<h2>ชญาภา จูตระกูล บุตรสาว ชฎาทิพ จูตระกูล แห่งสยามพิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้รุกธุรกิจใหม่ในนาม THE PINK LAB ที่ปรึกษาด้านแบรนดิ้ง Tech และ Data Strategy ประเดิมเปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ในพื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม. ของศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยโมเดลธุรกิจระดับโลก Web 3.0</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชญาภา หรือ ปิ๊ง ก่อตั้ง THE PINK LAB หลังเรียนจบระดับปริญญาโท สาขา Applied Analytics จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา โดยเน้นนำข้อมูล (Big Data) ที่มีอยู่มหาศาลมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในธุรกิจหลากหลาย ในยุค Web 3.0 ประเดิมธุรกิจใหม่ โดยจับมือกับศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โอกาสทางธุรกิจของ Web 3.0&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชญาภา จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท The Pink Lab กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทย เป็นที่จับตามองจากบริษัทผู้นำด้าน Web 3.0 และบล็อกเชนทั้งระดับโลกและเอเชีย ที่มีศักยภาพในการเข้ามาลงทุน และทำงานร่วมกัน เพื่อกระตุ้นให้ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดีย ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงนี้ สร้างนวัตกรรม สร้างโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่และทำงานร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์ระดับโลก ร่วมกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ที่จะสร้างผลกระทบให้กับทั้งผู้ใช้งาน ธุรกิจ และสังคมในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตยุคที่ 3 หรือ Web 3.0 (WEB3) นำศักยภาพของความสามารถเชิงลึกในการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ (Machine Learning) และปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) และการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) มาใช้เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างพื้นที่การสื่อสารผ่านออนไลน์ และเครือข่ายโซเชียล เปิดโอกาสให้ “โลกเสมือนจริง” กลายเป็นพื้นที่ใหม่ ที่สามารถสร้าง “ประสบการณ์จริง” ในรูปแบบใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งาน และสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนในโลกเสมือนทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/cHXvxbzgwUaNzuucufex.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="cHXvxbzgwUaNzuucufex.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน วิวัฒนาการของ Web 3.0 เพิ่มศักยภาพสนับสนุนการทำธุรกรรมข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ระหว่างกระเป๋าเงินดิจิทัลบนบล็อกเชน มีบทบาทเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี แต่คือ “ความหลากหลาย และอนาคต” ซึ่ง Pink Lab ได้จัดแบ่ง 5 หมวดหมู่ ที่สามารถใช้ Web 3.0 มาเป็นโซลูชั่นสร้างโอกาส ประกอบด้วย 1.เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ บล็อกเชน และ Smart Contact 2.สินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ เงินคริปโต และ NFTs 3.แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Platforms) รวมถึงเมตาเวิร์ส 4.โครงสร้างพื้นฐาน และ 5.การเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน (User Interfaces) ผ่านแอปที่พัฒนาบนบล็อกเชน และกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“WEB3 คือ ปรากฎการณ์โลก จึงต้องมีการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย การทำงานร่วมกันระหว่างสยามพิวรรธน์กับ Pink Lab ซึ่งสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ มีมากกว่าการพูดเรื่องผลกำไรของธุรกิจ ก็คือการมอง WEB3 ในมุมมองมหภาค (Macro Scale) และได้คำตอบถึงสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ก็คือ NextTech (เทคโนโลยีแห่งอนาคต) จึงเป็นเหตุผลของการเปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ที่สยามพารากอน และได้รับความสนใจจากพันธมิตรด้านเทคโนโลยีทั้งไทยและระดับโลก” ​ประเทศไทยมี DNA ของ Web 3.0&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชญาภา กล่าวว่า หัวใจสำคัญของ Web 3.0 คือ การสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นบนเทคโนโลยีนี้ จึงขึ้นอยู่กับ “คน” คนที่มีวิสัยทัศน์ มีแนวคิดเบื้องหลังผลิตภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ และมุ่งไปข้างหน้าเพื่อทำตามฝัน การเปิดพื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เป็นการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง Pink Lab กับสยามพารากอน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสยามพิวรรธน์ กับผู้เช่าพื้นที่ ผู้บริโภค เพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ร่วมกัน (Co-Creation) และสำคัญที่สุด คือ ผู้คนจากทั่วโลกนำประสบการณ์ที่ดีที่สุดมาให้ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรม ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างภายใต้คอนเซปต์ Web 3.0 ออกสู่ตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ประสบการณ์ของ Pink Lab ที่ได้ไปให้บริการมาแล้วทั่วโลกในหลายๆ ที่ มีลูกค้าทั้งจากยุโรป สหรัฐ และเอเชีย เราทั้งสนุก ได้เรียนรู้ ที่สุดเราจึงคิดว่า ทำอย่างไรให้คนได้มาเรียนรู้จากที่ดีที่สุดในโลก ปัจจุบันเชื่อว่ามุมมองของผู้บริหารระดับโลกหลายรายในวงการนี้ มองเห็นประเทศไทย เป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะเรามี DNA ของ Web 3.0” ชญาภากล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/n2sUava4TbngX7nbv21N.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="n2sUava4TbngX7nbv21N.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไซมอน โซจุน คิม (Simon Seojoon Kim) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัท Hashed นักลงทุนด้าน Web 3.0 รายใหญ่สุดของเกาหลีใต้ ที่เข้าร่วมเวที The Global Tech Talk @SCBX NEXT TECH จัดขึ้นที่สยามพารากอนต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยและเกาหลีใต้ กำลังกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับการใช้ Web 3.0 โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากความเฟื่องฟูของธุรกรรมเงินดิจิทัล (คริปโต) สอดคล้องกับภาพรวมของระบบนิเวศคริปโตทั่วโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เกาหลีใต้ กลายเป็นผู้บุกเบิกแถวหน้าของ Web 3.0 เพราะที่ผ่านมามีชื่อเสียงทั่วโลกในเรื่องราคาพรีเมียมของตลาดซื้อขายเงินบิทคอยน์สูงสุด (Kimchi Premium) และมีปริมาณการซื้อขายในตลาดเทรดคริปโตบนแพลตฟอร์มแบบที่มีตัวกลางแลกเปลี่ยน หรือ CEX (Centralized Cryptocurrency Exchange) ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ประเทศไทย มีจำนวนผู้ถือครองเงินคริปโต ติดอันดับ 1 ของโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามองถึงโอกาสการทำงานร่วมกับประเทศไทย โดยนำจุดแข็งของทั้งสองประเทศมาเติมเต็มให้กัน เพื่อต่อยอดการประยุกต์ใช้บล็อกเชน และ Web 3.0 มาสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อขยายพื้นที่ทางธุรกิจและการตลาดออกไปสู่เอเชีย โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง” คิมกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเทศไทยมีโอกาสสูงในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับ WEB3 จากปัจจัยสำคัญ 3 ด้าน ที่ประเทศไทยมี ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2.มรดกทางวัฒนธรรม และ 3.ความโอบอ้อมอารี ดังนั้นถ้ามีการนำเอา “เทคโนโลยี” เข้ามาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องใน 3 ด้านนี้ ประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในเรื่อง WEB3 อย่างแน่นอน ​อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99" alt="นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ลดขยะอาหาร แก้ปัญหาโลกร้อน">นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ลดขยะอาหาร แก้ปัญหาโลกร้อน</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ชญาภา จูตระกูล ปั้น THE PINK LAB รุก Web 3.0

<h2>เหตุการณ์กราดยิงในห้างสยามพารากอนสร้างความตื่นตระหนกแก่สังคมเป็นวงกว้าง โดยภาคธุรกิจเอกชนและเหล่านักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์จะกระทบต่อเศษฐกิจและรายได้ท่องเที่ยวในระยะสั้น ขณะที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมยกระดับมาตรการความปลอดภัยเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ </h2><div> </div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงในห้างสยามพารากอน (วันที่ 3 ตุลาคม 2566) โดยคนร้ายเป็นเด็กชายอายุ 14 ปี จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน&nbsp;2 ราย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน&nbsp;และชาวเมียนมาที่ทำงานและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 5 ราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุดกระแสข่าวดังกล่าวนอกจากจะที่เป็นกล่าวถึงจำนวนมากในไทยแล้ว ยังขึ้นติดเทรนด์อันดับ 5 ผ่านสื่อโซเชียลของจีน อย่าง “เว่ยป๋อ” ด้วย จึงเป็นผลให้หลายฝ่ายต่างกังวลถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและรายได้จากการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น หลังจากรัฐบาลเพิ่งออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว “ฟรีวีซ่า” ให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวจีนได้เพียง 1 สัปดาห์&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/mWxkX79vq55JT2h6asmz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="mWxkX79vq55JT2h6asmz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชำนาญ ศรีสวัสดิ์&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า เหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งกู้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วนโดยมี 3 ประเด็กหลัก ได้แก่&nbsp;1. เร่งเยียวยาผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว&nbsp;2. เร่งยกระดับความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งแหล่งท่องเที่ยวแมนเมด และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;3. การส่งเสริมให้นำวิชาศีลธรรม กลับมาในหลักสูตรการเรียนการสอนต่างๆ เพื่อทำให้เด็กมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อลดผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดขึ้น <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/4xYBuTgaCa1v5z5R2fb3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="4xYBuTgaCa1v5z5R2fb3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ บล.ยูโอบี ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกังวลในเรื่องของความปลอดภัยเพราะเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในห้างดังใจกลางเมืองกรุงเทพ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจค้าปลีกและการท่องเที่ยวโดยตรง ดังนั้นเหล่านักลงทุนควรระวังความเสี่ยงในระยะสั้นนี้ด้วย ส่วนระยะกลาง-ยาว ทางยูโอบียังคงมองบวกที่สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ภายใน 5-6 เดือน เห็นได้จากตัวเลขในอดีต ปี 2558 เหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ใช้เวลาฟื้นตัวราวๆ 4 เดือน ขณะที่ปี 2561 อุบัติเหตุเรือชนกันที่ภูเก็ตใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 5 เดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน บล.กสิกรไทย ได้ประเมินเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่อธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มขนส่งในระยะสั้น ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยภาพรวมคาดการณ์ยังขยายตัวได้ ตามประมาณการที่ 27 ล้านคนในปีนี้ เนื่องจากตัวเลข 9 เดือนแรกของปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 20 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 2.2 ล้านคน และ 41 ล้านคนในปีหน้า&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/KRzVGNSAdu65Y2HCzSzL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="KRzVGNSAdu65Y2HCzSzL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทางนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงท่องเที่ยว กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และตำรวจ เร่งหามาตารการป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวแล้ว&nbsp;นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยกับทางเอกอัครราชทูตของจีนและลาวประจำประเทศไทยเพื่อแสดงความเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนับจากนี้รัฐบาลไทยจะดำเนินการมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน&nbsp;ซึ่งในส่วนของ SMS Alert ที่สังคมในโซเชียลอยากให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการนั้น ได้มีการพูดคุยกับ ประเสริฐ&nbsp;จันทรวงทอง&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าระบบดังกล่าวไม่ใช่แค่การเตือนภัยผ่าน SMS&nbsp;เพียงอย่างเดียว&nbsp;แต่มันจะต้องลิงก์เป็นระบบทั้งหมด&nbsp;เพื่อให้การกระจายข่าวสู่พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และสำหรับ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยว่า ขณะที่ทาง ททท. ได้เร่งดำเนินการ 3 ส่วน ได้แก่1. มาตรการด้านความปลอดภัย ที่ต้องยกระดับในทุกพื้นที่ เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ2. มาตรการเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างประเทศ3. มาตรการสื่อสารภาครัฐและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการสื่อสารภาครัฐเองได้แบ่งเป็น 3 ระยะ สั้น กลางและยาว ซึ่งในระยะยาวจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88" alt="KKP วิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ยังไม่ตรงจุด ทุ่มเงินกระตุ้นระยะสั้น อาจเป็นปัญหาระยะยาว">KKP วิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ยังไม่ตรงจุด ทุ่มเงินกระตุ้นระยะสั้น อาจเป็นปัญหาระยะยาว</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เอกชนเผย “กราดยิงพารากอน” กระทบท่องเที่ยวระยะสั้น ด้านภาครัฐเร่งยกระดับความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว

แอสตัน มาร์ติน เอาใจสาวกยนตรกรรมสปอร์ตหรู อวดโฉม The New Vantage, DB11 และ Rapide S ที่มาพร้อมเอกลักษณ์พิเศษ ด้วยการนำสีพิเศษของ New Vantage คือ ไวท์สโตน (White Stone) ผสานกับการผลิตที่มีความประณีตด้วยงานฝีมือทุกขั้นตอน อวดโฉมในงาน ‘MGC-ASIA AUTO FEST 2019’ เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยในวันเปิดงาน 27 มิถุนายน 2562 ตระการตาไปกับการแสดงโขนเรื่อง ‘รามเกียรติ์’ ศิลปะชั้นสูงของไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Aston Martin Thai High Art  Craftsmanship’ นำแสดงโดยนางเอกสาวหน้าหวาน นาว-ทิสานาฏ ศรศึก พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ ผศ.ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวโขน ตอน “ยกรบ” เวลา 18.00 น.

<figure><img class="wp-image-9963 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/729.jpg" alt="" width="729" height="389" /><figcaption> พรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป แอสตัน มาร์ติน แบงคอก</figcaption></figure>

พรเศก ภาคสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย กล่าวว่า “นอกจากจะเป็นการเปิดตัวยนตรกรรมหรู The New Vantage , DB11 และ Rapide S ด้วยการนำสีพิเศษ ‘ไวท์สโตน’ มาใช้กับรถทั้ง 2 รุ่น ให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ยังเป็นการเผยโฉมให้สาวก แอสตัน มาร์ติน ได้เห็นกันเป็นครั้งแรกภายในงาน MGC-ASIA AUTO FEST 2019 อีกด้วย และที่พิเศษกว่านั้น ยังได้จัดให้มีนิทรรศการที่สะท้อนถึงการประกอบรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน แต่ละคัน ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นงานฝีมือที่แสดงถึงความประณีต พิถีพิถันทุกขั้นตอน เปรียบได้กับ ‘โขน’ ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย ที่มีความสง่างาม ตระการตา และมีความอ่อนช้อย โดยเราได้เชิญศิลปินแห่งชาติ ผศ.ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความสนุกของโขน ตอน ‘ยกรบ ’ และยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์จากแบรนด์สูทระดับโลก Benson &amp; Clegg อีกด้วย”

ไฮไลท์ในวันเปิดงาน แขกผู้มีเกียรติจะได้พบกับโชว์สุดอลังการ การแสดงโขนรามเกียรติ์ ชุด ‘รามราชจักรี’ การแสดงที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและความเชื่อที่ว่า พระมหากษัตริย์เป็นองค์สมมติเทพ คือ องค์พระนารายณ์ที่อวตารลงมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ราษฎร การแสดงโขนก็เพื่อเชิดชูเกียรติ ‘พระราม’ ที่รบชนะ ‘ทศกัณฐ์’ และ ‘ฝ่ายอธรรม’ จนมนุษย์โลกมีความสงบสุขอีกครั้ง

<img class="alignnone size-full wp-image-9966" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/729.1.jpg" alt="" width="729" height="389" />

นอกจากนี้ยังจัดแสดงนิทรรศการที่นำเรื่องราวของวัฒนธรรม ศิลปะความเป็นไทย ในเรื่อง ‘โขน’ มาผสานกับเอกลักษณ์ความโดดเด่นในการออกแบบของ แอสตัน มาร์ติน ที่มีความงดงามของขั้นตอนการผลิตอันละเอียดอ่อน และเปี่ยมด้วยความคลาสสิคนับร้อยปี เปรียบดังบุรุษที่มีบุคลิกเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็ดูปราดเปรียวดุจนักล่า ที่แฝงความเท่ตลอดกาล มาเปรียบเทียบกับตัวละครในวรรณคดีไทยอันโด่งดัง อย่างเรื่อง ‘รามเกียรติ์’ สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน แต่ละรุ่น อาทิ ตัวละคร ‘หนุมาน’ นำเสนอผ่านแอสตัน มาร์ติน รุ่น ‘เดอะ นิว วานเทจ’ สายเลือดใหม่ เร็วและเป็นสปอร์ตคูเป้สุดหรู ‘พระราม’ นำเสนอผ่าน รุ่น ‘DB11’ ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษของแอสตัน มาร์ติน ได้อย่างชัดเจน หรือจะเป็น ‘นางสีดา’ นางในวรรณคดีที่ได้ชื่อว่ามีความงดงามอ่อนหวาน นำเสนอผ่านแอสตัน มาร์ติน รุ่น ‘Rapide S’ ที่ได้ชื่อว่าเป็นซีดานที่งดงามเริดหรูที่สุดในโลก

สำหรับผู้ที่จอง แอสตัน มาร์ติน ทุกรุ่น ภายในงาน MGC-ASIA AUTO FEST 2019 จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ อาทิ ผ่อนชำระค่างวด 99,990 บาทต่อเดือน, เพิ่มระยะรับประกันสูงสุด*ถึง 5 ปี Service Plan (บริการบำรุงรักษาฟรี) สูงสุด* นาน 5 ปี พร้อมมอบประสบการณ์สุดหรูด้วยแพคเกจล่องเรือยอชท์ Azimut ที่พัทยา มูลค่า 120,000 บาท อีกทั้งมอบความเหนือระดับกับสุดยอดการพักผ่อนระดับโลก ที่โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok มูลค่า 30,000 บาท

ขอเชิญทุกท่านร่วมสัมผัสยนตรกรรมสุดหรู แอสตัน มาร์ติน The New Vantage, DB11 และ Rapide S  ได้ภายในงาน ‘MGC-ASIA AUTO FEST 2019’ เป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคมนี้ ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

&nbsp;

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: แอสตัน มาร์ติน แบงคอก
โทร. 02-670-6040 (โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ สาขาพระราม 3)
02-610-9775 (โชว์รูมสาขาสยามพารากอน)
เฟสบุ๊ค: Astonmartinbangkok
อี-เมล: <a href="mailto:contact@astonmartin-bangkok.com">contact@astonmartin-bangkok.com</a>

แอสตัน มาร์ติน อวดโฉม New Vantage ในงาน ‘MGC-ASIA AUTO FEST 2019’ สีสันแห่งยนตรกรรมสุดประณีตที่สะท้อนผ่าน ‘โขน’ ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย

หลังเปิดตัวโครงการ วิช ซิกเนเจอร์ 1 มิดทาวน์ สยาม ถนนเพชรบุรี เมื่อปี 2557 ค่ายสยามนุวัตรห่างหายจากการเปิดตัวโครงการใหม่ไปหลายปี แม้จะได้ที่ดินแปลงข้างกันขนาด 2 ไร่ที่เข้าซื้อต่อจากโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีมาในราคา 2 ล้านบาท/ตร.ว. แต่สยามนุวัตรยังรีรอที่จะเปิดตัว จนกระทั่งปีนี้ที่บริษัทพร้อมพรีเซลคอนโดมิเนียมแห่งใหม่บนที่ดินดังกล่าว

ธารธร อักษรานุวัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามนุวัตร จำกัด กล่าวว่า บริษัทเลื่อนแผนจากเดิมที่จะเปิดตัวช่วงปลายปี 2558 เนื่องจากที่ดินเดิมเป็นของรร.กรุงเทพการบัญชีซึ่งต้องให้เกียรติเจ้าของเดิมได้ย้ายกิจการโรงเรียนไปยังพื้นที่ใหม่ก่อน จึงใช้เวลาจนถึงปี 2560 นี้ ออกแบบและพัฒนาโครงการในชื่อ วิช ซิกเนเจอร์ 2 มิดทาวน์ สยาม มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท บนที่ดินขนาด 2 ไร่ จำนวน 333 ยูนิต สูง 41 ชั้น

<figure><img style="width: 680px; height: 473px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b50723873cee0d7f28210462d4e3a120.png" alt="" width="680" height="473" /><figcaption> แบงค์-ธารธร อักษรานุวัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามนุวัตร จำกัด ผู้บริหารหนุ่มวัย 40 ปี</figcaption></figure>

โดยเสนอจุดเด่นของโครงการคือโลเคชั่น ทำเลที่ตั้งในซอยเพชรบุรี 20 ซึ่งเชื่อมทะลุถนนส่วนบุคคลของ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ และ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระยะห่าง 450 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี 400 เมตร ทำให้การเดินทางสะดวก ใกล้ศูนย์การค้า สถาบันการศึกษา และแหล่งงานต่างๆ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มครอบครัวใหม่วัย 35 ปีขึ้นไป, ผู้บริหารวัยผู้ใหญ่ตอนต้นอายุ 27-35 ปี และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย (expat)

ด้านการออกแบบเป็นสไตล์อัลตร้า ลักซัวรี่ ไฮไลต์อยู่ที่ 4 ชั้นบนสุด (ชั้น 38-41) ซึ่งให้ Lifestyle Pods สิ่งอำนวยความสะดวกเต็มพื้นที่ 1,500 ตร.ม. อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส มวยไทย สนามบาสเกตบอล กอล์ฟซิมูเลเตอร์ โคเวิร์กกิ้งสเปซ ฯลฯ

<figure><img style="width: 680px; height: 425px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9e32a229a0e0aad9297737cb6a3e8f02.png" alt="" width="680" height="425" /><figcaption> ลักษณะภายนอกอาคารโครงการ วิช ซิกเนเจอร์ 2 มิดทาวน์ สยาม</figcaption></figure>

ธารธร กล่าวว่า ทำเลสถานี BTS ราชเทวีมีซัพพลายสะสมประมาณ 3,000 ยูนิต ซึ่งเหลือขายน้อยมากในแต่ละโครงการ ยกตัวอย่าง วิช ซิกเนเจอร์ 1 มิดทาวน์ สยามของบริษัทเหลือขายเพียง 5% หรือ 30 กว่ายูนิต ด้านราคาเฉลี่ยทำเลอยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งวิช ซิกเนเจอร์ 2 มิดทาวน์ สยามจะเปิดขายราคาเฉลี่ยเท่ากับทำเล ประกอบกับบริษัทมีฐานลูกค้าเดิม ทำให้คาดหวังว่าจะสามารถปิดการขายได้ 100% ภายในเดือนตุลาคม 2560

<figure><img style="width: 680px; height: 340px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/56e12987ae4cc60ce3ea0c92429126d5.png" alt="" width="680" height="340" /><figcaption> Lifestyle Pods สิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้น 38-41 ของโครงการ</figcaption></figure>

รายละเอียดโครงการ วิช ซิกเนเจอร์ 2 มิดทาวน์ สยาม
<ul>
 	<li>มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท</li>
 	<li>ที่ดินขนาด 2 ไร่</li>
 	<li>ที่ตั้ง: เข้าซอยเพชรบุรี 20 ระยะทาง 40 เมตร</li>
 	<li>จำนวน 333 ยูนิต</li>
 	<li>สูง 41 ชั้น</li>
 	<li>ห้องชุด 1-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30-96 ตร.ม. และเพ้นท์เฮ้าส์ 235 ตร.ม.</li>
 	<li>ความสูงพื้นถึงฝ้าเพดาน 3 เมตร</li>
 	<li>ราคาเฉลี่ย 2 แสนบาท/ตร.ม. เริ่มต้น 5.4 ล้านบาท/ยูนิต</li>
 	<li>เริ่มก่อสร้าง มี.ค.61 คาดก่อสร้างเสร็จ มี.ค.63 (ณ วันที่ 6 ก.ค.60 อยู่ระหว่างรอพิจารณา EIA )</li>
</ul>
โครงการจะเริ่มพรีเซลวันที่ 18-20 ส.ค.60 ที่เซ็นทรัล เวิลด์ ทั้งนี้ พื้นที่ด้านหลังโครงการยังมีแปลงที่ดินเหลืออีกประมาณ 300 ตร.ว. ซึ่งจะมีการพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต

&nbsp;
<h2>ปี 2561 หมายมั่นปั้นมิกซ์ยูสบนที่ดินอโศก</h2>
ธารธร เปิดเผยแผนธุรกิจว่า ปี 2560 จะมีการเปิดตัววิช ซิกเนเจอร์ 2 มิดทาวน์ สยามโครงการเดียว และคาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 500 ล้านบาท จากการขายสต็อกพร้อมอยู่โครงการ เวอร์ทีค พระราม 4-สยาม ทั้งหมด 60-70 ยูนิต มูลค่ารวม 500 ล้านบาท

ในขณะที่ปี 2561 บริษัทคาดจะรับรู้รายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทจากโครงการ วิช ซิกเนเจอร์ 1 มิดทาวน์ สยามที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ปีหน้า และมีแผนเปิดตัวโครงการย่านอโศก โดยมีที่ดินแล้ว 1 ไร่บนถนนรัชดาภิเษกใกล้ร้านอาหารใบไม้ร่าเริง

“ที่ดินตอนนี้มีเกือบๆ 1 ไร่ แต่ต้องการซื้อเพิ่มให้ได้ประมาณ 2 ไร่เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส เป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม และรีเทล เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับการรวบรวมที่ดินว่าจะได้ตามที่ต้องการหรือไม่ แต่คาดว่าถ้ายังซื้อเพิ่มไม่ได้อาจจะพัฒนาส่วนที่อยู่อาศัยไปก่อน” ธารธรกล่าว

ด้านแลนด์แบงก์อื่นๆ ผู้บริหารหนุ่มกล่าวว่า ครอบครัวมีที่ดินที่สะสมไว้ในย่านถนนบรมราชชนนีและฝั่งธนบุรีหลายแปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ซึ่งสยามนุวัตรสนใจพัฒนาโครงการแนวราบบนที่ดินสะสม แต่ต้องการรอจังหวะอีก 5-10 ปีเพื่อให้โครงข่ายคมนาคมต่างๆ เข้าถึงให้มากกว่านี้ เนื่องจากตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการระดับกลางขึ้นไป

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events