<h3>อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว เผยข้อมูลเชิงลึกหลังทางการไทยและจีนลงนามในข้อตกลงยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวของกันและกันถาวรเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนักท่องเที่ยวจีนจะค้นหาที่พักในไทยมากขึ้นหลังรัฐบาลไทยมีนโยบายในการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนแล้ว ข้อมูลของอโกด้ายังชี้ให้เห็นว่าการค้นหาที่พักในจีนของนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในเดือนมกราคม 2566 อีกด้วย</h3> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จีนไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 7 ในลิสต์จุดหมายปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุด เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา หลังทางการไทยและจีนลงนามในข้อตกลงยกเว้นข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวของกันและกันถาวรในเดือนมกราคม 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นจีนอยู่อันดับที่ 18 ส่วนจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับแรก ของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมานั้น ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน และสิงคโปร์ ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การยกเว้นวีซ่าทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่การค้นหาและจองที่พัก ไม่ว่าจะเพื่อไปเพลิดเพลินกับบรรยากาศของสถานที่ใหม่ๆ หรือไปดื่มด่ำกับความเงียบสงบห่างไกลจากผู้คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อโกด้าขอถือโอกาสนี้แนะนำ 3 เมืองท่องเที่ยว ยอดฮิตในจีนที่คนไทยสามารถบินตรงไปได้ทันทีโดยไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 นี้เป็นต้นไป กว่างโจว, มณฑลกวางตุ้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กว่างโจว ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลกวางตุ้งนี้ ได้ชื่อว่าเป็น ‘เมืองแห่งดอกไม้’ ที่มีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเรื่องอาหารกวางตุ้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มกันที่สวนสัตว์ซาฟารีฉางหลง ที่มีรถราง ‘Safari on Wheels’ ให้นักท่องเที่ยวนั่งดูสัตว์ พร้อมชมวิวของทุ่งหญ้าสะวันนา ที่ราบ ทะเลสาบ และแหล่งที่อยู่อาศัยอื่นๆ ของสัตว์ โดยสัตว์ต่างๆ มีอิสระที่จะเดินอยู่ในเขตแหล่งที่อยู่ของตัวเองได้อย่างปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากนั้นก็ไปตื่นตากับงานแกะสลักอันวิจิตรบรรจง และภาพปูนปั้นนูนสีสันสดใสภายในห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลเฉิน ซึ่งยังเป็นศูนย์การศึกษาแบบดั้งเดิมของจีนด้วย หากต้องการชมความงามของเมืองจากมุมสูง ต้องไปต่อที่แคนตันทาวเวอร์ เพื่อวิวแบบพาโนรามา 360 องศา จบวันด้วยการไปดูโชว์กายกรรม และการแสดงเต้นที่ตระการตาที่สุดของเมืองที่โรงละครนานาชาติฉางหลง ปักกิ่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมืองหลวงของจีนที่โดดเด่นทั้งในด้านประเพณีโบราณ และด้านสิ่งมหัศจรรย์สมัยใหม่ ซึ่งทั้งสองอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว เริ่มต้นด้วยการดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่ของพระราชวังต้องห้าม ที่ซึ่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของจักรวรรดิจีนในอดีตกลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านสถาปัตยกรรมอันงดงาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ต่อด้วยถนนหนานโหลวกู่เซียง ตรอกเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีร้านกาแฟ ร้านค้าสไตล์หูถ้ง จีนคลาสสิกมากมายให้เดินดูซื้อของ พระราชวังฤดูร้อน ที่มีสวนสีเขียวมรกต และทะเลสาบอันเงียบสงบนั้นเหมาะสำหรับการไปนั่งพักผ่อน หลีกหนีจากความวุ่นวายของเมือง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากต้องการชมสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่น่าอัศจรรย์ ลองเข้าร่วมทัวร์ที่สนามกีฬารังนก และสวนน้ำลูกบาศก์ในศูนย์กีฬาโอลิมปิกตอนค่ำ โดยสนามกีฬารังนกจะดูคล้ายอัญมณีที่เปล่งประกาย และสวนน้ำลูกบาศก์ก็จะเปลี่ยนสีด้านนอกตลอดเวลา สวยสะดุดตา เฉิงตู, มณฑลเสฉวน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เฉิงตู ไม่เพียงเป็นตั้งของฐานวิจัยการเพาะเลี้ยงหมีแพนด้ายักษ์เฉิงตูอันโด่งดังเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมอีกหลากหลายสำหรับทุกคน เริ่มกันที่เมืองโบราณหวงหลงซี เดินชมเมืองริมแม่น้ำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ย้อนไปถึงอย่างน้อยช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล สำรวจวัดเก่าแก่ สุสานโบราณ แล้วไปเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารเสฉวนอันมีเอกลักษณ์ต่อที่พิพิธภัณฑ์อาหารเสฉวน นักท่องเที่ยวสามารถลองทำอาหารเสฉวนทั่วไปเองได้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ใครที่อยากลองสัมผัสชีวิตประจำวันของคนในท้องถิ่น ลองแวะสวนของประชาชน สนุกเพลิดเพลินไปกับการนั่งปิกนิก เล่นหมากรุกกับคนเฉิงตู และเดินชมสถานที่สวยๆ ภายในสวน ยามใกล้ค่ำก็เดินไปสะพานอันชุน ดื่มด่ำกับวิวเมืองตอนพระอาทิตย์ตก ก่อนจบที่ถนนชุนซี ที่มีร้านค้าอายุหลายร้อยปี ห้างสรรพสินค้าทันสมัย รวมไปถึงร้านอาหารขึ้นชื่อมากมายให้เลือกซื้อของและแวะกิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากใครสนใจอยากออกไปท่องเที่ยวผจญภัยที่อื่นแบบไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยว ประเทศไทยยังได้ทำข้อตกลงยกเว้นวีซ่าให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางไทยกับอีกหลายประเทศ เช่น บรูไน ฟิจิ อินเดีย และตุรกี ช่วยให้การไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศเหล่านี้นั้นง่ายขึ้นสำหรับคนไทย Photo by <a href="https://unsplash.com/@takeshi2?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">wu yi</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/brown-temple-during-nighttime-GGCP6vshpPY?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/china-free-visa-boost-economy-post-covid-19" alt="จีนแจกฟรีวีซ่า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับเยียวยาเศรษฐกิจหลังโควิด-19">จีนแจกฟรีวีซ่า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับเยียวยาเศรษฐกิจหลังโควิด-19</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ฟรีวีซ่าทำคนไทยตื่นเที่ยวจีน! ‘อโกด้า’ เผยคนไทยค้นหาที่พักในจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า

<h2>รัฐบาลจีนเตรียมยกเลิกวีซ่าแก่ประเทศไทย โดยมีกำหนดเริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2024 นี้ สะท้อนความพยายามล่าสุดในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาเยือน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก หลังปิดประเทศยาวนานด้วยโรคระบาดโควิด-19</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จีนและไทยกำลังดำเนินการประกาศฟรีวีซ่าถาวรให้แก่พลเมืองซึ่งกันและกัน โดยจะมีผลในเดือนมีนาคมเป็นต้นไป” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประเทศไทยเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ไทยได้ให้ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งจะหมดเขตสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2024 นี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้าน Wang Wenbin โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเผยว่า การใช้ฟรีวีซ่าระหว่างจีนและไทยนั้น “มอบประโยชน์พื้นฐานแก่พลเมืองของทั้งสองประเทศ” และ “หน่วยงานรัฐบาลต่างกำลังสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นเฉพาะ เราหวังว่าจะเริ่มดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด”&nbsp; &nbsp;&nbsp;จีน นับได้ว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นแหล่งโรงงานการผลิตสำคัญ และมีภูมิศาสตร์อันหลากหลาย รุ่มรวยวัฒนธรรม ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ทิ้งร่องรอยไว้ให้บรรดานักท่องเที่ยวได้มาสำรวจ อย่างไรก็ตาม การมาเยือนประเทศจีนไม่ใช่เรื่องง่าย&nbsp; &nbsp;&nbsp;การปิดประเทศยาวนาน กฎระเบียบวีซ่าที่ซับซ้อน การควบคุมอินเทอร์เน็ตซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้งานเครื่องมืออย่าง Google Map ได้ กอปรกับแอปพลิเคชันการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แม้จะประสบความสำเร็จในประเทศ แต่กลับไม่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากนัก ทั้งหมดล้วนเป็นกำแพงขวางกั้นนักท่องเที่ยวในการมาเยือนแดนมังกรแห่งนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ย้อนกลับไปในช่วงที่โควิด-19 ลุกลามหนัก จีนต้องปิดพรมแดนยาวนานถึง 3 ปี แต่ ณ ขณะนี้เมืองหลวงของจีนอย่าง “ปักกิ่ง” กำลังต้องการให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวจีนได้ตามเดิม ซึ่งก่อนหน้าที่จีนจะทำข้อตกลงกับประเทศไทย จีนยังได้ตกลงให้ฟรีวีซ่าแก่ 6 ประเทศอื่นไปก่อนแล้ว&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลจีนได้ประกาศโครงการทดลองให้ฟรีวีซ่า 15 วัน แก่นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนจากประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย โดยนโยบายดังกล่าวนี้เริ่มต้นในเดือนธันวาคมและมีกำหนดใช้งาน 12 เดือน โดยจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายนปี 2024 นี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/8j4ZQrjK9doH6ezhhzFM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-index="1" data-file-name="8j4ZQrjK9doH6ezhhzFM.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;หลังการประกาศใช้นโยบายดังกล่าวในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีนักเดินทางจาก 6 ประเทศรวมทั้งสิ้นแล้ว 118,000 คนที่เดินทางมาเยือนจีน ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเผยข้อมูลนี้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการแบ่งแย่งเชื้อชาติของนักเดินทาง โดยกว่า 77% ของผู้มาเยือนคือการเดินทางมาท่องเที่ยว พักผ่อน และดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ อีกทั้งจำนวนผู้มาเยือนที่มีฟรีวีซ่าคิดเป็น 55% ของจำนวนผู้มาเยือนประเทศจีนทั้งหมดจาก 6 ประเทศ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนราว 30%​&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ผลจากนโยบายนี้ยังคงต้องรอดูกันต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ห่างไกลเช่นในยุโรปมักวางแผนการท่องเที่ยวจีนล่วงหน้าหลายเดือน ฤดูหนาวในจีนก็อุณหภูมิต่ำมาก จึงไม่ใช่ช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมเท่าใดนัก&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ จีนยังอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอเมริกันด้วยการปรับกระบวนการขอวีซ่าให้เป็นไปอย่างเรียบง่ายยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่ 1 มกราคมเป็นต้นไป นักเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐานตั๋วไปกลับ การจองโรงแรม แผนการท่องเที่ยว หรือจดหมายเชิญในการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวแต่อย่างใด อ้างอิงจากประกาศของสถานทูตจีนในสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp;&nbsp;จีนกำลังหาทางดึงดูดนักเดินทางนานาชาติมาเยือนประเทศเพื่อเสริมกำลังฟื้นฟูเศรษฐกิจอันซบเซาด้วยต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ มากมาย แม้โควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม เห็นได้จากช่วงเดือนสิงหาคมปี 2023 ที่ผ่านมา จีนยกเลิกเงื่อนไขและมาตรการโควิด-19 ทั้งหมดสำหรับผู้โดยสารขาเข้า พร้อมเสนอให้ผู้ที่เดินทางมาด้วยเหตุผลด้านธุรกิจเลือกรับวีซ่าเมื่อมาถึง และยกเว้นวีซ่าแก่ผู้มาเยือนจากบางประเทศที่มีการเก็บลายนิ้วมือ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ฤดูร้อนปีที่แล้ว WeChat และ Alipay สองแอปชำระเงินรายใหญ่ของจีนที่แทบจะมีบทบาทในชีวิตประจำวันของชาวแดนมังกร ในที่สุดก็ยอมให้นักเดินทางต่างชาติเชื่อมบัตรเครดิตจากนอกประเทศเข้ากับแอปได้ เพื่อให้การจองรถแท็กซี่ ขึ้นรถไฟ และจ่ายค่าอาหาร โรงแรม ตลอดจนการซื้อของต่างๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น แต่ทว่าจำนวนนักเดินทางนานาชาติที่มาเยือนจีนยังคงน้อยกว่าระดับก่อนมีโควิด-19&nbsp; &nbsp;&nbsp;ครึ่งแรกของปี 2023 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนเผยตัวเลขชาวต่างชาติที่เข้าและออกประเทศรวม 8.4 ล้านคน น้อยกว่า 30% ของตัวเลขที่เคยบันทึกไว้ในปี 2019 ส่วนในไตรมาสที่สามของปี ตัวเลขชาวต่างชาติที่เข้าและออกจากจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ก็ยังน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2019 อยู่ครึ่งหนึ่ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;บริษัทด้านการท่องเที่ยวในจีนต่างประสบปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมาก กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเผยว่า บริษัทท่องเที่ยวจีนมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 477,800 คนตลอดหกเดือนแรกของปี 2023 เทียบกับปี 2019 แล้วคิดเป็น 5.58% เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนเองก็ยังไม่ได้มีการเผยข้อมูลในช่วงครึ่งปีหลังออกมาเพิ่มเติม แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/travel/china-visa-free-foreign-tourist-intl-hnk/index.html" alt="China tries to lure foreign tourists with expanded visa-free scheme after weak post-pandemic bounce back">China tries to lure foreign tourists with expanded visa-free scheme after weak post-pandemic bounce back</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tha-easy-e-receipt-tax-deduction-2567" alt="เปิดเงื่อนไขมาตรการ Easy E-Receipt รับปีใหม่ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท">เปิดเงื่อนไขมาตรการ Easy E-Receipt รับปีใหม่ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จีนแจกฟรีวีซ่า หวังดึงนักท่องเที่ยวกลับเยียวยาเศรษฐกิจหลังโควิด-19

<h2>การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะถูกกระตุ้นโดย “นักท่องเที่ยวซ้ำ” โดยมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงปี 2566 บอกว่าพวกเขาตั้งใจจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้งภายใน 12 เดือนข้างหน้า อ้างอิงจากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลก ฉบับล่าสุดประจำปี 2566 ของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study 2023) ซึ่งเป็นผลสำรวจที่ทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและแผนการเดินทางของผู้บริโภคที่ใหญ่และจัดทำมายาวนานที่สุดโดยวีซ่า</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลสำรวจยังพบอีกว่า นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในช่วง 12 เดือนต่อจากนี้ คือนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย (42%) สิงคโปร์ (41%) ฟิลิปปินส์ (28%) สาธารณรัฐประชาชนจีน (25%) และเวียดนาม (22%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แรงจูงใจอันดับต้นๆ สำหรับการท่องเที่ยวในปีหน้า คือ การผ่อนคลาย ช้อปปิ้ง เปิดประสบการณ์ การผจญภัย และการพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมสามอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาคตั้งใจจะไปเยือนมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา ขณะที่หัวหิน เชียงใหม่ และกระบี่ เป็นเมืองยอดนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เราหวังว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมๆ ไปกับการส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความพยายามร่วมกันของเรามีจุดหมายเดียวกันเพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและขับเคลื่อนให้ภาพรวมของระบบนิเวศการชำระเงินดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ จากผลการสำรวจในการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล (51%) ตามด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง (27%) ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็ก (18%) คนโสดวัยหนุ่มสาว (16%) เจน Z (15%) ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กโต (14%) และกลุ่มวัยเกษียณ (11%) ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากมองลึกลงไปเกี่ยวกับระยะเวลาการท่องเที่ยวจะพบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มวัยเกษียณพำนักอยู่ในประเทศไทยนานที่สุดโดยเฉลี่ยมากถึง 12 คืน เมื่อเทียบกับจำนวนคืนโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในภาพรวมจะอยู่ที่ 8 คืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเมื่อแยกตามเชื้อชาติ พบว่านักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์จะใช้เวลาพำนักนานที่สุดที่ 7 คืน ตามมาด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวเวียดนาม ซึ่งใช้เวลาพำนักในประเทศไทยที่ 5 คืน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและชาวฟิลิปปินส์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 คืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น เกือบครึ่งของนักท่องเที่ยว (48%) ใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่างๆ ผ่านบัตรแทนเงินสด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังใช้จ่ายสูง และครอบครัวที่เดินทางกับเด็ก เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ใช้บัตรแทนเงินสดในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ช้อปปิ้ง (39%) รับประทานอาหาร (33%) และกิจกรรมต่างๆ (33%) โดยนักท่องเที่ยวเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดมากที่สุดในช่วงวางแผนก่อนการเดินทางเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในรายการหลักๆ อาทิ ค่าที่พัก (81%) และค่าเดินทาง (69%) เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของการเลือกที่พักนั้น มากกว่าแปดในสิบ (83%) เลือกพักในโรงแรม โดยสิ่งสำคัญห้าอันดับแรกที่มีผลต่อการเลือกที่พัก คือ ความปลอดภัย (76%) ความสะอาด (63%) ตำแหน่งที่ตั้ง (54%) ความคุ้มค่า (52%) และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก (41%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพิจารณาตามเชื้อชาติของนักท่องเที่ยว ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุด (95,000 บาท) ตามมาด้วยสิงคโปร์ (58,000 บาท) ฟิลิปปินส์ (48,000 บาท) เวียดนาม (38,000 บาท) และมาเลเซีย (34,000 บาท)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ยอดใช้จ่ายทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการเดินทาง โดยผู้ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่แปดวันขึ้นไปมีโอกาสจะใช้จ่ายมากกว่า 135,000 บาท ขณะที่นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ (4-7 วัน) ใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 65,000 บาท และนักท่องเที่ยวระยะสั้น (ไม่เกินสามคืน) ใช้จ่ายที่ราวๆ 40,000 บาทในระหว่างการท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เป็นเวลากว่าทศวรรษที่การศึกษาได้ช่วยให้วีซ่าและพันธมิตรของเรามีข้อมูลเชิงลึกที่ให้แง่มุมที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการสามารถจ่ายและรับชำระเงินได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วีซ่า ในฐานะหนึ่งในสมาชิกที่สำคัญของชุมชนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เรายินดีที่ได้แบ่งปันข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพื่อช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเสริมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำให้แก่ผู้บริโภคเมื่อพวกเขาออกเดินทางและใช้จ่ายผ่านวีซ่า” ปุณณมาศ กล่าวเสริม เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/tourism-recovered-paris-top-city-destination" alt="ท่องเที่ยวนานาชาติฟื้นตัว! Paris คว้าอันดับ 1 จุดหมายยอดนิยม">ท่องเที่ยวนานาชาติฟื้นตัว! Paris คว้าอันดับ 1 จุดหมายยอดนิยม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ผลวิจัยวีซ่าเผย "มาเลเซีย" คือต่างชาติที่มีแนวโน้มเที่ยวไทยซ้ำมากสุดปีหน้า

<h2>วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศแต่งตั้งให้นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ในฐานะ&nbsp;ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย&nbsp;คนล่าสุด&nbsp;ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานและดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารในสายงานด้านอุตสาหกรรมการชำระเงินมามากมาย รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ หนึ่งในบริษัทยูนิคอร์นด้านการเงินชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งนายกผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thailand E-Payment Trade Association: TEPA) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ให้บริการรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับอนุญาตเพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลในการออกบริการพร้อมเพย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย คนใหม่ กล่าวว่า “วีซ่า ถือเป็นองค์กรผู้นำระดับโลกที่มุ่งมั่นพัฒนาเรื่องการชำระเงินดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ในการเป็นผู้นำของ วีซ่า ประจำประเทศไทย ที่จะได้ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสด รวมถึงการจะได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรอีกมากมายเพื่อใช้ประโยชน์จากการชำระเงินดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าของเรา ฟินเทค หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงทีมงานวีซ่าเองเพื่อทำให้ภารกิจและเป้าหมายที่พวกเราทุกคนมีร่วมกันนั้นลุล่วงและเป็นจริงได้ในที่สุด”&nbsp; &nbsp; ด้าน ซีรีน เกย์ ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วีซ่า กล่าวว่า “วีซ่า รู้สึกยินดีมากที่ได้ต้อนรับคุณปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา (คุณเอก) เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย ที่วีซ่า เราให้คำมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์การชำระเงินให้แก่ทุกคนในทุกที่ และเราเชื่อว่าปุณณมาศจะมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้วีซ่าบรรลุวิสัยทัศน์นี้ในประเทศไทย ผ่านประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้ ร่วมกับความเป็นผู้นำ จะทำให้เขานำพาทีมงานวีซ่าในประเทศไทยสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เราตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและทำให้มั่นใจได้ว่าวีซ่าจะยังเป็นวิธีการชำระเงินและรับชำระเงินที่ดีที่สุด”&nbsp; &nbsp; สำหรับประวัติด้านการศึกษา ปุณณมาศ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/8Z158v3RCpmLtuaWZQY5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="8Z158v3RCpmLtuaWZQY5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/vikrom-kromadit-2023-heroes-of-philanthropy" alt="“วิกรม กรมดิษฐ์” ติดทำเนียบมหาเศรษฐีใจบุญแห่งปี 2023">“วิกรม กรมดิษฐ์” ติดทำเนียบมหาเศรษฐีใจบุญแห่งปี 2023</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แม่ทัพคนใหม่ "ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา" นั่งแท่นผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย

<h2>ธนาคารไทยพาณิชย์ จับมือ วีซ่า ผู้นำด้านการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ส่งแคมเปญ “PLANET SCB x Visa” มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ถือบัตร PLANET SCB รับฟรี บัตรเข้าใช้บริการห้องรับรองที่สนามบินทั่วโลกกับ DragonPass สูงสุด 3 สิทธิ์ตลอดรายการ&nbsp;</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร PLANET SCB ในช่องทางออนไลน์ หรือผ่านเครื่องรูดชำระเงิน (EDC) ด้วยสกุลเงินต่างประเทศ เทียบเท่าเงินบาทตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/รอบระยะเวลาส่งเสริมการขาย (สงวนสิทธิ์ 1 บัตร/ 1 ท่าน /รอบระยะเวลาส่งเสริมการขาย) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 - 31 มกราคม 2567 โดยมี สรรค์สุดา เสงี่ยมบุตร ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่าย Issuing Products ธนาคารไทยพาณิชย์ และ สาวกมลพร ก้องเกียรติงาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท วีซ่า ประเทศไทย ร่วมเปิดตัวแคมเปญ เมื่อเร็วๆ นี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจากผลสำรวจของวีซ่า ด้านเทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางชาวไทยปี 2566 (Thailand,s Travel Intentions Study 2023 - Outbound Edition) พบว่านักเดินทางส่วนใหญ่นิยมใช้บัตรในการชำระเงินสูงถึง 69% ตามมาด้วยเงินสด 61% โมบายคอนแทคเลสและกระเป๋าเงินดิจิทัล 57% ตามลำดับ ซึ่งข้อดี 3 อันดับแรกของการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลระหว่างการเดินทาง ได้แก่ ความปลอดภัย 60% สะดวก 56% และสามารถติดตามการใช้จ่ายได้ 49% &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมัครบัตร PLANET SCB ได้ที่แอปพลิเคชัน SCB EASY หรือธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร SCB Call Center 02-777-7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/promotions/prepaid-card/planet-dragonpass.html&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71056" alt="cmg เปิดอาณาจักรแฟชั่น พร้อมนำแบรนด์ชั้นนำสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้านภายในปี 66">cmg เปิดอาณาจักรแฟชั่น พร้อมนำแบรนด์ชั้นนำสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้านภายในปี 66</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

PLANET SCB และ วีซ่า ยกระดับการเดินทางสุดพิเศษก่อนบินกับ DragonPass

<h2>วีซ่า เผยให้เห็นว่าเกือบเก้าในสิบของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มซึ่งอ้างอิงจากผลการสำรวจประจำปี</h2>
วีซ่า เผยการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า1 (Visa Consumer Payment Attitudes Study) โดยผลสำรวจฉบับนี้ ศึกษาถึงพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภค และต่อยอดไปยังการสำรวจหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจฉบับนี้ยังพบว่า 4 ใน 5 ของผู้บริโภคชาวไทย (80 เปอร์เซ็นต์) มีความสนใจที่จะชำระเงินผ่านเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เพื่อยืนยันตัวตน

สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราเห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้น

ซึ่งผลสำรวจฉบับล่าสุดของเราได้ยืนยันในจุดนี้ เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นผู้บริโภคชาวไทยหันมาใช้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”

อ้างอิงจากผลการสำรวจฉบับนี้ 4 ใน 5 (81 เปอร์เซ็นต์) เข้าใจถึงคอนเซ็ปต์ของการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลที่เป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์หรือสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงบัญชีธนาคาร โอนเงิน จ่ายบิล และอื่นๆ อีกมากมายโดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารสาขาหรือใช้เงินสด

ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าความสะดวกคือแรงจูงใจหลักในการเลือกทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัล (61 เปอร์เซ็นต์) ตามมาด้วยข้อดีในเรื่องของการที่ไม่ต้องรอคิวที่ธนาคารสาขา (60 เปอร์เซ็นต์) และเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงิน (57 เปอร์เซ็นต์)

โดยห้าบริการที่ผู้บริโภคชาวไทยเลือกที่จะใช้บริการธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลคือ การฝากและถอนเงิน (72 เปอร์เซ็นต์) ชำระบิลต่างๆ (70 เปอร์เซ็นต์) โอนเงินไปยังครอบครัวและเพื่อน (69 เปอร์เซ็นต์) ชำระเงิน ณ ร้านค้า (67 เปอร์เซ็นต์) และการเข้าถึงบริการเพื่อการลงทุน (58 เปอร์เซ็นต์)

นอกจากนั้นผลสำรวจยังประเมิณระดับความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อการใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ยืนยันตัวตนในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือ การระบุตัวตนผ่านเสียง การสแกนใบหน้าหรือม่านตา โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า 4 ใน 5 (80 เปอร์เซ็นต์) ของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะชำระเงินผ่านวิธีการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคเจนวาย (อายุ 25 – 39 ปี) ที่ให้ความสนใจมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคเจนเอ็กซ์ (อายุ 40 – 54 ปี) ในการใช้ไบโอเมตริกซ์เพื่อระบุตัวตน (85 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 76 เปอร์เซ็นต์)

เหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจในการชำระเงินด้วยไบโอเมตริกซ์ คือ ความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการชำระเงิน (53 เปอร์เซ็นต์) ตามมาด้วยความสะดวกที่ไม่ต้องพกบัตรหรือเงินสด (50 เปอร์เซ็นต์) และประเด็นเรื่องของความปลอดภัยที่ผู้บริโภคระบุว่าการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์มีความปลอดภัยมากกว่า (48 เปอร์เซ็นต์)

นอกจากนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามยังให้เหตุผลว่าการจ่ายเงินด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือเป็นวิธีการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ที่พวกเขาอยากเลือกใช้มากที่สุด นอกจากนี้กลุ่มผู้บริโภคยังรู้สึกพึงพอใจกับการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ด้วยการสแกนม่านตาระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ (52 เปอร์เซ็นต์) เพื่อการศึกษา (42 เปอร์เซ็นต์) และด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย (40 เปอร์เซ็นต์)

“วีซ่ารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเราภูมิใจที่ได้จัดทำแบบสำรวจฉบับนี้ขึ้นเพื่อศึกษาถึงสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจ และต้องการใช้งานในชีวิตจริง รวมถึงการร่วมแบ่งปันข้อมูลที่ได้เพื่อให้ทุกหน่วยงานและภาคส่วนพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์

และเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังมีศักยภาพในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน” สุริพงษ์ กล่าวสรุป

<img class="alignnone size-full wp-image-34370" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/ธุรกิจการเงินดิจิทัล_03.jpg" alt="" width="600" height="2791" />

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/it/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82.html">เอบีม คอนซัลติ้ง เผยแนวโน้มการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล แนะองค์กรปรับตัว รองรับ PDPA</a>

&nbsp;

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

&nbsp;

วีซ่า เผยผลสำรวจเกือบ 9 ใน 10 ผู้บริโภคชาวไทยทำธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัล

“วีซ่า” เผยผู้บริโภคชาวไทยใช้จ่ายสูงสุดในวันคริสต์มาส

<h2>หากมีเงินช็อปฯ สัก 3-4 ล้านบาท คุณจะเลือกซื้อรถยนต์หรู หรือซื้อสัญชาติเป็นพลเมืองชาวแคริบเบียน?</h2>
Bastien Trelcat หุ้นส่วนผู้จัดการ Harvey Law Group (HLG) ซึ่งเป็นตัวแทนการตลาดโครงการ “Citizenship by Investment” ของประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน อยากให้คุณเลือก “ลงทุน” ในสัญชาติมากกว่าถอยรถยนต์หรูใหม่ๆ ออกมาอีก 1 คัน โดยให้เหตุผลว่าการได้สัญชาติแคริบเบียนจะทำให้คุณสามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ รวม 120-130 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า

“คนเอเชียให้ความสนใจกับโปรแกรมนี้มากขึ้น เพราะในขณะที่พวกเขามีเงินทองมากขึ้นและได้ออกไปท่องโลกมากขึ้น แต่ยังต้องพบข้อจำกัด...อย่างพาสปอร์ตไทยนั้นค่อนข้างจำกัดทีเดียว เพราะสามารถเดินทางไปได้เพียง 50-55 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องใช้วีซ่า และส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย”

จุดดึงดูดที่สำคัญในโครงการนี้ที่ Trelcat เน้นย้ำคือผู้ลงทุนไม่ต้องสูญเงินเปล่าไปกับการบริจาคให้กับรัฐบาลเท่านั้นอีกต่อไป แต่มีทางเลือกการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลและยังคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้อีก 5-6% ต่อปี โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000-150,000 เหรียญสหรัฐฯ

แต่ทีเด็ดคือโปรแกรมการผ่อนชำระที่ HLG ได้พัฒนาเพื่อให้ผู้ลงทุนที่ซื้อโครงการ Pool Villa หรู 70 หลังริมชายหาด เกาะ Saint Kitts ที่กำลังพัฒนาโดย Six Senses สามารถเป็นเจ้าของหุ้นโครงการนี้ได้ด้วยเงินดาวน์เพียง 50,000 เหรียญ แล้วชำระเงินส่วนที่เหลือ 170,000 เหรียญภายในระยะเวลา 2 ปี โดยนอกจากจะได้รับพาสปอร์ตและสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิสแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้สิทธิในการเข้าพักฟรี 7 คืน/ปี ภายในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่เขาถือครองหุ้นอยู่อีกด้วย

Trelcat ตั้งเป้าขายนักลงทุนชาวไทยไว้ขั้นต่ำที่ 50 หุ้น (จาก จำนวนหุ้นที่นำเสนอขายทั้งหมด 500 หุ้น) “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะของมหาเศรษฐีเท่านั้นอีกต่อไป” ที่ปรึกษากฏหมายมือฉมังจาก HLG กล่าวว่าเขาได้ขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนในสัญชาติจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ครอบครัวที่มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 100-150 ล้านบาท ไปสู่กลุ่มคนทั่วไปมากขึ้น

<img style="width: 638px; height: 1226px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/38db32f3048492cd8fdd76d1057a5038.jpg" alt="" />

การลงทุนในสัญชาติและชายหาดงามๆ ไม่ใช่เรื่องสงวนเฉพาะมหาเศรษฐีอีกต่อไป

<h2>วีซ่า จัดทำสำรวจแผนการท่องเที่ยวระดับโลกใน 27 ประเทศ พบนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนทริปที่เดินทางมากกว่าค่าเฉลี่ยโลก แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างประเทศโตอย่างน้อย 10% ต่อเนื่องหลายปี วีซ่าหวังปลดล็อก QR CODE เลือกตัดผ่านบัตรเครดิตได้ช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่าย</h2>
สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการ วีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า วีซ่าได้จัดทำ “ผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า” ซึ่งจัดขึ้นทุก 2 ปี โดยปีนี้มีการสำรวจใน 27 ประเทศ สุ่มตัวอย่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป 500-1,000 รายในแต่ละประเทศ เพื่อสำรวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายทั้งก่อนและระหว่างท่องเที่ยว

ผลสำรวจนี้พบว่า คนไทยมีแนวโน้มค่าเฉลี่ยจำนวนทริปท่องเที่ยว 3.9 ทริปต่อปีในช่วงปี 2561-62 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งท่องเที่ยว 2.8 ทริปต่อปี และมากกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่นักท่องเที่ยวเดินทาง 2.7 ทริปต่อปี

อย่างไรก็ตาม คนไทยมีการเดินทางระยะสั้นเฉลี่ยเพียง 5 คืนต่อทริป น้อยกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่เดินทาง 8 คืนต่อทริป ส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจากชาวไทยเน้นเดินทางภายในภูมิภาคเป็นหลัก

<img style="width: 638px; height: 638px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e413f8c7bf7b020b5ecee9bbf505805b.jpg" alt="" />

โดยจุดหมายปลายทางหลักของคนไทยในปัจจุบัน 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และจีน แต่เมื่อสำรวจความต้องการอีก 2 ปีข้างหน้า จุดหมายปลายทางอันดับ 5 ของคนไทยมีความใกล้เคียงกันระหว่างออสเตรเลีย มัลดีฟส์ จีน นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ และไต้หวัน ซึ่งสุริพงษ์กล่าวว่า วีซ่าได้เลือกทำแคมเปญการตลาดกระตุ้นนักท่องเที่ยวเดินทางไปไต้หวันเป็นหลักเพราะเล็งเห็นศักยภาพจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอนาคต

ในขณะที่ประเทศไทยเองนั้นเป็นจุดหมายปลายทางหลักอันดับที่ 5 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รองจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และฮ่องกง

&nbsp;

ชาวไทยรูดบัตรในต่างแดนสูงขึ้น

สำหรับค่าใช้จ่ายต่อทริป คนไทยมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,502 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทริป (ราว 4.8 หมื่นบาท) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ใช้จ่าย 1,793 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทริป (ราว 5.7 หมื่นบาท) แต่การใช้จ่ายของชาวไทยไปกับการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 23% จากการสำรวจเมื่อปี 2558 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยโลกมีการใช้จ่ายต่ำลง 7% 

<img style="width: 638px; height: 1000px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b88ee401c2255a06a9facc98826e5c52.jpg" alt="" />

ในการใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างท่องเที่ยว คนไทยมีการใช้จ่ายด้วยเงินสด 52% ที่เหลืออีก 37% เป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เดบิต และบัตรอื่นๆ ส่วนอีก 11% เป็นการใช้จ่ายด้วย e-Wallet ซึ่งสอดคล้องกับวิธีใช้จ่ายของคนทั่วโลก

ในขณะเดียวกัน สุริพงษ์กล่าวว่า คนไทยมีการใช้จ่ายผ่านบัตรในต่างแดนสูงขึ้น วัดจากการรูดบัตรเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่เติบโตอย่างน้อย 10% ต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถใช้ทดแทนเงินสดได้ทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวยังต้องการแลกเงินสดไว้ใช้จ่ายเผื่อฉุกเฉิน

&nbsp;

หมายมั่นธปท.ไฟเขียวสแกน QR CODE เลือกตัดบัตรเครดิตได้

สุริพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าโดยรวมเติบโตขึ้น 10% และคาดหวังว่าถ้าหากระบบการเลือกใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระเงินผ่าน QR CODE payment ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ใช้โดยทั่วไปภายใน 2-3 เดือนนี้ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดสอบใน Regulatory Sandbox) น่าจะช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้

<figure><img style="width: 638px; height: 527px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/98d1938072ac2ab2844c67111bcf525f.jpg" alt="" width="638" height="527" /><figcaption> สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย</figcaption></figure>

โดยมองว่าระบบ e-Payment ซึ่งสามารถสแกน QR CODE ในการชำระเงินได้แล้วนั้น ทำให้ผู้บริโภคเรียนรู้วิธีใช้งานการจ่ายผ่าน QR CODE ไปค่อนข้างแพร่หลาย ถ้าหากสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตแทนเงินสดได้ผู้บริโภคน่าจะปรับตัวมาใช้ได้ไม่ยาก และเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่า

“ปัจจุบันห้างร้านใหญ่ๆ มีจุดรับบัตรเครดิตทั้งหมดแล้ว เรามองอนาคตมากกว่าว่า ร้านเล็กๆ ร้านค้าออนไลน์ หรือบริการรายบุคคล เช่น ติวเตอร์ ที่สามารถรับชำระด้วย e-Payment คือตลาดที่ยังเก็บได้ มูลค่าอาจไม่ได้เยอะ แต่ Micro Merchant เหล่านี้จะช่วยเราได้มาก” สุริพงษ์กล่าว

‘วีซ่า’ สำรวจคนไทยท่องเที่ยว 4 ครั้งต่อปี ใช้จ่ายในต่างประเทศด้วยบัตรและ e-Payment สูงขึ้น

<h2>นายวิรัช ไพสิฐเศวต (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – ปฏิบัติการ 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล 'Champion Security Award South-East Asia' (สุดยอดองค์กรด้านความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จาก มิสเอเลน  ริชชี่ (ซ้าย) Vice Chairman, Risk and Public Policy วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ในงานประชุม 'วีซ่า เอเชียแปซิฟิก ซีเคียวริตี้ ซัมมิท 2018' (Visa Asia Pacific Security Summit 2018) ซึ่งจัดขึ้นโดยวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ณ ราฟเฟิลส์ ซิตี้ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆ นี้</h2>
การมอบรางวัล 'Champion Security Award South-East Asia' นี้ ทางวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จัดขึ้นเพื่อเชิดชูและยกย่ององค์กรสมาชิกวีซ่าที่มีการดำเนินงานยอดเยี่ยม โดยจะพิจารณาจากศักยภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีมีประสิทธิภาพ มีความแข็งแกร่งในการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้ความร่วมมือในการบริหารความเสี่ยงด้านต่างๆ และยังมีความเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งเคทีซีเป็นสถาบันการเงินรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล

<img style="width: 638px; height: 426px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/90552a51e00048bb467a0ce3e6a04215.png" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events