<h2>Opensignal เผย AIS ยังเป็นผู้ให้บริการที่คว้ารางวัลมากที่สุด และคว้าอันดับหนึ่งในด้านประสบการณ์ความเร็วในการดาวน์โหลดอีกครั้งด้วยความเร็วที่ 21.1Mbps โดยมี TrueMove H ตามมาเป็นอันดับสองและ DTAC รั้งอันดับท้าย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Opensignal ผู้ดำเนินการวิเคราะห์ระบบมือถือและกำหนดมาตรฐานระดับโลก เผยรายงานประสบการณ์เครือข่ายมือถือของประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่า AIS ยังคงครองตำแหน่งผู้ให้บริการที่ได้รับรางวัลมากสุด โดยคว้ารางวัลแต่เพียงผู้เดียวถึง 9 รางวัล และรางวัลร่วมอีก 3 รางวัล จากทั้งหมด 15 รางวัล พร้อมกวาดรางวัลด้านประสบการณ์ 5G ทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านความเร็วในการดาวน์โหลดและประสบการณ์เกมไว้ได้ และ AIS ยังคว้ารางวัลใหม่อีก 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลประสบการณ์ความครอบคลุมเครือข่ายและคุณภาพความเสถียร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน DTAC และ TrueMove H ได้รับรางวัลไปรายละ 1 รางวัล โดย DTAC รักษาแชมป์ด้านประสบการณ์วิดีโอ ขณะที่ TrueMove H ยังเป็นแชมป์ด้านความพร้อมใช้งาน 5G นอกเหนือจากรางวัลดังกล่าว DTAC และ TrueMove H ยังได้รับรางวัลร่วมอื่นๆ อีกรายละสองและสามรางวัลตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อปรับปรุงความครอบคลุมเครือข่าย 5G AIS ซื้อคลื่นความถี่ย่าน 700MHz ครึ่งหนึ่งจากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 14.9 พันล้านบาท (419.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ภายใต้เงื่อนไขคลื่นความถี่ 20% จะถูกสงวนไว้สำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนโครงข่ายเสมือนของไทย (Thai MVNOs)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งสองบริษัทยังได้ลงนามในสัญญาซึ่งจะอนุญาตให้ NT เช่าสถานีฐานจำนวน 13,500 แห่งของ AIS ที่จะให้บริการเร็วๆ นี้ และใช้เครือข่ายของพันธมิตรรายนี้สำหรับการโรมมิ่งในประเทศ ผู้ใช้งาน AIS ใช้ความเร็ว 5G ที่เร็วที่สุดในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;AIS เป็นผู้ชนะแต่เพียงผู้เดียวในด้านความเร็วจาก 3 ใน 4 รางวัล โดย TrueMove H ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะร่วมในด้านประสบการณ์ความเร็วในการอัปโหลด และแซงหน้า AIS ในด้านความเร็วในการดาวน์โหลด ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างผู้ให้บริการทั้งสองรายลดลงจาก 2.6Mbps เหลือ 1.9Mbps​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/VkaF17p7ahH3xtKZC7jA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VkaF17p7ahH3xtKZC7jA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม AIS มีส่วนต่างในด้านความเร็ว 5G ทั้งสองหมวด ได้แก่ ความเร็วในการดาวน์โหลด 5G เพิ่มจาก 64.6Mbps เป็น 69.4Mbps และความเร็วในการอัปโหลด 5G เพิ่มจาก 7.1Mbps เป็น 7.8Mbps&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน DTAC ได้รับคะแนนประสบการณ์ความเร็วในการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ใช้งานทั่วไปในประเทศไทยยังระบุว่าความเร็วรวมโดยเฉลี่ยและความเร็ว 5G ลดลง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/UfxmE53nrucf3L96ak1g.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UfxmE53nrucf3L96ak1g.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​ DTAC ยังรั้งตำแหน่งผู้ชนะรางวัลประสบการณ์วิดีโอ แต่หลุดตำแหน่งผู้ชนะในรางวัลประสบการณ์วิดีโอ 5G&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในรายงานครั้งที่แล้ว DTAC เป็นผู้ชนะเพียงผู้เดียวในด้านประสบการณ์วิดีโอ และเป็นผู้ชนะรางวัลประสบการณ์วิดีโอ 5G ร่วมกับ AIS นอกจากนี้ DTAC ยังรักษาแชมป์ด้านประสบการณ์วิดีโอไว้ได้ด้วยคะแนน 59.3 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 นำหน้า TrueMove H อยู่ 0.9 คะแนน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม DTAC เสียตำแหน่งผู้ชนะด้านประสบการณ์วิดีโอ 5G ให้กับ AIS โดยแพ้ไป 3.6 คะแนน ส่งผลให้ AIS ขึ้นแท่นผู้ชนะรายใหม่แต่เพียงผู้เดียวทันที สำหรับบริการวิดีโอ 5G ผู้ให้บริการทุกรายในประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในระดับดีมาก (68-78) AIS คว้าแชมป์รางวัลด้านประสบการณ์สตรีมวิดีโอสด 5G&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รางวัลประสบการณ์สตรีมวิดีโอสดแสดงปริมาณการสตรีมวิดีโอถ่ายทอดสดของกิจกรรมต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น การถ่ายทอดสดกีฬา สตรีมเกม คอนเสิร์ต หรือรายงานข่าว เป็นตัวชี้วัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย AIS เป็นอันดับหนึ่งสำหรับประสบการณ์สตรีมวิดีโอสดบนเครือข่าย 5G ด้วยคะแนน 68.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 โดยผู้ให้บริการทุกรายในประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในระดับดีเยี่ยม (58 คะแนนขึ้นไป)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/qKSnNbrYgQNWBSAkrVZg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qKSnNbrYgQNWBSAkrVZg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับประสบการณ์สตรีมวิดีโอสดบนเครือข่าย 5G ซึ่งหมายความว่าค่าเฉลี่ยผู้ใช้งานสามารถสตรีมวิดีโอความละเอียดขั้นต่ำที่ 1080p โดยใช้เวลาในการโหลดต่ำ มีการกระตุกเล็กน้อย และมีค่าออฟเซ็ตในการถ่ายทอดสดที่น่าพอใจ AIS คว้าแชมป์รางวัลประสบการณ์สตรีมวิดีโอสดบนเครือข่าย 5G&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่คู่แข่งทั้งสองรายเป็นผู้ชนะร่วมกันในรางวัลประสบการณ์สตรีมวิดีโอสดโดยรวม โดยมีคะแนนทางสถิติเสมอกันที่ 55.3-55.4 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100AIS คว้ารางวัลประสบการณ์ความครอบคลุมและประสบการณ์ความครอบคลุมเครือข่าย 5G ร่วมกับ TrueMove H&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เกณฑ์ชี้วัดประสบการณ์ความครอบคลุมใหม่ของ Opensignal จะวัดขอบเขตการให้บริการของเครือข่ายมือถือทั้งในสถานที่ที่ผู้คนอยู่อาศัย ทำงาน และการใช้งานระหว่างเดินทาง AIS คว้าแชมป์ด้านประสบการณ์ความครอบคลุมเครือข่ายด้วยคะแนน 8.2 คะแนน จากทั้งหมด 10 คะแนน ซึ่งนำหน้า TrueMove H อยู่ 1.4 คะแนน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยผู้ให้บริการทั้งสองรายนี้เป็นผู้ชนะร่วมกันในรางวัลความครอบคลุมเครือข่ายที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้อีกหนึ่งรางวัล ได้แก่ ประสบการณ์ความครอบคลุมเครือข่าย 5G ด้วยคะแนน 1.5-1.6 คะแนนTrueMove H รักษาแชมป์ด้านความพร้อมใช้งาน 5G ไว้ได้ ขณะที่ DTAC ปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;TrueMove H ชนะรางวัลความพร้อมใช้งาน 5G ติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง ด้วยคะแนน 27.9% ขณะที่ DTAC ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นสูงสุดจากรายงานครั้งก่อนที่ 9% เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26% ส่งผลให้ DTAC แซงหน้า AIS ที่คว้าอันดับ 3 ด้วยคะแนน 24.9%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หมายความว่าผู้ใช้งาน 5G ในไทยบนเครือข่าย DTAC ของ TrueMove H ใช้เวลามากกว่าหนึ่งในสี่กับการเชื่อมต่อ 5G และใช้เวลาต่ำกว่าหนึ่งในสี่บนเครือข่าย AISAIS คว้ารางวัลคุณภาพความเสถียรไปครอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;AIS ชนะรางวัลคุณภาพความเสถียรด้วยคะแนน 59.2% แซงหน้า DTAC ที่ 3.1% และ TrueMove H ที่ 9.1% เกณฑ์ชี้วัดนี้จะวัดว่าเครือข่ายมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานตามข้อกำหนดแอปพลิเคชันมือถือทั่วไปในระดับที่ “ดีเพียงพอ” ให้กับผู้ใช้งานที่สามารถใช้งานที่ต้องการทั่วไปต่างๆ บนอุปกรณ์ของตนได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจะประเมินตัวชี้วัดประสบการณ์หลายประเภท อาทิ ความเร็วในการดาวน์โหลด ความเร็วในการอัปโหลด เวลาแฝง ค่าความช้าในการรับข้อมูล (Jitter) การสูญเสียแพ็กเก็ต และเวลาถึงไบต์แรก (TTFB)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนใจสามารถอ่านและดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มนี้ได้ที่ <a target="_blank" href="https://www.opensignal.com/th/reports/2023/11/thailand/mobile-network-experience" alt="https://www.opensignal.com/th/reports/2023/11/thailand/mobile-network-experience">https://www.opensignal.com/th/reports/2023/11/thailand/mobile-network-experience</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/it/news/google-announces-expansion-of-investment-plans-in-thailand" alt="Google ประกาศแผนขยายลงทุนในไทย พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจ AI">Google ประกาศแผนขยายลงทุนในไทย พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจ AI</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Opensignal เผยผู้ใช้งาน AIS ใช้ 5G ที่เร็วที่สุดไทย และ AIS ยังครองแชมป์เสถียรสุด

Opensignal ชี้ "การสตรีมมิ่งวิดีโอ" ด้วย 4G ของค่ายมือถือไทยยังไม่เร็วพอ-หยุดชะงักบ่อย

‘ดีแทค’ ชูขุมทรัพย์คลื่น 2300 MHz กวาดลูกค้าไทยเพิ่ม

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จับมือกับดีแทค แอคเซอเลอเรท โดย แอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดิจิทัล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)  และ สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายดีแทค แอคเซอเลอเรท  จัด  “โครงการ dtac  accelerate batch 5”  พร้อมสนับสนุนประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม ทุนประกันรวม 10 ล้านบาท และสนับสนุนการเข้าร่วม Tech Event ระดับโลก เพื่อร่วมพัฒนาและผลักดันสตาร์ทอัพประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก งานจัดขึ้น ณ ดีแทคเฮ้าส์  อาคารจัตุรัสจามจุรี (จามจุรีสแควร์)

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5670595df07537b76f193dde07499899.png" alt="" />

เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสนับสนุน dtac accelerate batch 5 ต่อยอดกิจกรรมคนรุ่นใหม่

จากการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมเสวนา แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน และการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด โดยโครงการ ชีวาส เดอะ เวนเจอร์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

ภาพรวมความสำเร็จงาน Forbes Thailand Forum 2016 Self Made Success

ดีแทค ยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลกับ Super 4G ตอกย้ำคลื่นเดียวบน 1800MHz กว้างสุด 20MHz เพื่อทุกไลฟ์สไตล์ทั่วประเทศไทย ตอบรับเทรนด์ “Never off-line”  และเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายต่อเนื่องและขยายจำนวนสถานีฐานทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด  จากงานเปิดตัว Super 4G สรุปตัวเลขที่น่าสนใจได้ดังนี้

- ปี 2559 จากพฤติกรรมการใช้ Facebook แชร์ข้อความและรูปภาพแบบเดิมเริ่มมีการแชร์ VDO และ LIVE มีการเติบโตที่สูงขึ้นเกือบ 150% เมื่อเทียบกับ ปี 2558
- ปี 2559 ผู้ใช้งานโทรผ่าน VoIP หรือการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นราว 200%
- ปี 2559 การรับชมคอนเทนท์ผ่าน YouTube เติบโตขึ้นเกือบเท่าตัว
- ปี 2559 การฟังเพลงผ่านมือถือ Music Streaming ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นกว่า 150%
- ปี 2559 ดีแทคขยายสถานีฐาน Super 4G ทั่วประเทศมากกว่า 15,000 สถานี หรือมากกว่า 240%
- ปี 2559 เพิ่มสัญญาณภายในอาคาร 200 แห่ง

“ปีนี้เราเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงข่าย Super 4G อย่างต่อเนื่องทุกอำเภอทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอีก 25% และตั้งเป้าขยายโครงข่ายภายในอาคารรวม 1,000 แห่งภายในปี พ.ศ. 2563 ตอกย้ำผู้ให้บริการ Super 4G ที่มีความลื่นไหลมากที่สุดบนคลื่น 1800MHz ที่กว้างที่สุดถึง 20MHz ใช้ได้แล้วทุกอำเภอทั่วไทย 77 จังหวัด” ลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคกล่าว

ด้าน ประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “เพื่อเป็นการตอบรับ Mobility life ของผู้บริโภค ดีแทคจึงมุ่งมั่นพัฒนาสัญญาณ Super 4G อย่างต่อเนื่อง และนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ที่ผ่านมาดีแทคได้เปิดให้บริการ WiFi Calling เป็นรายแรกของประเทศไทย เพื่อตอบสนอง Mobility life ที่ไร้ขีดจำกัดของพรมแดน โดยเปลี่ยนสัญญาณ wifi ทั่วโลกให้เป็นสัญญาณ dtac ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ได้รับประสบการณ์โทรกลับบ้านได้ชัดใสและคิดค่าบริการเหมือนโทรอยู่เมืองไทย”

<figure><img style="width: 680px; height: 383px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/83118b567e6d6287947c357f06c1e5e3.png" alt="" width="680" height="383" /><figcaption> ประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี และ ลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค</figcaption></figure>

ปีที่ผ่านมา ดีแทค ได้ร่วมมือกับ อีริคสัน และ เฟซบุ๊ก ยกระดับคุณภาพแอพพลิเคชั่นด้วยการทำ Application optimization เจาะลึกถึงคุณภาพของการใช้งานจริงในสถานการณ์ต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งาน โครงการดังกล่าวได้ทำการวัดค่าต่างๆ จากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กบนโครงข่ายดีแทค เพื่อทดสอบผ่านอุปกรณ์ที่ออกแบบ มาโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีการใช้งานสูง และมีจำนวนคนใช้งานหนาแน่น เพื่อนำผลมาปรับเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ใช้งานในทุกสถานการณ์ของผู้ใช้งานดีแทค

โดยรวมผลลัพธ์ที่ได้ในการยกระดับคุณภาพแอพพลิเคชั่น เฟซบุ๊ก ผู้ใช้งานของดีแทคมีประสบการณ์ที่ดีเพิ่มขึ้น 60% โดยมีการให้ความสำคัญ

• ดีขึ้น 13-34% ในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุด ช่วงระหว่าง 19.00-21.00 น.
• ดีขึ้น 54% ในการเปิดแอพพลิเคชั่นใช้งานและเข้าถึงข้อมูล (time-to-content)
• ดีขึ้น 63% ในการแชร์ภาพ
• ดีขึ้นถึง 60% ในช่วงเวลาอัพโหลดและดาวน์โหลดภาพ

“จากกระแสการใช้งานทั้ง Live และ VDO Streaming  ที่จะเติบโตขึ้นในปี พ.ศ. 2560 นี้ ดีแทคจะเดินหน้าขยายการรองรับการใช้งาน Facebook เพิ่มขึ้นอีก 100% และรวมถึงการทำ Application Optimization โดยเฉพาะการใช้งาน VDO Streaming และ Live ให้ลื่น เช่น YouTube จะขยายประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีก 50% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาได้ขยายไปแล้ว 35%” ประเทศ ตันกุรานันท์ กล่าว

ทั้งนี้ “ดีแทค Super 4G ลื่นสุด กว้างสุด” ดีแทค ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในชุด “ลื่น…จ้ะ” สร้าง ปรากฏการณ์ใหม่นำซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลอย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่สะท้อนการใช้ชีวิตสบายๆ กับกิจกรรมความสนุกที่ได้สัมผัสประสบการณ์ดิจิทัล ลื่นไหลกับ “อั้มและดีแทค Super 4G ลื่นสุด กว้างสุด”

ดีแทค ขยาย Super 4G ต่อเนื่อง บนคลื่น 1800MHz กว้างสุด 20MHz พร้อมเปิดตัว “อั้ม-พัชราภา” เป็นพรีเซ็นเตอร์

<h2>เบื้องหลังรอยยิ้มแห่งชัยชนะและความหวังของทรูในการใช้คลื่นความถี่สร้างข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หากแต่ความเป็นจริง การช่วงชิงความเป็นผู้นำในธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย</h2>
นักวิเคราะห์ จาก บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศว่า ความตื่นตัวทั่วโลกเกี่ยวกับ “Digital Economy”และ "Internet of Things" นับเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้เกิด traffic มหาศาล ได้แก่ mobile data ภายใต้ technology 4G หรือ 5G ในอนาคต โดยผู้เล่นในธุรกิจต่างพยายามสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้มากกว่าการถือครองโครงข่ายไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอบริการใหม่จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ และคอนเวอร์เจนซ์ที่ทำให้บริการทุกอย่างไปพร้อมกัน

ขณะที่การแข่งขันในประเทศมีปัจจัยผลักดันสำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม จาก Voice base เป็น Data base ทำให้เกิดบริการใหม่ที่มีความสำคัญกว่าบริการเดิม (voice) และผู้นำในบริการด้านข้อมูลจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันในอนาคต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม จากระบบสัญญาสัมปทาน (BTO) เป็น licensing ทำให้เอกชนสามารถที่จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ และมีต้นทุน regulatory ลดลงเหลือ 5.25% บนรายได้ค่าบริการ แต่ต้องจ่ายค่าประมูลแพงล่วงหน้า

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/88adf1740d86b7a226cf992284ed6dc0.png" alt="" />

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่สามารถเปลี่ยนปริมาณการใช้ data ที่เติบโตขึ้นมหาศาลให้เป็นรายได้ได้ โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (ค่าประมูลหรือการลงโครงข่ายเพิ่ม) จึงกดดันกำไรของกลุ่มโดยตรง หากแต่ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเพียงภาพระยะสั้น เพราะเมื่อส่วนแบ่งทางการตลาดเริ่มนิ่ง ผู้แพ้ ผู้ชนะจะถูกกำหนดชัดเจน พร้อมกับตลาดที่คุ้นชินกับการใช้ data ดังนั้น หากการสร้างรายได้อื่นๆ บนบริการ data พื้นฐานเกิดขึ้นได้ โอกาสเติบโตของกำไรจะเกิดขึ้นทันที

ในระหว่างการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี DTAC และ AIS จำเป็นต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด การแข่งขันแบบเดิมอาจจะไม่เพียงพอในการรักษาฐานผู้ใช้งานเพราะโครงสร้างคลื่นเสียเปรียบ ดังนั้น DTAC และ AIS จะต้องหาบริการใหม่ๆ ใน data มาเสริมเพื่อปกป้องส่วนแบ่งการตลาด และต้องเร่งสร้างคอนเวอร์เจนซ์ให้เกิดขึ้น ภายใน 2-3 ปีนี้

ขณะที่ วสุ มัทนพจนารถ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบต่างออกไป โดยมองว่า TRUE ไม่มีความได้เปรียบเรื่องการถือครองสัญญาณ เนื่องจากในปัจจุบันผู้เล่นทุกรายมีการถือครองทั้งคลื่นสั้น (850MHz, 900MHz) และคลื่นยาว (1800MHz, 2100MHz) โดยความได้เปรียบหลักของ TRUE อยู่ที่ภาพลักษณ์การผู้ประกอบการ 4G รายแรกของไทยที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และเป็นผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมเป็นถึงความได้เปรียบของ TRUE ในการแจกและขายโทรศัพท์มือถือที่ราคาต่ำกว่าต้นทุน ผ่านทางช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์บริการของTRUE และร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11 เพื่อแย่งลูกค้า (โดยเฉพาะกลุ่ม prepaid) จากคู่แข่ง

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/12d607d8ca5c4f30bebe20e3e785d935.png" alt="" />

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสื่อสารโทรนาคมมีแนวโน้มมั่นคงมากขึ้นหลังจากที่ AIS สามารถประมูลคลื่น 900 MHz กลับมาได้เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา และ บริษัทสามารถให้บริการลูกค้า 2G ต่อได้ ในขณะที่ DTAC ประกาศออกสื่อโฆษณาต่างๆ ว่าจะลงทุนโครงข่ายเป็นเงิน 70,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ผู้ใช้บริการคลายกังวลเกี่ยวกับการให้บริการของ AIS และ DTAC

ตราบใดที่ฝุ่นในสงครามธุรกิจยังไม่หายตลบ.. Don’t count your chickens before they hatch.

&nbsp;

เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: กลุ่มทรู

<hr />

<a href="http://goo.gl/WtgACX">คลิ๊กอ่าน "เกมจบ แต่สงครามยังไม่จบ" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/WtgACX"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/94742b79a37358f34d2263e45ceebcc0.png" alt="" width="240" height="316" /></a>

เกมจบ แต่สงครามยังไม่จบ

ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ตรงทางเลือก innovate หรือ die ซึ่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญกำลังเริ่มขึ้นแล้วสำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย Thailand 4.0 หรือ ประเทศไทย 4.0 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ มีหัวใจสำคัญคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผนวกรวมเข้ากับจุดเด่นอื่นๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีสุขภาพ เทคโนโลยีการเงินและการค้าและเทคโนโลยีการท่องเที่ยวและการออกแบบ เป็นต้น โดยเศรษฐกิจดิจิทัลถูกนำมาใช้เพื่อเป็นโมเดลใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

ขณะที่ในต่างประเทศ ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกา วางนโยบายแบบ A Nation of Makers อังกฤษ วางโมเดล Design of Innovation เน้นการออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือมหาอำนาจของเอเชียอย่างจีน ที่วางระบบเศรษฐกิจ Made in China 2025 ผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่ธุรกิจที่มาจากประเทศจีน

จีนยังได้รับการยอมรับว่ามีการพัฒนา digital innovation ในระดับสูง โดยหลายปีที่ผ่านมาแบรนด์ด้านเทคโนโลยีจากจีนกำลังมุ่งเข้าทำตลาดระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก Forbes นิตยสารด้านธุรกิจและการเงิน ระบุว่า แบรนด์จากจีนที่น่าจับตามองเช่น เลโนโว (Lenovo), อาลีบาบา (Alibaba), ไป่ตู้ (Baidu) และเทนเซ็นต์ (Tencent) ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่รู้จักแบรนด์เหล่านี้เป็นอย่างดี เพราะกำลังเติบโตและเป็นที่น่าสนใจ

นอกจากนั้น จีนได้ถูกจับตาว่าจะเป็น Silicon Valley แห่งต่อไปด้วยตลาดขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรมากกว่า 1,200 ล้านคน มีการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลต่อปีหลายแสนคน มี ecosystem ที่เอื้อต่อการสร้างธุรกิจ ส่งผลให้ทุนจากทั่วโลกเคลื่อนไปที่จีนหลายพันล้านเหรียญต่อปี จึงมีธุรกิจเกิดใหม่มาแรง เช่น ดีจีไอ ผู้นำในตลาดโดรนของโลก พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของ digital innovation จากจีนได้เป็นอย่างดี

&nbsp;
<h2>ปรับรากฐานสู่ประเทศไทย 4.0</h2>
สำหรับนโยบายประเทศไทย 4.0 จะมุ่งสร้างนวัตกรรมและการเติบโตแบบยั่งยืน เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียนอย่างชัดเจน ซึ่งได้มีการกำหนดในร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล 2559 มีเป้าหมาย โดยรวมอาทิ กสารสร้างความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ 100% การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ขึ้นมาอยู่ใน 50 อันดับแรกจากอันดับที่ 102 ในปัจจุบัน การพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัล 100% ให้กับประชากรไทย เมื่อสามารถเข้าถึงได้แล้ว ประชากรต้องมีความพร้อมในการใช้ประโยชน์ให้เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ดีแทคได้จัดทำข้อเสนอเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการสร้างประเทศไทย 4.0 โดยนำเสนอผ่าน White Paper วิสัยทัศน์และข้อเสนอแนะนำประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลระดับสากล แบ่งตามยุทธศาสตร์ 6 ประการ

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถประชากรในฐานะภาคเอกชน การสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมดิจิทัลไปยังกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคิดเป็นสัดส่วน 99% ของธุรกิจทั้งหมด ดังนั้นต้องผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีไปใช้งาน โดยเฉพาะใน 10 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1. อุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร
2. อุตสาหกรรมเพื่อประหยัดพลังงาน ผลิตพลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด
3. อุตสาหกรรมฐานเทคโนโลยีชีวภาพ
4. อุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข
5. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมบริการ และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
6. อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า
7. อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องประดับ
8. อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน
9. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และบริการสารสนเทศ
10. อุตสาหกรรมฐานการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม หรืออุตสาหกรรมใหม่

&nbsp;

<img style="width: 250px; height: 250px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/09f4ecd6f7ccbd4a53932319447953fa.png" alt="" />
ลาร์ส นอร์ลิ่ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิกอ่าน "เศรษฐกิจดิจิทัลความยั่งยืนประเทศไทย 4.0"  ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img style="width: 250px; height: 328px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6ef061c9479ff04c8771ed25445ed78a.png" alt="" /></a>

เศรษฐกิจดิจิทัลความยั่งยืนประเทศไทย 4.0

<h2>ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องราวของเจ้าสัว “บุญชัย เบญจรงคกุล” กลับมาสู่ความสนใจของผู้คน เมื่อเขาประกาศวิวาห์กับดาราสาวคนดัง “ตั๊ก บงกช”  แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตเจ้าพ่อวงการโทรคมนาคมเมืองไทย ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ DTAC ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ มหาเศรษฐีอันดับ 13 ของเมืองไทยในปี 2556 จากการจัดลำดับของ Forbes นั่นคือ “ผู้ให้”</h2>
โครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ มากมาย เช่น สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน, โครงการร่วมด้วยช่วยกัน 1677, ทางด่วนข้อมูลเกษตร *1677, สำนักงานสำนึกรักบ้านเกิด เว็บไซต์ www.rakbankerd.comเว็บรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการเกษตร และพิพิธภัณฑ์ศิลปร่วมสมัย MOCA  เงินทุนในโครงการเพื่อสังคมเหล่านี้มาจากสามส่วน ได้แก่ ดีแทค, เบญจจินดา โฮลดิ้ง (บริษัทของตระกูลเบญจรงคกุล) และเงินส่วนตัวของเขา

“ทำไมคนไทยจะรวยทุกคนไม่ได้ ประเทศนี้เต็มไปด้วยโอกาส และผมอยากเป็นผู้สร้างโอกาสให้คนไทย”

ด้วยแรงบันดาลใจดังกล่าวเริ่มเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา บุญชัยเห็นว่าช่วงเวลานั้นประเทศไทยยังขาด “เครื่องมือ” ที่จะสร้างความแข็งแรง ความมั่งคั่งให้กับคนในสังคมไทย เครื่องมือที่ว่านั้นคือ “คอมพิวเตอร์” และการเข้าถึงอินเตอร์เน็ทของคนไทย เขาจำเป็นต้องสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมในการสร้างความแข็งแรงให้กับสังคม นั่นคือ “การสร้างคน” และ “การสร้างโอกาส” ให้คนได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันก่อน

ในปี 2540 โครงการช่วยเหลือสังคมโครงการแรก “สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน” ของบุญชัยจึงถือกำเนิดขึ้น  เพื่อเป็นศูนย์กลางรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อสร้างสำนึกว่าคนไทยไม่ได้แล้งน้ำใจ ปัจจุบันสถานีวิทยุแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือคนในสังคม ผ่านอาสาสมัครกว่า 4,000 คน และยังขยายไปยังเมืองใหญ่ๆ อีก 10 จังหวัด เช่น เชียงราย พิษณุโลก ชัยนาท ฯลฯ  ปัจจุบันโครงการร่วมด้วยช่วยกันได้พัฒนาสร้างเป็น app ติดตั้งบนโทรศัพท์ของดีแทคทุกเครื่อง เพื่อให้สามารถแชร์พิกัดจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว

ในการสร้างคนนั้น บุญชัยเริ่มดำเนิน “โครงการสำนึกรักบ้านเกิด” มาตั้งแต่ปี 2541 ด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนจบปริญญาตรี ปีละ 76 คน จาก 76 จังหวัด ซึ่งในปี 2557 นี้จะให้ทุนครบ 999 ทุน

ส่วนงานสร้างโอกาสให้กับคนในชาติ ก็ใช้เทคโนโลยีด้านไอทีสร้างโอกาสให้ชาวบ้านและเกษตรกรมีความรู้เพิ่มขึ้นผ่านเว็บไซต์รักบ้านเกิด ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับการเกษตรมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น บุญชัยฝันและกำลังจะทำให้เว็บไซต์แห่งนี้เป็นตลาดกลางในการขายสินค้า ให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้ด้วยตัวเอง

“ผมอยากเป็นคนริเริ่มสร้างโอกาสให้กับคนไทยให้มีความมั่งคั่ง คนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะรวยได้ และก็รอให้คนรุ่นหลังมาสานต่อความคิดของผมต่อไป ซึ่งอนาคตอีก 100 ปี 200 ปี คนรุ่นหลังก็จะรู้จักชื่อ ‘บุญชัย’”

&nbsp;

เรื่อง: นิธิ ท้วมประถม
บุญชัย เบญจรงคกุล ขอใช้ “บุญ” นำ “ชัย” สร้างโอกาสคนไทย, ใน Forbes Thailand ฉบับ October 2013

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events