<h2> </h2><h2>เคทีซีแจ้งงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 5,534 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 1,857 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัว 10% อยู่ที่ 106,701 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 2567 ขยายพอร์ตสินเชื่อรวมโตเพิ่ม 10% </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ระเฑียร&nbsp; ศรีมงคล&nbsp; ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ความต้องการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคขยายตัวมากขึ้น รวมถึงเป็นปัจจัยบวกให้ผลการดำเนินงานของเคทีซีเติบโตต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 14.9% และมีส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเท่ากับ 12.1% ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ในขณะที่สัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) อยู่ที่ 6.2% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม”&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/RtZc8u5HPkap16qHf4RR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RtZc8u5HPkap16qHf4RR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในส่วนของธุรกิจเคทีซีตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา พอร์ตบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีมูลค่าพอร์ตรวมเท่ากับ 106,701 ล้านบาท เติบโต 10% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มบริษัท (NPL) รวมเท่ากับ 2.3% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยพอร์ตบัตรเครดิตยังขยายตัวได้ดีตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์การใช้จ่ายเพื่อการบริโภค รวมทั้งพอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ที่เติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยเน้นให้พอร์ตเติบโตคู่ไปกับการคัดกรองคุณภาพลูกหนี้ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ด้านสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มียอดสินเชื่อใหม่มูลค่า 1,929 ล้านบาท”&nbsp;&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของเคทีซี ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือน และไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 5,534 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.2%) และ 1,857 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.7%) ตามลำดับ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/bkxFfhhqu1oaTjYsBot2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bkxFfhhqu1oaTjYsBot2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เมื่อดูตัวเลขไตรมาส 3/2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 9.8% เท่ากับ 6,461 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 13.4% เท่ากับ 4,170 ล้านบาท จากการที่พอร์ตสินเชื่อขยายตัว ทำให้มีการตั้งสำรองมากขึ้น เป็นผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Losses - ECL)&nbsp;จำนวน 1,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยข้อมูลวันที่ 30 กันยายน 2566 เคทีซีมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้นเท่ากับ 62,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% โดยมีสัดส่วนโครงสร้างแหล่งเงินทุนเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) 23% และเงินกู้ยืมระยะยาว 77% มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินรวม (Total Short -Term Credit Line) 29,371 ล้านบาท (รวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 19,061 ล้านบาท) ใช้วงเงินระยะสั้นไป 5,221 ล้านบาท และมีวงเงินคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 24,150 ล้านบาท ต้นทุนการเงิน 2.7% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.07 เท่า ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 ที่ 2.14 เท่า และต่ำกว่าภาระผูกพันที่ 10 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เคทีซียังดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางการบริหารจัดการด้านการให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะจำนวน 1,802 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.8% ของพอร์ตลูกหนี้รวม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความคืบหน้าด้านมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (Consultation Paper) เกี่ยวกับร่าง “หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม” (Responsible Lending: RL) และร่าง “กลไกการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อรายย่อย” (Risk-Based Pricing :RBP) ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทางเคทีซีมั่นใจว่าหลักเกณฑ์ที่จะออกมาบังคับใช้ จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญใดๆ ต่อการดำเนินงาน&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของเคทีซียังเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2567 ด้วยว่า "เคทีซีวางเป้าเติบโตใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” โดยมีเป้าหมายการทำธุรกิจให้มีกำไรสูงขึ้นกว่าปี 2566 พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัว 10% ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างเหมาะสม&nbsp; NPL รวมอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโต 15% จากปี 2566&nbsp; สินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ตั้งเป้าเติบโต 5% และสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ตั้งเป้ายอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ปี 2567 ที่ 6,000 ล้านบาท”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/vRF9hpBDNqCZyyUDcwdx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="vRF9hpBDNqCZyyUDcwdx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="2"></figure></div> ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/ymDdxzSTnXn3X7iJ57CM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ymDdxzSTnXn3X7iJ57CM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="3"></figure></div> ​อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/sanga-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1-%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5" alt="SANGA เปิดลงทุนรูปแบบใหม่ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล">SANGA เปิดลงทุนรูปแบบใหม่ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เคทีซี เผยตัวเลข 9 เดือน กำไรสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 ขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่ม 10% 

<h2>เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ได้มีมติแต่งตั้งนางพิทยา วรปัญญาสกุล ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แทนนายระเฑียร ศรีมงคล ที่จะครบกำหนดการขยายเวลาเกษียณอายุ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิทยา วรปัญญาสกุล ร่วมงานในสายงานการตลาดกับเคทีซีมายาวนานถึง 26 ปี และมีบทบาทสำคัญในการร่วมผลักดันองค์กรเคทีซีให้เติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันพิทยาดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มงานการตลาดและสื่อสารองค์กร (Chief Marketing &amp; Communications Officer) ที่ “เคทีซี” โดยดูแลสายงานการตลาดบัตรเครดิต การตลาดดิจิทัลและช่องทางออนไลน์ รวมทั้งสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์องค์กร ก่อนหน้านี้เป็นกรรมการและกรรมการตรวจสอบ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจจัดการกองทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิทยา วรปัญญาสกุล จบปริญญาตรี บริหารธุรกิจการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยแห่งฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับประกาศนียบัตรจากการฝึกอบรมหลักสูตรนานาชาติ อาทิ หลักสูตร Orchestrating Winning Performance จาก International Institute for Management Development (IMD) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หลักสูตร Associate Certified Coach (ACC) TM จากสถาบัน International Coaching Federation (ICF) ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตร Developing International Coach “Coaching Essentials and Principles Certification Program” จาก AcComm Group หลักสูตร TCLA Executive Development Program (EDP): Building Regional Leaders หลักสูตร Strategic Thinking Pure &amp; Simple และ Leader as a coach จาก PacRim Group &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

บอร์ดเคทีซีมีมติแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ มีผลวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

<h2>"เคทีซี" ปรับกลยุทธ์การตลาดธุรกิจบัตรเครดิตครึ่งปีหลังปี 2564 ชู Partnership Marketing หนุนธุรกิจพันธมิตรเน้นความคุ้มค่ากับสิทธิพิเศษในหมวดประกันและชอปปิงออนไลน์ สอดคล้องกระแสการเติบโต พร้อมพัฒนาแอปเพิ่มความสะดวกให้สมาชิก</h2>
<img class="aligncenter wp-image-47976 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/คุณพิทยา-002.jpg" alt="พิทยา วรปัญญาสกุล" width="720" height="480" />

พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 มียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีอยู่ที่ 9.4 หมื่นล้านบาทหรือเติบโต 4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ประกันภัย น้ำมัน วาไรตี้ สโตร์ เช่น Shopee, Lazada ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาลและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นหมวดที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน

ขณะที่มีปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจำนวน 2.5 ล้านบาท โดยสมาชิกบัตรใหม่ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 95,000 ใบจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 230,000 ใบ ซึ่งช่องทางขยายฐานสมาชิกที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ สาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ และหน่วยงาน Outsource Sales โดยอัตราการอนุมัติบัตรเครดิตใหม่อยู่ที่ 36% กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป สัดส่วนสมาชิกอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 55% และจังหวัดอื่นๆ 45%

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงมีเป้าหมายให้สมาชิกเลือกใช้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นอันดับแรก และเป็นบัตรที่ใช้เป็นประจำในทุกวัน (Default Card) โดยศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกที่มีการปรับเปลี่ยนจากผลกระทบของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และวิกฤตโควิด-19 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ความคุ้มค่าที่ตรงใจสมาชิกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหมวดประกันภัยที่มียอดใช้จ่ายสูงเป็นอันดับหนึ่ง และหมวดชอปปิงออนไลน์ที่ยอดใช้จ่ายเติบโตอย่างมาก

นอกจากนั้น บริษัทยังมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิก ซึ่งปัจจุบันสมาชิกโหลดใช้งานแอป ​KTC Mobile ประมาณ 1.8 ล้านราย โดยการพัฒนาศักยภาพของแอป KTC Mobile ให้มีบริการที่สะดวก เน้นการใช้งานง่าย และรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกที่คุ้นชินกับการทำรายการแบบออนไลน์

ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับพันธมิตรทางธุรกิจตามแนวทางการตลาดแบบ Partnership Marketing ด้วยเทคนิคการสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน โดยให้บริการด้านการชำระเงินที่หลากหลาย และการผนึกกำลังใช้จุดแข็งคะแนน KTC FOREVER เพิ่มความคุ้มค่าให้สมาชิกและสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจ การใช้พื้นที่สื่อของเคทีซีในการช่วยประชาสัมพันธ์กิจการของพันธมิตร รวมถึงเคทีซียังมี KTC U SHOP ซึ่งเป็นบริการขายสินค้าออนไลน์ที่ใช้เป็นช่องทางในการสนับสนุนพันธมิตรและผู้ประกอบการที่สนใจนำเสนอสินค้าให้แก่สมาชิกบัตรฯ โดยสมาชิกสามารถชำระด้วยคะแนน KTC FOREVER หรือบัตรเครดิตเคทีซีได้

“ในปี 2564 ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว เคทีซีจึงมุ่งเน้นการพัฒนาระบบ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของสมาชิก ประสานงานกับพันธมิตรธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อเศรษฐกิจกลับมาแข็งแรงขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซียังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง” พิทยากล่าวปิดท้าย

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:  <a href="https://forbesthailand.com/news/other/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%ad%e0%b8%a0%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2.html">10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KTC ปรับกลยุทธ์บัตรรับเทรนด์ประกันโต

<h2>จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ผลพวงจากการระบาดของโควิด 19 จนถึงกระแสดิสรัปชั่นที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายภาคส่วน ได้ทำให้ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เดินหน้าธุรกิจอย่างระมัดระวัง เน้น “ปรับตัว” รองรับกับการเปลี่ยนแปลง มุ่งทำธุรกิจทำกำไร มั่นใจปี 2564 สามารถทำกำไร new high ได้</h2>
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC กล่าวว่า สิ่งที่ KTC ต้องทำปี 2564 คือ ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นในวันนี้ ไม่แน่ใจว่าบริษัทจะเห็นหมดหรือยัง โดยบริษัทเชื่อว่า ยังมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆนับจากนี้ ดังนั้น หากใครปรับตัวได้เร็วกว่า ก็จะได้เปรียบมากกว่าคนอื่น

“เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ...กลยุทธ์ของเราที่ทำอยู่คือ ถ้ามันไม่เสร็จ เราจะไม่ประกาศ ดังนั้น สิ่งที่เราประกาศคือ สิ่งที่ทำเสร็จแล้ว” ระเฑียร กล่าว

กลยุทธ์หลักๆ ของ KTC ปี 2564 คือ ปรับตัวเข้ากับภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะดิสรัปชั่นภายใต้ 2 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจ payment โดยจะเข้าไปดูใน eco system สนับสนุนในตัว payment ของบริษัทให้มีธุรกรรมใหญ่ขึ้น แล้วทำกำไรมากขึ้น ส่วนอีกธุรกิจก็คือ สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกัน

“เราก็มั่นใจว่า ในปีนี้ เราจะสามารถทำกำไรที่เป็น new high ได้” ระเฑียร กล่าว

<figure><img class="wp-image-43036 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/KTC_003.jpg" alt="" width="450" height="675" /><figcaption> ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC</figcaption></figure>

ระเฑียร บอกว่า KTC จำเป็นต้องเร่งเปลี่ยนแปลงองค์กรแบบก้าวกระโดด สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้นและเร็วขึ้น คู่ขนานไปกับการทำธุรกิจเดิม เน้นทำกำไรแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างคลื่นใต้น้ำจนเป็นพลังคลื่นลูกใหญ่รับเกมธุรกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุด (Infinite Game) โดยจะมุ่งขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันที่หลากหลาย เพื่อให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดที่ผู้บริโภคมองหา

ซึ่งการเข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือ เคทีบี ลีสซิ่ง ถึงร้อยละ 75.05 จะทำให้บริษัทสามารถทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันได้อย่างครบวงจร และยังได้ใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม โดยบริษัทฯ จะเข้าไปศึกษาระบบในเคทีบี ลีสซิ่ง และคาดว่าจะเริ่มออกแบบโมเดลธุรกิจได้หลังจากผ่านการประชุมผู้ถือหุ้น

ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ถึงแม้จะเป็นธุรกิจน้องเล็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปลายปี 2563 แต่บริษัทคาดหวังจะมุ่งขยายตลาดเป็นหลักในปี 2564 ด้วยความที่เป็นสินเชื่อมีหลักประกันซึ่งมีความสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนรวดเร็วสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยจะเน้นทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ มีทีมงาน “พี่เบิ้ม Delivery” ติดต่อประสานงานกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง พร้อมแผนขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจและธนาคารกรุงไทยขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่  ตลอดจนร่วมมือกับเคทีบี ลีสซิ่ง เพื่อหาโอกาสต่อยอดและสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มเป้าหมายและสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยเป้าหมายยอดสินเชื่อในปี 2564 ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจเดิม ซึ่งเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล บริษัทฯ จะมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดี เน้นรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการและระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้สมาชิกเกิดความมั่นใจและได้รับความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยทุกครั้งที่ทำรายการธุรกรรม  โดยกลยุทธ์หลักในการทำตลาดธุรกิจบัตรเครดิต จะยังใช้คะแนน KTC FOREVER ขับเคลื่อนกิจกรรมการตลาด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร

อีกทั้งรักษาและขยายความแข็งแรงของเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร และสนับสนุนการเติบโตของพันธมิตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเคทีซี เน้นส่งเสริมการตลาดในลักษณะออนไลน์มากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้บัตรของผู้บริโภคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนจากใช้เงินสดมาจ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงสร้างคอนเทนท์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าหมายยอดใช้จ่ายในปี 2564 เติบโตร้อยละ 8 หรือประมาณ 210,000 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการ KTC สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 กำไรสุทธิ 5,332 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ย ค้างรับรวมเท่ากับ 90,149 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวมเท่ากับร้อยละ 1.8  ฐานสมาชิกรวม 3.4 ล้านบัญชี แบ่งเป็นธุรกิจบัตรเครดิต 2,575,684 บัตร สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 60,235 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิตร้อยละ 1.3 ธุรกิจสินเชื่อบุคคลมีจำนวนทั้งสิ้น 814,329 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 29,915 ล้านบาท  NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับร้อยละ 2.7

รายงานโดย: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/5-%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c-%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%a7%e0%b8%b4.html">5 เทคนิค “ปั้นแบรนด์” บนทวิตเตอร์</a>

&nbsp;

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

&nbsp;

กางแผน KTC ปี 64 มุ่ง “ปรับตัวเพื่อเติบโต”

"ระเฑียร ศรีมงคล" ปรับโมเดลธุรกิจ KTC ฝ่าวิกฤตโควิด-19

<h2 class="p1">เคทีซี ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน เปิดกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 5,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% อัตราการเติบโตของยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสูงสุดในรอบ 3 ปี คุม NPL อยู่ในอัตราต่ำต่อเนื่อง ประกาศเป้าหมายปี 2563 เติบโตคุณภาพทุกด้านอย่างยั่งยืน</h2>
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอานาจที่ยืดเยื้อในปี 2562 ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งการปรับตัวของไทยเพื่อรับกับกระแสดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมาย กฎเกณฑ์ต่างๆ ของภาครัฐที่เอื้อให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบายต่อการใช้งาน ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางการตลาดอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างต้องปรับตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“สำหรับเคทีซีได้ปรับเปลี่ยนแผนงานระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเตรียมรับมือกับหลายปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องถึงปี 2563 การกำหนดแผนกลยุทธ์ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายและผลลัพธ์เดียวกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่ทำให้เคทีซีมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
“โดยในปี 2562 สามารถทำกำไรสุทธิได้ 5,524 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตของยอดลูกหนี้ธุรกิจบัตรเครดิตสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีพอร์ตลูกหนี้รวมและยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่สูงขึ้น และมีการควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดีต่อเนื่อง โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย”


<figure><img class="size-full wp-image-25875" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/ktc02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ระเฑียร ศรีมงคล</figcaption></figure>
ระเฑียร กล่าวว่า ปี 2563 จะเป็นปีที่ท้าทายและคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่สูงมาก บริษัทจะมุ่งควบคุมคุณภาพหนี้ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมทั้งจะเพิ่มฐานบัตร พอร์ตลูกหนี้ ปริมาณสินเชื่อ ด้วยค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่มากขึ้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเป้าหมายที่คาดไว้สำหรับธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นประกัน ภายใต้ใบอนุญาตของสินเชื่อบุคคล ได้แก่ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยรวมไม่ต่ากว่า 15% พอร์ตลูกหนี้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10% คุม NPL อย่างรัดกุม แต่อาจจะมีอัตราสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และรักษาระดับกำไรให้ไม่น้อยกว่าเดิม
“สำหรับการดำเนิน 3 ธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นประกัน ธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และธุรกิจสินเชื่อนาโน ไฟแนนซ์ เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ แต่ยังเร็วเกินกว่าที่จะกำหนดเป้าหมายการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เคทีซีตั้งใจพัฒนาธุรกิจดังกล่าวให้เป็นฐานของบริษัทที่เข้มแข็งในอนาคต โดยจะดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและละเอียดรอบคอบ ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเป็นส่วนประกอบของกระบวนการทำงานที่ทันสมัยและแตกต่างจากเดิม”
ระเฑียร ระบุว่า จากสภาพดังกล่าวทำให้การทดสอบและการเข้าสู่ตลาดจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรัด โดยเฉพาะท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความท้าทายสูง บริษัทต้องประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตให้ชัดเจนระหว่างทำการทดสอบทุกครั้ง สำหรับการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ในปี 2563 บริษัทฯ มี ความพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยจะไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานจริงของบริษัทฯ เพียงแต่จะมีการรายงานตัวเลขทางการเงินที่แตกต่างไปจากเดิม
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เคทีซีมีผลประกอบการเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ดังนี้

<ul>
 	<li class="p1">กำไรสุทธิ 5,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5%</li>
 	<li class="p1">พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมเท่ากับ 85,834 ล้านบาท (เติบโต 9.8%)</li>
 	<li class="p1">ฐานสมาชิกรวม 3.4 ล้านบัญชี (เติบโต 2%) แบ่งเป็น ธุรกิจบัตรเครดิต 2,510,914 บัตร (ขยายตัว 5.2%) พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 56,653 ล้านบาท (ขยายตัว 10.9%) อัตราเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสำหรับปี 2562 เท่ากับ 10.6%</li>
 	<li class="p1">NPL รวม ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 1.06% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 0.93% ธุรกิจสินเชื่อบุคคลมีจำนวนทั้งสิ้น 888,342 บัญชี (ลดลง 6.7%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 28,933 ล้านบาท (เติบโต 7.9%) NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 0.92%</li>
</ul>
ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 22,625 เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 7.5% รายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น 7.9% รายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เพิ่มขึ้น 4.9% และรายได้อื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากหนี้สูญได้รับคืนคิดเป็น 87.7% ของรายได้อื่นๆ
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายการบริหารงานเท่ากับ 7,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่สูงขึ้น 11.5% ในการเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล และการเพิ่มโปรโมชั่นการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
โดยค่าใช้จ่ายด้านบุคคล ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานอื่นๆ และค่าธรรมเนียมจ่าย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 3.2%, 0.5% และ 0.3% ตามลำดับ บริษัทฯ มีหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มที่ 12.8% จากการตั้งสำรองและตัดหนี้สูญเพื่อคัดกรองให้พอร์ตลูกหนี้มีคุณภาพ ส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินใกล้เคียงเดิมเนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการเงินได้ดี เป็นผลให้บริษัทมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง และการมุ่งเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้นจะเป็นการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนในอนาคต
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%8b%e0%b8%b5-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%b5-2020-%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b9%82%e0%b8%95.html">“เคทีซี” เปิดแผนปี 2020 เติบโตบนความท้าทาย</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เคทีซี ทำกำไรนิวไฮ 7 ปีต่อเนื่อง เตรียมปันผลไม่ต่ำกว่ำร้อยละ 40 เร่งปั๊มฐานสมาชิกและพอร์ตลูกหนี้

นายระเฑียร  ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหารระดับสูงร่วมแถลงข่าวทิศทางธุรกิจเคทีซีปี 2563 และจัดงานขอบคุณสื่อมวลชน ณ อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ และเมืองเคปทาวน์ ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ประเทศแห่งน้ำใจและรอยยิ้มจากผู้คนหลากชนชาติ หลายภาษา ซึ่งนำมาด้วยศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมืองที่น่าอัศจรรย์รวมกันอยู่ในประเทศเดียว ภายใต้แนวคิด “The World in One Country” เมื่อเร็วๆ นี้

<img class="alignnone size-full wp-image-25671" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/รูปแทรก1-1.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-25672" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/รูปแทรก3.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-25675" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/รูปแทรก5.jpg" alt="" width="720" height="480" />

&nbsp;

&nbsp;

เคทีซีแถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2563

<h2 class="p1">ระเฑียร ศรีมงคล นำทัพผู้บริหาร “เคทีซี” กางแผนธุรกิจปี 2020 ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 15% แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว</h2>
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ต่อจากนี้คือมุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตโดยอาศัย 2 แพลตฟอร์ม คือ แพลตฟอร์มการเงิน และแพลตฟอร์มสินเชื่อรายย่อย ซึ่งมุ่งเน้น 3 จุดแข็งหลัก คือ ปลอดภัย รวดเร็ว และสร้างประสบการณ์ที่ดี พร้อมรองรับการขยายธุรกิจใหม่เข้าไปในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพิ่มเติมจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่มีอยู่
ภายใต้วิสัยทัศน์ดังกล่าวจะทำให้เคทีซีสามารถนำเสนอสินเชื่อให้กับผู้บริโภคได้หลากหลายและครบวงจร ทั้งสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน, พิโกพลัส (สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ให้กับรายย่อยระดับจังหวัด) และธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ (สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประกอบการอาชีพอิสระหรือผู้มีรายได้ไม่แน่นอน) ซึ่งทยอยเปิดให้บริการแล้ว และคาดว่า 3 ธุรกิจใหม่นี้จะสามารถเริ่มรับรู้กำไรได้ประมาณ 18-24 เดือนนับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินธุรกิจ


<figure><img class="size-full wp-image-24889" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/ktc-03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ระเฑียร ศรีมงคล</figcaption></figure>
“เศรษฐกิจปีหน้าไม่คิดว่าจะดีเท่าไหร่ แต่เราต้องเติบโตเนื่องจากแรงกดดันของการเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดฯ เราอาจจะมีกลยุทธ์เพื่อเติบโต และเราเชื่อว่าเราจะสามารถบรรลุตัวเลขเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การเติบโตโดยไม่ระวังก็อาจทำให้คุณภาพของทรัพย์สินแย่ลงได้ ดังนั้นในปีหน้าเราจะเข้มงวดกับการอนุมัติบัตรมากขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตตามเป้า ซึ่งทำให้เรียกได้ว่าเรากำลังเจอโจทย์ที่ท้าทายเลยทีเดียว” ระเฑียร กล่าว
&nbsp;
<h2 class="p1">ปีหน้าตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 15%</h2>
ขณะที่ พิทยา วรปัญญากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - ธุรกิจบัตรเครดิต กล่าวว่า ในปีนี้เรียกได้ว่าไม่ใช่ปีที่ง่ายนักสำหรับเคทีซี เนื่องจากต้องเผชิญทั้งภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซียังสามารถเติบโตได้ถึง 10% หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และในไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนจับจ่ายใช้สอย ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้เคทีซีจะยังสามารถรักษาสัดส่วนการเติบโตที่ 10% ได้ แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เมื่อปีก่อนที่ 15% ก็ตาม
“สำหรับปี 2020 แนวคิดการทำตลาดที่เราวางแผนไว้คือ Everyone, everyday and everywhere ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้เคทีซีเป็นบัตรที่สร้างความสะดวกให้แก่สมาชิก ใช้งานได้ง่าย ทุกวันและทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายผ่านออนไลน์หรือการใช้จ่ายที่ร้านค้าในประเทศและต่างประเทศ สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้บัตร รวมทั้งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าโดยอาศัยเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลและเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง”
พิทยากล่าวถึงเป้าหมายในปีหน้าว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโต 15% ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่คิดว่าจะสามารถบรรลุได้ไม่ยากหากเศรษฐกิจเอื้ออำนวย แม้ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มหรือสัญญาณที่ดี แต่ด้วยการตลาดที่แตกต่างไป จึงเชื่อว่าจะทำให้เคทีซีสามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ
&nbsp;
<h2 class="p1">“สินเชื่อบุคคล” มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน</h2>
ด้าน พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้อำนวยการ - ธุรกิจสินเชื่อบุคคล กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ธุรกิจสินเชื่อบุคคลในปี 2020 ซึ่งอมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเพิ่มปริมาณสินเชื่อพร้อมกับการสร้างคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ภายใต้ 4 แกนหลัก  ดังนี้

<ol>
 	<li class="p1">มุ่งหาสมาชิกใหม่ที่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น สินเชื่อเพื่อการศึกษา พร้อมทั้งขยายการจับมือกันพันธมิตรให้มากขึ้นในในปีหน้า เพื่อให้สามารถไปถึงเป้ายอดสมาชิกใหม่จำนวน 210,000 ราย</li>
 	<li class="p1">มุ่งรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันให้มีความผูกพันกับเคทีซี ทำให้สมาชิกมีประสบการณ์ที่ดีในการใช้บัตร ผ่านแคมเปญต่างๆ เช่น โครงการเคลียร์หนี้เกลี้ยง, โครงการเหมาเหมาจ่ายดอกเบี้ยเพียง 199 บาท รวมทั้งวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่สมาชิกต้องการอย่างแท้จริง</li>
 	<li class="p1">มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้วยบริการใหม่ เพิ่มวงเงินฉุกเฉินที่สามารถทำรายการด้วยตนเอง 24 ชั่วโมง อนุมัติรับวงเงินทันทีเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของลูกค้าให้มากขึ้น เป็นต้น</li>
 	<li class="p1">สร้างกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกค้า เช่น กิจกรรมสัมมนาให้ความรู้การสร้างวินัยทางการเงิน และบทความที่เป็นประโยชน์ในรูปแบบของสื่อที่เข้าใจง่าย รวมทั้งต่อยอดการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปแบ่งปันความรู้เพื่อประกอบอาชีพ พร้อมให้คำแนะนำการลงทุน</li>
</ol>
<figure><img class="size-full wp-image-24888" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Ktc-02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> (จากซ้าย) พิทยา วรปัญญากุล, ชุติเดช ชยุติ, ระเฑียร ศรีมงคล, ปิยศักดิ์ เตชะเสน และ พิชามน จิตรเป็นธรรม</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2 class="p1">ส่งโปรดักต์ใหม่ “สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม” ลุยตลาด</h2>
สำหรับ ปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส - ช่องทางจัดจำหน่ายและธรกิจร้านค้า กล่าวว่า ปี 2020 น่าจะเป็นปีที่ท้าทายมาก และเป็นปีที่สร้างโอกาสที่ดีให้กับเคทีซีด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม” ประกอบด้วย สินเชื่อทะเบียนรถยนต์, สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อเงินสด ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลการตอบรับที่ดี โดยตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อกลุ่มนี้ไว้ที่ 1.5 พันล้านบาทในปี 2020
“ในปีหน้าเราตั้งเป้าหมายสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 350,000 ใบ และบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว 210,000 ใบ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะยังเป็นพนักงานประจำรายได้แต่ 3 หมื่นบาทขึ้นไป โดยมุ่งเน้นการรับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น”
ขณะที่กลยุทธ์การขยายพันธมิตรร้านค้าในปี 2020 คือ การมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรุกเข้าธุรกิจร้านค้าออนไลน์รองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ โดยเน้นความปลอดภัยในการทำธุรกรรมที่ได้มาตรฐานสากลและความสะดวกรวดเร็วเป็นสำคัญ
นอกจากนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญกับตลาดการผ่อนชำระ KTC FLEXI ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการขยายฐานร้านค้าในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้า Alipay ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรองรับการจับจ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย และกลุ่มชาวจีนที่พำนักในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2562  เคทีซีมีกำไรสุทธิ 4.2 พันล้านบาท พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมเท่ากับ 7.96 หมื่นล้านบาท (ขยายตัว 9%) ฐานสมาชิกรวม 3.43 ล้านบัญชี (เติบโต 6%) แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2.46 ล้านบัตร (ขยายตัว 7%) พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 5.1 หมื่นล้านบาท (ขยายตัว 10%)
“อัตราของปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 9 เดือน อยู่ที่ 10.4% NPL รวมลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 1.07% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 0.96% สินเชื่อบุคคล 9.73 แสนบัญชี (ขยายตัว 5%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 2.82 หมื่นล้านบาท (เติบโต 9%) NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 0.83%” ชุติเดช ชยุติ ซีเอฟโอ กล่าว
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%91%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3-%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a5-%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89.html">ระเฑียร ศรีมงคล นำทัพผู้บริหาร เคทีซี จัดขบวนทัพรุกเผยแผนปี 2562 ขยายไลน์ธุรกิจใหม่</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<article id="post-24491" class="post-24491 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-global category-news tag-air-new-zealand tag-1809 tag-10698 tag-519">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events