กลุ่มนักลงทุนต่างจับตาหลังหุ้น RS ของ 'เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์' ร่วงแรง 3 วันติด โดยล่าสุดมีราคาวูบลงมาอยู่ที่ 1.82 บาท ถือเป็นตัวเลขต่ำติดฟลอร์มากที่สุดในรอบ 12 ปี นับจากปี 2556 ที่มีราคาร่วงต่ำสุดอยู่ที่ 2.64 บาท
เหล่าบรรดานักลงทุนต่างจับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น RS จาก 'บริษัท อาร์เอส จํากัด (มหาชน)' อย่างเหนียวแน่น หลังปรับตัวร่วงดิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ในช่วงเช้าวันนี้ (9 ม.ค.68) โดยล่าสุดมีราคาต่ำติดฟลอร์อยู่ที่ 1.82 บาท ลดลง -0.78 บาท คิดเป็น -30.00% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.34 ล้านบาท หลังจากร่วงติดฟลอร์เป็นครั้งแรกในวันที่ 7 ม.ค. 2568 โดยมีราคาแตะอยู่ที่ 3.74 บาท
ถัดมาในวันที่ 8 ม.ค. 2568 ราคาหุ้นก็ได้ร่วงลงมาอีกอยู่ที่ 2.60 บาท ถือเป็นราคาหุ้น RS ที่ปรับตัวร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 ที่มีราคาหล่นลงมาต่ำสุดอยู่ที่ 2.64 บาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ผลประกอบการของ RS บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในปี 2567 ที่ผ่านมาชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้จากตัวเลขผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 67 ที่มีกำไรเพียง 12 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ RS ยังมีภาระหนี้สินที่ครบกำหนดชำระในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า กว่า 500 ล้านบาท แต่หากดูรายการเงินสดเทียบเท่าเงินสด ปัจจุบันอยู่ที่ราว 300 ล้านบาท สะท้อนความเสี่ยงที่อาจมีเงินไม่พอในการชำระคืนหนี้ดังกล่าวในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องจับตารอดูผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่จะรายงานออกมาในช่วงเดือน ก.พ.นี้ เพราะหากตัวเลขออกมาดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของประเด็นดังกล่าวลงได้ อีกทั้ง RS ยังมีแนวทางดำเนินการได้หลายทาง เช่น รีไฟแนนซ์ หรือการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อมาชำระหนี้ดังกล่าว รวมถึงสามารถใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เช่น การเพิ่มทุน
สำหรับกระแสข่าวเรื่อง ผู้บริหารของบริษัทขายหลักทรัพย์ตามเงื่อนไข (Forced sell) นั้น ทางบริษัท RS ได้ออกมาชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวานนี้ (8 ม.ค. 2568) ว่า ไม่ทราบถึงประเด็นดังกล่าวและกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมเผยสาเหตุที่ราคาหุ้นร่วงอย่างหนักจนติดฟลอร์เกิดจากกลไกของตลาดและปัจจัยภายนอก โดยยืนยันว่าไม่มีปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและการดำเนินงานของบริษัท และจะเดินหน้าไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ในปี 2568 นี้
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม รวมถึงพิจารณารวบรวมข้อมูลการจำนำหุ้นผ่านระบบศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD มาเปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ ซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับการรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น (มาร์จิ้นโลน) ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดเผยแบบรายเดือน โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายในเดือน ก.พ.นี้ ด้วยเช่นกัน
ภาพ : RS
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : หุ้นไทยปี 67 ให้ผลตอบแทน ‘ติดลบ 2 ปีซ้อน-แย่กว่าหุ้นโลก’ บล.ทิสโก้เผยปี 68 ยังเจอปัจจัยกดดันรอบด้าน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine