เปิดมุมมองอนาคตปี 2025 จากสายตาบรรดาผู้นำในวงการเทคระดับโลก - Forbes Thailand

เปิดมุมมองอนาคตปี 2025 จากสายตาบรรดาผู้นำในวงการเทคระดับโลก

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางตลอดปี 2024 และบรรดาผู้นำในแวดวงเทคต่างก็มองว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในปี 2025 นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คน ไม่ว่าจะในเชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม


    มุมมองการคาดคะเนของเหล่าผู้นำแวดวงเทคชี้ว่า ภาพรวมของ AI ในปี 2025 ยังคงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หลายคนยืนยันตรงกันว่า การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะกระทบกับงานต่างๆ

    Sam Altman ซีอีโอ OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT เผยทางบล็อกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ผู้ช่วย AI จะรุกเข้าสู่ตลาดแรงงานในปีนี้ และจะ “เปลี่ยนแปลงการทำงานของบริษัทต่างๆ อย่างมาก” โดยนับตั้งแต่ Generative AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ทำให้ความวิตกกังวลด้านความมั่นคงทางอาชีพของคนทำงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย



    Agentic AI คือเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนา AI ทั้งหลายมองว่าสามารถเข้ามาทำงานเคียงข้างพนักงานในฐานะเพื่อนร่วมงานดิจิทัล โดย Agentic AI เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่ทำงานซับซ้อนได้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องป้อน prompt หลายๆ ครั้งแบบ Generative AI

    “เรายังคงเชื่อว่าการส่งมอบเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้คนอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และทั่วถึง” Altman กล่าว

    ปีนี้ยังเป็นปีที่เราจะได้รู้กันว่า หนึ่งในการคาดคะเนของ Bill Gates จะเป็นจริงได้หรือไม่ เขาเคยพูดเอาไว้ในหลายๆ โอกาสที่ผ่านมา ว่า 2 ใน 3 ของงานต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาต้องการบุคลากรที่มีความรู้สูงกว่าระดับมัธยมปลายในปี 2025

แรงงานกำลังวิวัฒน์สู่ยุคใหม่

    ADP บริษัทให้บริการเครื่องมือด้านทรัพยากรบุคคลมีการใช้ AI มาสนับสนุนงานตัวแทนขาย ใช้ Generative AI ช่วยเหลือในการเตรียมข้อมูลสำหรับนักลงทุน และอื่นๆ

    Don McGuire ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ ADP เผยกับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่าบริษัทจะยังคงลงทุนใน AI และจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ต่อไปในปี 2025

    ด้าน Werner Vogels ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amazon เผยแพร่บล็อกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมายมากขึ้นและกำลัง “พลิกโฉมความสัมพันธ์ที่มีต่อโลกดิจิทัล” ซึ่งผู้คนต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีเหนือการเรียกร้องความสนใจ

    “แรงงานในวันพรุ่งนี้จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จทางการเงินและความก้าวหน้าในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการที่ลึกซึ้งกว่า ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่โลกใบนี้” Vogels เผย



    ยิ่งเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างเข้ามามีส่วนร่วมกับแรงงาน Vogels กล่าวว่า “การปฏิวัติเงียบ” กำลังเกิดขึ้นในหมู่คนทำงานที่ให้คุณค่ากับการสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อสังคมเหนือความสำเร็จทางการเงิน

    “การนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับสิ่งดีๆ กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญทั้งในแง่จริยธรรมและแง่ผลกำไร” Vogels กล่าว

    ชาวมิลเลนเนียลและ Gen Z ต่างเป็นผู้นำในการมุ่งแสวงหาเป้าหมายในการทำงาน แต่ Vogels มองว่าเทรนด์นี้มีแรงขับเคลื่อนมาจากกลุ่มคนรุ่นอื่นๆ และตลาดงานด้วยเช่นกัน

    Clement Delangue ซีอีโอ Hugging Face บริษัทสตาร์ทอัพ AI คาดการณ์ในสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า เขาเผยบนแพลตฟอร์ม LinkedIn ว่า “การต่อต้านใหญ่ของสาธารณชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ AI ครั้งแรก” จะมาถึงในปี 2025 นี้


ผู้บริโภคหลุดพ้นเทคโนโลยีดูดเวลา

    จากการคาดการณ์ของ Vogels พบว่า ผู้ใช้งานเทคโนโลยีจะมองหาวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างมีจุดประสงค์มากขึ้น ในปี 2015 เขากล่าวว่าความเชื่อมโยงระหว่างการใช้งานโซเชียลมีเดียและปัญหาด้านสุขภาพจิตในวัยรุ่น เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนว่าทุกคนต้องหันกลับมาคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ที่มีต่อกับเทคโนโลยี

    “ทุกๆ การเลื่อนดู พาดหัว และการแจ้งเตือนต่างก็ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อเหนี่ยวรั้ง (เวลา) เราเอาไว้” Vogels ชี้

    ยิ่งผู้คนมีความรอบคอบเรื่องเวลาการใช้งานหน้าจอ (Screen Time) มากขึ้น หลายคนก็หันมาตั้งกฎกติกาสำหรับตัวเองหรือลูกๆ ของพวกเขา โดยมีบางส่วนมองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น มือถือแบบเก่าที่ใช้งานได้แค่โทร.เข้า-ออก ไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้



    ส่วน Delangue คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคบางกลุ่มจะซื้ออุปกรณ์ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย Tesla และบริษัทนวัตกรรมหุ่นยนต์อื่นๆ

    “จะมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์ AI ส่วนตัวอย่างน้อย 100,000 ตัวล่วงหน้า” Delangue เผยผ่าน LinkedIn


แผนภาษีอาจส่งผลกระทบเอกชนจนต้องพับโครงการ

    Donald Trump จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ และเขาก็มีนโยบายปรับกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ให้สูงขึ้น

    Jacob Channel นักเศรษฐศาสตร์จาก LendingTree เคยให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า หาก Trump ดำเนินนโยบายด้านภาษีดังที่เคยลั่นวาจาไว้ ผู้บริโภคก็เตรียมตัวเผชิญกับราคาสินค้าต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นได้เลย

    Michael Perica ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัทซอฟต์แวร์ Rimini Street เผยกับ The Journal ว่า บริษัทต่างๆ อาจมีตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษี และธุรกิจมากมายจะต้องปรับกลยุทธ์เตรียมพร้อมสำหรับปัญหาด้านซัพพลายเชน

    “แน่นอนว่าเรากำลังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพวกเขา พิจารณา และประเมินว่าโครงการไหนที่ ‘อยากให้มี’ โครงไหนที่ ‘จำเป็นต้องมี’” Perica กล่าว


แปลและเรียบเรียงจาก Bill Gates, Sam Altman, and other tech leaders share their predictions for 2025

ภาพ: Solen Feyissa, Julian Christ & Austin Distel on Unsplash


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine