<h2>พฤกษา เรียลเอสเตท คาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 กลับมาฟื้นตัว เติบโต 10% มาตรการ LTV หนุน กระตุ้นกำลังซื้อคนชั้นกลาง ส่วนตลาดคอนโดฯยังฟื้นตัวช้ารอต่างชาติกลับมากลางปี ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 วูบพิษล็อกดาวน์ เร่งอัดโปรโมชั่นโค้งสุดท้าย</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-54122" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/พฤกษา_1101.jpg" alt="" width="600" height="337" />

<strong>ปิยะ ประยงค์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7  โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึงร้อยละ 30 ในขณะที่เซกเมนต์อื่นยังติดลบ หรือทรงตัว ส่วนสินค้าคงค้าง (Inventory) ในตลาดฯ มีจำนวน 204,199 ยูนิต ลดลงร้อยละ 8  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

<span style="color: #993300;">“สถานการณ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังค่อนข้างมีความกดดัน มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไป โดยคาดว่าตลาดอสังหาฯจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 จากมาตรการ LTV และส่งผลต่อเนื่องให้ปี 2565 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาขยายตัวได้ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าภาพรวมจะเติบโตเพียง 5%”</span> ปิยะกล่าว
<h3>LTV มีผลกระตุ้นกำลังซื้อ</h3>
ทั้งนี้ มาตรการผ่อนคลายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (LTV) ส่งผลด้านจิตวิทยา กระตุ้นความสนใจซื้อบ้านของประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางที่มีรายได้ตั้งแต่ 4 หมื่น - 1 แสนบาทต่อเดือน โดยเซกเมนต์ที่ได้รับอานิสสงส์หลัก ได้แก่ บ้านเดี่ยวที่มีระดับราคา 5 – 7 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ธนาคารมีการให้สินเชื่อกลุ่มลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยว

ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลจากมาตรการ LTV ไม่มากนัก เนื่องจากกำลังซื้อที่หายไปจากสถานการณ์โควิด 19 คือกลุ่มต่างชาติที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงกลางปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มจีน ฮ่องกง และไต้หวัน สำหรับปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจยังคงเป็นเรื่องการระบาดของโควิด 19 จะกลับมาอีกหรือไม่ รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้กำลังซื้อลดลง

ปิยะ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ และการปิดแคมป์ก่อสร้าง ทำให้ตลาดโดยรวมลดลงร้อยละ 7 ขณะที่รายได้ของพฤกษาลดลงร้อยละ 6 หรือมีรายได้ 5,970 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.64) ลดลงร้อยละ 2 หรือมีรายได้รวม 19,192 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 9 เดือนได้ 20,067 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 24 จากการเปิดโครงการใหม่ 22 โครงการ  รวมมูลค่า 13,040 ล้านบาท
<h3>เร่งดันยอดขายโค้งสุดท้าย</h3>
สำหรับไตรมาส 4  บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ  และในไตรมาสสุดท้าย ได้จัดแคมเปญนโยบายผ่อนปรนมาตรการ LTV ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ เช่น แคมเปญปลดล็อก LTV กู้สุงสุด 110% ฟรีดาวน์ พร้อมสิทธิและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมจากธนาคารพันธมิตร โดยมีโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดพร้อมอยู่กว่า 140 โครงการ 1,500 ยูนิต ที่เข้าร่วมโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท

ปิยะ กล่าวว่า ในไตรมาส 4 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาส นอกจากมาตรการ LTV ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อแล้ว พฤกษา 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนอีก 7 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 32,000 ล้านบาท

สำหรับปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 10 จากโครงการต่างๆ ที่จะเปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 35 โครงการ กระจายครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มบ้านและทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างแท้จริง และมุ่งเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่หลังยุคโควิด

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/zen-%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%99.html">Zen มั่นใจร้านอาหารเทิร์นอะราวด์ขานรับเปิดประเทศ</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พฤกษา มองตลาดอสังหาฯ ปี’65 โต 10%

<h2>ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับทุกองค์กร ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาฯ เมืองไทย ถึงเวลาต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Thinking Company ภายใต้การนำของ “ปิยะ ประยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คนปัจจุบัน</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-43383" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/ปิยะ-ประยงค์_005.jpg" alt="" width="640" height="427" />

Forbes Thailand มีนัดพูดคุยกับ <strong>ปิยะ ประยงค์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ถึงทิศทางของธุรกิจหลังจากนี้ รวมถึงการปรับตัวในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา จนนำมาสู่การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของพฤกษา จากการเป็น Operation Company มาสู่การเป็น Thinking Company เพื่อจะนำองค์กรแห่งนี้ก้าวไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต

<span style="color: #993300;">“ผมมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการ จึงเลือกทำงานกับบริษัทเล็ก เพราะอยากเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งตอนนั้นสำนักงานของพฤกษาเป็นเพียงตึกแถว มีพนักงานเพียง 10 กว่าคน”</span> ปิยะ เล่าย้อนอดีตในวันแรกที่เริ่มทำงานกับพฤกษา ด้วยวัยเพียง 19 ปี และวันนี้ในวัย 50 ปี เขาพร้อมนำองค์กรก้าวไปสู่ทิศทางใหม่อีกครั้ง

<strong>ปิยะ</strong> เริ่มทำงานกับพฤกษาในตำแหน่งวิศวกร พร้อมปลุกปั้นบ้านจัดสรรโครงการแรก คือ พฤกษา 1 ที่รังสิตคลอง 8 ซึ่งถือเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดขณะนั้น  โดยขายทาวน์เฮาส์ ในราคาเพียง 200,000 บาท เป็นการใช้โมเดลสร้างบ้านสำเร็จรูปครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้พฤกษาฯ มีต้นทุนค่าก่อสร้างต่ำที่สุดในประเทศ ด้วยโมเดลดังกล่าว โครงการบ้านจัดสรรของพฤกษาขยายตัวอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี จนก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย

ขณะที่ ปิยะ ไต่เต้าในเส้นทางการทำงานที่พฤกษาจากวิศวกรภาคสนาม จนขึ้นเป็นระดับบริหารในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายก่อสร้างโครงการ ภายในระยะเวลา 10 ปี ด้วยวัยเพียง 26 ปี จากนั้นบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ได้ก้าวเป็นบริษัทมหาชน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้บริษัทยังคงเดินหน้ามุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งขนาดธุรกิจและการสร้างรายได้

&nbsp;

<strong>ถึงจุดเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ</strong>

<span style="color: #993300;"><strong>“</strong>การสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยีสำเร็จรูปของพฤกษา ถือเป็นการปฏิวัติวงการอสังหาริมทรัพย์ครั้งหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาดิสรัปต์วงการ ด้วยการก่อสร้างที่ใช้ต้นทุนถูกที่สุดในประเทศ ดำเนินธุรกิจด้วยเงินสด ทำให้เราขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา บิสิเนส โมเดล แบบเดิมเริ่มมีปัญหา เราจึงต้องเปลี่ยน”</span>

ปิยะ เล่าถึงจุดเปลี่ยนของวงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค การขยายตัวของธุรกิจ รวมทั้งผู้เล่นรายใหม่ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมไม่สอดรับกับสถานการณ์ พฤกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจอีกครั้ง ด้วยการก้าวข้ามจากการเป็น Operation company มีโรงงานพรีคาสท์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาสู่การเป็น Thinking Company ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ลดขนาดโครงการลงทุนให้เหมาะสม และมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

ปิยะ กล่าวว่า การเปลี่ยนบิสิเนส โมเดลใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่ หันมาโฟกัสที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยไม่จำเป็นต้องขยายการลงทุนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ซึ่งทำให้บริษัทต้องแบกต้นทุนค่าก่อสร้างและดอกเบี้ย ที่ผ่านมาบริษัทมีต้นทุนทรัพย์สินประมาณ 5–6 หมื่นล้านบาทต่อปี มีเป้าหมายจะลดขนาดโครงการลงทุนให้เหลือประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี และมุ่งเพิ่มยอดขายต่อโครงการให้มากขึ้น พร้อมปรับลดทีมผู้รับเหมาให้สอดคล้องกับการก่อสร้าง และเน้นขยายพันธมิตรให้มากขึ้น

<span style="color: #993300;">“ที่ผ่านมา พฤกษามุ่งขยายโครงการจำนวนมาก ปีละ 70–80 โครงการ แต่ปี 2563 ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ และผลกระทบจากโควิด-19 มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 13 โครงการ และมุ่งบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มี เพื่อเคลียร์สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้จบ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในปี 2565 ระหว่างนี้ถือเป็นโอกาสของลูกค้าที่ต้องการมีบ้านจะได้ของดี ราคาถูก”</span> ปิยะกล่าว

พฤกษาคิกออฟแผนปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ผ่านฮีโร่โปรเจ็ค พร้อมจัดแคมเปญต่อเนื่องในปีนี้ด้วย <strong>“PRUKSA FREE FEST มหกรรมแจกฟรี”</strong> ถือเป็นแคมเปญที่ดีที่สุดสำหรับคนซื้อบ้านที่สามารถเลือกรับสิทธิพิเศษ อยู่ฟรี หรือ ดอกเบี้ยฟรี หรือ ส่วนกลางฟรี ตลอดระยะเวลา 36 เดือน เมื่อจองทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดของพฤกษาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคมนี้

<img class="alignnone size-full wp-image-43384" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/ปิยะ-ประยงค์_006.jpg" alt="" width="640" height="427" />

<strong>ก้าวสู่ Year of Value</strong>

สำหรับปี 2564 ปิยะ วางยุทธศาสตร์ให้เป็น Year of Value ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) โดยมุ่งสร้างคุณค่าให้กับ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน และองค์กร ในด้านลูกค้า อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ปีนี้จะเป็นปีที่ลูกค้าของพฤกษา จะได้มีบ้านในราคาคุ้มค่า และมีโปรโมชั่นดีที่สุด ขณะเดียวกันในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ต่อจากนี้ไปจะมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีพื้นที่ ฟังก์ชันการใช้งานที่สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ โดยจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 30 โครงการ

บริษัท กำหนดแนวทางสร้างคุณค่าให้ลูกค้า 8 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ทำเล ฟังก์ชัน การออกแบบ ความยืดหยุ่น สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย บริการ และการสร้างแบรนด์ โดยแต่ละโครงการจะต้องสอดรับกันระหว่างความต้องการและที่อยู่อาศัย ในขณะที่ราคาจะเป็นสิ่งกำหนดความคุ้มค่า

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการวางแผนรองรับอนาคต บริษัทได้ลงทุนร่วมกับเครื่องโรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์ดูแลสุขภาพ ประกอบด้วยคลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน ให้กับลูกบ้านของพฤกษา รวมทั้งพัฒนาโครงการที่จะตอบสนองความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงวัย

<span style="color: #993300;">“การร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต ถือเป็นตัวอย่างของคุณค่า ที่บริษัทต้องการสร้างให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็สร้างคุณค่าการเติบโตให้กับองค์กรอย่างยั่งยืนในอนาคต”</span> ปิยะกล่าว

ในด้านพนักงาน และองค์กร ปีนี้จะถือเป็นปีที่ดีสำหรับพฤกษา ด้านการเติบโตบริษัทวางเป้าหมายเติบโตจากปีก่อนร้อยละ 50 หรือมีรายได้ 3.2 พันล้านบาท และแน่นอนบริษัทจะตอบแทนคุณค่าให้กับพนักงานด้วยโบนัส ซึ่งถือเป็นขวัญ และกำลังใจ ให้พนักงานมุ่งสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและองค์กรต่อไป

นี่คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ในการปรับตัวของผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ภายใต้การนำของ ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ที่ยึดมั่นในหลักพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต และการบริหารงาน รวมทั้งใช้การวิ่งออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เพื่อมุ่งสร้างคุณค่าให้องค์กรต่อไป

<em>ภาพ: พฤกษาฯ for ForbesThailand
</em>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ปิยะ ประยงค์’ ปั้นพฤกษา สู่ Thinking Company

<strong>การก้าวขึ้นสู่ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรของผู้หญิงอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับยุคนี้ แต่การก้าวเข้ามารั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของไทย ฝีมือการทำงานเธอต้องไม่ธรรมดา…</strong>

คุณสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ เป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่ควบ 2 ตำแหน่งในองค์กรพฤกษา เธอดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) อีกตำแหน่งควบคู่กันไป เปิดใจให้สัมภาษณ์ภายใต้อิริยาบถอ่อนน้อม สงบ เยือกเย็น ณ เพิร์ล แบงก์ค็อก อาคารไข่มุกของกรุงเทพฯ      ซึ่งเป็นฐานทัพบัญชาการใหญ่ของพฤกษา

“มีหลายคนบอกว่าเป็นคนใจเด็ดเดี่ยวเหมือนผู้ชาย กล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นเคยตัดสินใจไปทำงานต่างแดนในประเทศที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ภาษาท้องถิ่น แต่ก็ทำงานที่ท้าทายมากได้สำเร็จ คนที่จะขึ้นเป็น CEO ต้องมองภาพให้เห็น 360 องศา ต้องเข้าใจรอบรู้ทุกด้าน มีหลายทักษะและความชำนาญในหลายเรื่อง สามารถดึงคน ดึงศักยภาพของคนภายใต้บังคับบัญชาออกมาได้    ซึ่งได้สั่งสมจากประสบการณ์ทำงานที่หลากหลาย ข้ามสายงาน ทั้งในและต่างประเทศ”

<figure><img class="wp-image-16236 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/1.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> คุณสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ผู้บริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

การก้าวเข้าสู่พฤกษา เรียลเอสเตทในครั้งนี้ เป็นการก้าวข้ามธุรกิจจากสินค้าอุปโภคบริโภคมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่สุดของประเทศ ซึ่ง “หญิงแกร่งแห่งพฤกษา” กล่าวว่า ที่สุดแห่งความท้าทายครั้งนี้ คือ การเอาชนะตนเองด้วยการลดความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน

“ทุกครั้งที่เปลี่ยนงาน ทำให้เรารู้สึกกระหาย ได้เรียนรู้ เปิดหูฟัง ถามว่ายากไหม อาจจะยากถ้าคนไม่ได้ใช้ใจฟัง สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องตีโจทย์ให้แตกว่าองค์กรต้องเดินไปในทิศทางใด ถ้าตีโจทย์แตกคำตอบก็  ไม่ยาก ความยากของดิฉัน คือ คุณจะรู้เรื่องอสังหาฯ ได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยทำมาก่อน ถ้าเรามองแต่ยอดของไอซ์เบิร์กก็จะไม่มีทางเห็นคำตอบ เราจึงต้อง Quick win ให้ได้ เพื่อสร้างทรัสต์จากความชำนาญของเรา นั่นคือการสร้างแบรนด์คุณภาพ จากเดิมที่พฤกษามี แบรนด์มากถึง 48 แบรนด์ ได้มีการปรับลดลงแบรนด์เหลือเพียง 14 แบรนด์ พร้อมกับการสร้างการรับรู้ให้ลูกบ้านรู้สึกภูมิใจในการอยู่อาศัยในโครงการของพฤกษา ให้สอดคล้องกับความเจตนารมย์ของคุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งพฤกษาที่ใฝ่ฝันอยากให้  คนไทยมีที่อยู่อาศัยคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ และปรับภาพลักษณ์จากการขายของคุณภาพในระดับ Mass ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี นวัตกรรมภายในองค์กรที่มีอยู่แต่ไม่ได้นำมาสื่อสารกับผู้บริโภค”

ในปี 61 ที่ผ่านมา พฤกษาฉลองอายุครบ 25 ปี พร้อมกับการรีแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ โลโก้ใหม่ที่ปรากฎตัวอักษร P สีเขียวสะท้อนถึงความร่มรื่นเมื่ออยู่อาศัยในโครงการพฤกษา บนพื้นสีเทาคือนวัตกรรมจากภายใน  สู่ภายนอก ด้วยนวัตกรรมเพื่อยกระดับการใช้ชีวิต พร้อมสร้างที่อยู่อาศัยที่ทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น

เป็นเวลานับปีที่ คุณสุพัตราและคุณทองมา ใช้เวลาทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ออกไปตามไซด์โครงการต่างๆ เพื่อพูดคุย รับทราบข้อมูล ให้กำลังใจพนักงาน รวมถึงคนงานก่อสร้าง เพราะเขาเหล่านั้นเป็นหัวใจสำคัญของคุณภาพงานที่อยู่อาศัย ซึ่งผลสะท้อนจากเฟสแแรกที่ได้รับออกมายอดเยี่ยมมาก Brand Power      เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 91% ในขณะที่การแจ้งซ่อมลดลง    เกือบ 20%

“เฟสที่สอง เราพลิกเอาคนเก่งด้านการตลาดดิจิตัลเข้ามา และใช้ Digital Marketing Approach ในการเปิดขายโครงการ ใช้ Data science สร้างฐานข้อมูลสถิติ เปิดการขายด้วย AI Machine Learning จากฐานข้อมูลลูกค้ากว่าสองล้านชื่อ ผนวกกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน ช่วยให้คาดการณ์จำนวนคนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ คาดการณ์ยอดจอง รู้ล่วงหน้าว่าจะปิดการขายได้ภายในกี่วันนับจากเปิดขาย”

คุณสุพัตรา เผยถึงย่างก้าวที่ 3 ของการรีแบรนด์อย่างต่อเนื่องในปีนี้ว่า จะนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า Pruksa Living Tech ให้ลูกค้าสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้โจทย์ความต้องการจากผู้อยู่อาศัยในแต่ละโครงการ แล้วใช้เทคโนโลยีซึ่งแตกต่างกันตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า มาช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยดีขึ้นใน      4 ด้าน ทั้งด้าน Healthy เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ Green เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสังคม    สิ่งแวดล้อม Safety เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย/อุ่นใจ และ Smart เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความสะดวกสบาย เชื่อมต่อเทคโนโลยี

“เทคโนโลยีอาจไม่ใช่เรื่องหวือหวา แต่ต้องจับต้องได้ ดึงเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันได้ เช่น Healthy สำหรับผู้อยู่อาศัยในคอนโดจะมีระบบ O2 System ติดตั้งอยู่ในส่วนกลางที่มีปริมาณออกซิเจนในระดับที่เหมาะสมกับร่างกายสำหรับลูกบ้านโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด บ้านเดี่ยวที่ออกแบบให้เหมาะกับผู้สูงวัย Green ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ด้วยการออกแบบโครงการทาวน์เฮาส์ให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ง่าย    ช่วยประหยัดค่าไฟ ระบบ Pruksa Fresh Air ช่วยเรื่องการหมุนเวียนอากาศ ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นกว่าข้างนอก การใช้น้ำรีไซเคิลกลับมารดน้ำต้นไม้ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ”

<img class="alignnone size-full wp-image-22043" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/6.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ในขณะที่ Safety จะมีระบบรักษาความปลอดภัยทางประตูถึง 3 ระดับ ประตูแมกเนติกที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรับรู้ได้เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในบ้าน ส่วน Smart จะมีระบบ Home Automation บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเปิด - ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้จากนอกบ้าน, ระบบจอดรถอัตโนมัติ Auto Car Parking หรือแม้แต่กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำก็สามารถเปลี่ยนเป็น Smart Mirror ดู Youtube, ฟังเพลง, เล่นอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยไม่พลาดการติดต่อกับโลกออนไลน์

<img class="alignnone size-full wp-image-22045" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/5.jpg" alt="" width="720" height="480" />

“เราไม่ได้หยุดนิ่งในการสร้างนวัตกรรมใหม่ และทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา”

คุณสุพัตราทิ้งท้ายถึง กลยุทธหลักของบริษัทในปีนี้จะเน้นที่ Premiumization ที่ขยับกลุ่มลูกค้าให้สูงขึ้นในทุกประเภทที่อยู่อาศัยด้วยการใช้นวัตกรรมสร้างความต่างให้ที่อยู่อาศัยและแบรนด์พฤกษา

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events