<h2>อาร์เอส รุกธุกิจเพลงอีกครั้งในรอบ 15 ปี เตรียมดัน “อาร์เอส มิวสิค” เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้&nbsp; พร้อมปั้นศิลปินหน้าใหม่ ผนึกกำลังพันธมิตรต่างชาติปั้นคอนเทนต์สู่ตลาดโลก ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 5,500 ล้านบาท ธุรกิจเพลงรายได้ 700 ล้านบาท&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในปี 2566 อาร์เอสตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 5,000-5,500 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ผลักดันการเติบโต มีดังนี้ 1. ธุรกิจเพลงภายใต้อาร์เอส มิวสิค จะกลับมาเดินเกมรุกอีกครั้งในรอบ 15 ปี ด้วยการสร้างศิลปินหน้าใหม่กับโปรเจค RS Newcomers ในช่วงไตรมาส 3 และ RS Homecomimg ดึงศิลปินลูกหม้อกลับมาทำเพลง ประเดิม “บีม กวี” พร้อมลูกชายฝาแฝดสุดน่ารัก “พี่ธีร์น้องพีร์” ออกซิงเกิล “Call Me Daddy” เอาใจแฟนคลับ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/7YsgEEu9HfJ4mqWrSdd8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7YsgEEu9HfJ4mqWrSdd8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยไฮไลท์สำคัญ คือการผนึกกำลังร่วมกับ "พันธมิตรต่างชาติ” มาลงทุนในธุรกิจเพลง และ “ร่วมทุน” เพื่อชิงขุมทรัพย์ในประเทศไทย ส่วนอาร์เอส จะมุ่งสร้างคอนเทนท์ให้แข็งแกร่ง แล้วใช้ช่องทางจำหน่ายของพาร์ทเนอร์ ขยายตลาดไปทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พาร์ทเนอร์จะมาพร้อมเงินลงทุนก้อนใหญ่ เพื่อลุยธุรกิจเพลงในประเทศไทย ซึ่งการได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ จะทำให้อาร์เอส มิวสิค แข็งแรงขึ้น อีกทั้งเราจะนำจุดแข็งพาร์ทเนอร์เป็นช่องทางเสิร์ฟเพลงให้คนฟัง และเพิ่มโอกาสในการพาศิลปินไปทำกิจกรรมต่างแดน หน้าที่เราต้องทำคอนเทนท์ให้แกร่ง เพราะคอนเทนท์ไปได้ไกลทั่วโลก”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/6ZrmtXN8hcEYzst6LyWr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6ZrmtXN8hcEYzst6LyWr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งระหว่างนี้ อาร์เอส ยังได้เตรียมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมนำ RS Music เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนรายได้ของธุรกิจเพลงในปีนี้ตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/aQ5EtssKEJ6UHrNXZC6a.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="aQ5EtssKEJ6UHrNXZC6a.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง จะมีการเปิดร้านเพ็ทช็อปแบรนด์ใหม่และเป็น “แฟล็กชิป” พร้อมบริการครบวงจร ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย คนรักสัตว์ และตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง จากที่ผ่านมามีการซื้อหุ้นฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ ต่อยอดสู่โรงพยาบาลสัตว์ เวลเนสฯ และสานต่อการเป็นกิจการครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/3DJivo5ZsWgMaJpjMHw1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="3DJivo5ZsWgMaJpjMHw1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp; &nbsp; 3. RS Livewell มีการออกสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์เดิม และออกสินค้าแบรนด์ใหม่เสริมทัพ 4. ธุรกิจสื่อ ช่อง 8 ดึง “พุทธ อภิวรรณ” สู่รายการ “ลุยชนข่าว” โกยเรทติ้งทั่วประเทศ 1.2% เข้าถึงคนดูกว่า 3.2 ล้านคน เป็นต้น อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/nia-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A5-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87" alt="NIA เปิดความสำเร็จย่านการแพทย์โยธีกับโมเดล “อินโนเวชันแชร์ริ่ง”">NIA เปิดความสำเร็จย่านการแพทย์โยธีกับโมเดล “อินโนเวชันแชร์ริ่ง”</a> <hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อาร์เอส ตั้งเป้าปี 66 รายได้ธุรกิจเพลง 700 ล้านบาท ดัน “อาร์เอส มิวสิค” เข้าตลาด พ.ค.นี้

<h2>อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศขยายธุรกิจ เข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย ในสัดส่วน 35% ด้วยมูลค่าการลงทุน 920 ล้านบาท มุ่งสร้างการเติบโตแบบ New S-Curve</h2>
สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การก้าวสู่ New Era เพื่อสร้าง New S-Curve นั้น การเข้าซื้อลงทุนในกิจการ หรือ M&amp;A เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้าง Ecosystem ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนมั่นคงในระยะยาว

การเข้าลงทุนในครั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ทุ่มงบลงทุน 920 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถานะทางเงินของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องในระดับสูง ยังสามารถรองรับการเติบโตและการขยายกิจการของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว

นายสุรชัย กล่าวว่า เหตุผลที่ RS เข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ เพราะมองว่าภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce

โดยการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ที่มีบริษัทย่อย 3 บริษัท (ถือหุ้น 100%) ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเรียกรวมว่า กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่

1) ธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร และที่ปรึกษาการบริหารจัดการหนี้ ดำเนินการโดย บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด มีพนักงาน Call center กว่า 400 คน และทีมติดตามและบริหารหนี้กว่า 100 คน สำหรับรองรับการให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตให้บริการติดตามหนี้สินกว่า 45,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 3 แสนราย ลูกค้าหลักได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน

2) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เข้าซื้อ รับโอนและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ NPL ทั้งจากกลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจนี้ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด ได้รับใบทะเบียนบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (“ธปท.”) และ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ปัจจุบัน มีมูลค่าพอร์ตหนี้ภายใต้การบริหารกว่า 27,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 1 แสนบัญชี

3) ธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ปัจจุบันมีมูลค่าสินเชื่อคงเหลือประมาณ 300-400 ล้านบาท รวมทั้งหมดกว่า 1,000 บัญชี

“ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุนกลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการประกอบธุรกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การติดตามทวงถามหนี้ บังคับคดีและการให้สินเชื่อรายย่อย และมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง” สุรชัยกล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-40404" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/01/ธุรกิจในเครืออาร์เอส-กรุ๊ป_001.jpg" alt="" width="600" height="600" />

นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้บริหาร ทีมงาน และบุคลากร ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การดำเนินการธุรกิจนี้มาอย่างยาวนาน จึงเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้กับอาร์เอส โดยปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ มีประมาณการรายได้รวมราว 600-700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณเกือบ 150-200 ล้านบาท

“การที่ อาร์เอส กรุ๊ป เข้าถือหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกธุรกิจใหม่ เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และยังมีแผนการเติบโตของพอร์ตบริหารหนี้และยอดสินเชื่อรายย่อยอย่างต่อเนื่องในอนาคต” สุรชัยกล่าว

นอกจากนี้ จากความร่วมมือของทั้งสองกลุ่มบริษัทในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถสร้าง synergy ที่แข็งแรงมากขึ้น จากการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทางทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละบริษัทฯ ทั้งในด้านสื่อ ช่องทางการขาย ระบบการบริหารจัดการข้อมูล และ Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป

รวมถึงประสบการณ์ความชำนาญในธุรกิจ และภาพลักษณ์ในอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ จะส่งผลให้เกิดประโยชน์เสริมให้กันและกันอย่างมาก อาทิ การขยายฐานลูกค้า ช่องทางการขาย การใช้สื่อและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ ซึ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างและต่อยอดโมเดล Entertainmerce ของบริษัทได้

ทั้งจะช่วยเสริมให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคตและมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/airbnb-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-warner-music-korea-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%97.html">Airbnb จับมือกับ Warner Music Korea เปิดตัว “เทศกาล Inside K-Pop”</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>


<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
&nbsp;

&nbsp;

อาร์เอส ทุ่มเฉียดพันล้าน รุกธุรกิจสินเชื่อรายย่อย

เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: กิตติ บวรพัฒน์นนท์ 
&nbsp; 
จากประสบการณ์ทีวีดาวเทียมและโอกาสการเติบโตที่เล็งเห็น สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ พร้อมนำทัพอาร์เอสร่วมแข่งขันในธุรกิจทีวีดิจิทัล เติมเต็มอาณาจักรผู้จัดหารายการบันเทิงทุกรูปแบบ พร้อมเป้าหมายในการขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม 
&nbsp; 
&ldquo;การลงทุน ถ้าเราตัดสินใจช้าเกินไปก็ไม่ทัน เร็วเกินไปก็ไม่ดี ตรงจุดนี้ต้องอาศัยประสบการณ์มาช่วยพิจารณา ที่สำคัญก่อนจะกระโดดลงไปในธุรกิจไหน ต้องดูกติกาในการแข่งขันนั้นก่อนว่า เรามีโอกาสที่จะชนะหรือไม่ แล้วมาดูความพร้อมของตัวเอง อย่าประเมินว่า เราคือสุดยอดในทุกเรื่อง&rdquo; สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์กับ Forbes Thailand ในวันที่ช่อง 8 ก้าวสู่อันดับ 1 ในช่องระบบผ่านดาวเทียม พร้อมประกาศลุยธุรกิจทีวีดิจิทัล ด้วยการปรับผังรายการบางส่วนให้เข้ากับกติกาของช่องดิจิทัล เพื่อเติมเต็มอาณาจักรผู้จัดหารายการบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เพลง วิทยุ โชว์บิซ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และกีฬา 
 
หนึ่งในตัวเต็งธุรกิจทีวีดิจิทัลมองเห็นความเป็นไปได้ในการพิชิตเป้าหมายการติดอันดับ 1 ใน 3 ของธุรกิจ จากความเปลี่ยนแปลงทางด้านส่วนแบ่งทางการตลาดที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยสองผู้นำตลาดที่เคยครองส่วนแบ่งรวมกันจำนวน 56% ถูกชิงเค้กส่วนแบ่งเหลือ 44% ขณะที่อันดับ 3 และ 4 สามารถสร้างรายได้เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 5% เป็น 11% ซึ่งอาร์เอสถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ 
&nbsp; 
อาวุธสำคัญของอาร์เอสอยู่ที่การเตรียมความพร้อมตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะทยอยปล่อยไม้เด็ดออกมาสร้างฐานผู้ชมอย่างต่อเนื่องเ ริ่มจากการเรียกความสนใจจากผู้ชมด้วยละคร รายการข่าว โดยรายการข่าวสามารถช่วงชิงความนิยมเป็นอันดับ 3 ของประเทศได้ในปัจจุบัน และเพิ่มสัดส่วนด้านกีฬา อาทิ การซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาจากต่างประเทศ ได้แก่ ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing และ UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม ซึ่งช่อง 8 ได้รับสิทธิในการถ่ายทอดสดตรงจากอเมริกาแต่เพียงผู้เดียว 
 
ในไตรมาสสุดท้าย เพิ่มความเข้มข้นและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับผู้ผลิตคอนเทนท์อย่าง บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด รับจ้างผลิต รายการวาไรตี้ใหม่ 2 รายการ ได้แก่ &nbsp;ดาวประจำเมือง และ รายการบิ๊กเฮง ซึ่งเริ่มที่รายการวาไรตี้ก่อนในเฟสแรก และผลิตละครหรือซิทคอมในเฟสต่อไป 
&nbsp; <a href="http://www.buyyourownwatches.com/">Fake Watches For Sale</a>
ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิทัลทีวี บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือล่าสุด &ldquo;เรากับทางเจเอสแอลจะมีการร่วมงานกันในหลายส่วน เพราะเจเอสแอลมีความถนัดและเป็นมืออาชีพการผลิตอยู่แล้ว ขณะที่ช่อง 8 เข้าถึงและมีฐานผู้ชมเหนียวแน่นอยู่ทั่วประเทศ พอมา plug in กันจึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ผมมั่นใจว่าการผนึกกำลังกันจะยิ่งประสบความสำเร็จเร็วขึ้น&rdquo; 
 
ในปีนี้บริษัทเตรียมผลิตรายการวาไรตี้ใหม่เองอีก 5 รายการ เช่น รายการเรียลลิตี้เด็ก หรือ รายการวาไรตี้ทอล์คโชว์ ที่เชิญทั้งเซเลบและดาราที่อยู่ในกระแสเข้าร่วมรายการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบนี้สอดคล้องกับแผนปรับสัดส่วนรายการ ได้แก่ &nbsp;ละคร 20% รายการวาไรตี้ 50% รายการข่าว 25% และรายการกีฬา 5% พร้อมทั้งเดินหน้าจัดกิจกรรมโรดโชว์ &ldquo;ช่อง 8 พบเพื่อน&rdquo; ทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชม 
 
ปัจจุบันธุรกิจสื่อกลายเป็นธุรกิจหลักที่สามารถสร้างรายได้และผลกำไรจำนวนมากให้กับกลุ่มอาร์เอส โดยมีช่อง 8 เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันรายได้ของบริษัทให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็น 835.8 ล้านบาท เสริมทัพด้วยช่อง 2 สบายดีทีวี และ You Channel ส่งผลให้ธุรกิจโทรทัศน์เติบโตเพิ่มขึ้น 28% ควบคู่กับการเติบโตทางด้านเรตติ้งของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่ไต่ระดับอยู่ในอันดับ 4 ของประเทศ ทั้งยังสามารถขยายกลุ่มคนดูในเมืองและหัวเมืองใหญ่ได้สำเร็จ สุรชัยคาดการณ์การปรับตัวเพิ่มขึ้นของยอดผู้ชมจาก 350,000 คนต่อนาทีเป็น 450,000 คนต่อนาทีโดยเฉลี่ย 
&nbsp; 
ด้าน ดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด ให้มุมมองเชิงบวกกับหุ้นของอาร์เอสจากผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดด โดยนักวิเคราะห์ต่างๆ ขนานนามช่อง 8 ว่า &ldquo;ขุมทรัพย์ใหม่ของอาร์เอส&rdquo; ด้วยคอนเซปต์ผังรายการวาไรตี้เจาะกลุ่มผู้ชมต่างจังหวัดที่มีอยู่จำนวนมาก และละครที่เป็นจุดเด่นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการย้ายช่อง 8 มาออกอากาศในระบบทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้การออกอากาศสามารถเข้าถึงครัวเรือนเพิ่มขึ้น
<hr />

	<a href="http://goo.gl/c1X97V">คลิ๊กอ่าน "บนทางสายใหม่ของ RS รุกช่องทีวีดิจิทัลเต็มรูปแบบ" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015 ในรูปแบบ E-Magazine</a> 
	 <a href="http://www.buyyourownwatches.com/">Cheap Fake Watches</a>
	<a href="http://goo.gl/c1X97V"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="411" src="/uploads/userfiles/images/November%202015/cover%20NOV.jpg" width="315" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events