พฤกษา มองตลาดอสังหาฯ ปี’65 โต 10% - Forbes Thailand

พฤกษา มองตลาดอสังหาฯ ปี’65 โต 10%

พฤกษา เรียลเอสเตท คาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 กลับมาฟื้นตัว เติบโต 10% มาตรการ LTV หนุน กระตุ้นกำลังซื้อคนชั้นกลาง ส่วนตลาดคอนโดฯยังฟื้นตัวช้ารอต่างชาติกลับมากลางปี ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 วูบพิษล็อกดาวน์ เร่งอัดโปรโมชั่นโค้งสุดท้าย

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7  โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึงร้อยละ 30 ในขณะที่เซกเมนต์อื่นยังติดลบ หรือทรงตัว ส่วนสินค้าคงค้าง (Inventory) ในตลาดฯ มีจำนวน 204,199 ยูนิต ลดลงร้อยละ 8  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา “สถานการณ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังค่อนข้างมีความกดดัน มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไป โดยคาดว่าตลาดอสังหาฯจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 จากมาตรการ LTV และส่งผลต่อเนื่องให้ปี 2565 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาขยายตัวได้ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าภาพรวมจะเติบโตเพียง 5%” ปิยะกล่าว

LTV มีผลกระตุ้นกำลังซื้อ

ทั้งนี้ มาตรการผ่อนคลายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (LTV) ส่งผลด้านจิตวิทยา กระตุ้นความสนใจซื้อบ้านของประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางที่มีรายได้ตั้งแต่ 4 หมื่น - 1 แสนบาทต่อเดือน โดยเซกเมนต์ที่ได้รับอานิสสงส์หลัก ได้แก่ บ้านเดี่ยวที่มีระดับราคา 5 – 7 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ธนาคารมีการให้สินเชื่อกลุ่มลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยว ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลจากมาตรการ LTV ไม่มากนัก เนื่องจากกำลังซื้อที่หายไปจากสถานการณ์โควิด 19 คือกลุ่มต่างชาติที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงกลางปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มจีน ฮ่องกง และไต้หวัน สำหรับปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจยังคงเป็นเรื่องการระบาดของโควิด 19 จะกลับมาอีกหรือไม่ รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้กำลังซื้อลดลง ปิยะ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ และการปิดแคมป์ก่อสร้าง ทำให้ตลาดโดยรวมลดลงร้อยละ 7 ขณะที่รายได้ของพฤกษาลดลงร้อยละ 6 หรือมีรายได้ 5,970 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.64) ลดลงร้อยละ 2 หรือมีรายได้รวม 19,192 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 9 เดือนได้ 20,067 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 24 จากการเปิดโครงการใหม่ 22 โครงการ  รวมมูลค่า 13,040 ล้านบาท

เร่งดันยอดขายโค้งสุดท้าย

สำหรับไตรมาส 4  บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ  และในไตรมาสสุดท้าย ได้จัดแคมเปญนโยบายผ่อนปรนมาตรการ LTV ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ เช่น แคมเปญปลดล็อก LTV กู้สุงสุด 110% ฟรีดาวน์ พร้อมสิทธิและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมจากธนาคารพันธมิตร โดยมีโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดพร้อมอยู่กว่า 140 โครงการ 1,500 ยูนิต ที่เข้าร่วมโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ปิยะ กล่าวว่า ในไตรมาส 4 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาส นอกจากมาตรการ LTV ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อแล้ว พฤกษา 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนอีก 7 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 32,000 ล้านบาท สำหรับปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 10 จากโครงการต่างๆ ที่จะเปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกประมาณ 35 โครงการ กระจายครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มบ้านและทาวน์เฮาส์ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างแท้จริง และมุ่งเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่หลังยุคโควิด อ่านเพิ่มเติม: Zen มั่นใจร้านอาหารเทิร์นอะราวด์ขานรับเปิดประเทศ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine