<h2>วายแอลจีชี้ทองคำไตรมาส 4 ยังรักษาเทรนด์ขาขึ้น คงเป้าหมาย 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกยังแข็งแกร่ง จากกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ล่าสุดพบธนาคารกลางจีนเข้าซื้อเพิ่มอีกในเดือน ต.ค. เป็นการซื้อติดต่อกัน 12 เดือน พร้อมปัจจัยหนุนสำคัญจากอัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟด และการยุติการทำ QT เป็นแรงผลักดันราคาทองคำกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าทองคำยังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีน (Public Bank of China) ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าได้เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นเป็น 74.09 ล้านทรอยออนซ์ ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ถือครองอยู่ที่ 74.06 ล้านทรอยออนซ์ และเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สะท้อนว่าความต้องการทองคำของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำจากบรรดาธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2565-2567 ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 -2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ทองคำยังมีปัจจัยบวกสำคัญที่จะสนับสนุนให้ภาพใหญ่ยังเป็นขาขึ้น คือ แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยลงทุนในการฝากเงินมาสู่การซื้อทองคำแท่งทั้งรูปแบบกายภาพและผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการซื้อทองคำผ่านตลาดฟิวเจอร์ส เนื่องจากทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดอกเบี้ยขาลง นอกจากนี้ การประกาศยุติมาตรการ “คุมเข้มเชิงปริมาณ” หรือ Quantitative Tightening (QT) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม นั้นถือเป็นการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากปัจจัยสนับสนุนจึงคาดว่าในไตรมาส 4/2568 ทิศทางทางคำจะยังคงรักษาเทรนด์ขาขึ้นไว้ได้ต่อไป แม้ว่าระยะสั้นจะเกิดแรงขายทำกำไรเนื่องจากเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยมองแนวรับสำคัญที่ 4,015-3,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้จะเป็นสัญญาณที่ดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยวายแอลจียังมองว่าปีนี้ทองคำจะยังไปถึงเป้าหมาย 4,380-4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ คาดว่ามีโอกาสไปถึง 67,000-67,500 บาทต่อบาททองคำ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 61,600-61,200 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงนี้ YLG แนะนำลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นพิเศษ เทรดทอง–หุ้น TFEX ค่าคอมมิชชั่นลดสูงสุดถึง 80% มอบโอกาสให้นักลงทุนเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ลดค่าคอมฯ ตั้งแต่สัญญาแรกโดยไม่มีขั้นต่ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับอัตราค่าคอมมิชชั่นที่ปรับลด ได้แก่ SET50 Index Futures เหลือเพียง 15 บาท จากปกติ 77.6 บาท, Gold Online Futures เหลือ 40 บาทต่อสัญญา จากปกติ 178 บาท, Block Trade ลดเหลือ 0.07% จากเดิม 0.1%, Currency Futures เหลือ 5 บาท จากปกติ 10.10 บาท <a href="https://www.freepik.com/free-photo/gold-growing-arrow-with-gold-coin-money-stacks-gold-bar-business-finance-savings-investment-concept-background-3d-illustration_30500467.htm">Image by mamewmy on Freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/digital-gold-trend-meets-the-needs-of-modern-investors" alt="เทรนด์ Digital Gold ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่! ปี 2024 ไทยมีความต้องการทองคำมากสุดอันดับ 7 ของโลก">เทรนด์ Digital Gold ตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่! ปี 2024 ไทยมีความต้องการทองคำมากสุดอันดับ 7 ของโลก</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

YLG ชี้ ไตรมาส 4 ทองคำยังรักษาเทรนด์ขาขึ้น คงเป้าหมาย 4,400 ดอลลาร์

‘อินเตอร์โกลด์’ รุกหนักออนไลน์ รับทองคำขาขึ้น คาดราคาไปต่อ

<h2>สภาทองคำโลกเผย‎ การลงทุนทองคำจากผู้ซื้อรายย่อยของไทยพุ่งสูงในไตรมาสแรก การลงทุนใน ETF ทองคำพุ่งสูง ผลักดันความต้องการทั่วโลกในไตรมาส 1 ให้เพิ่มมากขึ้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 โดยระบุว่า ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนของประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่จำนวน 7.4 ตัน และนับเป็นไตรมาสที่ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดของไทยนับตั้งแต่ปี 2562 ทำให้ความต้องการทองคำภาคผู้บริโภคโดยรวมของไทยที่ประกอบด้วยปริมาณการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำกับความต้องการทองคำเครื่องประดับในไตรมาสที่ 1 นั้นรวมเป็นจำนวน 9.1 ตัน เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเป็นปริมาณความต้องการทองคำภาคผู้บริโภครายไตรมาสที่มีการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านความต้องการทองคำโดยรวมทั่วโลกจากทุกภาคส่วน (ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์[1] หรือ Over-the-counter: OTC) รายไตรมาสนั้นอยู่ที่ 1,206 ตัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาวะที่ราคาทองคำสูงเป็นประวัติการณ์‎และทะลุระดับ 3,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การฟื้นตัวของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำแท่งสำหรับนักลงทุน ได้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลให้ระดับความต้องการลงทุนทองคำโดยรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าอยู่ที่ระดับ 552 ตัน คิดเป็น 170% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าและเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2565 กระแสเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทั่วโลกนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรกและมีปริมาณความต้องการ 226 ตัน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทิศทางราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีนำเข้าที่ผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังคงอยู่ในระดับสูงที่จำนวน 325 ตันสำหรับไตรมาสที่ 1 โดยได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนค้าปลีกรายย่อยในประเทศจีนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและนับเป็นไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติการณ์เป็นอันดับสอง ทั้งนี้นักลงทุนจากฝั่งตะวันออกได้ขับเคลื่อนความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกส่วนใหญ่และช่วยชดเชยกับฝั่งตะวันตกที่ดูอ่อนแอ โดยความต้องการในสหรัฐอเมริกาได้ลดลง 22% ขณะที่ฝั่งยุโรปฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยที่จำนวน 12 ตัน แต่ฐานตัวเลขของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้านั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกลางยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิติดต่อกันเข้าสู่ปีที่ 16 และได้เพิ่มปริมาณทุนสำรองทั่วโลก 244 ตันในไตรมาสที่ 1 ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนในระดับโลกที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แม้ว่าความต้องการของธนาคารกลางจะลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่นับว่ายังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและมีปริมาณสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยรายไตรมาสของสามปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซื้อทองคำในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านความต้องการทองคำเครื่องประดับนั้นเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ โดยได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 20 ครั้งในไตรมาสที่ 1 ทั้งนี้ประเทศไทยมีความต้องการทองคำเครื่องประดับปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ตัน เนื่องจากราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสูง ซึ่งนับเป็นการลดลงในระดับปานกลางที่ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำเครื่องประดับทั่วโลกได้ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในปี 2563&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามตลาดทองคำเครื่องประดับนั้นยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหากพิจารณาในแง่ของมูลค่าแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันอย่างรุนแรงจากราคาทองคำที่สูงก็ตาม โดยในไตรมาสแรกพบว่าผู้บริโภคได้ซื้อทองคำเครื่องประดับทั่วโลกเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นจำนวน 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเกือบทุกตลาดมีมูลค่าความต้องการทองคำเครื่องประดับสูงขึ้นยกเว้นในประเทศจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านอุปทานทองคำโดยรวมของไตรมาสแรกนั้นทรงตัวในระดับเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่จำนวน 1,206 ตัน โดยปริมาณการผลิตจากเหมืองแร่ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับไตรมาสที่ 1 แต่ปริมาณอุปทานโดยรวมนั้นถูกลดทอนลงจากการรีไซเคิลทองคำที่ปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่ความต้องการทองคำในภาคเทคโนโลยียังคงทรงตัวที่จำนวน 80 ตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Shaokai Fan หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า “โดยรวมแล้วการลงทุนจากผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียนในรายงานฉบับนี้ยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับประเทศไทยการคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำในเชิงบวกได้เป็นแรงผลักดันการลงทุนในทองคำ ทำให้ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำของไทยเพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำจะลดลงก็ตาม เนื่องจากราคาทองคำที่สูงขึ้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านความต้องการทองคำเครื่องประดับในไตรมาสแรกของไทยนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตามตลาดทองคำของไทยยังคงมีความแข็งแกร่งและชะลอตัวลงในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับบางประเทศในอาเซียนที่อยู่ในการศึกษาของเราครั้งนี้”&nbsp; &nbsp; Louise Street นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโส ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า “ต้นปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่มีความท้าทายสำหรับตลาดโลก เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้า การประกาศนโยบายของสหรัฐฯ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องและความกังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ได้หวนกลับมาอีกครั้ง ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสำหรับนักลงทุน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความต้องการลงทุนในทองคำสำหรับไตรมาสแรกพุ่งสู่ระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนได้กลับมาลงทุนในกองทุน ETF ทองคำอีกครั้ง โดยได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว และในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียวกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าจากทางเอเชียก็ได้พุ่งสูงเกินยอดรวมของทั้งไตรมาสที่ 1 ไปแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงมีโอกาสที่การลงทุนใน ETF จะเติบโตได้อีก เนื่องจากปริมาณการถือครองทองคำในกองทุน ETF ทั่วโลกนั้นยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2563 อยู่ 10%”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับอนาคตข้างหน้านี้สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังคงคาดการณ์ได้ยาก ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สภาวะความผันผวนที่ยังคงอยู่ต่อไปนี้อาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากทั้งภาคสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และภาครัฐ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้” Photo by <a href="https://unsplash.com/@zlataky?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Zlaťáky.cz</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/gold-and-silver-round-coins-y7jRMXOz7pE?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/moodys-outlook-negative-apr-2025" alt="ทำไม Moody’s ปรับลดแนวโน้มเครดิตประเทศไทยเป็น ‘เชิงลบ’">ทำไม Moody’s ปรับลดแนวโน้มเครดิตประเทศไทยเป็น ‘เชิงลบ’</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สภาทองคำโลกเผยไตรมาสแรกปีนี้ คนไทยลงทุน ‘ทองคำ’ เติบโตมากสุดในอาเซียน

WGC มองเงินเฟ้อและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาจกระตุ้นดีมานด์ ‘ทองคำ’ ปี 68 คาดราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด

<h2>สภาทองคำโลกหนุน 'การลงทุนซื้อ-ขายทองคำในไทย' เพื่อความสะดวกและโปร่งใส ผ่านระบบดิจิทัล 'Blockchain'&nbsp; หลังจากประเทศไทยมีความต้องการซื้อขายทองคำเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผย ล่าสุดมีสมาชิก 11 ราย จากทั่วโลกทั้งหมด 31 ราย ซึ่งเป็นผู้ซื้อขายทองคำรายใหญ่เริ่มต้นใช้งานผ่านระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ราคาทองคำจะทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันหลายครั้ง แต่ความต้องการทองคำของประเทศไทยนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความต้องการทองคำภาคผู้บริโภคเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือพุ่งสูงถึง 20% อยู่ในระดับ 9 ตัน อย่างไรก็ตาม อุปสรรคด้านความโปร่งใส ความเชื่อมั่น และประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนทองคำนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ขัดขวางการบูรณาการทองคำให้เข้ากับระบบการเงินสมัยใหม่ ดังนั้น 'สภาทองคำโลก' จึงเชื่อว่าตลาดทองคำของประเทศไทยจะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งด้วยการการสร้างมาตรฐานทองคำที่เป็นสากลในตลาดการซื้อขายแลกเปลี่ยนและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล วิสัยทัศน์&nbsp; “Gold247” ของสภาทองคำโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิสัยทัศน์ของทองคำแห่งอนาคตที่ชื่อว่า Gold247™ นั้น มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงการซื้อขายทองคำด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทานทองคำทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเป้าหมายของ Gold247 คือการทำให้ตลาดทองคำปรับตัวเข้ากับโลกการเงินในยุคศตวรรษที่ 21 ที่นักลงทุนสามารถซื้อขายทองคำได้อย่างสะดวกง่ายดายเช่นเดียวกับการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ผ่านหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. ความโปร่งใส (Integrity) 2. การเข้าถึงที่สะดวกง่ายดาย (Accessibility) และ 3. การทำให้ทองคำมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนทดแทน (Fungibility) ที่ดียิ่งขึ้น ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สภาทองคำโลกได้ร่วมมือกับสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน (London Bullion Market Association: LBMA) เพื่อนำร่องโครงการ Gold Bar Integrity Programme (GBI)&nbsp; โดยใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่า Blockchain เพื่อยืนยันความถูกต้องและเพิ่มความสามารถในการติดตามข้อมูลทองคำตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน การใช้เทคโนโลยีนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดว่าทองคำของพวกเขาเป็นของแท้ และสามารถตรวจสอบการผลิตได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของทองคำ&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/ckxZRX7gHQmUypV5AaPw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ckxZRX7gHQmUypV5AaPw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการได้มีทั้งผู้ผลิตและผู้ซื้อขายทองคำรายใหญ่ทั่วโลกเข้าร่วมลงนามและผลักดันโครงการ โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา สมาชิกทั้งหมดของสภาทองคำโลกจำนวน 31 ราย ได้เข้าร่วมบนแพลตฟอร์ม และได้มีสมาชิก 11 รายเริ่มต้นใช้งานระบบแล้ว รวมสมาชิกรายอื่นๆ จะเริ่มใช้งานตามมาในเร็วๆ นี้ ซื้อขายทองคำ ได้ทุกที่ ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หัวใจสำคัญประการหนึ่งของโครงการ Gold247 คือการยกระดับการแลกเปลี่ยนซื้อขายทองคำให้มีความสะดวก รวดเร็ว ทุกที่และทุกเวลา ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการซื้อขายทองคำในตลาดทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นหรือสกุลเงินที่เกิดขึ้นทุกวันตลอด&nbsp; 24 ชั่วโมงสภาทองคำโลกเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มความสามารถในการเข้าถึง ซึ่งอาจทำให้กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ของไทยสนใจลงทุนทองคำมากขึ้น และช่วยเพิ่มกระแสเงินทุนให้เข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ พร้อมทั้งส่งเสริมความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำในประเทศไทย​ หน่วยทองคำดิจิทัลมาตรฐาน ดันตลาดทองคำให้เป็นสากลอย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าตลาดทองคำทั่วโลกในปัจจุบันจะเชื่อมโยงกัน แต่ก็ยังมีมาตรฐานในการซื้อขายที่แตกต่างกันไป ทั้งขนาดแท่งทองคำและรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ลดทอนประสิทธิภาพในการซื้อขายทองคำ ปัจจุบันสภาทองคำโลกได้กำลังสร้างหน่วยดิจิทัลที่จะเป็นตัวแทนมาตรฐานให้กับทองคำแท่งทั่วโลก โดย ‘โทเค็น’ หรือ ‘คู่ฝาแฝดในระบบดิจิทัล’ ของทองคำนี้จะช่วยปรับมาตรฐานและแทนค่าทองคำในทุกรูปทรง ขนาด และความบริสุทธิ์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นหน่วยมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงจะเพิ่มความสามารถในการซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำ แต่ยังจะเปิดโอกาสให้ทองคำสามารถถูกนำไปใช้ในภาคการลงทุนและธนาคารในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณความต้องการทองคำในระยะยาว Gold247 กับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยด้วยทองคำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สภาทองคำโลกรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความก้าวหน้าของโครงการลงทุนดิจิทัลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น โครงการจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำลังทำการทดสอบสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับภาคค้าปลีก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่พยายามสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/rxkg5AThUyopA2qDDz16.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rxkg5AThUyopA2qDDz16.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;"เราเชื่อว่าตลาดทองคำของไทยสามารถพัฒนาให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ด้วยการใช้นวัตกรรมดิจิทัล โครงการ Gold247 จะช่วยวางรากฐานเส้นทางสู่อนาคตที่ทองคำสามารถเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย และผลักดันให้ตลาดทองคำไทยมีบทบาทในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศที่ต้องการพัฒนาไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจดิจิทัลชั้นนำของอาเซียน เป้าหมายของเราคือการทำให้ทองคำมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการจัดสรรพอร์ตการลงทุน และบูรณาการทองคำเข้าสู่ระบบการเงินสมัยใหม่ ในฐานะสินทรัพย์การลงทุนหลักของประเทศไทย"&nbsp;เดวิด เทต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสภาทองคำโลก กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/govt-kkp-thailand-oct-2024" alt="รัฐอัดฉีดเงินระยะสั้นอาจมีผลแค่ ‘ชั่วคราว’ แม้ GDP ไทยอาจโตขึ้นใน 1-2 ปี แต่ระยะยาวเสี่ยงโตต่ำ 2.5%">รัฐอัดฉีดเงินระยะสั้นอาจมีผลแค่ ‘ชั่วคราว’ แม้ GDP ไทยอาจโตขึ้นใน 1-2 ปี แต่ระยะยาวเสี่ยงโตต่ำ 2.5%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com/" rel="dofollow">wd808</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com" rel="dofollow">wd808</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com/" rel="dofollow">WD808</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com" rel="dofollow">WD808</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com/" rel="dofollow">Wd808</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://wd808indo.com" rel="dofollow">Wd808</a></div>

สภาทองคำโลกหนุน 'การลงทุนซื้อ-ขายทองคำในไทย' ผ่านระบบดิจิทัล 'Blockchain'

<h2>ฮั่วเซ่งเฮง เผยแนวโน้มคนรุ่นใหม่ลงทุนทองต่อเนื่อง หลังปีนี้ทองพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34,250 บาท ระบุปี 2567 มี 3 ปัจจัยหนุนทองคำขาขึ้นต่อเนื่อง หลังเฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยนโยบายระดับสูง สงครามอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงพฤติกรรมคนรุ่นใหม่หันมาลงทุนทองเพื่อกระจายความเสี่ยง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ราคาทองคำโลกปรับขึ้นทำจุดสูงสุดอีกครั้งในรอบ 6 เดือน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ 2,009 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีทองของตลาดทองคำที่ราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อ ฮั่วเซ่งเฮง ผู้ดำเนินธุรกิจทองคำที่อยู่ในตลาดมากว่า 70 ปี พร้อมปรับโฉมร้านทองเพื่อเจาะคนรุ่นใหม่ โดยเปิดสาขาใจกลางย่านธุรกิจ ที่สีลม คอมเพล็กซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ปี 2566 ถือเป็นปีทองของธุรกิจทองคำ โดยราคาในประเทศปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่บาทละ 34,250 บาท และเป็นการปรับขึ้นถึง 3 ครั้งในช่วงที่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดทองคำยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง แต่พอเฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งจากสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่เกิดขึ้น ทำให้คนหันมาลงทุนทองคำเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาทองคำต่างประเทศปีนี้เพิ่มขึ้น 10% ส่วนในประเทศราคาปรับขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” ธนรัชต์ กล่าว 3 ปัจจัยหนุนตลาดทองคำปี 67&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแนวโน้มลงทุนทองคำในปี 2567 ธนรัชต์ มองว่า ยังเป็นขาขึ้น จาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับสูงต่อเนื่อง และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2567 เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีความขัดแย้งของสงคราม และมีแนวโน้มขยายวงกว้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่หันมาลงทุนทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ที่ราคาทองได้ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งจากเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้คนหันมาซื้อทองคำด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่กระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินบาทที่อ่อนค่า และราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยปกติคนจะลงทุนทองประมาณ 10% ของพอร์ตการลงทุน แต่ปีนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์มั่นคงที่มีมูลค่ามากขึ้นตามกาลเวลา” ธนรัชต์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การลงทุนทองคำยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเจเนอเรชั่น แต่ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ทำให้มีสัดส่วนของผู้ลงทุนที่มีอายุ 30 - 40 ปีมากขึ้น ซึ่งฮั่วเซ่งเฮง ได้พัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น การลงทุนซื้อ-ขายทองคำผ่านระบบออนไลน์ และแอปพลิเคชั่น เช่น GOLD ONLINE 96.5% และ 99.99% บริการออมทองผ่านแอปพลิเคชั่น GOLD NOW โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่น GOLD NOW มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นวันละ 1,000 คน และให้บริการแบบเรียลไทม์ เปิดสาขาใจกลางเมืองเจาะคนรุ่นใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนรัชต์ กล่าวว่า ในช่วงที่คนรุ่นใหม่หันมาซื้อ-ขายทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ ฮั่วเซ่งเฮงจึงเปิดร้านทองฮั่วเซ่งเฮงในศูนย์การค้าสีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งอยู่ใจกลางธุรกิจใจ เพื่อขยายฐานเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าสามารถเดินทางได้สะดวก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื่องจากสีลมเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั้งสองสาย ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง และรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มาซื้อทอง ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ฮั่วเซ่งเฮง มีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาเยาวราช 4 แห่ง สาขาซีคอนฯ ศรีนครินทร์ และสาขาสีลม คอมเพล็กซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับร้านทองฮั่วเซ่งเฮง สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นร้านทองตู้แดงแบบดั้งเดิม แต่ปรับโฉมให้ทันสมัยตอบรับกับคนรุ่นใหม่ ด้วยการเปิดให้บริการพื้นที่ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ โซนบริการซื้อ-ขายทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง รวมถึงผลิตภัณฑ์ในโอกาสพิเศษต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และโซนสำหรับลูกค้านักลงทุนทองคำ รวมทั้งบริการเปิดบัญชีซื้อ-ขายทองคำแท่ง บริการซื้อ-ขายทองออนไลน์ ผ่าน GOLD ONLINE 96.5% และ 99.99% บริการออมทองผ่านแอปพลิเคชั่น GOLD NOW ให้บริการติดตั้งแอปพลิเคชั่นบนมือถือ การทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้ากว่า 80% ใช้บริการผ่านระบบออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับปีหน้า ยังมองโอกาสที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น เพราะขยายฐานลูกค้า รวมถึงรองรับไลฟ์สไตล์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจทองคำมากขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์มั่นคงไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา และช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนที่เกิดขึ้น” ธนรัชต์ กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/krirk-leekasem-new-gen-ceo-se" alt="เกริก ลีเกษม ซีอีโอเจนใหม่สปีด SE ด้วยเทคโนโลยี">เกริก ลีเกษม ซีอีโอเจนใหม่สปีด SE ด้วยเทคโนโลยี</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ฮั่วเซ่งเฮง” เผย 3 ปัจจัยหนุนทองคำขาขึ้น เปิดสาขาเจาะคนรุ่นใหม่

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“รวินทร์ บุญญานุสาสน์” ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2566 ยังมีความผันผวน โดยผู้ลงทุนคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐมีโอกาสปรับลดลงในอนาคตอันใกล้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้สินทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภททองคำ ที่ถูกจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ในช่วงที่ตลาดผันผวนจากความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจขาลง ปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน รวมถึงความยืดเยื้อของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้นำการลงทุนบนช่องทางดิจิทัล พัฒนาบริการ Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อตอบโจทย์การลงทุนทองออนไลน์แบบครบวงจร ซื้อขายทองออนไลน์ 99.99% ได้ง่าย แบบเรียลไทม์ ด้วยสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงราคาตลาดโลก ลงทุนขั้นต่ำเพียง 0.1 ออนซ์ หรือ 6,000 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันซื้อขาย)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเด่นยังรวมถึงการเปิดบัญชีออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเปิดบัญชี Gold Wallet เพียงบัญชีเดียว สามารถซื้อขายกับพันธมิตรร้านค้าทองชั้นนำ 3 แห่งได้ทันที ได้แก่ MTS Gold, YLG Corporation และ Aurora Gold Trading ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000 บัญชี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการและลงทุนทองออนไลน์ผ่าน Gold Wallet บนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้ง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอน1) ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพลิเคชันเป๋าตัง รองรับทั้งระบบ iOS และ Android 2) ทำการสมัครบริการ Gold Wallet และยืนยันตัวตน 3) ผูกบัญชีหรือเปิดบัญชีกรุงไทยเพื่อใช้แลกสกุลเงิน USD 4) เปิดบัญชีซื้อขายกับร้านทองซึ่งสามารถเลือกเปิดได้ถึง 3 แห่ง คือ MTS Gold, YLG Corporation และ Aurora จากนั้นสามารถส่งคำสั่งซื้อ-ขายทองออนไลน์กับร้านทองได้ทันที เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/4-reasons-support-thai-stock-market-increase" alt="จับตา 4 ปัจจัยหนุนหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัว">จับตา 4 ปัจจัยหนุนหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“กรุงไทย” ตอกย้ำผู้นำลงทุนดิจิทัล ชู “เทรดทอง” บนเป๋าตัง ซื้อง่าย ขายเร็ว

จับตาปัจจัยกำหนดทิศราคาทอง

การลงทุนทองคำ ปี ’64 Safe Haven บางส่วน ตอนที่ 3

<h2>การลงทุนทองคำ ปี 2564 อาจเป็นหนังคนละม้วนกับปี 2563 ที่ทองคำคือ “สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย หรือ safe haven” ของนักลงทุน เพราะในยามที่เศรษฐกิจทั้งโลกเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงจากวิกฤตโควิด-19 ราคาทองคำโลกและราคาทองคำในไทยพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดถึง 2,063.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์</h2>
ราคาทองคำในไทยขึ้นไปสูงสุดที่ 30,400 บาทต่อ 1 บาททองคำ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2563 หนุนให้ผลตอบแทนการลงทุนในทองคำติดอันดับ 3 ของสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด คือ การลงทุนทองคำให้ผลตอบแทนที่ระดับ 31.2% จากปีก่อนหน้าที่การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนเพียง 9.1%

ทิศทางการลงทุนในทองคำในปี 2564 ภายใต้บริบทใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ของ “joe biden” ในวันที่ 20 มกราคม 2564 การพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาโควิด-19 ของบริษัทในประเทศต่างๆ มีความคืบหน้าและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การเก็บรักษาที่เริ่มทำได้ และราคาเริ่มย่อมเยาลง ตัวเลขอัตราการขยายตัวของประเทศต่างๆ ส่งสัญญาณดีขึ้นชัดเจนและผ่านจุดต่ำสุดกันไปแล้ว

ทำให้ความกังวลเรื่องการถดถอยอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจลดน้อยลง เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวปัจจัยบวกเหล่านี้ทำให้ราคาทองคำช่วงเดือนพฤศจิกายนเริ่มปรับตัวลดลง และลงรุนแรงมากเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2563 ที่วันเดียวราคาทองคำดิ่งลง 100 เหรียญต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 1,849.98 เหรียญต่อออนซ์และยังคงลดลงเรื่อยๆ

ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นราคาทองคำในไตรมาสสุดท้ายปี 2563 ของสมาคมค้าทองคำที่สรุปไว้ว่า ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ยังให้น้ำหนักแนวโน้มในทิศทางเชิงบวกหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย “joe biden” ได้รับเสียงข้างมาก เนื่องจากยังคงเชื่อมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งยังคงต้องติดตามความชัดเจนในเรื่องของนโยบายการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดังนั้นนักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ เนื่องจากราคาทองคำยังคงมีความผันผวนในระดับสูง

ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะ 3 เดือนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 (ตุลาคม-ธันวาคม) ปรับลดลงจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 จากระดับ 62.83 จุด มาอยู่ที่ระดับ 61.01 จุด ลดลง 1.82 จุด หรือคิดเป็น 2.90% โดยดัชนีฯ ที่ปรับลดลงมานั้นน่าจะมีสาเหตุมาจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจเริ่มคลี่คลาย การแข็งค่าของเงินบาท และสถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ล้วนทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนทองคำลดลง

ทองคำยังน่าสนใจและจะเป็น safe haven หรือไม่ในปี 2564 ในตอนต่อไป มาฟังมุมมองทิศทางการลงทุนในทองคำผ่านผู้ประกอบการร้านทองกลุ่ม 5 เสือเยาวราช นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก, ธีรเดช สินธพเรืองชัย รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ และกรรมการผู้จัดการ ห้างขายทอง ทองใบเยาวราช, ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง

เรื่อง: ยินดี ฤตวิรุฬห์ ภาพ:5 เสือเยาวราช

อ่านเพิ่มเติม:
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/special-report/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b3-%e0%b8%9b%e0%b8%b5-64-safe-haven-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%aa-2.html">การลงทุนทองคำ ปี ’64 Safe Haven บางส่วน ตอนที่ 2</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/special-report/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b3-%e0%b8%9b%e0%b8%b5-64-safe-haven-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%aa-3.html">การลงทุนทองคำ ปี ’64 Safe Haven บางส่วน ตอนที่ 3</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/39D3aEN">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/39D3aEN"><img class="lazy alignnone wp-image-40948 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--780x1024.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--780x1024.jpg 780w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--229x300.jpg 229w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--768x1008.jpg 768w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--780x1024.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--780x1024.jpg 780w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--229x300.jpg 229w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/COVER-92-JANUARY-14-12-63--768x1008.jpg 768w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events