พื้นที่ที่แบรนด์ต่างๆ เลือกในการปรากฏตัวต่อผู้บริโภคนั้นสำคัญพอๆ กับว่าพวกเขาเลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นอย่างไร โดยคอนเทนต์เนื้อหาที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคและการเปิดกว้างให้พวกเขามีส่วนร่วมถือเป็นการผสมผสานข้อมูลอันทรงพลัง แต่ทั้งนี้ในกลุ่มชุมชนผู้บริโภคที่มีความหลากหลายเป็นจำนวนมากต่างก็ต้องการข้อมูลเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพวกเขาด้วย
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ แต่ทว่ารายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมก็ยังคงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ชมทั่วโลก และในขณะที่โฆษณาต่างๆ ก็มีการนำเสนอ เรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ ได้แบบเป็นปกติธรรมดามากขึ้น
แต่ในส่วนของรายการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมกลับมีเนื้อหาสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจำกัด เห็นได้จากข้อมูลตัวเลขในเดือนเมษายน 2023 ที่ผ่านมา มีรายการผ่านโทรทัศน์ในรูปแบบเดิมเพียง 416 รายการเท่านั้นที่มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับชาว LGBTQ+ (ไม่ว่าจะธีม หัวข้อ ตัวละคร และอื่นๆ)
ตัวเลขดังกล่าวดูจะสวนทางกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพราะเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชมชาว LGBTQ+ นั้นมีให้เลือกมากถึงเจ็ดเท่าด้วยจำนวน 2,777 รายการ และเมื่อนำรายการต่างๆ จากทั้งสองช่องทางมารวมกันก็จะมีจำนวนทั้งสิ้น 3,193 รายการ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่รวบรวมไว้ ณ ช่วงปลายเดือนเมษายน 2023 แม้จะมีตัวเลือกมากมายบนภูมิทัศน์สื่อ แต่จำนวนรายการที่เน้นการมีส่วนร่วมของชาว LGBTQ+ ในปี 2020, 2021 และ 2022 กลับลดน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงพีคแตะจุดสูงสุดในปี 2019
การนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ LGBTQ+ ที่ลดน้อยลงผ่านสื่อสะท้อนให้เห็นถึงสองพลวัตที่แตกต่างกันซึ่งจะเป็นตัวกำหนดหน้าตาของอุตสาหกรรมสื่อในอนาคตไม่กี่ปีที่กำลังใกล้เข้ามา พลวัตทั้งสองประการนี้ได้แก่
ประการแรก การลดการผลิตรายการท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ การปลดพนักงานออกทั่วทั้งวงการ การประท้วงของนักเขียนในสหรัฐอเมริกา และการต่อสู้เพื่อคงสภาพคล่องทางการเงินภายหลังฟองสบู่สตรีมมิ่งแตก
ประการที่สอง คือ คำบรรยายข้อมูลรายการอย่างละเอียดมีความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะช่วยให้คนดูค้นพบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้สะดวกขึ้นในยุคที่สื่อเติบโตจนมีจำนวนมากมาย ผลสำรวจผู้บริโภคเนื้อหาบนสตรีมมิ่งในสหรัฐฯ ล่าสุดของ Nielsen เผยว่า ตอนนี้ผู้ใหญ่ใช้เวลา 11 นาทีกับอีก 16 วินาทีในการสรรหารายการเพื่อรับชม ซึ่งเพิ่มขึ้น 52% จากเดือนมีนาคมปี 2019
ยิ่งเมื่อบริษัทสื่อต่างๆ ปรับลดการผลิตลง และใคร่ครวญเรื่องกลยุทธ์เกี่ยวกับเนื้อหามากขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าเนื้อหาที่พุ่งเป้าไปยังผู้ชมเฉพาะกลุ่มนั้นจะทรงอิทธิพลมากกว่าเนื้อหาที่ผลิตมาเพื่อผู้ชมในวงกว้าง แต่นั่นอาจเป็นความพยายามที่ผิดทิศผิดทาง
อ้างอิงจากรายงาน Where We Are on TV ของ GLAAD ตัวละครชาว LGBTQ+ 175 ตัวจากทั้งหมด 596 ตัวจะไม่ได้หวนคืนสู่จอด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกการผลิตซีรีส์หรือการที่ซีรีส์เรื่องนั้นๆ จบลงแล้วซึ่งส่งผลให้ตัวละคร 140 ตัวต้องอำลาพวกเราไป
นอกเหนือจากนี้ ในการศึกษาค้นคว้าอิสระของนิตยสารออนไลน์ Them วิเคราะห์รายการที่เลิกออกอากาศเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา พบว่า 30 รายการมีตัวละคร LGBTQ+ โดย 21 จาก 30 รายการนั้นเป็นตัวละครเควียร์หญิง แม้จะมีการตัดสินใจด้านธุรกิจอย่างหนักแน่นไปแล้ว แพลตฟอร์มและผู้เผยแพร่เนื้อหาต่างๆ ก็ควรใส่ใจกับวิธีที่พวกเขาเพิ่มหรือลดการนำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ถูกกีดกัดมาตลอดในประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น
ผลการวิจัยของ Nielsen ยังบ่งชี้ด้วยว่าเนื้อหาที่ผู้ชมมีส่วนร่วมนั้นดึงดูดคนดูจากวงกว้าง การศึกษา 2022 Attitude on Representation on TV ในสหรัฐฯ พบว่าผู้ชม 87% สนใจดูรายการที่ให้พื้นที่แก่กลุ่มที่มีอัตลักษณ์แตกต่างจากตนเอง และในบรรดาผู้ชมอายุระหว่าง 25-34 ปี จำนวน 15% เผยว่าพวกเขา “รู้สึกสนใจรายการเหล่านี้เป็นอย่างมาก”
ซีรีส์ 9-1-1: Lone Star เปรียบประดุจเพชรในตม บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ว่ารายการโทรทัศน์ในรูปแบบเดิมมีการนำเสนอเนื้อหาที่ชาว LGBTQ+ มีส่วนร่วมน้อยกว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่างชัดเจน
ซีรีส์จากช่อง Fox เรื่องนี้เพิ่งจะออกอากาศเรื่องราวในซีซันที่ 4 จบไป ซึ่งในซีซันนี้มีตัวละครหลักที่เป็นชาว LGBTQ+ ถึงสามตัวละครและหนึ่งในนั้นยังเป็นชายข้ามเพศอีกด้วย ซีรีส์ดังกล่าวแยกย่อยมาจากซีรีส์ 9-1-1 ทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้เรื่องดั้งเดิม เพราะสามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นวงกว้าง จากตัวเลขของผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปดูซีรีส์ 9-1-1: Lonestar มากถึง 8.7 ล้านนาทีในปี 2022
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยังคงรักษาฐานผู้ชมเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในการเป็นผู้ให้บริการและนำเสนอเนื้อหาที่ชาว LGBTQ+ มีส่วนร่วมถึง 87% ซึ่งผู้ชมที่เป็น LGBTQ+ ยังคงเลือกดูภาพยนตร์และรายการต่างๆ บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะไม่ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของชาว LGBTQ+ ก็ตาม ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นเช่นเดียวกันและไม่แตกต่างไปจากกลุ่มผู้ชม Heterosexual หรือเรียกง่ายๆ ว่ากลุ่มคนที่นิยมชื่นชอบเพศตรงข้ามตามแบบทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดโอกาสให้กลุ่ม LGBTQ+ ได้มีส่วนร่วมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เนื้อหารายการที่แปลกใหม่หรือการผลิตรายการที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
จริงอยู่แม้เนื้อหารายการรูปแบบใหม่ๆ อาจจะทำให้คนดูหรือผู้ชมรู้สึกเพลิดเพลินและเสมือนมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังมีช่องทางอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ผลิตสามารถยกระดับการนำเสนอผ่านรายการที่มีอยู่แล้วรวมถึงแผนการตลาดต่างๆ ได้
ยกตัวอย่างเช่น เหล่าผู้ชมที่เป็นชาว LGBTQ+ ทั่วโลกต่างเชื่อมั่นว่า การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ โดยหลีกเลี่ยงทัศนคติที่เป็นแบบ stereotype ซึ่งเป็นแนวความคิดเหมารวมว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานแบบนี้หรือแบบนั้น ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้นโดยผู้ผลิตรายการในอุตสาหกรรมสื่อสามารถเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากจุดนี้ได้
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Streaming platforms offer the most LGBTQ+ presentation, but not enough for video-hungry audiences ซึ่งเผยแพร่บน Nielsen
อ่านเพิ่มเติม : ซื้อใจด้วยบล็อกเชน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine