<h2>จากเวทีบาร์เล็กๆ บนถนนแหลมบาลีฮาย สู่การเป็นศิลปะการแสดงที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ‘ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา’ ได้กลายเป็นต้นแบบของการใช้ธุรกิจบันเทิงผลักดันความหลากหลายทางเพศ และสร้างคุณค่าใหม่ให้กับคำว่า ‘นักแสดงข้ามเพศ’ หลายร้อยชีวิต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand พูดคุยกับ ‘อลิสา พันธุศักดิ์ คุนผลิน’ เจน 2 ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา ถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่นำศิลปะมาสร้างคุณค่าทางสังคม ไปจนถึงเบื้องหลังการออกแบบ ‘Crystallize a Dream’ โชว์ใหม่ฉลองครบรอบ 50 ปี <div class="se-component se-video-container __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 100%;"><figure style="width: 100%; height: 56.25%; padding-bottom: 56.25%; margin: 0px;"><iframe frameborder="0" allowfullscreen="" src="https://www.youtube.com/embed/qCrASBY4JIE" data-proportion="true" data-percentage="100%,56.25%" data-size="100%,56.25%" data-align="none" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0" data-file-name="qCrASBY4JIE" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%"></iframe></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านข่าว “ฉลอง 50 ปีแห่งตำนาน "ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา" เปิดม่านการแสดงชุดใหม่ "Crystallize a Dream"” ได้ที่ <a target="_blank" href="https://bit.ly/TiffanyShowCrystallizeaDream" alt="https://bit.ly/TiffanyShowCrystallizeaDream">https://bit.ly/TiffanyShowCrystallizeaDream</a>​

50 ปี 'ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา' ยกระดับนักแสดงข้ามเพศ สู่ศิลปะการแสดงมืออาชีพระดับโลก

อลิสา พันธุศักดิ์ คุนผลิน “ทิฟฟานี่” ผลึกสีสันจรัสโลก

<h2>กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQIAN+ เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทั่วโลกที่รู้จักกันในชื่อเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy) เนื่องจากกลุ่ม LGBTQIAN+ มีอำนาจการใช้จ่ายสูงและพร้อมที่จะใช้จายเพื่อเพิ่มความสุขส่วนตัวตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบอย่างเต็มที่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่ประเทศไทยเปิดกว้างและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ เห็นได้จากพลังสังคมที่ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนให้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างสังคมที่เท่าเทียมในอีกมิติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) รายงานผลงานวิจัยในหัวข้อ "Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม" พบว่า กลุ่มผู้บริโภค LGBTQIAN+ ไทยมีจำนวนมากกว่า 5.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 9% ของประชากรทั้งประเทศ จึงกลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจใหม่ที่ธุรกิจควรจับตามองโดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนั้น 54% ของประชากรกลุ่มนี้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในจำนวนนี้พบว่า 79.1% สนใจเลือกซื้อบ้านเดี่ยว และ 20.9% เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับคู่รัก โดยมีงบประมาณเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท และมีความสนใจที่อยู่อาศัยแตกต่างกันไป&nbsp; &nbsp; ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พบเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นเทรนด์ที่ปราศจากเพศ (Genderless) ที่มีความต้องการพื้นฐานในการหาบ้านคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ DDproperty คาดว่ามี 4 เทรนด์สำตัญที่ตอบโจทยวิถีชีวิตของคู่รัก LGBTQIAN+ ในยุคปัจจุบัน ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คู่สมรส LGBTQIAN+ กู้ร่วมซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น การประกาศใช้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมในปีนี้ช่วยให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถยื่นกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกันได้ หลังจากก่อนหน้านี้การกู้ร่วมของคู่รักกลุ่มนี้มีข้อจำกัด เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่จัดแคมเปญให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ร่วมกันได้ ซึ่งข้อดีของการกู้ร่วมคือช่วยเพิ่มโอกาสให้อนุมัติการกู้ได้ง่ายขึ้น ได้วงเงินมากขึ้นเพื่อซื้อบ้านในฝันตามงบที่ต้องการ และเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินของทั้งสองฝ่าย โดยคู่สมรส LGBTQIAN+ ที่กู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ สามารถเลือกใส่ชื่อในกรรมสิทธิ์ได้ทั้งแบบ 1 คน หรือ 2 คน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คู่ชีวิตวิถี DINKs มองโอกาสออมเงินต่อยอดลงทุน แนวคิด DINKs (Double Income No Kids) เป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มาแรงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักต่างเพศหรือเพศเดียวกันที่ยังไม่มีลูกหรือวางแผนที่จะไม่มีลูก ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีรายได้ 2 ทางและไม่มีภาระเลี้ยงดูบุตร ทำให้มีกำลังซื้อสูงในการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง รวมทั้งมีเงินออมและเงินลงทุนเหลือมากกว่ากลุ่มอื่น จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงิน ซึ่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความผันผวนน้อยกว่าและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ รวมทั้งมีหลายรูปแบบให้เลือกทั้งแบบที่สร้างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การขายใบจองคอนโดฯ, การลงทุนปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ รายเดือน หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เลือกบ้านใกล้หมอ วางแผนสุขภาพระยะยาว ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) พบว่า ผู้บริโภคกว่า 1 ใน 5 (22%) มองว่าที่อยู่อาศัยใกล้โรงพยาบาล/สถานพยาบาลถือเป็นปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงหรือการรักษาเมื่อเจ็บป่วย ดังนั้น การได้อยู่อาศัยใกล้สถานพยาบาลจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดคิด และเอื้อต่อการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทรนด์ “Pet Humanization” เทรนด์ที่เจ้าของเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก ให้ความสำคัญเทียบเท่าสมาชิกในครอบครัวยังคงมาแรง สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยปัจจุบันที่มีแนวโน้มครองตัวเป็นโสดมากขึ้น หรือกลุ่ม DINKS รวมทั้งกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มักจะมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว พร้อมดูแลอย่างดีเหมือนเป็นลูก ส่งผลให้เทรนด์นี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างปรับตัวเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยเปิดตัวโครงการคอนโดฯ Pet-Friendly หลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค เห็นได้จากผลการสำรวจของบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) พบว่า ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนอาคารชุดประเภทที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 23,031 หน่วย เพิ่มขึ้น 4,600% จาก 490 หน่วย เมื่อเทียบกับปี 2554 ภาพ:&nbsp;DDproperty เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/gcap-gold-june-2025" alt="วิกฤตตะวันออกกลางบานปลาย ลุ้นทองคำขึ้น! GCAP GOLD จับตาทองเด้งทดสอบ 53,500 บาท/บาททองคำ">วิกฤตตะวันออกกลางบานปลาย ลุ้นทองคำขึ้น! GCAP GOLD จับตาทองเด้งทดสอบ 53,500 บาท/บาททองคำ</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

DDproperty ชู ‘เศรษฐกิจสีรุ้ง’ อีกหนึ่งกำลังซื้อสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยไทย

‘ซีรีส์ GL’ โอกาสใหม่วงการบันเทิงไทย ที่อาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 2,000 ล้านบาท

<h2>Agoda เผย หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 2 ปี พร้อมจัดแคมเปญ #AgodaLoveWins ลุ้นรางวัล 'ทริปฮันนีมูนในฝัน' มูลค่า 350,000 บาท ให้กับคู่รัก LGBTQIA+ สัญชาติไทย โดยจะต้องจดทะเบียนสมรสภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568 </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Agoda (อโกด้า) เปิดตัวกิจกรรม ‘ลุ้นรางวัลทริปฮันนีมูนในฝัน’ สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน เพื่อเฉลิมฉลองกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 นี้ โดยหลังจากได้ทำการศึกษาข้อมูลแล้วพบว่าหากกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลดีต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีก 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 2 ปีอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากการการศึกษาดังกล่าว หากกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้แล้ว ประเทศไทยจะถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กลุ่มคนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย และเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียต่อจากไต้หวันที่ประกาศใช้กฎหมายนี้ในปี พ.ศ. 2562 และเนปาลในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงทำให้คาดการณ์ได้ว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะทำให้ประเทศไทยสามารถกินส่วนแบ่งที่ใหญ่ขึ้นจากตลาดการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิติโชค จุลภมรศรี ผู้อำนวยการอาวุโสของอโกด้า เผยว่า “ทางอโกด้าขอร่วมเฉลิมฉลองความรักที่สวยงามทุกรูปแบบ และภูมิใจที่ได้สนับสนุนกลุ่ม LGBTQIA+ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น การเป็นพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของบางกอก ไพรด์ (Bangkok Pride) และการจัดกิจกรรม #AgodaLoveWins โดยสิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงจุดยืนในการสนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นเรื่องราวดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจ และจุดหมายปลายทางในฝันที่คู่รักได้แบ่งปันกับเรา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ กิจกรรม #AgodaLoveWins เปิดโอกาสให้คู่รักจากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเข้าร่วมโดยการแบ่งปันเรื่องราวความรักและจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพื่อชิงบัตรกำนัลมูลค่าสูงถึง 350,000 บาท โดยคู่รักสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ง่ายๆ เพียงแค่แบ่งปันรูปภาพหรือวิดีโอของตัวเอง พร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวความรักและเหตุผลในการเลือกจุดหมายปลายทางในฝันดังกล่าว ผ่านทาง Facebook, Instagram หรือ TikTok พร้อมแท็กอโกด้าและใช้แฮชแท็ก #AgodaLoveWins&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องเป็นคู่รักเพศเดียวกัน มีสัญชาติไทย และจะต้องจดทะเบียนสมรสภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568 คู่รักที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับรางวัลเป็นทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568&nbsp; โดยแพลตฟอร์มอโกด้ามีตัวเลือกที่พักมากกว่า 4.5 ล้านแห่งทั่วโลก เที่ยวบินกว่า 130,000 เที่ยวบิน และกิจกรรมมากกว่า 300,000 กิจกรรม ที่คู่รักสามารถเลือกทำได้ระหว่างทริปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในครั้งนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/2R4nPRCyHwQY6gU3CoSk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2R4nPRCyHwQY6gU3CoSk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ภาพ : Agoda&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/tiktok-shop-reveals-thai-brands-sales-in-2024-grew-8-times-from-the-previous-year" alt="TikTok Shop เผย ร้านค้า-แบรนด์ไทยยอดขายปี 67 โต 8 เท่าจากปีก่อน เมกะแคมเปญส่งท้ายปีออเดอร์พุ่ง 300%">TikTok Shop เผย ร้านค้า-แบรนด์ไทยยอดขายปี 67 โต 8 เท่าจากปีก่อน เมกะแคมเปญส่งท้ายปีออเดอร์พุ่ง 300%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Agoda จัดแคมเปญลุ้นรางวัลทริปฮันนีมูนในฝัน มั่นใจหลัง 'ฉลองสมรสเท่าเทียม' บังคับใช้จะดึงดูด นทท. เพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี 

<h2>เมื่อการ ‘สมรสเท่าเทียม’ กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยจะช่วยให้คู่รักเพศเดียวกันเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน และทรัพยากรต่างๆ ของรัฐได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การใช้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น แต่ในอีกมุมคือการเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลดีต่อมิติเศรษฐกิจอีกด้วย</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand อยากชวนมาดูกรณีศึกษาในประเทศหลักอย่างสหรัฐ และผลกระทบด้านบวกต่อเศรษฐกิจไทยที่จะเกิดขึ้น กรณีศึกษา ‘สมรสเท่าเทียม’ กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1.2 แสนล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในสหรัฐ หลังจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในช่วงปี 2558 - 2562 โดยผลการศึกษาของ The William Institute พบว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียม สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 129,093 ล้านบาท)* นอกจากนี้ยังสร้างการจ้างงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นกว่า 45,000 ราย (เช่น ธุรกิจการจัดงานแต่งงาน ฯลฯ)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สาเหตุหลักที่ กฎหมายสมรสเท่าเทียมสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้นั้น มาจาก 75% ของกลุ่ม LGBT เป็นกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูง และไม่มีลูก รวมถึงครอบครัว LGBT จะมีการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสูงกว่าครัวเรือนทั่วไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ในมิติการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมและอุปถัมภ์เด็ก พบว่า คู่รักเพศเดียวกันที่แต่งงานแล้วมีการอุปถัมภ์เด็กในอัตราที่สูงกว่าคู่รักต่างเพศ โดยกรณีศึกษาในออสเตรเลีย ยังพบว่าเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ครอบครัวมีความหลากหลายทางเพศวิถีจะช่วยให้เด็กมีมุมมองที่เปิดกว้างยอมรับความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรมได้ดีมากขึ้น<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/kDxD9wu12rbYJCwJHfKM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kDxD9wu12rbYJCwJHfKM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ สมรสเท่าเทียมของไทยเป็นแบบไหน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจาก ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เมื่อ 18 มิ.ย. 2567 ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีกฎหมายฯ นี้และทำให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศจะได้รับสิทธิตามกฎหมาย ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) สิทธิในการตั้งครอบครัว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) สิทธิทางทรัพย์สินและมรดก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4) สิทธิในการดูแลระหว่างคู่ชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่า เมื่อมีการปรับเปลี่ยนสถานะให้คู่รักทุกเพศ จะเชื่อมโยงถึงสิทธิตามกฎหมายอื่น เช่น สวัสดิการข้าราชการ (สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล, รับเงินบำเหน็จตกทอด) ขณะที่ สวัสดิการลูกจ้างภาคเอกชน คู่สมรสซึ่งมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม มีสิทธิที่จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ เงินสงเคราะห์จากกองทุนประกันสังคม และเงินค่าทำศพหากเป็นผู้ดำเนินการจัดการศพ รวมทั้งเป็นผู้รับประโยชน์จากการทำประกันชีวิตได้<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/on66k5oXsrrbdgFLhvE6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="on66k5oXsrrbdgFLhvE6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ สมรสเท่าเทียมจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยข้อมูลของ Ipsos ปี 2566 คาดว่า ไทยอาจมีประชากร LGBTQ+ วัยผู้ใหญ่ราว 4.4 ล้านคน (9% ของประชากร) หากมีการแต่งงานในอัตราเดียวกับการจดทะเบียนสมรสระหว่างชายหญิง อาจส่งผลให้ในแต่ละปีมีการจัดงานแต่งงานเพิ่มขึ้นประมาณ 12,000 งาน ส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่นโรงแรม สตูดิโอถ่ายภาพ ฯลฯ หรือสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึงปีละ 1,700 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่สำคัญคือ กฎหมายนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อและการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เพราะสามารถกู้ร่วมได้ง่ายขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกลุ่ม LGBTQ+ อยู่ที่ 4.9%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านสังคมยังมีผลดีทั้งความสัมพันธ์ภายในครอบครัวมั่นคงขึ้นจากการมีหลักประกันของการใช้ชีวิตคู่ และการรับบุตรบุญธรรมอาจมีส่วนช่วยลดปัญหาเด็กโตนอกบ้านได้<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/89WuXGv71V14XR7WToow.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="89WuXGv71V14XR7WToow.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ไทยยังต้องเตรียมตัวอีกหลายด้านโดยสภาพัฒน์ มองใน 3 ส่วนหลักได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) การทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และความพร้อมของภาครัฐ จากการแก้ไขที่ระบุให้บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ข้อบัญญัติ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีต่าง ๆ ที่มีการอ้างถึงคำว่า “สามี” “ภริยา” ให้ถือว่าอ้างถึงคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามร่าง พ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้ ซึ่งจะทำให้มีกฎหมาย 51 ฉบับ ที่ต้องได้รับการทบทวน อีกทั้ง รัฐจะต้องเตรียมความพร้อมด้านทะเบียน เอกสาร ใบสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวข้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การเชื่อมโยงสิทธิต่างๆ ให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะกรณีบุตรบุญธรรม ที่ยังคงถูกจำกัดสิทธิที่ได้รับจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน ซึ่งหากไม่สามารถติดตามตัวได้ ทำให้เด็กไม่ได้รับสิทธิ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่บุญธรรม จึงอาจต้องพิจารณา เพื่อให้ผู้รับบุตรบุญธรรมสามารถให้สิทธิแก่บุตรบุญธรรมได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ภาคธุรกิจต้องเตรียมรองรับกลุ่มคนเพศหลากหลาย ผ่านการศึกษาพฤติกรรมการบริโภค และกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ *อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.97 บาทต่อเหรียญสหรัฐ Photo by <a href="https://unsplash.com/@mrs80z?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Mercedes Mehling</a>,&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@kazuend?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">kazuend</a>,&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@kristinali?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Kristina Litvjak</a>,&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@harlimarten?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Harli Marten</a>&nbsp;on <a href="https://unsplash.com/photos/group-of-people-under-garment-7J7x8HLXQKA?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/lgbtq-home-loan-banks-in-thailand-june-2024" alt="ก่อน ‘สมรสเท่าเทียม’ จะเริ่มบังคับใช้ ธนาคารไหนให้ คู่รัก LGBTQ+ กู้ซื้อบ้านร่วมกันได้บ้าง">ก่อน ‘สมรสเท่าเทียม’ จะเริ่มบังคับใช้ ธนาคารไหนให้ คู่รัก LGBTQ+ กู้ซื้อบ้านร่วมกันได้บ้าง</a><a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/other/fti-herbs-factories-are-under-standard" alt="อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยวิกฤต! ส.อ.ท. เผยโรงงาน 500 แห่งยังไม่ผ่านมาตรฐาน เสี่ยงถูกปิดตัว"></a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เมื่อ ‘สมรสเท่าเทียม’ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1.2 แสนล้าน จะส่งผลต่อไทยแค่ไหน

<h2>ท่ามกลางความหลากหลายทางเพศที่เพิ่มขึ้น แต่กฎหมาย และเรื่องต่างๆ กลับไม่ได้ปรับเปลี่ยนเร็วเท่าทันการเปลี่ยนแปลงในสังคมและชีวิตของผู้คน ที่ผ่านมาจึงเห็นปัญหาที่คู่รัก LGBTQ+ ต่างต้องเผชิญ เช่น เมื่อไม่สามารถแต่งงานกันได้ตามกฎหมาย สิทธิ สวัสดิการ และ อื่นๆ ก็สามารถส่งผ่านไปสู่คนรักของตน ไปจนถึง การสร้างอนาคตร่วมกัน อย่างการกู้ร่วมขอสินเชื่อบ้านกลายเป็นเรื่องยากกว่าที่หลายคนคิด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.67) ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ทางที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบ ร่างกฎหมายฯ นี้แล้ว โดยมีคะแนนเห็นชอบ 130 เสียง ถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนทุกเพศจะมีสิทธิเกี่ยวกับการสมรสได้อย่างเท่าเทียมกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันที ต้องผ่านขั้นตอนอีกบางส่วน และจะบังคับใช้ทันทีหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะได้เห็นกันในปี 2567 นี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น หากคู่รัก LGBTQ+ ต้องการสร้างอนาคต สร้างครอบครัวไปด้วยกัน ทางด้านธนาคารจะมีความพร้อมแค่ไหน และมีธนาคารใดสามารถขอสินเชื่อบ้านได้บ้าง Forbes Thailand รวบรวบข้อมูลไว้ที่นี่แล้วกรุงศรีฯ เผยรุกตลาดสินเชื่อบ้าน LGBTQ+ มาตั้งแต่ปี 2564&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘ดมิศา พิศิษฐวานิช’ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า เราเห็นความสำคัญของคู่สมรสเท่าเทียม คู่ชีวิตเท่าเทียมมาตั้งแต่ปี 2564 ปัจจุบันธนาคารจึงมีการให้สินเชื่อทั้งวงเงินเพื่อซื้อบ้าน และการรีไฟแนนซ์ นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น ฟรีค่าธรรมเนียมการสำรวจและประเมินหลักประกันให้กลุ่มลูกค้านี้อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อคู่รัก LGBTQ+ ต้องขอสินเชื่อบ้านร่วมกัน นอกจากเอกสารรายได้ และอื่นๆ ธนาคารจะขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่า ผู้กู้มีความสัมพันธ์หรือการอยู่ร่วมกัน อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี ตามที่ธนาคารกำหนด เช่น&nbsp; &nbsp; - ทะเบียนบ้านที่อยู่ด้วยกัน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บัญชีเงินฝากที่เปิดร่วมกัน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สัญญาเช่าบ้านหรือที่พักอาศัยที่ลงนามร่วมกัน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ทะเบียนสมรสจากต่างประเทศ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อื่นๆ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(ข้อมูลเพิ่มเติม โดยปกติแล้วการขอสินเชื่อร่วมกัน ธนาคารจะขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ร่วมอยู่แล้ว)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้าน“คู่เพื่อน” ยังมีรายละเอียด ได้แก่&nbsp;&nbsp; &nbsp; - อายุ 27 – 65 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- พนักงานประจำ อายุงานรวมที่ทำงานเดิมและปัจจุบันตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป (งานปัจจุบันต้องผ่านการทดลองงานแล้ว) &nbsp; &nbsp; - ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ประกอบธุรกิจมาแล้ว ตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป &nbsp; &nbsp; - ผู้กู้หลักต้องมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป และเมื่อรวมรายได้ของผู้กู้ร่วมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 50,000 บาทต่อเดือน<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"> <figure style="margin: auto;"> <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/ck1xPaMM8ZnYgE9hLXaf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ck1xPaMM8ZnYgE9hLXaf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" data-index="0" origin-size="720,480" style=""> <figcaption> <div>ดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา</div> </figcaption> </figure></div>ทหารไทยธนชาต พร้อมปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน LGBTQ+&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb กล่าวว่า สำหรับคู่รัก LGBTQ+ ที่ต้องการกู้ซื้อบ้าน ซื้อคอนโดร่วมกัน สามารถขอสินเชื่อได้ทั้งกู้ซื้อบ้าน และรีไฟแนนซ์ โดยจะใช้หลักฐานแสดงความสัมพันธ์เพิ่มเติม เช่น รูปภาพเพื่อยืนยันว่าเป็นคู่รัก หรือเอกสารยืนยันว่าอาศัยอยู่ร่วมกัน อย่างทะเบียนบ้านที่มีชื่อทั้งสองคน หรือเอกสารในการกู้ซื้อทรัพย์สินร่วมกัน เช่น รถยนต์ ไปจนถึงอาจใช้เอกสารการทำธุรกิจร่วมกันก็ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน เงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ ระบุว่า กรณีพนักงานประจำ ผู้กู้หลักต้องผ่านเกณฑ์อนุมัติ และกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และฐานเงินเดือนประจำ (Basic Salary) ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป กรณีเจ้าของกิจการ ซึ่งเกณฑ์รายได้ตามปกติผู้กู้ร่วม ไม่นับรวมรายได้ต้องถือกรรมสิทธิร่วมกันทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมทุกกรณี CIMBT คาดตลาดสินเชื่อบ้านไทยมีลูกค้ากลุ่ม LGBTQ+ 3 ล้านคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งธนาคารซีไอเอ็มบีไทย หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ตลาดสินเชื่อบ้านในประเทศไทยคาดว่าจะมีฐานกลุ่มลูกค้า LGBTQ+ ประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งธนาคารมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านในกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ทั้งการกู้ซื้อบ้านมือ 1 มือ 2 สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ มอร์เกจพาวเวอร์ และรีไฟแนนซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามเงื่อนให้ถือกรรมสิทธิ์ในหลักประกันร่วมกัน และผู้กู้เป็นพนักงานประจำ หรือเจ้าของกิจการ ที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ในแต่ละประเภทสินเชื่อยังมีโปรโมชัน เช่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ฯลฯ<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"> <figure style="margin: auto;"> <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/3Cxw9hNJVBHbqNkJmN4X.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3Cxw9hNJVBHbqNkJmN4X.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" data-index="1" origin-size="720,480" style=""> </figure></div> บางแบงก์แม้ไม่มีโปรดักส์เฉพาะทาง แต่กู้ร่วมสินเชื่อบ้านได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ผู้เขียนได้สอบถามเพิ่มเติมไปยังธนาคารอื่นๆ พบว่า หลายธนาคารเคยมีการออกแคมเปญพิเศษในบางช่วงเวลา (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) และบางธนาคารแม้จะไม่มีสินเชื่อบ้านสำหรับ LGBTQ+ แต่ยังสามารถขอสินเชื่อบ้านเพื่อพิจารณา การปล่อยกู้ได้เช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกสิกรไทยหรือ KBank ที่ระบุว่า ในปัจจุบันไม่มีสินเชื่อ LGBTQ+ โดยเฉพาะ แต่ลูกค้าสามารถขอวงเงินสินเชื่อบ้านในลักษณะการกู้ร่วมได้ ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ในฐานะเป็นเพื่อน โดยธนาคารจะพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตามคุณสมบัติที่เหมาะสมตามข้อกำหนดของธนาคาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุดท้ายนี้ อาจต้องติดตามว่าหลังจาก ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฟากฝั่งธนาคารจะปรับปรุงนิยามของ ‘คู่สมรส’ ได้เลยหรือไม่ แต่โจทย์ใหญ่ของการขอสินเชื่อยังคงเป็นเรื่อง ความสามารถในการชำระหนี้ หรือผู้กู้มีรายได้เพียงพอที่จะจ่ายคืนสินเชื่อได้มากแค่ไหน <a href="https://www.freepik.com/free-photo/woman-showing-with-one-hand-mini-house-real-state-concept-ai-generative_41954006.htm#fromView=search&amp;page=2&amp;position=1&amp;uuid=a5e990da-a681-47ce-bbd4-f438cddbf00d">Image by chandlervid85 on Freepik</a>,&nbsp;Photo by <a href="https://unsplash.com/@jamesamolnar?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">James A. Molnar</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/green-yellow-and-purple-lego-blocks-BIDRXOGPMro?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/behind-celebrity-beauty-brands" alt="​เจาะลึกเบื้องหลัง เมื่อเหล่าคนดังหันมาทำแบรนด์เครื่องสำอาง">​เจาะลึกเบื้องหลัง เมื่อเหล่าคนดังหันมาทำแบรนด์เครื่องสำอาง</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ก่อน ‘สมรสเท่าเทียม’ จะเริ่มบังคับใช้  ธนาคารไหนให้ คู่รัก LGBTQ+ กู้ซื้อบ้านร่วมกันได้บ้าง

<h2>พื้นที่ที่แบรนด์ต่างๆ เลือกในการปรากฏตัวต่อผู้บริโภคนั้นสำคัญพอๆ กับว่าพวกเขาเลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นอย่างไร โดยคอนเทนต์เนื้อหาที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคและการเปิดกว้างให้พวกเขามีส่วนร่วมถือเป็นการผสมผสานข้อมูลอันทรงพลัง แต่ทั้งนี้ในกลุ่มชุมชนผู้บริโภคที่มีความหลากหลายเป็นจำนวนมากต่างก็ต้องการข้อมูลเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพวกเขาด้วย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ แต่ทว่ารายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมก็ยังคงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ชมทั่วโลก และในขณะที่โฆษณาต่างๆ ก็มีการนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ ได้แบบเป็นปกติธรรมดามากขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในส่วนของรายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมกลับมีเนื้อหาสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจำกัด เห็นได้จากข้อมูลตัวเลขในเดือนเมษายน 2023 ที่ผ่านมา มีรายการผ่านโทรทัศน์ในรูปแบบเดิมเพียง 416 รายการเท่านั้นที่มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับชาว LGBTQ+ (ไม่ว่าจะธีม หัวข้อ ตัวละคร และอื่นๆ) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเลขดังกล่าวดูจะสวนทางกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพราะเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชมชาว LGBTQ+ นั้นมีให้เลือกมากถึงเจ็ดเท่าด้วยจำนวน 2,777 รายการ และเมื่อนำรายการต่างๆ จากทั้งสองช่องทางมารวมกันก็จะมีจำนวนทั้งสิ้น 3,193 รายการ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่รวบรวมไว้ ณ ช่วงปลายเดือนเมษายน 2023 แม้จะมีตัวเลือกมากมายบนภูมิทัศน์สื่อ แต่จำนวนรายการที่เน้นการมีส่วนร่วมของชาว LGBTQ+ ในปี 2020, 2021 และ 2022 กลับลดน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงพีคแตะจุดสูงสุดในปี 2019&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/coz9Ksp4La49kJqaRKek.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="coz9Ksp4La49kJqaRKek.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1600,1022" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ LGBTQ+ ที่ลดน้อยลงผ่านสื่อสะท้อนให้เห็นถึงสองพลวัตที่แตกต่างกันซึ่งจะเป็นตัวกำหนดหน้าตาของอุตสาหกรรมสื่อในอนาคตไม่กี่ปีที่กำลังใกล้เข้ามา พลวัตทั้งสองประการนี้ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประการแรก การลดการผลิตรายการท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ การปลดพนักงานออกทั่วทั้งวงการ การประท้วงของนักเขียนในสหรัฐอเมริกา และการต่อสู้เพื่อคงสภาพคล่องทางการเงินภายหลังฟองสบู่สตรีมมิ่งแตก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประการที่สอง คือ คำบรรยายข้อมูลรายการอย่างละเอียดมีความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะช่วยให้คนดูค้นพบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้สะดวกขึ้นในยุคที่สื่อเติบโตจนมีจำนวนมากมาย ผลสำรวจผู้บริโภคเนื้อหาบนสตรีมมิ่งในสหรัฐฯ ล่าสุดของ Nielsen เผยว่า ตอนนี้ผู้ใหญ่ใช้เวลา 11 นาทีกับอีก 16 วินาทีในการสรรหารายการเพื่อรับชม ซึ่งเพิ่มขึ้น 52% จากเดือนมีนาคมปี 2019&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งเมื่อบริษัทสื่อต่างๆ ปรับลดการผลิตลง และใคร่ครวญเรื่องกลยุทธ์เกี่ยวกับเนื้อหามากขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าเนื้อหาที่พุ่งเป้าไปยังผู้ชมเฉพาะกลุ่มนั้นจะทรงอิทธิพลมากกว่าเนื้อหาที่ผลิตมาเพื่อผู้ชมในวงกว้าง แต่นั่นอาจเป็นความพยายามที่ผิดทิศผิดทาง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ้างอิงจากรายงาน Where We Are on TV ของ GLAAD ตัวละครชาว LGBTQ+ 175 ตัวจากทั้งหมด 596 ตัวจะไม่ได้หวนคืนสู่จอด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกการผลิตซีรีส์หรือการที่ซีรีส์เรื่องนั้นๆ จบลงแล้วซึ่งส่งผลให้ตัวละคร 140 ตัวต้องอำลาพวกเราไป &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ ในการศึกษาค้นคว้าอิสระของนิตยสารออนไลน์ Them วิเคราะห์รายการที่เลิกออกอากาศเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา พบว่า 30 รายการมีตัวละคร LGBTQ+ โดย 21 จาก 30 รายการนั้นเป็นตัวละครเควียร์หญิง แม้จะมีการตัดสินใจด้านธุรกิจอย่างหนักแน่นไปแล้ว แพลตฟอร์มและผู้เผยแพร่เนื้อหาต่างๆ ก็ควรใส่ใจกับวิธีที่พวกเขาเพิ่มหรือลดการนำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ถูกกีดกัดมาตลอดในประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลการวิจัยของ Nielsen ยังบ่งชี้ด้วยว่าเนื้อหาที่ผู้ชมมีส่วนร่วมนั้นดึงดูดคนดูจากวงกว้าง การศึกษา 2022 Attitude on Representation on TV ในสหรัฐฯ พบว่าผู้ชม 87% สนใจดูรายการที่ให้พื้นที่แก่กลุ่มที่มีอัตลักษณ์แตกต่างจากตนเอง และในบรรดาผู้ชมอายุระหว่าง 25-34 ปี จำนวน 15% เผยว่าพวกเขา “รู้สึกสนใจรายการเหล่านี้เป็นอย่างมาก” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีรีส์ 9-1-1: Lone Star เปรียบประดุจเพชรในตม บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ว่ารายการโทรทัศน์ในรูปแบบเดิมมีการนำเสนอเนื้อหาที่ชาว LGBTQ+ มีส่วนร่วมน้อยกว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่างชัดเจน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีรีส์จากช่อง Fox เรื่องนี้เพิ่งจะออกอากาศเรื่องราวในซีซันที่ 4 จบไป ซึ่งในซีซันนี้มีตัวละครหลักที่เป็นชาว LGBTQ+ ถึงสามตัวละครและหนึ่งในนั้นยังเป็นชายข้ามเพศอีกด้วย ซีรีส์ดังกล่าวแยกย่อยมาจากซีรีส์ 9-1-1 ทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้เรื่องดั้งเดิม เพราะสามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นวงกว้าง จากตัวเลขของผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปดูซีรีส์ 9-1-1: Lonestar มากถึง 8.7 ล้านนาทีในปี 2022 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยังคงรักษาฐานผู้ชมเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในการเป็นผู้ให้บริการและนำเสนอเนื้อหาที่ชาว LGBTQ+ มีส่วนร่วมถึง 87% ซึ่งผู้ชมที่เป็น LGBTQ+ ยังคงเลือกดูภาพยนตร์และรายการต่างๆ บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะไม่ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของชาว LGBTQ+ ก็ตาม ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นเช่นเดียวกันและไม่แตกต่างไปจากกลุ่มผู้ชม Heterosexual หรือเรียกง่ายๆ ว่ากลุ่มคนที่นิยมชื่นชอบเพศตรงข้ามตามแบบทั่วไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/zfhz2fbwt5JQV1iyKZHC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zfhz2fbwt5JQV1iyKZHC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="837,502" style="" data-index="1"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดโอกาสให้กลุ่ม LGBTQ+&nbsp;ได้มีส่วนร่วมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เนื้อหารายการที่แปลกใหม่หรือการผลิตรายการที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จริงอยู่แม้เนื้อหารายการรูปแบบใหม่ๆ อาจจะทำให้คนดูหรือผู้ชมรู้สึกเพลิดเพลินและเสมือนมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังมีช่องทางอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ผลิตสามารถยกระดับการนำเสนอผ่านรายการที่มีอยู่แล้วรวมถึงแผนการตลาดต่างๆ ได้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยกตัวอย่างเช่น เหล่าผู้ชมที่เป็นชาว LGBTQ+ ทั่วโลกต่างเชื่อมั่นว่า การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ โดยหลีกเลี่ยงทัศนคติที่เป็นแบบ stereotype ซึ่งเป็นแนวความคิดเหมารวมว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานแบบนี้หรือแบบนั้น ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้นโดยผู้ผลิตรายการในอุตสาหกรรมสื่อสามารถเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากจุดนี้ได้ แปลและเรียบเรียงจากบทความ Streaming platforms offer the most LGBTQ+ presentation, but not enough for video-hungry audiences ซึ่งเผยแพร่บน Nielsen อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70418" alt="ซื้อใจด้วยบล็อกเชน">ซื้อใจด้วยบล็อกเชน</a> ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events