<h2>LINE ประเทศไทยเปิดโรดแมปบริการและเทคโนโลยีใหม่ ในงาน LINE CONFERENCE THAILAND 2025 (LCT25) ไฮไลต์เด็ดเปิดตัวบริการใหม่ LINE PREMIUM จ่ายค่าสมาชิก 169 บาท/เดือน เก็บข้อความ รูป ไฟล์เอกสาร วิดีโอได้แบบไม่มีวันหมดอายุ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย เผยว่า “จากพันธกิจเดิม Closing The Distance ที่มุ่งเชื่อมผู้คนเข้าด้วยกัน วันนี้เราก้าวสู่พันธกิจใหม่ "Create an amazing life platform that brings WOW! to our users" ก้าวที่ยิ่งใหญ่กว่าเคยกับการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัล ด้วยการนำจุดแกร่งของฟีเจอร์แชตและกลยุทธ์การพัฒนาบริการบนแอปพลิเคชันอย่าง Hyper-localization &amp; Humanization ที่เข้าถึงคนไทย 56 ล้านคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผนวกกับการรับฟังความต้องการของผู้ใช้อยู่เสมอ และความพร้อมของตลาด จนเกิดเป็นความ WOW! ที่ถ่ายทอดผ่านบริการใหม่ๆ ที่เราจะเปิดตัวในปี 2568 นี้ พร้อมกับโอกาสความร่วมมือกับแบรนด์และนักพัฒนาในรูปแบบที่หลากหลายภายในงาน LINE CONFERENCE THAILAND 2025 ในปีนี้ ถือเป็นอีกจุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญในการยกระดับแพลตฟอร์มและอุตสาหกรรมดิจิทัลของเมืองไทย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 3 บริการใหม่บนแอป LINE จ่อเปิดตัวภายในปีนี้ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.LINE PREMIUM แอป LINE ยังคงให้บริการผู้ใช้ฟรีเช่นเคย แต่นี่คือระบบสมาชิกที่ผู้ใช้ LINE สามารถเลือกสมัครเพื่อประสบการณ์แชตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์พิเศษ อาทิ การเปลี่ยนหน้าตาไอคอนแอปฯ LINE, การเปลี่ยนฟอนต์ (Fonts Alternation), Multiple Profiles สำหรับการสร้าง Sub Profile เปลี่ยนรูปและชื่อโปรไฟล์ของตัวเองให้เหมาะกับเพื่อนแต่ละกลุ่มบน LINE เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในหลากหลายบทบาท และ Message Backup ที่ช่วยเก็บรักษาข้อความ รูปภาพ ไฟล์เอกสาร และวิดีโอได้แบบไม่มีวันหมดอายุ พร้อมพื้นที่จัดเก็บสูงสุด 100 GB แถมยังมีสิทธิประโยชน์จาก LINE SHOPPING และ LINE MAN ในราคาเพียง 169 บาท ต่อเดือนเท่านั้น วางแผนเปิดให้สมัครสมาชิกช่วงเดือนไตรมาส 2 ปีนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/EtRRKqV278ej9LrLYKwC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="EtRRKqV278ej9LrLYKwC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. LINE GIFT บริการ e-Gifting ที่จะเปลี่ยนมุมมองการให้ของขวัญในมิติใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Social Gifting ให้การมอบความรู้สึกดีๆ แก่เพื่อนบน LINE ทำได้ง่ายๆ ผ่านหน้าแชตได้ทันที ด้วย e-Voucher ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จากแบรนด์ชั้นนำ และสินค้าที่ส่งตรงถึงผู้รับได้แม้ไม่รู้ที่อยู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีฟีเจอร์สำคัญ ได้แก่ การเปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถปรับเปลี่ยนสีและขนาดของสินค้าได้ตามต้องการ พร้อมทั้งตั้งค่าให้เพื่อนเห็นรายการ Wishlist เพื่อให้การเลือกของขวัญตรงใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ตั้งเวลาส่งเวาเชอร์ ช่วยให้ไม่พลาดการมอบของขวัญในวันสำคัญ ทั้งหมดนี้จะทำให้การให้ของขวัญเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย และเพิ่มความหมายให้กับการสื่อสารผ่านแชต LINE คาดว่าจะพร้อมให้บริการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.LINE HEALTH พร้อมใช้งานแล้ววันนี้ในระยะทดลอง โดยต่อยอดจุดแข็งด้านการสื่อสารของ LINE ในการเชื่อมต่อผู้ใช้กับผู้ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์ เพื่อลดข้อจำกัด สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ไกลจากโรงพยาบาล หรือไม่มีเวลาเดินทางมาหาหมอ ครบจบที่เดียวทั้งบริการจาก Health At Work ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมเชื่อมต่อกับประกันสุขภาพชั้นนำ และการปรึกษาสุขภาพจิตโดย OOCA ผู้ให้บริการปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ LINE HEALTH ยังมีการอัปเดตความรู้ด้านสุขภาพแก่ผู้ใช้งานอีกด้วย และเร็วๆ นี้ LINE HEALTH จะเตรียมเปิดบริการ Health Shop ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งขยายเครือข่ายความร่วมมือ เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ รวมไปถึงการให้บริการสำหรับผู้ถือสิทธิบัตรทอง เพื่อให้ LINE HEALTH ครอบคลุมทุกด้านของบริการสุขภาพทางออนไลน์สำหรับคนไทยทั่วประเทศ สามารถเพิ่มเพื่อนบัญชีทางการเพื่อใช้บริการได้ที่ @LINEHEALTH&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากบริการใหม่แล้ว ครั้งแรกในไทยกับการเผยกลยุทธ์ระดับโลกที่พร้อมบุกตลาดในเมืองไทยอย่างเป็นทางการของสองธุรกิจ IP Business ภายในกลุ่มบริษัท LINE อย่าง IPX (เปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิม LINE FRIENDS) ที่พัฒนาสู่การเป็นครีเอทีฟสตูดิโอผู้สร้างสรรค์และพัฒนาคาแรกเตอร์ที่เติบโตเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งระดับโลก สามารถสร้างสรรค์ IP ต่างๆ ครองใจเหล่าแฟนๆ ทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ฟาก LINE WEBTOON ผู้นำแพลตฟอร์มเว็บตูนอันดับหนึ่งของโลกและในไทย เตรียมขยายโอกาสทางธุรกิจที่ต่อยอดจากคอนเทนต์เว็บตูนสู่ IP Business เช่นเดียวกัน ซึ่งสองบริการก็พร้อมขนไลน์อัปคาแรกเตอร์-คอนเทนต์และโปรเจกต์ที่พร้อมเปิดรับพาร์ทเนอร์หลากหลายรูปแบบในปี 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในงานได้เปิดตัว LINE MINIAPP ขยายขีดความสามารถของแพลตฟอร์มให้นักพัฒนาสามารถสร้าง App ของตัวเองบน LINE ได้ ลดข้อจำกัดในการพัฒนา Native App ที่ใช้เวลาและทรัพยากรสูง เป็นพื้นที่ให้นักพัฒนาสร้างบริการบน LINE ให้ลูกค้าผู้ใช้งานเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ครบครัน พร้อมแนะนำ LINE MINIAPP Playground พื้นที่ให้นักพัฒนาสามารถทดลองสร้าง MINIAPP ของตนเองได้ก่อนพัฒนาจริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว LINE DEVELOPER PARTNER โปรแกรมส่งเสริมศักยภาพนักพัฒนาไทย เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเข้าถึงการสนับสนุนรอบด้านจาก LINE เพื่อต่อยอดเป็นพาร์ทเนอร์องค์กรนักพัฒนาชั้นนำระดับประเทศ โดย LINE พร้อมเปิดรับสมัครองค์กรนักพัฒนาทั่วไทย องค์กรที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับการสนับสนุนจาก LINE ทั้งในด้านทักษะความรู้เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ การสนับสนุนด้านการตลาด และโอกาสในการร่วมโปรเจกต์กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจองค์กรต่างๆ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/facebook-live-video-update-feb-2025" alt="Facebook Live อัปเดตนโยบายใหม่เก็บวิดีโอได้แค่ 30 วัน โดยให้ทางเลือก ‘ดาวน์โหลดไว้’ หรือ ‘แปลงเป็น Reels’">Facebook Live อัปเดตนโยบายใหม่เก็บวิดีโอได้แค่ 30 วัน โดยให้ทางเลือก ‘ดาวน์โหลดไว้’ หรือ ‘แปลงเป็น Reels’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บริการใหม่สุดว้าว! เปิดตัว LINE PREMIUM เก็บรูป ไฟล์เอกสาร วิดีโอได้แบบไม่มีวันหมดอายุ ราคา 169 บาทต่อเดือน

<h2>ในยุคการตลาดดิจิทัลมาแรง LINE STICKERS ได้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่หลากหลายแบรนด์เลือกใช้ ไม่เว้นแม้แต่แบรนด์สินค้าหรู ด้วยศักยภาพที่ไม่เพียงช่วยแบรนด์เพิ่มจำนวนผู้ติดตามบน LINE Official Account (LINE OA) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของแบรนด์ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังเช่นแคมเปญล่าสุดจากแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง Dior ที่ได้มีการใช้งาน LINE STICKERS เพื่อเข้าถึงลูกค้าชาวไทยในโอกาสฉลองเปิดตัว Dior Gold House เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Dior x LINE FRIENDS สติกเกอร์สุดพิเศษ ผสานโลกออนไลน์และแฟชั่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dior ได้เลือก LINE STICKERS ให้เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงโลกแฟชั่นระดับไฮเอนด์และความสนุกบนโลกออนไลน์ให้กับลูกค้าคนไทยในโอกาสเปิดตัว Dior Gold House แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุง โดยร่วมมือกับ LINE FRIENDS เปิดตัวสติกเกอร์ Dior x LINE FRIENDS สุดเอ็กซ์คลูซีฟ 2 เซต นำเสนอเอกลักษณ์และเรื่องราวของแบรนด์ผ่านเหล่าคาแรคเตอร์ LINE FRIENDS&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความหรูหราในแบบฉบับ Dior แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจคนไทยผ่านการผสมผสานระหว่างโลกออนไลน์และโลกแห่งแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dior นับเป็นแบรนด์สินค้าหรูแบรนด์แรกในไทยที่ร่วมมือกับ LINE FRIENDS เปิดตัว LINE STICKERS ถึงสองเซต สองรูปแบบเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ในเชิงการตลาดเพื่อเข้าถึงแฟนชาวไทยได้อย่างดีเยี่ยม​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/gREoMBs42Xiopvy6Ujsd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gREoMBs42Xiopvy6Ujsd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="765,720" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; รูปแบบแรกคือ Sponsored Sticker เซต Dior Gold House Exclusive Stickers ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถดาวน์โหลดได้ทันที เพียงเพิ่มเพื่อนหรือกดติดตาม LINE OA ของ Dior (@diorcouture) และสามารถใช้งานได้ 90 วันหลังดาวน์โหลด สติกเกอร์รูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานผู้ติดตามและเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อ สื่อสารกับลูกค้าในอนาคตได้แล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนรูปแบบที่สองคือ Secret Sticker เซต Dior Gold House Secret Stickers ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์พิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้ลูกค้าที่มาเยือน Dior Gold House โดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ดาวน์โหลดจะสามารถใช้งานสติกเกอร์ชุดนี้ได้ยาวนานถึง 180 วัน ช่วยสร้างการรับรู้และความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้ในระยะยาวขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การใช้ LINE STICKERS สองเซตในรูปแบบมีจุดประสงค์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แต่สื่อถึงความหรูหราและเอกลักษณ์ของ Dior Gold House ร่วมกันได้อย่างชัดเจนของ Dior ในแคมเปญนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการแบรนด์สินค้าหรูในไทยแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ LINE STICKERS ในการเป็นเครื่องมือการตลาดยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเมื่อมีการใช้คาแรกเตอร์ที่ครองใจคนไทยอย่าง LINE FRIENDS มาสวมใส่คอสตูมสุดหรูจาก Dior พร้อมฉากหลังสุดพิเศษอย่างบรรยากาศร้าน Dior และ Cafe Dior แล้ว ยิ่งช่วยทำให้สติกเกอร์สองเซตนี้มีความโดดเด่น ดึงดูดใจ ร่วมกับการเลือกใช้ข้อความที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้ทั้งในบทสนทนาชีวิตประจำวันและในโอกาสสำคัญได้ ยิ่งช่วยทำให้ลูกค้านำสติกเกอร์จากแบรนด์ไปใช้ในโอกาสที่หลากหลาย สร้างความประทับใจในทุกการสนทนา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ LINE STICKERS ในการส่งต่อเรื่องราวของแบรนด์ Dior ได้เป็นอย่างดี ผสมผสานโลกแฟชั่นระดับไฮเอนด์เข้ากับการสื่อสารในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัว และสร้างกระแสตอบรับที่ดีมากในกลุ่มลูกค้าชาวไทย​เปิดโลก LINE STICKERS เครื่องมือการตลาดยุคใหม่ เข้าถึงทุกเป้าหมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปัจจุบัน ภาคธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถใช้งาน LINE STICKERS เพื่อการตลาดได้ 3 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของแบรนด์ที่มีเป้าหมายทางการตลาดแตกต่างกันไป โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นและประโยชน์เฉพาะตัวที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/wofovJsHuubdEX5Ke4oL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wofovJsHuubdEX5Ke4oL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="3841,2161" data-rotatex="" data-rotatey="" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp; 1. Sponsored Sticker เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยสติกเกอร์จะถูกนำเสนอใน Sticker Shop และสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี มีทั้งรูปแบบ Static Sticker หรือภาพนิ่ง โดยพบว่าสติกเกอร์รูปแบบนี้มีการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 9.7 ล้านครั้งต่อเซต ในขณะที่ Animated Sticker หรือสติกเกอร์แบบเคลื่อนไหว มีการใช้งานเฉลี่ยสูงถึง 17 ล้านครั้งต่อเซต และจากสถิติยังพบว่า Sponsored Sticker หนึ่งเซตสามารถสร้างยอดการใช้งานสูงสุดได้ถึง 100 ล้านครั้งเลยทีเดียว&nbsp; &nbsp; 2. Secret Sticker รูปแบบสติกเกอร์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความพิเศษและเอ็กซ์คลูซีฟ โดยสติกเกอร์ประเภทนี้จะไม่สามารถค้นหาจากร้านค้าสติกเกอร์หรือ Sticker Shop ใน LINE ได้ โดยแบรนด์เป็นผู้ดำเนินการส่งมอบให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ตามเงื่อนไขที่ตนต้องการ เช่น ผู้ที่มาเยือนร้านค้า หรือผู้ที่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไขเฉพาะของแบรนด์ ดังเช่นกรณีของ Dior ที่ใช้ Secret Sticker ในการมอบประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้าที่มาเยือน Dior Gold House เท่านั้น เป็นต้น&nbsp; &nbsp; 3. Mission Sticker เป็นรูปแบบสติกเกอร์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมกับลูกค้า โดยกำหนดให้ผู้ใช้งานต้องทำภารกิจร่วมกับแบรนด์ตามที่แบรนด์กำหนดไว้ เช่น การกรอกแบบสอบถามหรือลิงก์บัญชี LINE จึงจะสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ได้ วิธีนี้ไม่เพียงช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ แต่ยังเป็นช่องทางให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เป็น 1st Party Data เพื่อนำไปใช้งานด้านการตลาดต่อได้ในอนาคต​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/MKCiMvbqBMUxBxcXqHHM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MKCiMvbqBMUxBxcXqHHM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,720" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"><figcaption><div>Dior Gold House</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยศักยภาพและรูปแบบของ LINE STICKERS ที่แบรนด์สามารถปรับใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดที่ตนต้องการได้อย่างหลากหลาย เสมือนเป็นพื้นที่ให้แบรนด์ได้สื่อสาร ส่งต่อเรื่องราว สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์บนโลกดิจิทัลได้น่าจดจำ น่าประทับใจ โดยสติกเกอร์ Dior x LINE FRIENDS ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี แสดงให้เห็นถึงวิถีการใช้งาน LINE STICKERS ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ ตอบโจทย์เชิงการตลาดได้อย่างน่าสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโลกที่ผู้บริโภคชาวไทยมีความผูกพันกับดิจิทัลมากขึ้น LINE STICKERS ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความสนุกในบทสนทนาอีกต่อไป แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและเป็น Top of Mind ในใจลูกค้าได้ ภาพ: Dior และ LINE ประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/cmmu-thai-luxmer-trend" alt="คนไทยติดหรูแม้รายได้ไม่เยอะ เงินเก็บน้อย! CMMU แนะ 4 กลยุทธ์ พิชิตใจชาว Luxumer">คนไทยติดหรูแม้รายได้ไม่เยอะ เงินเก็บน้อย! CMMU แนะ 4 กลยุทธ์ พิชิตใจชาว Luxumer</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะไอเดียการตลาด Dior แบรนด์หรูแรกที่ใช้สติกเกอร์ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าชาวไทย

<h2>	การประกาศวิสัยทัศน์ ทิศทาง และกลยุทธ์ของ LINE ประเทศไทย จากงาน LINE Conference Thailand 2023 หรือ #LCT23 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมุ่งมันในการพัฒนาบริการ เพื่อยกระดับชีวิตและการดำเนินธุรกิจของคนไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย” ด้วยโร้ดแมปโซลูชั่นและเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อขยายศักยภาพ เพิ่มความสามารถในการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการ นักการตลาดไทย อันประกอบไปด้วย 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้</h2> พัฒนาเครื่องมือจัดการดาต้า ให้ตอบโจทย์ได้หลากหลาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน LINE มีเครื่องมือหลักในการช่วยแบรนด์จัดการบริหารดาต้า คือ MyCustomer ซึ่งได้พัฒนาสู่บทบาทการเป็น Data Processor ให้กับแบรนด์ได้อย่างเต็มตัว ช่วยให้แบรนด์สามารถบริหารจัดการ 1st Party Data ที่ได้มาอย่างเต็มประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความสามารถในการควบคุมขอบเขตการจัดการดาต้า ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขระยะเวลาและขอบเขตที่ผู้บริโภคยินยอม ช่วยให้แบรนด์ นักการตลาดไทย สามารถใช้ดาต้าได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล พัฒนาสู่การสื่อสาร การตลาดต่างๆ ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น การทำ Retargeting และ การทำ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าอย่างแท้จริง <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/YmCzm4WMYP3ds2dWiwUM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="5" data-file-name="YmCzm4WMYP3ds2dWiwUM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;"></figure></div>​​&nbsp; &nbsp; โดย LINE มีแผนเปิดตัวเครื่องมือ MyCustomer ด้าน CRM โดยเฉพาะ ช่วยให้นักการตลาดไทย สามารถจัดกลุ่มลูกค้าจากข้อมูลอินไซต์ที่ได้ เพื่อออกแบบการสื่อสาร ทำการตลาดด้าน CRM ให้โดนใจ รวมไปถึงการสร้างกลุ่มลูกค้า Lookalike เพื่อนำมาขยายฐานหาลูกค้าใหม่ๆ หรือบรอดแคสต์โปรโมชั่นไปสู่กลุ่มลูกค้าที่เริ่มออกห่างจากแบรนด์ไป ให้กลับมาสนใจแบรนด์ได้อีกครั้ง โดยฟีเจอร์เบื้องต้นที่จะเพิ่มเข้ามา คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคะแนนสะสม (Point Management) การแบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อสิทธิพิเศษ (Reward Management) และการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามระดับ (Tier Management)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และไม่ใช่สำหรับธุรกิจใหญ่เท่านั้น LINE ยังมีแผนเปิดตัวเครื่องมือ MyCustomer สำหรับกลุ่ม SME ไทย ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย สามารถใช้ดาต้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้ โดยมีกำหนดการเปิดตัวภายในครึ่งปีแรกของปี 2567 เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาบน LINE ให้แม่นยำ ครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) Persona Targeting เครื่องมือช่วยเลือกกลุ่มเป้าหมายยิงโฆษณา จากลักษณะและพฤติกรรมเฉพาะของผู้ใช้ ได้แก่ ความสนใจ แนวโน้มการใช้จ่าย และพฤติกรรมผู้ใช้ นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ใช่ ไม่ว่าจะเป็น ผล CTR เพิ่มขึ้นถึง 63% CRV เพิ่มขึ้นถึง 22% CPA ลดลงถึง 35% และ CPC ลดลง 23%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในอนาคต LINE มีแผนพัฒนา Persona Targeting เพื่อให้แบรนด์สามารถระบุลักษณะเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดและลึกขึ้น อาทิ พฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น กำลังซื้อโดยเฉลี่ย วิธีการชำระเงิน พฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น ช้อปบ่อยแค่ไหน ช้อปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และกลุ่มสินค้าที่มักช้อปบนออนไลน์ เช่น สินค้าแฟชั่น สุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ช่วยให้การยิงโฆษณาบน LINE เป็นไปอย่างแม่นยำ คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/oV88QDU2qY2V9MJueoVN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-index="1" data-file-name="oV88QDU2qY2V9MJueoVN.jpg" data-file-size="0" origin-size="1921,2275" data-origin="1050px,1244px" style="width: 100%;" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75,"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) การนำ 3rd Party Data เข้ามาเสริมทัพการยิงโฆษณาบน LINE ด้วยความร่วมมือกับ ADA Thailand ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำและครอบคลุมขึ้น โดยได้ผลตอบรับอันน่าพึงพอใจจาก 3 กลุ่มธุรกิจที่ได้ลองใช้งาน ด้วยผล CPA จากกลุ่มธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน ลดลง 51% กลุ่มธุรกิจเทคฯ และการสื่อสาร ลดลง 67% และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ลดลง 56% ตามลำดับ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(3) การนำดาต้าจาก LINE SHOPPING มาเป็นกลุ่มเป้าหมายยิงโฆษณา ปลดล็อคข้อจำกัดเดิมๆ ด้วยความสามารถใหม่อย่าง Conversion Ad for LINE SHOPPING ช่วยให้แบรนด์ที่ลงโฆษณาผ่าน LINE Ads สามารถติดตามพฤติกรรม อินไซต์เส้นทางการช้อปของลูกค้าบน LINE SHOPPING ได้! เพื่อนำมาจัด จำแนกเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้ตรงกลุ่ม ตรงใจ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างระบบการติดตาม การแสดงผลต่างๆ เองให้วุ่นวาย เพราะ LINE ได้สร้างระบบดังกล่าวรองรับไว้ให้แล้ว! เปิดการเชื่อมต่อ API &amp; Plug-in อย่างหลากหลาย ธุรกิจไทยเลือกใช้โซลูชั่นได้ตรงจุด &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ส่วนใหญ่ จะเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้งานโดยนักพัฒนาไทย แต่หากแบรนด์และนักการตลาดรู้จักประโยชน์จากการใช้งานเบื้องต้นได้ นับเป็นบันไดสู่ความร่วมมือภายในองค์กรที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) LINE SHOPPING API เครื่องมือใหม่ที่เพิ่งเปิดให้นักพัฒนาจากแบรนด์และร้านค้า สามารถเชื่อมต่อ API ต่างๆ เพื่อพัฒนาระบบการขายบน LINE SHOPPING ได้ง่าย สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น API ด้านการจัดการข้อมูลสินค้าอย่าง Product API ด้านการจัดการสต๊อกอย่าง Inventory API เป็นต้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยปัจจุบัน มีร้านค้าที่ใช้งาน LINE SHOPPING API อยู่ไม่น้อย โดยสามารถสร้างออเดอร์ได้มากถึง 16% และ GMV สูงถึง 22% เมื่อเทียบกับสถิติร้านค้าโดยรวมบน LINE SHOPPING โดย LINE มีแผนพัฒนา LINE SHOPPING API ตัวใหม่ ช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดการการขายบน LINE SHOPPING ได้สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นเสริมประสิทธิภาพกลุ่มเครื่องมือ LINE OA Plus อันได้แก่ MyCustomer, MyShop และ MyRestaurant ถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ สำหรับภาคธุรกิจ นักการตลาดไทย ในการสรรหา เลือกใช้เครื่องมือจากนักพัฒนาทั่วไป มาเพิ่มศักยภาพเชิงลึกให้การทำธุรกิจบน LINE ได้หลากหลาย ตรงความต้องการ โดยมีแผนเปิดตัวในปีหน้า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/ioVvTsVgTAgZpkSVoCXD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="4" data-file-name="ioVvTsVgTAgZpkSVoCXD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจาก 3 กลุ่มเครื่องมือข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือการเปิดตัว LON หรือ LINE Official Notification บริการข้อความแจ้งเตือนผ่าน LINE OA โดยอาศัยข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ผู้ใช้ มีจุดเด่นคือสามารถส่งหาคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับ LINE OA ได้ เพื่ออัปเดตสถานะและแจ้งเตือน อาทิ ยืนยันการชำระเงิน ยืนยันการจอง แจ้งการให้บริการสำเร็จ เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากมีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าไม่เป็นข้อความปลอมหรือหลอกลวงแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการเพิ่มเพื่อนให้กับ LINE OA ของแบรนด์ได้อีกด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;เหล่านี้ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับภาคธุรกิจไทย ที่ LINE มุ่งมั่นสร้างสรรค์ พัฒนาขึ้น เพื่อให้ธุรกิจยุคใหม่ สามารถใช้ประโยชน์จากดาต้าและเทคโนโลยีบน LINE เพื่อการเติบโตบนโลกดิจิทัลได้เต็มศักยภาพขึ้นกว่าเดิม อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71397" alt="New Balance เปิดแฟลกชิปสโตร์คอนเซ็ปต์ล้ำแห่งใหม่ในประเทศไทย">New Balance เปิดแฟลกชิปสโตร์คอนเซ็ปต์ล้ำแห่งใหม่ในประเทศไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะลึกโร้ดแมปโซลูชั่นใหม่จาก LINE โอกาสทองของธุรกิจและการตลาดไทยเติบโตได้ด้วยเทคโนโลยี

"LINE ประเทศไทย" ชูจุดเด่น "Chat Economy" ผลักดันคนและธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน

พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา กาง “ไลน์แทงธุรกิจ” แห่งโลกดิจิทัล

ฝ่าวิกฤตด้วยแนวคิด Growth Mindset แบบฉบับ Line ประเทศไทย

<h2>LINE TV ปี 2017 ผุดคอนเทนต์ กีฬา และ บิวตี้ เปิดตัว 5 พันธมิตรใหม่ ตบเท้าคอนเทนต์พาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้นกว่า 100 รายในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกกลุ่มคอนเทนต์ทั้งละคร บันเทิง เพลง อนิเมชั่น ถ่ายทอดสด กีฬา และบิวตี้ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกกลุ่มผู้ชม</h2>
แดน ศรมณี ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา LINE TV ประสบความสำเร็จด้วยยอดวิวที่เพิ่มสูงขึ้น 136% โดยผู้ชมใช้เวลาอยู่บน LINE TV เพิ่มมากขึ้น 81% นอกจากนี้ เรายังสร้างปรากฏการณ์คอนเทนต์ที่มีกระแสถล่มโลกโซเชียลด้วยซีรี่ย์ดังอาทิ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์”

ทั้งนี้เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ LINE TV จัดงาน LINE TV AWARD ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่คอนเทนต์พาร์ทเนอร์ที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ดังต่อไปนี้

1. รางวัล Top Most Viewed คือ รางวัลละครที่มียอดวิวสูงสุดแห่งปี ได้แก่ “O-Negative” ยอดวิวรวมสูงสุดมากกว่า 210 ล้านวิว

2. รางวัล Top Entertainment คือ รางวัลรายการวาไรตี้ที่มียอดวิวสูงสุดแห่งปี ได้แก่ “Oh Baby!” เรียลลิตี้ รายการแรกบน LINE TV ด้วยยอดวิวรวมสูงสุดมากกว่า 65 ล้านวิว

3. รางวัล Content Of The Year คือ รางวัลคอนเทนต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโลกออนไลน์ ได้แก่ “I HATE YOU I LOVE YOU” มินิซีรี่ย์แนวสืบสวนสอบสวนเรื่องแรกบนโลกออนไลน์ ด้วยยอดวิวรวมสูงสุดมากกว่า 128 ล้านวิว โดยยอดวิวของ Episode 3 ไทเกอร์ พุ่งสูงถึง 10 ล้านวิวภายใน 24 ชั่วโมง

“ปัจจัยหลักที่ทำให้ LINE TV ประสบความสำเร็จเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีการคัดสรรคอนเทนต์ที่ตรงกับกระแสความต้องการของผู้ชมและตลาดในปัจจุบัน จึงนับเป็นช่องทางสำคัญในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และแคมเปญในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างถูกที่ถูกเวลาและตรงกลุ่มเป้าหมาย” แดน ศรมณี ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย กล่าวเสริม

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0aeadabe8beed8fe56c82aee4efc5014.png" alt="" />

เปิดตัว 5 พันธมิตรใหม่

LINE TV ยังได้สร้างมิติใหม่ด้วยการเปิดตัวกลุ่มคอนเทนต์ต่างๆ ได้แก่ ช่อง 8 สถานีโทรทัศน์แห่งความบันเทิงในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน), GMM BRAVO ผู้ผลิตซีรี่ย์ ในเครือ GMM Grammy, ค่ายเพลงน้องใหม่ Muzik Move และ 123 RECORDS และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

“เราเชื่อมั่นว่า ในปีนี้ สุดยอดความบันเทิงจาก LINE TV และที่สุดแห่งคอนเทนต์จากพันธมิตรชื่อดังต่างๆ ของเรา จะร่วมสร้างปรากฏการณ์ NEXPLOSION ที่จะมาระเบิดความสุขเพื่อมอบให้กับแฟน LINE TV ได้รับชมกันอย่างทั่วถึงครบทุกอรรถรสอย่างแน่นอน และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น LINE TV ยังพร้อมเปิดรับพันธมิตรทั้งในด้านคอนเทนต์และลูกค้าต่างๆ ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคอนเทนต์ของเรา เนื่องจากเรามี ‘Original Content’ ซึ่งเป็นคอนเทนต์พิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟบน LINE TV ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ ผสมผสานความแปลกใหม่ทั้งในเรื่องของเนื้อหาและวิธีการนำเสนอที่แตกต่างไม่ซ้ำใครเพราะเราคือผู้นำในด้านคอนเทนต์วิดิโอออนไลน์” แดน กล่าวสรุป

<img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8a19309e89c4a2d7e757cc540df286b7.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1e9444ca22988407e27aaade97abf7a3.png" alt="" />

LINE ดันคอนเทนต์วิดีโอออนไลน์ สร้าง LINE TV แพลตฟอร์มรวบรวมคอนเทนต์พรีเมียมและเอ็กซ์คลูซีฟ

<h2>อริยะ พนมยงค์ เผยวิสัยทัศน์ประจำปี 2560 หวังสร้าง LINE ประเทศไทย เป็นมากกว่าแอพสนทนา ชู 4 ปัจจัย สนับสนุน Communication, Content, Services และ Commerce</h2>
“ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองของ LINE ด้วยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่สูงถึง 94% โดยในปี 2016 LINE ประเทศไทยตั้งเป้าในการเป็นมากกว่าแชท” อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ LINE ประเทศไทย กล่าว พร้อมเผยตัวเลขสำคัญในปีที่ผ่านมา
<ul>
 	<li>LINE TV ยอดวิวโตเพิ่มขึ้น 136% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากซีรี่ส์ที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อย่าง ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์</li>
 	<li>LINE MAN บริการใหม่ซึ่งประกอบไปด้วยแมสเซนเจอร์ สั่งซื้ออาหารและของสะดวกซื้อ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในเดือนพฤษภาคม 2559 ด้วยจำนวนผู้ใช้งานสูงถึง 400,000 คน ทำให้ LINE MAN ขึ้นสู่อันดับ 1 บริการส่งอาหาร ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี</li>
 	<li>LINE GAME ครองอันดับ 1 ตลาดเกมมือถือในประเทศไทย</li>
 	<li>LINE STICKERS ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยจำนวนสติกเกอร์ดาวน์โหลดที่สูงกว่า 500 ล้านเซ็ต แสดงให้เห็นว่า สติกเกอร์ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่คนไทยนิยมใช้ในการแสดงความรู้สึก</li>
</ul>
อริยะ เปิดเผยอีกว่าจากตัวความสำเร็จที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการมาของยุค Mobile-first จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์หลักของปี 2560 สู่ Mobile Portal ที่ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตประจำวันที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่สูงถึง 44 ล้านคน หรือประมาณ 2 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ คนไทยเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตครั้งแรกผ่านทางสมาร์ทโฟนมากกว่าคอมพิวเตอร์

<img style="width: 680px; height: 532px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0b4a373e72e87c10792d87c434318d74.png" alt="" />

ด้วยเหตุนี้ LINE จึงตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางของสมาร์ทโฟนหรือที่เรียกว่า “Mobile Portal” เพื่อช่วยให้ชีวิตคนไทยง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วย 4 ปัจจัยหลักในการใช้ชีวิต

Communication จากผลสำรวจของ Nielsen พบว่า คนไทยใช้เวลาเฉลี่ยบนสมาร์ทโฟนสูงถึง 234 นาทีต่อวัน โดย 1 ใน 3 ของเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟน หรือประมาณ 70 นาทีต่อวัน ถูกใช้บนแพลตฟอร์ม LINE

Content เนื้อหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ เพลง และสิ่งพิมพ์ ต่างถูกย้ายมาอยู่บนโลกออนไลน์ LINE TV โดยคนไทยใช้เวลาดูวิดีโอออนไลน์สูงถึง 133 นาทีต่อวัน หรือคิดเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 65 นาทีต่อวัน ในปีนี้ ในปีนี้เราได้เปิดตัวคอนเทนต์กลุ่มใหม่คือ “กีฬาและความงาม” พร้อมขยายพันธมิตรรายใหญ่ต่างๆ จากผู้ผลิตเนื้อหา พร้อมสร้างฟีเจอร์ “News Tab” ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารง่ายขึ้น พร้อมตั้งเป้าขึ้นสู่อันดับ 1 แพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารบนมือถือ โดยจะเริ่มสร้างรายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

Services ด้านการบริการ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.2 – 2.6 ล้าน แอปพลิเคชัน ในขณะที่จำนวนแอปพลิเคชันเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่ดาวน์โหลดมีเพียง 32 แอปพลิเคชันต่อหนึ่งอุปกรณ์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียง 3 – 5 แอปพลิเคชันที่ถูกใช้งานในแต่ละวัน

Commerce  ด้านการขายสินค้าและบริการ ปัจจุบันการขายสินค้าออนไลน์หรือ e-commerce ยังคงมีสัดส่วนที่เล็กมากเพียง 3.8% ของมูลค่าการค้าปลีกทั้งหมด LINE จึงมองเห็นโอกาสในการเชื่อมต่อโลกออฟไลน์ และออนไลน์ หรือที่เรียกว่า บริการในรูปแบบ O2O (Offline to Online) เราจึงมีการเปิดตัว Beacon ซึ่งร้านค้าต่างๆ สามารถติดตั้ง Beacon เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์และมอบคูปองโปรโมชั่นต่างๆ เมื่อลูกค้า มาใช้บริการที่ร้านค้า

“นอกจาก 4 ปัจจัยสำคัญแล้ว LINE ยังได้พัฒนา Chat BOT ขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนแอปพลิเคชันด้วยการเข้าถึงบริการต่างๆ ได้จาก LINE เพียงที่เดียว โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น Chat BOT ของ LINE เอง เช่น LINE FINANCE หรือจากพาร์ทเนอร์ เช่น Uber และ Wongnai รวมถึงแบรนด์ต่างๆ”

ทั้งนี้ อริยะ กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าสำคัญในปี 2560 ในฐานะผู้นำด้านแพลตฟอร์มบนมือถือพัฒนาบริการต่างๆ และสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระบบ Digital Economy ในประเทศไทย

<img style="width: 680px; height: 446px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a72165d348bcebfe719cbe5c4d9da6c8.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 500px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/892420082388389255e226af525316aa.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f88f35d561dff03f979ab68f6b71969d.png" alt="" />

LINE ประเทศไทย เผยกลยุทธ์ 2560 สร้างแอพฯ LINE สู่ “Mobile Portal” เสิร์ฟบริการ ดึงพันธมิตร ครอบคลุมทุกมิติการใช้ชีวิต

จากภาพ: อริยะ(ที่ 2 จากขวา) ขึ้นเวที Start It Up งานใหญ่ของ startup เมืองไทย 
&nbsp; 
ในยุคที่ LINE ไม่ใช่แค่การส่งข้อความหรือสติ๊กเกอร์ถึงกัน แต่ยังขยายบริการและผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมการใช้ชีวิตแทบทุกด้าน &ldquo;หัวเรือใหญ่&rdquo; ขององค์กร จึงเป็นบุคคลสำคัญในการกำหนดทิศทางหรือนโยบาย ล่าสุด LINE ประเทศไทย ก็เพิ่งได้ผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีและโทรคมนาคมมานาน อย่าง อริยะ พนมยงค์ มานั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ หลังสั่งสมประสบการณ์การทำงานจากการเป็น Chief Commercial Officer ที่ True Corporation และ Country Head คนแรกของ Google ประเทศไทย มาแล้ว 
 
ไม่นานมานี้ อริยะ ขึ้นเวที Start It Up ซึ่งเป็นงานใหญ่ของเหล่า startup ทั่วเมืองไทย จัดโดยเว็บไซต์ Techsauce มีผู้เข้าร่วมเต็มห้องประชุมความจุหลายร้อยที่นั่งของ C asean อาคารไซเบอร์เวิลด์ บอกเล่าประสบการณ์การทำงานในองค์กรที่แตกต่างกัน 
 
ในมุมมองของ อริยะ เขาเห็นว่านอกจากบริหารธุรกิจแล้ว การเป็นหัวเรือใหญ่ขององค์กรยังต้องบริหารคน เขาไม่ได้ยึดหลักความเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง แต่ให้ทุกคนเห็นว่าเขาคือส่วนหนึ่งของทีม ขาดไม่ได้คือการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อให้เข้าใจนโยบายและทิศทางองค์กรได้ตรงกัน ซึ่งนับเป็นปัจจัยหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร 
 
อริยะ ยังเล่าถึงวัฒนธรรมองค์กรของ Google ว่าเป็นแบบตะวันตก ส่วน LINE เป็นแบบเอเชีย เมื่อเข้าไปทำงานที่ LINE เขาจึงประยุกต์วัฒนธรรมองค์กรบางอย่างจาก Google มาใช้ ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาคุณค่าการทำงานในแบบ LINE ไว้ 
 
&ldquo;การทำงานที่ LINE ซึ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแต่ละประเทศ ทำให้ผมมีความยืดหยุ่นพอสมควรในการหาสิ่งที่เหมาะสมกับคนไทย และถ้าเราเป็นผู้ริเริ่มได้ก็จะดีมาก&rdquo;

อริยะ พนมยงค์ “เบอร์หนึ่ง” LINE ประเทศไทย แนะ “วัฒนธรรมองค์กรสร้างได้”

LINE ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง อริยะ พนมยงค์ ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนแรกของ LINE ประเทศไทย โดยคุณอริยะจะรับผิดชอบดูแลในด้านกลยุทธ์การตลาด และการพัฒนาธุรกิจของ LINE ประเทศไทย 
 
จากอดีต Country Head คนแรกของ Google Thailand และ Chief Commercial Officer ที่ True Corporation และประสบการณ์การทำงานในธุรกิจโทรคมนาคมจากต่างประเทศที่รับผิดชอบในด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์และการพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่ Netonomy และ Genesyslab (Alcatel-Lucent) ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งที่ Orange ประเทศโรมาเนีย 
 
&ldquo;ผมรู้สึกยินดีที่ได้เข้ามาร่วมงานกับ LINE ประเทศไทย เป็นอย่างยิ่ง และในฐานะกรรมการผู้จัดการ ผมมุ่งหวังที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ LINE และพร้อมที่จะผลักดันทีม LINE ประเทศไทย ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ไปสู่เป้าหมายร่วมกัน&rdquo; 
 
ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในด้านการบริหารและการพัฒนาธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและโทรคมนาคมกว่า 18 ปี ทำให้เขามั่นใจในการผลักดัน LINE ประเทศไทย ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น 
 
&ldquo;สิ่งหนึ่งที่ผมจะโฟกัส คือ การนำเสนอจุดเด่นของ LINE แพลตฟอร์ม มาผนวกกับบริการใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ LINE ทำให้ LINE สามารถเชื่อมโยงเข้ากับส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานในประเทศไทย และนั่นจะทำให้ผู้ใช้งานมือถือและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา ได้เข้าถึงประสบการณ์ต่างๆของ LINE ได้ดียิ่งขึ้น&rdquo; อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการคนแรกของ LINE ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้าย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events