alexandr Wang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอสตาร์ทอัพ Scale AI แลกกับการที่ Meta จะทุ่มเงินลงทุน 1.43 หมื่นล้านเหรียญและถือหุ้น 49% ใน Scale AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Wang ได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม X ของตัวเองเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมาว่า เขากำลังเตรียมตัวลาออกจาก Scale AI เพื่อไปเข้าร่วมทีม AI ของ Meta แต่ยังคงอยู่ในคณะกรรมการบริษัท คอยสนับสนุนภารกิจและวิสัยทัศน์ในระยะยาวของสตาร์ทอัพที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2016&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Sam มองว่า การใช้เงินจูงใจคนเก่งไปทำงานด้วยของ Zuckerberg และ Meta ยังไม่มากพอจะลับคมเสริมแกร่งให้ Meta ได้ในระยะยาว “ผมว่าผู้คนกำลังเปรียบเทียบสองทางและบอกว่า โอเค OpenAI ดูจะไปได้ดีกว่าจริงๆ ในด้านการพัฒนาสุดยอดปัญญาประดิษฐ์และท้ายที่สุดแล้วก็อาจเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สื่อ Quartz ได้อ้างอิงข้อมูลจาก Levels.fyi. ซึ่งชี้ว่า วิศวกรซอฟต์แวร์ของ OpenAI มีค่าตอบแทนรายปีเฉลี่ยอยู่ที่ 238,000 เหรียญสำหรับตำแหน่งเริ่มต้น และอาจไต่ขึ้นไปถึง 1.34 ล้านเหรียญเมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งระดับ L6 ในขณะที่ค่าตอบแทนเฉลี่ยของ Meta สำหรับตำแหน่งเดียวกันอยู่ที่ 106,000 - 658,000 เหรียญเท่านั้น ที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2025/06/18/tech/meta-openai-sam-altman-100-million" alt="Sam Altman says Meta is offering $100 million to poach his employees">Sam Altman says Meta is offering $100 million to poach his employees</a>​ ​<a href="https://qz.com/openais-sam-altman-zuckerberg-meta-scaleai-100-million-bonuses-superintelligence" alt="Sam Altman says Meta is dangling $100 million signing bonuses to poach OpenAI employees">Sam Altman says Meta is dangling $100 million signing bonuses to poach OpenAI employees</a>​ ​<a href="https://www.cnbc.com/2025/06/18/sam-altman-says-meta-tried-to-poach-openai-staff-with-100-million-bonuses-mark-zuckerberg.html" alt="Sam Altman says Meta offered OpenAI staff $100 million bonuses, as Mark Zuckerberg ramps up AI poaching efforts">Sam Altman says Meta offered OpenAI staff $100 million bonuses, as Mark Zuckerberg ramps up AI poaching efforts</a>​ ภาพ: Justin Sullivan on AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/wang-ning-pop-mart-billionaire-is-now-10th-richest-in-china" alt="รวยได้ด้วยลาบูบู้! ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ความมั่งคั่งพุ่ง ทะยานสู่มหาเศรษฐีอันดับ 10 ของจีน">รวยได้ด้วยลาบูบู้! ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ความมั่งคั่งพุ่ง ทะยานสู่มหาเศรษฐีอันดับ 10 ของจีน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ศึก AI ยังระอุ! Sam Altman เผย Meta เคยเสนอดีล 100 ล้านเหรียญชิงตัวคนจาก OpenAI แต่ยังไม่มีใครตอบตกลง

<h2>OpenAI ประกาศเมื่อวันค่ำคืนที่ผ่านมาว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัปด้านอุปกรณ์ AI ของ Jony Ive ที่ชื่อว่า io ด้วยมูลค่าประมาณ 6.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัท AI แห่งนี้ก้าวเข้าสู่โลกของฮาร์ดแวร์อย่างเต็มตัว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทระบุในแถลงการณ์ว่า Ive จะเข้ามารับหน้าที่ด้านความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเชิงลึกให้กับทั้ง OpenAI และ io โดย OpenAI กล่าวเพิ่มเติมว่า io จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ขณะที่ Ive และ “กลุ่มสร้างสรรค์” ของเขาที่ชื่อว่า LoveFrom จะยังคงเป็นอิสระ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในบล็อกโพสต์เมื่อวันพุธ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI และ Ive กล่าวว่า io ก่อตั้งขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อนโดย Ive ร่วมกับอดีตพนักงานของ Apple ได้แก่ Scott Cannon, Tang Tan และ Evans Hankey ซึ่งเคยรับตำแหน่งต่อจาก Ive ชั่วคราวที่ Apple หลังจากเขาออกจากบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทีมงาน io ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมพลัง และเปิดโอกาสให้ผู้คน จะควบรวมเข้ากับ OpenAI เพื่อทำงานร่วมกับทีมวิจัย วิศวกรรม และผลิตภัณฑ์ในซานฟรานซิสโกอย่างใกล้ชิดมากขึ้น” บล็อกโพสต์ระบุ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;OpenAI กล่าวว่า บริษัทจะจ่ายเงิน 5 พันล้านเหรียญในดีลนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้ถือหุ้นอยู่แล้ว 23% Altman เขียนในโพสต์บน X ว่าเขาเชื่อว่า Ive คือ “นักออกแบบที่เก่งที่สุดในโลก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นี่ถือเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ OpenAI จนถึงปัจจุบัน และเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์หลังจากบริษัทตกลงซื้อ Windsurf ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดด้วย AI ในมูลค่า 3 พันล้านเหรียญ ก่อนหน้านั้น OpenAI ได้เข้าซื้อบริษัทฐานข้อมูลวิเคราะห์ Rockset ในปี 2024 โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Ive ประกาศในปี 2019 ว่าเขาจะลาออกจาก Apple ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบมาอย่างยาวนาน เพื่อก่อตั้งบริษัท LoveFrom โดยในปี 2020 Airbnb เปิดเผยว่า Ive ให้คำปรึกษากับบริษัทในด้านการสรรหาบุคลากรและผลิตภัณฑ์ในอนาคต ขณะที่ The New York Times รายงานเมื่อปีที่แล้วว่า ลูกค้าของ LoveFrom จ่ายเงินให้บริษัทมากถึง 200 ล้านเหรียญต่อปี และในขณะนั้น นักออกแบบของบริษัทกำลังทำโปรเจกต์ให้กับ Christie’s, Airbnb และ Ferrari&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เว็บไซต์ของ LoveFrom ระบุว่าบริษัทก่อตั้งโดย Ive และนักออกแบบ Marc Newson แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่บริษัททำ หรือกล่าวถึงบริษัท io แต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Ive เป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPod, iPhone, iPad และ MacBook Air เขายังมีส่วนช่วยออกแบบสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ที่ชื่อว่า Apple Park ซึ่งเริ่มโครงการในปี 2004 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2019&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข่าวการเข้าซื้อกิจการนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ OpenAI ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีมูลค่าประเมินอยู่ที่ 300 พันล้านเหรียญจากรอบการระดมทุนที่นำโดย SoftBank กำลังเร่งสร้างความได้เปรียบในสงครามด้าน AI ซึ่งมีคู่แข่งอย่าง Google, Anthropic และ xAI ของ Elon Musk ที่ลงทุนอย่างหนักและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เป็นประจำ และหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำคือการเสริมความแข็งแกร่งด้านฮาร์ดแวร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ด้านฮาร์ดแวร์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น OpenAI ได้จ้างอดีตหัวหน้าโครงการแว่นตาเสมือนจริง Orion ของ Meta มาทำหน้าที่หัวหน้าทีมด้านหุ่นยนต์และฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Caitlin “CK” Kalinowski เขียนในประกาศขณะนั้นว่าบทบาทของเธอจะ “เริ่มต้นด้วยการมุ่งเน้นที่งานด้านหุ่นยนต์ของ OpenAI และการสร้างความร่วมมือเพื่อช่วยนำ AI สู่โลกแห่งความเป็นจริงและสร้างประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนเดียวกัน OpenAI ยังได้ลงทุนในบริษัทหุ่นยนต์ชื่อ Physical Intelligence ซึ่งตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก โดยบริษัทนี้ระดมทุนได้ 400 ล้านเหรียญ ขณะที่มูลค่าพุ่งแตะบริษัท 2.4 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้ การระดมทุนดังกล่าวมีผู้ลงทุนหลายรายรวมถึง Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบริษัทดังกล่าวมุ่งเน้นการ “นำ AI อเนกประสงค์เข้าสู่โลกจริง” ด้วยการพัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่และอัลกอริทึมเพื่อใช้ควบคุมหุ่นยนต์ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2025/05/21/openai-buys-iphone-designer-jony-ive-device-startup-for-6point4-billion.html" alt="OpenAI is buying iPhone designer Jony Ive’s AI devices startup for $6.4 billion">OpenAI is buying iPhone designer Jony Ive’s AI devices startup for $6.4 billion</a>ภาพ: <a target="_blank" href="https://openai.com/sam-and-jony/" alt="OpenAI">OpenAI</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/global/openai-ceo-says-gen-z-using-chatgpt-like-a-life-adviser" alt="ยุคแห่งการมี AI เป็นเพื่อน! Gen Z ใช้ ChatGPT เป็นที่ปรึกษา ทั้งจัดการความสัมพันธ์-วางแผนอาชีพ">ยุคแห่งการมี AI เป็นเพื่อน! Gen Z ใช้ ChatGPT เป็นที่ปรึกษา ทั้งจัดการความสัมพันธ์-วางแผนอาชีพ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OpenAI ซื้อสตาร์ทอัป AI ของ Jony Ive ผู้ออกแบบ iPhone ด้วยมูลค่า 6.4 พันล้านเหรียญ

<h2>ยินดีต้อนรับสู่ยุค ChatGPT Generation! ซีอีโอ OpenAI เผยคน Gen Z ใช้ ChatGPT มากสุด ที่น่าสนใจคือใช้เป็นที่ปรึกษาชีวิต ให้ช่วยตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตจริง ส่วนคนมีอายุมากกว่าใช้ค้นหาข้อมูลแทน Google</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Gen Z ไม่ได้ใช้ ChatGPT แค่ทำการบ้านหรือหาข้อมูลเรื่องเกร็ดความรู้อย่างที่หลายคนคิด แต่พวกเขากำลังใช้มันเพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตจริง ตั้งแต่การจัดการความสัมพันธ์ไปจนถึงการวางแผนเส้นทางอาชีพ หลายคนในกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่หันมาใช้แชตบอท AI ตัวนี้เสมือนเป็น “เพื่อนปรึกษาดิจิทัล” ประจำตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI พูดถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในงาน AI Ascent ที่จัดโดย Sequoia Capital เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา การสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในช่อง YouTube ของ Sequoia โดยเป็นภาพสะท้อนการใช้งาน ChatGPT ในแต่ละช่วงวัย ซึ่งดูเหมือนว่า Gen Z จะใช้มากที่สุดและลึกซึ้งที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พวกเขาแทบไม่ตัดสินใจเรื่องชีวิตโดยไม่ถาม ChatGPT ก่อนว่าควรทำอย่างไร” Altman กล่าว “มันรู้บริบททั้งหมดของทุกคนในชีวิตพวกเขา และทุกบทสนทนาที่เคยมีร่วมกัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Altman กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ใช้อายุน้อยไม่ได้แค่พูดคุยเล่นๆ กับ AI เท่านั้น แต่ยังสร้างกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน รอบตัว AI ด้วย “พวกเขาใช้มันเหมือนเป็นระบบปฏิบัติการเลย” เขากล่าว “พวกเขาตั้งค่ามันให้เชื่อมกับไฟล์จำนวนมาก และมี prompt ที่ซับซ้อนอยู่ในหัว หรือในที่ที่สามารถคัดลอก/วางได้ทันที”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้เขาจะยอมรับว่าสิ่งที่พูดเป็น “การเหมารวมแบบหยาบๆ” แต่ก็สังเกตเห็นแนวโน้มที่แตกต่างตามช่วงวัยชัดเจน ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-คนที่มีอายุมากกว่าจะใช้ ChatGPT แทน Google&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-คนอายุ 20-30 ปีใช้มันเป็นที่ปรึกษาชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นักศึกษามหาวิทยาลัยใช้มันเหมือนระบบปฏิบัติการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในรายงานของ OpenAI เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นกลุ่มที่มีปฏิสัมพันธ์กับ ChatGPT มากที่สุด ไม่ใช่แค่ในแง่จำนวน แต่รวมถึงความลึกซึ้งในการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมากกว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันอายุ 18–24 ปีใช้ ChatGPT ซึ่งทำให้เป็นกลุ่มอายุที่ใช้งานมากที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แนวโน้มนี้เริ่มลามไปถึงวัยที่อายุน้อยกว่าอีก จากผลสำรวจของ Pew Research เมื่อเดือนมกราคม 2024 พบว่า วัยรุ่นอเมริกันอายุ 13–17 ปี มีถึง 26% ที่ใช้ ChatGPT ในการทำการบ้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2023 แสดงให้เห็นว่าเยาวชนกำลังเติบโตมาพร้อมกับ AI ไม่ใช่แค่ในฐานะเครื่องมือ แต่เป็นเหมือน “ผู้ให้คำแนะนำดิจิทัล” ที่อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถึงแม้แชตบอทที่ล้ำสมัยจะยังเป็นเรื่องใหม่ แต่วัยรุ่นก็ใช้มันมากจนน่ากังวล ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐแคลิฟอร์เนียถึงกับเสนอร่างกฎหมายให้บริษัท AI ต้องเตือนผู้ใช้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะว่า “พวกเขากำลังคุยกับเครื่องจักร ไม่ใช่มนุษย์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน รายงานจาก Common Sense Media และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในเดือนเมษายนก็ระบุว่า “เด็กไม่ควรใช้บริการ AI ที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนสนิทหรือผู้ติดตาม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท้ายที่สุด ในพอดแคสต์ของ Lex Fridman เมื่อไม่นานมานี้ Altman เน้นถึงความสำคัญของการสร้าง AI ที่สามารถพัฒนาไปพร้อมกับผู้ใช้ “ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการ... คือโมเดลที่สามารถรู้จักตัวตนของเรา และมีประโยชน์กับเรามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://qz.com/chatgpt-open-ai-sam-altman-genz-users-students-1851780458" alt="Sam Altman's Gen Z brag: 'They don’t really make life decisions without asking ChatGPT'">Sam Altman's Gen Z brag: 'They don’t really make life decisions without asking ChatGPT'</a> ภาพ:&nbsp;JOEL SAGET / AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/global/duolingo-will-replace-contract-workforce-with-ai" alt="เอาด้วยไหมถ้าให้ AI สอนภาษา? Duolingo ประกาศเลิกจ้างพนักงานบางส่วน และนำ AI มาช่วยผลิตคอนเทนต์แทน">เอาด้วยไหมถ้าให้ AI สอนภาษา? Duolingo ประกาศเลิกจ้างพนักงานบางส่วน และนำ AI มาช่วยผลิตคอนเทนต์แทน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ยุคแห่งการมี AI เป็นเพื่อน! Gen Z ใช้ ChatGPT เป็นที่ปรึกษา ทั้งจัดการความสัมพันธ์-วางแผนอาชีพ

<h2>ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางตลอดปี 2024 และบรรดาผู้นำในแวดวงเทคต่างก็มองว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในปี 2025 นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คน ไม่ว่าจะในเชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มุมมองการคาดคะเนของเหล่าผู้นำแวดวงเทคชี้ว่า ภาพรวมของ AI ในปี 2025 ยังคงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หลายคนยืนยันตรงกันว่า การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะกระทบกับงานต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sam Altman ซีอีโอ OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT เผยทางบล็อกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ผู้ช่วย AI จะรุกเข้าสู่ตลาดแรงงานในปีนี้ และจะ “เปลี่ยนแปลงการทำงานของบริษัทต่างๆ อย่างมาก” โดยนับตั้งแต่ Generative AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ทำให้ความวิตกกังวลด้านความมั่นคงทางอาชีพของคนทำงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/sgVbB4hi3o9XrVsp33fV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="sgVbB4hi3o9XrVsp33fV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Agentic AI คือเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนา AI ทั้งหลายมองว่าสามารถเข้ามาทำงานเคียงข้างพนักงานในฐานะเพื่อนร่วมงานดิจิทัล โดย Agentic AI เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่ทำงานซับซ้อนได้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องป้อน prompt หลายๆ ครั้งแบบ Generative AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรายังคงเชื่อว่าการส่งมอบเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้คนอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และทั่วถึง” Altman กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีนี้ยังเป็นปีที่เราจะได้รู้กันว่า หนึ่งในการคาดคะเนของ Bill Gates จะเป็นจริงได้หรือไม่ เขาเคยพูดเอาไว้ในหลายๆ โอกาสที่ผ่านมา ว่า 2 ใน 3 ของงานต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาต้องการบุคลากรที่มีความรู้สูงกว่าระดับมัธยมปลายในปี 2025​แรงงานกำลังวิวัฒน์สู่ยุคใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ADP บริษัทให้บริการเครื่องมือด้านทรัพยากรบุคคลมีการใช้ AI มาสนับสนุนงานตัวแทนขาย ใช้ Generative AI ช่วยเหลือในการเตรียมข้อมูลสำหรับนักลงทุน และอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Don McGuire ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ ADP เผยกับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่าบริษัทจะยังคงลงทุนใน AI และจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ต่อไปในปี 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน Werner Vogels ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amazon เผยแพร่บล็อกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมายมากขึ้นและกำลัง “พลิกโฉมความสัมพันธ์ที่มีต่อโลกดิจิทัล” ซึ่งผู้คนต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีเหนือการเรียกร้องความสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แรงงานในวันพรุ่งนี้จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จทางการเงินและความก้าวหน้าในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการที่ลึกซึ้งกว่า ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่โลกใบนี้” Vogels เผย <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/Z88V9sZdw3ztPgEbohb8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Z88V9sZdw3ztPgEbohb8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างเข้ามามีส่วนร่วมกับแรงงาน Vogels กล่าวว่า “การปฏิวัติเงียบ” กำลังเกิดขึ้นในหมู่คนทำงานที่ให้คุณค่ากับการสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อสังคมเหนือความสำเร็จทางการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับสิ่งดีๆ กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญทั้งในแง่จริยธรรมและแง่ผลกำไร” Vogels กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาวมิลเลนเนียลและ Gen Z ต่างเป็นผู้นำในการมุ่งแสวงหาเป้าหมายในการทำงาน แต่ Vogels มองว่าเทรนด์นี้มีแรงขับเคลื่อนมาจากกลุ่มคนรุ่นอื่นๆ และตลาดงานด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Clement Delangue ซีอีโอ Hugging Face บริษัทสตาร์ทอัพ AI คาดการณ์ในสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า เขาเผยบนแพลตฟอร์ม LinkedIn ว่า “การต่อต้านใหญ่ของสาธารณชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ AI ครั้งแรก” จะมาถึงในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคหลุดพ้นเทคโนโลยีดูดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการคาดการณ์ของ Vogels พบว่า ผู้ใช้งานเทคโนโลยีจะมองหาวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างมีจุดประสงค์มากขึ้น ในปี 2015 เขากล่าวว่าความเชื่อมโยงระหว่างการใช้งานโซเชียลมีเดียและปัญหาด้านสุขภาพจิตในวัยรุ่น เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนว่าทุกคนต้องหันกลับมาคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ที่มีต่อกับเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกๆ การเลื่อนดู พาดหัว และการแจ้งเตือนต่างก็ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อเหนี่ยวรั้ง (เวลา) เราเอาไว้” Vogels ชี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งผู้คนมีความรอบคอบเรื่องเวลาการใช้งานหน้าจอ (Screen Time) มากขึ้น หลายคนก็หันมาตั้งกฎกติกาสำหรับตัวเองหรือลูกๆ ของพวกเขา โดยมีบางส่วนมองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น มือถือแบบเก่าที่ใช้งานได้แค่โทร.เข้า-ออก ไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/hUrJrXe4DfikwWaQcksM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="hUrJrXe4DfikwWaQcksM.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน Delangue คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคบางกลุ่มจะซื้ออุปกรณ์ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย Tesla และบริษัทนวัตกรรมหุ่นยนต์อื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จะมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์ AI ส่วนตัวอย่างน้อย 100,000 ตัวล่วงหน้า” Delangue เผยผ่าน LinkedIn แผนภาษีอาจส่งผลกระทบเอกชนจนต้องพับโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Donald Trump จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ และเขาก็มีนโยบายปรับกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ให้สูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jacob Channel นักเศรษฐศาสตร์จาก LendingTree เคยให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า หาก Trump ดำเนินนโยบายด้านภาษีดังที่เคยลั่นวาจาไว้ ผู้บริโภคก็เตรียมตัวเผชิญกับราคาสินค้าต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นได้เลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Michael Perica ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัทซอฟต์แวร์ Rimini Street เผยกับ The Journal ว่า บริษัทต่างๆ อาจมีตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษี และธุรกิจมากมายจะต้องปรับกลยุทธ์เตรียมพร้อมสำหรับปัญหาด้านซัพพลายเชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แน่นอนว่าเรากำลังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพวกเขา พิจารณา และประเมินว่าโครงการไหนที่ ‘อยากให้มี’ โครงไหนที่ ‘จำเป็นต้องมี’” Perica กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.businessinsider.com/tech-leaders-bill-gates-amazon-cto-share-2025-predictions-2025-1" alt="Bill Gates, Sam Altman, and other tech leaders share their predictions for 2025">Bill Gates, Sam Altman, and other tech leaders share their predictions for 2025</a>​ภาพ: Solen Feyissa, Julian Christ &amp; Austin Distel on Unsplash เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/time-management-of-successful-leaders" alt="‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก">‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดมุมมองอนาคตปี 2025 จากสายตาบรรดาผู้นำในวงการเทคระดับโลก

ดาบสองคมในมือ OpenAI เมื่อปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะเกินไปจนอาจเป็นภัยต่อมนุษย์

<h2>เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานว่า Elon Musk เจ้าพ่อ X และ Tesla ได้ทำการฟ้องร้อง Sam Altman ซีอีโอแห่ง OpenAI รวมถึงตัวบริษัทโดยกล่าวหาว่า พวกเขาละทิ้งจุดประสงค์ดั้งเดิมในการทำเพื่อมนุษยชาติ แล้วหันมาแสวงหาผลกำไรแทน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา OpenAI ต้องเผชิญกับคดีความต่างๆ มากมาย โดยมักเป็นประเด็นเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูลที่นำมาใช้ฝึกฝนแชทบอตอัจฉริยะ ChatGPT ทว่าล่าสุด Elon Musk ได้ฟ้องทั้ง Sam Altman และ OpenAI ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันที่จริง Musk ได้จับตามองสถานการณ์ของบริษัทพัฒนา AI รายนี้มาตั้งแต่เหตุการณ์ไล่ Sam Altman ออกและเรียกตัวเขากลับไปดำรงตำแหน่งซีอีโอเมื่อปลายปีที่แล้ว อ้างอิงจากคำร้องที่กล่าวว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;“สาธารณชนยังคงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเบื้องหลัง ‘กระบวนการปรึกษาหารือ’ ของบอร์ดบริหารที่มีมติให้ปลดคุณ Altman ออก อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เห็นได้แน่ชัดสำหรับคุณ Musk และสาธารณชนจำนวนมากคือ OpenAI ได้ละทิ้งเป้าหมายเดิมแล้วหันมาแสวงหาผลกำไรแทน”&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีการเอ่ยถึง Microsoft ถึง 68 ครั้ง โดยชี้ว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้มีอิทธิพลเหนือ OpenAI และในการจับมือเป็นพันธมิตรกันเมื่อเร็วๆ นี้นั้น แท้จริงแล้ว OpenAI ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการเป็นบริษัทย่อยของ Microsoft&nbsp; &nbsp;&nbsp;คำร้องเรียนยังระบุด้วยว่า “ภายใต้บอร์ดบริหารชุดใหม่” OpenAI กำลังพยายามสร้าง Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกว่า AI ธรรมดา “เพื่อเพิ่มกำไรมหาศาลให้แก่ Microsoft เหนือกว่าการทำเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ” Elon Musk ย้อนรำลึกอดีต&nbsp; &nbsp;&nbsp;หากมองย้อนกลับไปในอดีต Elon Musk ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เขาคือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังของการก่อตั้ง OpenAI เมื่อปี 2015 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อวิจัยสร้าง AGI สำหรับมนุษยชาติ เขาเคยบอกว่าได้สนับสนุนเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่สตาร์ทอัพรายนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ณ เวลานั้น ทั้ง Musk และ Altman ต่างก็กังวลว่า Google ซึ่งตอนนั้นยังครองตำแหน่งผู้นำด้าน AI จะละเลยการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีดังกล่าว กระทั่งปี 2018 ด้วยความไม่ลงรอยกันเรื่องแนวทางการบริหาร กอปรกับความต้องการทุ่มเทให้ Tesla ทำให้ Musk ลาออกจากบอร์ดบริหาร OpenAI&nbsp; &nbsp;&nbsp;มหาเศรษฐีแห่ง Tesla เคยเผยที่มาที่ไปของสตาร์ทอัพ AI รายนี้ด้วยว่า “OpenAI ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นซอฟต์แวร์ที่ใครๆ ก็ใช้ได้ (Open Source) มาคานอำนาจกับ Google” ซึ่งก็คือเหตุผลที่เขาตั้งชื่อให้มันว่า ‘Open’ AI&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ตอนนี้พวกเขาได้กลายมาเป็นบริษัทแสวงหาผลกำไรอย่างสุดโต่ง จำกัดสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และอยู่ภายใต้การควบคุมของ Microsoft ไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้เลยสักนิดเดียว” Musk กล่าว OpenAI โต้กลับข้อกล่าวหา&nbsp; &nbsp;&nbsp;ล่าสุด Jason Kwon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ OpenAI ได้ออกมาโต้ประเด็นที่ Musk บอกว่าพวกเขากลายเป็นบริษัทย่อยของ Microsoft ผ่านทางเอกสารภายในบริษัทพร้อมตอกกลับไปว่า ข้อกล่าวหานี้ “คงเกิดจากความเศร้าเสียใจของ Elon ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับบริษัทในวันนี้”&nbsp; &nbsp;&nbsp;“เป้าหมายของบริษัทคือการทำให้มั่นใจว่า AGI จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ” Kwon ยืนยันเพิ่มเติม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้าน Sam Altman ผู้เป็นซีอีโอแห่ง OpenAI เรียก Musk ว่าเป็นฮีโร่ของเขาในเอกสารอีกฉบับ และบอกว่าเขาคิดถึง Musk คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ในฐานะผู้ที่คอยหาหนทางแข่งขันกับคนอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีกว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในส่วนความคืบหน้าของคดี คงจะต้องจับตารอดูความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝั่งกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วจะลงเอยแบบใด แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/03/01/tech/elon-musk-lawsuit-openai-sam-altman/index.html" alt="Elon Musk sues OpenAI and CEO Sam Altman for breach of contract">Elon Musk sues OpenAI and CEO Sam Altman for breach of contract</a>​ ​<a href="https://time.com/6836815/the-key-issue-behind-elon-musks-lawsuit-against-openai/" alt="Why Elon Musk Is Suing OpenAI and Sam Altman">Why Elon Musk Is Suing OpenAI and Sam Altman</a>​ ​<a href="https://philanthropynewsdigest.org/news/elon-musk-expresses-discontent-over-openai-transition-to-for-profit" alt=" Elon Musk expresses discontent over OpenAI transition to for-profit">Elon Musk expresses discontent over OpenAI transition to for-profit</a>​ ​<a href="https://www.pymnts.com/artificial-intelligence-2/2024/openai-pushes-back-against-claims-in-musk-lawsuit/" alt="OpenAI Pushes Back Against Claims in Musk Lawsuit">OpenAI Pushes Back Against Claims in Musk Lawsuit</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/mark-zuckerberg-does-not-like-delegating-responsibility" alt="“ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน” วิถีแห่งผู้นำที่ Mark Zuckerberg ขอไม่เอาด้วย">“ให้คนอื่นทำหน้าที่แทน” วิถีแห่งผู้นำที่ Mark Zuckerberg ขอไม่เอาด้วย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events