การประกาศวิสัยทัศน์ ทิศทาง และกลยุทธ์ของ LINE ประเทศไทย จากงาน LINE Conference Thailand 2023 หรือ #LCT23 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมุ่งมันในการพัฒนาบริการ เพื่อยกระดับชีวิตและการดำเนินธุรกิจของคนไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิดเพื่อคนไทย” ด้วยโร้ดแมปโซลูชั่นและเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อขยายศักยภาพ เพิ่มความสามารถในการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการ นักการตลาดไทย อันประกอบไปด้วย 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
พัฒนาเครื่องมือจัดการดาต้า ให้ตอบโจทย์ได้หลากหลาย
ปัจจุบัน LINE มีเครื่องมือหลักในการช่วยแบรนด์จัดการบริหารดาต้า คือ MyCustomer ซึ่งได้พัฒนาสู่บทบาทการเป็น Data Processor ให้กับแบรนด์ได้อย่างเต็มตัว ช่วยให้แบรนด์สามารถบริหารจัดการ 1st Party Data ที่ได้มาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ด้วยความสามารถในการควบคุมขอบเขตการจัดการดาต้า ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขระยะเวลาและขอบเขตที่ผู้บริโภคยินยอม ช่วยให้แบรนด์ นักการตลาดไทย สามารถใช้ดาต้าได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล พัฒนาสู่การสื่อสาร การตลาดต่างๆ ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น การทำ Retargeting และ การทำ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าอย่างแท้จริง
โดย LINE มีแผนเปิดตัวเครื่องมือ MyCustomer ด้าน CRM โดยเฉพาะ ช่วยให้นักการตลาดไทย สามารถจัดกลุ่มลูกค้าจากข้อมูลอินไซต์ที่ได้ เพื่อออกแบบการสื่อสาร ทำการตลาดด้าน CRM ให้โดนใจ รวมไปถึงการสร้างกลุ่มลูกค้า Lookalike เพื่อนำมาขยายฐานหาลูกค้าใหม่ๆ หรือบรอดแคสต์โปรโมชั่นไปสู่กลุ่มลูกค้าที่เริ่มออกห่างจากแบรนด์ไป ให้กลับมาสนใจแบรนด์ได้อีกครั้ง โดยฟีเจอร์เบื้องต้นที่จะเพิ่มเข้ามา คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคะแนนสะสม (Point Management) การแบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อสิทธิพิเศษ (Reward Management) และการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามระดับ (Tier Management)
และไม่ใช่สำหรับธุรกิจใหญ่เท่านั้น LINE ยังมีแผนเปิดตัวเครื่องมือ MyCustomer สำหรับกลุ่ม SME ไทย ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย สามารถใช้ดาต้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้ โดยมีกำหนดการเปิดตัวภายในครึ่งปีแรกของปี 2567
เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาบน LINE ให้แม่นยำ ครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม
(1) Persona Targeting เครื่องมือช่วยเลือกกลุ่มเป้าหมายยิงโฆษณา จากลักษณะและพฤติกรรมเฉพาะของผู้ใช้ ได้แก่ ความสนใจ แนวโน้มการใช้จ่าย และพฤติกรรมผู้ใช้ นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ใช่ ไม่ว่าจะเป็น ผล CTR เพิ่มขึ้นถึง 63% CRV เพิ่มขึ้นถึง 22% CPA ลดลงถึง 35% และ CPC ลดลง 23%
ในอนาคต LINE มีแผนพัฒนา Persona Targeting เพื่อให้แบรนด์สามารถระบุลักษณะเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดและลึกขึ้น อาทิ พฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น กำลังซื้อโดยเฉลี่ย วิธีการชำระเงิน พฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น ช้อปบ่อยแค่ไหน ช้อปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และกลุ่มสินค้าที่มักช้อปบนออนไลน์ เช่น สินค้าแฟชั่น สุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ช่วยให้การยิงโฆษณาบน LINE เป็นไปอย่างแม่นยำ คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
(2) การนำ 3rd Party Data เข้ามาเสริมทัพการยิงโฆษณาบน LINE ด้วยความร่วมมือกับ ADA Thailand ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำและครอบคลุมขึ้น โดยได้ผลตอบรับอันน่าพึงพอใจจาก 3 กลุ่มธุรกิจที่ได้ลองใช้งาน ด้วยผล CPA จากกลุ่มธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน ลดลง 51% กลุ่มธุรกิจเทคฯ และการสื่อสาร ลดลง 67% และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ ลดลง 56% ตามลำดับ
(3) การนำดาต้าจาก LINE SHOPPING มาเป็นกลุ่มเป้าหมายยิงโฆษณา ปลดล็อคข้อจำกัดเดิมๆ ด้วยความสามารถใหม่อย่าง Conversion Ad for LINE SHOPPING ช่วยให้แบรนด์ที่ลงโฆษณาผ่าน LINE Ads สามารถติดตามพฤติกรรม อินไซต์เส้นทางการช้อปของลูกค้าบน LINE SHOPPING ได้! เพื่อนำมาจัด จำแนกเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads ได้ตรงกลุ่ม ตรงใจ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างระบบการติดตาม การแสดงผลต่างๆ เองให้วุ่นวาย เพราะ LINE ได้สร้างระบบดังกล่าวรองรับไว้ให้แล้ว!
เปิดการเชื่อมต่อ API & Plug-in อย่างหลากหลาย ธุรกิจไทยเลือกใช้โซลูชั่นได้ตรงจุด
แม้ส่วนใหญ่ จะเป็นเครื่องมือสำหรับการใช้งานโดยนักพัฒนาไทย แต่หากแบรนด์และนักการตลาดรู้จักประโยชน์จากการใช้งานเบื้องต้นได้ นับเป็นบันไดสู่ความร่วมมือภายในองค์กรที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
(1) LINE SHOPPING API เครื่องมือใหม่ที่เพิ่งเปิดให้นักพัฒนาจากแบรนด์และร้านค้า สามารถเชื่อมต่อ API ต่างๆ เพื่อพัฒนาระบบการขายบน LINE SHOPPING ได้ง่าย สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น API ด้านการจัดการข้อมูลสินค้าอย่าง Product API ด้านการจัดการสต๊อกอย่าง Inventory API เป็นต้น
โดยปัจจุบัน มีร้านค้าที่ใช้งาน LINE SHOPPING API อยู่ไม่น้อย โดยสามารถสร้างออเดอร์ได้มากถึง 16% และ GMV สูงถึง 22% เมื่อเทียบกับสถิติร้านค้าโดยรวมบน LINE SHOPPING โดย LINE มีแผนพัฒนา LINE SHOPPING API ตัวใหม่ ช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดการการขายบน LINE SHOPPING ได้สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกในอนาคต
(2) LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นเสริมประสิทธิภาพกลุ่มเครื่องมือ LINE OA Plus อันได้แก่ MyCustomer, MyShop และ MyRestaurant ถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ สำหรับภาคธุรกิจ นักการตลาดไทย ในการสรรหา เลือกใช้เครื่องมือจากนักพัฒนาทั่วไป มาเพิ่มศักยภาพเชิงลึกให้การทำธุรกิจบน LINE ได้หลากหลาย ตรงความต้องการ โดยมีแผนเปิดตัวในปีหน้า
นอกจาก 3 กลุ่มเครื่องมือข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือการเปิดตัว LON หรือ LINE Official Notification บริการข้อความแจ้งเตือนผ่าน LINE OA โดยอาศัยข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ผู้ใช้ มีจุดเด่นคือสามารถส่งหาคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับ LINE OA ได้ เพื่ออัปเดตสถานะและแจ้งเตือน อาทิ ยืนยันการชำระเงิน ยืนยันการจอง แจ้งการให้บริการสำเร็จ เป็นต้น
นอกจากมีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าไม่เป็นข้อความปลอมหรือหลอกลวงแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการเพิ่มเพื่อนให้กับ LINE OA ของแบรนด์ได้อีกด้วย
เหล่านี้ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับภาคธุรกิจไทย ที่ LINE มุ่งมั่นสร้างสรรค์ พัฒนาขึ้น เพื่อให้ธุรกิจยุคใหม่ สามารถใช้ประโยชน์จากดาต้าและเทคโนโลยีบน LINE เพื่อการเติบโตบนโลกดิจิทัลได้เต็มศักยภาพขึ้นกว่าเดิม
อ่านเพิ่มเติม : New Balance เปิดแฟลกชิปสโตร์คอนเซ็ปต์ล้ำแห่งใหม่ในประเทศไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine