<h2>การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมกระแสการท่องเที่ยวสายมูในประเทศไทย เน้นโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาและวัฒนธรรม 60 แห่ง สนับสนุนการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “Connecting to Spiritual Thailand” เพื่อมุ่งสร้างความรู้สึกและประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องราวทางจิตวิญญาณและศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย หวังสร้างมูลค่าเศรษฐกิจสายมูเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การท่องเที่ยวเชิงศรัทธากำลังเป็นที่สนใจในตลาดโลก ตามรายงานข้อมูลจาก Future Market Insight ในปี 2566 ได้รายงานว่า การท่องเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวเชิงศรัทธาจะสร้างมูลค่าเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า ททท. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของกระแสการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณและการเติบโตของ "เศรษฐกิจสายมู" ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก จึงมุ่งสนับสนุนเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-book ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Connecting to Spiritual Thailand” เพื่อสร้าง Soft power ของประเทศไทยในระดับสากล ตลอดจนเปิดตลาดกลุ่มใหม่เพื่อดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศ​<div class="se-component se-image-container __se__float-" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px; width: 747px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/45RPfPbkpk6Z48u78MmS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="747px,398px" data-align="" data-file-name="45RPfPbkpk6Z48u78MmS.jpg" data-file-size="0" origin-size="1000,533" data-origin="747px,398px" style="width: 747px; height: 398px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ "Connecting to Spiritual Thailand" จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและอธิบายถึงความเชื่อ ของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณต่างๆ แก่ชาวต่างชาติ ให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมาของความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธา รวมถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้น ขยายความหมายและเหตุผลว่าทำไมนักท่องเที่ยวชาวไทย ถึงให้ความศรัทธาและเดินทางไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ หรือสถานที่นั้นๆ ในแง่วัฒนธรรมที่หลอมรวมกลายเป็นวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค ของประเทศไทยที่น่าสนใจในความแตกต่างและความหลากหลาย สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันระหว่าง ความเชื่อกับศาสนานำมาเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางแห่งความศรัทธาให้ นักท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรวบรวมข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวสายมูเตลูตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวม 60 แห่ง โดยเน้นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในเมืองหลัก และจังหวัดเมืองรอง เพื่อส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวในเขตเมืองรองเพิ่มขึ้น โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจและมีคุณค่า พร้อมทั้งภาพถ่ายที่งดงามเพื่อให้ผู้อ่านได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/9KSPpocsF5raKqL7bHYs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="9KSPpocsF5raKqL7bHYs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1500,1500"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเนื้อหาประกอบด้วยการแนะนำสถานที่ด้วยภาพถ่ายประกอบแผนที่การเดินทาง และสร้างเนื้อหาบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจในแต่ละสถานที่ และทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนในการไปเยี่ยมชมได้ง่าย ได้รับข้อมูลที่สร้างความเข้าใจที่มากขึ้นในแง่ประวัติศาสตร์และความเป็นมาว่าทำไมสถานที่นี้จึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับรายละเอียดวิธีการเคารพบูชา การอธิษฐานขอพร หรือการภาวนาที่ถูกต้อง ณ สถานที่แต่ละแห่งนั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวสายมูที่แนะนำภายใน E-book เล่มนี้ ได้แก่ ศาลหลักเมือง ศาลพระพรหมเอราวัณ วัดศรีมหามาเรียมมัน (วัดแขก) ศาลแม่นาคพระโขนง ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี วัดสมานรัตนาราม วัดโพรงอากาศ (พระอาจารย์สมชาย) อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราสาทสัจธรรม พัทยา จังหวัดชลบุรี วัดเจดีย์หอย จังหวัดปทุมธานี วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม วัดทับศิลา จังหวัดกาญจนบุรี วัดป่าพุทธาราม จังหวัดราชบุรี ศาลพุ่มพวง จังหวัดสุพรรณบุรี สวนสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ และวัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/kHngsRRbMVp6XZyrVCNC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="kHngsRRbMVp6XZyrVCNC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1784,1200"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัดบ้านปาง (วัดครูบาศรีวิชัย) จังหวัดลำพูน ศาลหลักเมือง จังหวัดเชียงราย อุทยานไทรงาม พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ศาลปู่พญานาค อนันตนาคราช จังหวัดมุกดาหาร พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม สะดือแม่น้ำโขง วัดภูทอก และถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ คำโชนด จังหวัดอุดรธานี วัดถ้ำเอราวัณ จังหวัดหนองบัวลำภู ถ้ำพระยานคร เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หอพระอิศวร วัดเจดีย์ไอ้ไข่ หลวงปู่ทวด เกาะนุ้ยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช และวัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สามารถดาวน์โหลด และอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ "Connecting to Spiritual Thailand" ได้ฟรีโดยสามารถสแกน QR CODE หรือเข้าชมที่ https://www.agoda.com/travel-guides/thailand/spiritual-thailand-e-book-guide-to-thailand-temples หรือ https://www.palotaidesign.com/publishing ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/fozDYWGcA4GesNU7cZWQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="fozDYWGcA4GesNU7cZWQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="1784,1200"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71336" alt="มอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต ปักหมุดขึ้นแท่นสุดยอดอาณาจักรซูเปอร์ไฮเอนด์มิกซ์ยูสริมทะเลของไทยและเอเชีย">มอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต ปักหมุดขึ้นแท่นสุดยอดอาณาจักรซูเปอร์ไฮเอนด์มิกซ์ยูสริมทะเลของไทยและเอเชีย</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

ททท. ปลุกกระแสท่องเที่ยวสายมู สนับสนุน E-Book “Connecting to Spiritual Thailand” โปรโมท 60 สถานที่แห่งศรัทธาและความเชื่อทั่วประเทศไทย

<h2>ด้วยความมุ่งมั่นในการสนับสนุนร้านอาหารท้องถิ่น และเชิดชู เมนูอาหาร ที่น่าสนใจ ของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ควบคู่กับการส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง อันนำไปสู่การช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน Booking.com ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ #ExploreThaiTaste ตอกย้ำเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic Tourism) ที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการออกเดินทางท่องเที่ยว สำหรับผู้เดินทางชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อสัมผัสเอกลักษณ์ ของแต่ละจุดหมายปลายทาง ผ่านอาหารจานเด็ดที่นำเสนอรสชาติอันโดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายใต้แคมเปญนี้ Booking.com และททท. ร่วมกันเปิดตัว "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่ อาหารถิ่นทั่วไทยสำหรับเหล่านักชิม ที่รวบรวมร้านอาหารแนะนำในเมืองรองทั่วประเทศไทย มาให้ผู้เดินทางได้ตามรอย แบบครบทุกรสชาติ พร้อมเฉลิมฉลองมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอาหารไทยที่ขึ้นแท่นในฐานะ “ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)” เครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองรองให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรายงานผลสำรวจล่าสุดของ Booking.com เผยว่า 75% ของผู้เดินทางทั่วโลกและ 86% ของผู้เดินทางชาวไทย ต่างมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง* โดยอาหาร นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว** สำหรับทั้ง ผู้เดินทางชาวไทย (89%) และผู้เดินทางจากทั่วโลก (77%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้านวัฒนธรรมอาหารที่ขึ้นชื่อ และถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ในฝันของเหล่านักชิมและนักเดินทางที่แสวงหาของอร่อยจากทั่วโลก โดยชื่อเสียงอันโด่งดังของอาหารไทย มาจากเมนูอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอร่อยแสนกลมกล่อมของผัดไทย หรือกลิ่นเครื่องเทศ หอมกรุ่นของแกงเขียวหวานที่ชวนให้อยากลิ้มรส แคมเปญ #ExploreThaiTaste ตั้งใจชูเสน่ห์และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางและค้นพบขุมทรัพย์ความอร่อยเหล่านี้ ในจังหวัดเมืองรองน่าเที่ยวทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. มุ่งส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ด้วย Soft Power (5F) ในมิติของอาหาร (F-Food) ผ่าน “แคมเปญ #ExploreThaiTaste เปรียบเสมือนหมายเชิญอย่างเป็นทางการ ที่เชิญชวนเหล่านักชิม และผู้เดินทางจากทั่วโลกให้ออกเดินทางเพื่อค้นพบเอกลักษณ์ของความเป็นไทยผ่านรสชาติอาหาร&nbsp;โดยอาหารแต่ละคำ คือ การเดินทางบนเส้นทางไปสู่มรดกทางวัฒนธรรมอันงดงาม และอาหารแต่ละจานนั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เราเชื่อว่าด้วยการนำเสนอความโดดเด่นของเมนูอาหารที่หลากหลาย และกระจายตัวอยู่ในแต่ละภูมิภาคนั้น สามารถช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองรองกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ผ่านการแนะนำร้านอาหารท้องถิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกมุมของประเทศและรอให้ผู้คนมาค้นพบรสชาติที่นำเสนอถึงความแตกต่างแต่ลงตัวของวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยการแนะนำร้านอาหารในท้องถิ่นไม่เพียงแต่ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทาง ที่เต็มไปด้วยรสชาติของมรดกทางวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอาหารนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Thai Foodie Map คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย ถูกจัดทำภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Booking.com และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อแนะนำร้านอาหารจำนวน 40 ร้านใน 8 จังหวัดทั่วไทย ที่นำเสนอเมนู อาหารท้องถิ่นอันเป็นตัวแทนของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน เพื่อเชิญชวนให้ผู้เดินทางทุกท่าน ไปสัมผัสรสชาติความอร่อยแบบไทยแท้ที่นำเสนอความแตกต่างด้านวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค พร้อมส่งเสริมให้ชาวไทย และต่างชาติออกเดินทางไปสู่เมืองรองมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฉัตรสุดา เลิศพิริยกมล Area Manager Partner Services Thailand and Indochina จาก Booking.com กล่าวว่า ด้วยพันธกิจของ Booking.com ที่ต้องการทำให้ผู้เดินทางทุกคนออกไปสัมผัสโลกกว้าง และสำรวจวัฒนธรรม ท้องถิ่นได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปสัมผัสรสชาติความอร่อยของอาหารไทย และสัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น อันมีเอกลักษณ์ได้อย่างครบรส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับททท. ที่เปรียบเสมือนไกด์ท้องถิ่นผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแคมเปญ #ExploreThaiTaste เพื่อร่วมกันเชิญชวนให้ทุกคน ได้ตามรอยขุมทรัพย์อาหารทั่วไทย ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้เราตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทาง เชิงอาหารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/S2Z4eD2h9dbHywx8652i.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="S2Z4eD2h9dbHywx8652i.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1280,960"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อต่อยอดแคมเปญ #ExploreThaiTaste ให้เข้าถึงผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น Booking.com และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จับมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและท่องเที่ยว เพื่อไปเยือนเมืองรอง ตามรอยร้านอาหารทั่วไทยที่ถูกแนะนำบน "Thai Foodie Map" และแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ของการท่องเที่ยวเชิงอาหารในแต่ละภาค พร้อมแนะนำบรรดาที่พักที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์ที่พักสำหรับเดินทางอย่างยั่งยืนบน Booking.com เพื่อนำเสนอที่พักที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ในแต่ละจุดหมายปลายทาง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการทำให้ไอเดียการเดินทางเพื่อตามรอยเสน่ห์อาหารถิ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญ #ExploreThaiTaste ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้เดินทางชาวไทยได้มีส่วนร่วม ในการประกาศความเป็นไทยที่น่าภาคภูมิใจ ผ่านการแบ่งปันร้านอาหารท้องถิ่นที่พวกเขาชื่นชอบและอยากให้ทุกคน ได้ค้นพบความอร่อยเช่นเดียวกัน ผ่านแฮชแท็ก #ExploreThaiTaste #Bookingcom #TAT #AmazingThailand บนสื่อสังคมออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ #ExploreThaiTaste และ "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย สามารถติดตามได้ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของ Booking.com &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71207" alt="OR เอาใจลูกค้าสายสุขภาพ เปิดตัว &quot;โอ้กระจู๋&quot; รูปแบบ Drive-Thru ใน พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62">OR เอาใจลูกค้าสายสุขภาพ เปิดตัว "โอ้กระจู๋" รูปแบบ Drive-Thru ใน พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Booking.com จับมือ ททท. เปิดตัว “Thai Foodie Map” คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย

<h2>foodpanda และ Tellscore จับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันผลักดัน Soft Power ไทยสู่ระดับโลก กับแคมเปญ "Amazing Thailand" ตอกย้ำความเป็นหนึ่งใน Top Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมชวนสัมผัสเสน่ห์ท้องถิ่นไทยด้วยเส้นทางใหม่ ๆ ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง 3 คน 3 สัญชาติ รวมถึงลิ้มลองอาหารไทยแบบสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านบริการ Food Delivery ให้นักท่องเที่ยวได้ประทับใจไปกับการสั่งอาหารท้องถิ่น และของกินของใช้ได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วบนแอปฯ foodpanda </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากทั่วโลกผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 กิจกรรมการท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคักกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในช่วงเดือน มกราคม - มิถุนายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาที่ประเทศไทย จำนวน 12,914,691 คน และสร้างรายได้ให้กับประเทศแล้วกว่า 514,237 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนโยบายสนับสนุน Soft Power ก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในไทยให้ดังก้องไปทั่วโลกเพื่อจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวและรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อ้างอิงข้อมูลจาก Global Soft Power Index 2022 ระบุว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 120 ประเทศที่มี Soft Power สูงสุดของโลก โดย Soft Power ไทย ที่สร้างมูลค่าได้มากที่สุด คือ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 4.09 แสนล้านบาท, อาหารไทย 2.67 แสนล้านบาท, โฆษณา 2.08 แสนล้านบาท, แฟชั่น 1.89 แสนล้านบาท และการออกแบบ 1.25 แสนล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/ecqcxJYCNCDbnFJR8Cpx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ecqcxJYCNCDbnFJR8Cpx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="484,320" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ททท. องค์กรภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจท่องเที่ยว จึงเสริมแกร่งการท่องเที่ยวไทยด้วยการผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ ตามแผนที่วางไว้ในไตรมาสที่ 3 โดยครั้งนี้ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนอย่าง foodpanda ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการสั่งซื้อ จัดส่งอาหารและของกินของใช้ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Tellscore แพลตฟอร์มผูุ้นำด้าน Influencer Marketing ร่วมผลักดันแคมเปญ Amazing Thailand ภายใต้แนวคิด "Soft Power Tourism" ที่มุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยว ผ่าน Soft Power ทั้ง 5F ของไทย ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์ (Film) แฟชั่น (Fashion) ศิลปะการต่อสู้ (Fighting) และงานเทศกาล (Festival) ควบคู่กับการยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงนำเสนอมุมมองแปลกใหม่ที่น่าสนใจเพื่อย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของโลก และเพื่อขยายฐานพันธมิตรทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสำหรับกลุ่มตลาดต่างประเทศอีกด้วย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญ Amazing Thailand ที่ foodpanda ได้เข้าร่วมครั้งนี้ มีกิจกรรมย่อย คือ “ทริปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 8 - 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย foodpanda และ Tellscore ได้จัดหาอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง 3 คน 3 สัญชาติ คือ loktitravel ชาวรัสเซียที่หลงใหลการใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ติดใจทั้งการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม egendd อินฟลูเอนเซอร์ชาวอินโดนีเซีย และ peeweebkk หรือ "พี่วี" อินฟลูเอนเซอร์ชาวเยอรมันที่ชื่นชอบประเทศไทยมากจนย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่เมืองไทย โดยทั้ง 3 ได้มาร่วมทริปและทำ Content ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อส่งต่อความประทับใจของทริปนี้ให้ผู้ติดตาม (Follower) ของพวกเขาได้รับชมและอยากมาสัมผัสประสบการณ์เช่นเดียวกันกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/JD4AYJHfMuWeUEHJrwHQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JD4AYJHfMuWeUEHJrwHQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," origin-size="1080,1620" style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยโปรแกรมกิจกรรมที่ทาง ททท. เป็นผู้ดูแลประกอบด้วย การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นไทย อาทิ เช่น เพลิดเพลินกับการเยี่ยมชมประติมากรรม สะท้อนความเป็นไทย ณ วัดร่องขุ่น การทำอาหารท้องถิ่น วิธีการเกี่ยวข้าว เก็บผักสวนครัวที่อาสาฟาร์มสเตย์ และเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเส้นทางธรรมชาติที่ดอยผาหมี นอกจากนี้ยังได้พาอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติทั้ง 3 คนไปศึกษาวิถีชีวิตของช้างที่อาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นต้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;foodpanda ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและของกินของใช้ ที่ให้บริการใน 11 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้รับบทบาทสำคัญในการนำเสนอหนึ่งใน 5F คือ อาหาร (Food) ผ่านบริการ Food Delivery ให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชาวต่างชาติที่มาร่วมแคมเปญ นอกจากอินฟลูเอนเซอร์จะได้ลิ้มลองรสชาติท้องถิ่นเจ้าดังผ่านบริการที่สะดวกสบายของ foodpanda ที่ใช้งานง่ายด้วยเมนูภาษาอังกฤษ รูปภาพอาหารขนาดใหญ่คมชัดสีสันสดใส และความรวดเร็วในการให้บริการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อคิดถึงรสชาติจากประเทศบ้านเกิด ก็สามารถสั่งอาหารนานาชาติผ่าน foodpanda ได้เช่นกัน เพราะมีประเภทอาหารให้เลือกมากมาย อาทิ อาหารอเมริกัน อาหารอิตาเลียน อาหารอินเดีย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี อาหารเวียดนาม เป็นต้น จากร้านอาหารพาร์ทเนอร์ที่มีชื่อเสียงด้านรสชาติที่ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทำให้เราเชื่อว่าแอปพลิเคชั่น foodpanda ที่เราพัฒนาบริการทั้ง App Interface ภาษา และประเภทของอาหาร ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า ช่วยสร้างโอกาสมากมายให้กับร้านอาหารร้านค้าเล็ก ๆ ในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งยังมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วไทย และยังสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเหล่าไรเดอร์ที่ถือเป็นฮีโร่คนสำคัญในการส่งความอร่อยและความสุขให้ลูกค้าของเราอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นแคมเปญ Amazing Thailand ที่ทาง ททท. ร่วมกับ foodpanda และ Tellscore หวังอย่างยิ่งว่าจะช่วยผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้ไปอยู่ในใจนักท่องเที่ยวและกระจายรายได้ให้กับชุมชนได้มากยิ่งขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70905" alt="PROUD เปิด &quot;รมย์ คอนแวนต์&quot; คอนโด Luxury Wellness แห่งแรกใจกลางเมืองเปิดห้องซีรีส์ใหม่ 4 รูปแบบ หลังกวาดยอดขาย 1,400 ลบ.">PROUD เปิด "รมย์ คอนแวนต์" คอนโด Luxury Wellness แห่งแรกใจกลางเมืองเปิดห้องซีรีส์ใหม่ 4 รูปแบบ หลังกวาดยอดขาย 1,400 ลบ.</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

ททท. ร่วมกับ foodpanda และ Tellscore ผลักดัน Soft Power ไทยสู่ระดับโลก กับแคมเปญ "Amazing Thailand"

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องสำอางสายมูแบรนด์นานาทอง (Nanathong) ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้จัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากทองคำบริสุทธิ์ นะหน้าทอง และสมุนไพรในงาน “อะเมซิ่ง มูติเวิร์ส เปิดจักรวาลสายบุญ” ที่ลานเซ็นทรัล เวิลด์ สอดคล้องนโยบายเที่ยวสายบุญ มูเตลู ที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธาของไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ริเริ่มนโยบายเที่ยวสายบุญ มูเตลู เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้รู้จักวัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธา โดยผลักดันการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่มีคุณค่า และความหมายให้แก่นักท่องเที่ยว ด้วยการรวบรวมสินค้าท่องเที่ยวกลุ่มศรัทธาความเชื่อ และภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของประเทศไทย ประกอบด้วย ศาสนสถาน สิ่งเคารพและศรัทธา วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่แฝงในสินค้า และออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวด้านความเชื่อไปด้วยกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องสำอาง Nanathong แบรนด์เครื่องสำอางค์สายมู เป็นเครื่องสำอางนำร่องรายแรกและรายเดียวที่ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพราะเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากทองคำบริสุทธิ์ตามหลักความเชื่อ นะหน้าทอง และสมุนไพรไทยที่ได้รวบรวมส่วนผสมจากแหล่งธรรมชาติของประเทศ เช่น เกสรบัวหลวง ว่านนางพญาหน้าขาว ทองพันชั่ง ว่านหางจระเข้ ผ่านพิธีการปลุกเสกจากสถานที่ชื่อดัง ออกมาเป็นสินค้า แป้งฝุ่นผสมทองคำคุมความมันนะหน้าทอง, ครีมกันแดดเกราะเพชร ๗ ชั้น ที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติการใช้งานที่เด่น ๗ ประการ, ลิปสติกศาลิกา หรือโรลออนหยุดกลิ่น นะจังงัง เป็นต้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในงานมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ ทดลองสินค้า และติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายหลายราย รวมทั้งมีการไลฟ์โชว์สินค้าจากบรรดาติ๊กต๊อกเกอร์ (Tiktoker) และยูทูปเบอร์ (Youtuber) ชาวต่างชาติอีกด้วย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แบรนด์ Nanathong ตั้งเป้าเปิดรับและคัดเลือกไกด์ทัวร์และเอเจนซี่ท่องเที่ยว สถานที่จัดจำหน่าย เช่น คิงพาวเวอร์ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย จีน และประเทศที่สนใจ เข้าร่วมรับสิทธิจำหน่ายสินค้าภายใต้คอนเซ็ปต์มูติเวิร์ส ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 061-979-1569, 080-425-5566 หรือ www.nanathong.com สำหรับผู้สนใจเครื่องสำอางนานาทอง สามารถซื้อสินค้าได้ที่ ห้างสรรพสินค้า Lotus แผนกเครื่องสำอางทุกสาขา อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;

Nanathong  แบรนด์เครื่องสำอางสายมู ได้รับเลือกโชว์ความมูเตลู ในงาน "อะเมซิ่ง มูติเวิร์ส เปิดจักรวาลสายบุญ”

<h2>ททท. ผุดโปรเจ็กต์กระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ดึงนักร้องตลอดกาลขวัญใจมหาชน อย่าง “เบิร์ด ธงไชย” เป็นพรีเซนเตอร์ หวังเจาะตลาดรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทย 8.8 แสนล้านบาท&nbsp; </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เผย ภาพรวมการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีขึ้นหลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านคนต่อเดือน ทาง ททท. จึงได้ตั้งเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยวไทยจะสร้างรายได้รวมอยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัวเป็นสัดส่วน 80% ของปี 2562&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และจากการคาดการณ์รายได้ดังกล่าว แบ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวของไทยราว 135 ล้านคน สร้างรายได้ 8.8 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 25-30 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ททท.ยังได้ร่วมมือกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จัดทำโฆษณาชุด “โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” โดยเลือกนักร้องซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนานของไทย เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ มารับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อหวังเจาะกลุ่มตลาดผู้บริโภคอย่าง ผู้หญิง Gen Y, ครอบครัว และกลุ่มสูงวัยที่มีใจรักการท่องเที่ยว&nbsp;โดยคิดเป็นสัดส่วน 70-80% ของประชากรไทย <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/yibtJcYzqTAjGSTH16Z9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="yibtJcYzqTAjGSTH16Z9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทาง ททท. มั่นใจว่าแนวทางดังกล่าวนี้จะช่วยกระตุ้นรายได้และดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากผลตอบรับหลังปล่อยสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลอย่างแอปพลิเคชัน TikTok ซึ่งปล่อยไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้นแต่มียอดวิวจากการเข้าชมแล้วกว่า 5 แสนครั้ง อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/other/news/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA-%E0%B9%84%E0%B8%AD-%E0%B8%88%E0%B8%B5-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A-25-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99" alt="โรงงานบรรจุภัณฑ์ &quot;เอส ไอ จี&quot; ครบรอบ 25 ปี ในไทย ดันนวัตกรรมและโซลูชันยั่งยืน">โรงงานบรรจุภัณฑ์ "เอส ไอ จี" ครบรอบ 25 ปี ในไทย ดันนวัตกรรมและโซลูชันยั่งยืน</a>​<hr class="__se__solid"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ททท. ดึง “เบิร์ด ธงไชย” เป็นพรีเซนเตอร์เที่ยวไทยหวังรายได้ 8.8 แสนล้านบาท

ข่าวสินบนข้ามชาติที่พัวพันกับรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทยหลายแห่ง จากการเปิดเผยของสำนักงานปราบปรามการฉ้อฉลร้ายแรงของประเทศอังกฤษ (SFO) และกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการจ่ายสินบนในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจไทยเกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้จ่ายได้สารภาพออกมาหมดไส้หมดพุงแล้วว่าได้จ่ายเงินสินบนจริง เหลือเพียงสิ่งที่ยังต้องพิสูจน์ต่อไปก็คือ “ใครคือผู้รับเงินตัวจริง” และจะมีการนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษอย่างจริงจังและเด็ดขาดแค่ไหน

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของปี 2016 ล่าสุดที่ประกาศออกมาเดือนมกราคม คะแนนของประเทศไทยลดลงจาก 38 ในปีก่อนหน้า เหลือเพียง 35 คะแนน ขณะที่อันดับของประเทศไทยก็ร่วงจาก 76 มาอยู่ที่ 101 เท่ากับประเทศไนจีเรีย เปรู ฟิลิปปินส์ แย่กว่าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย อย่าง อินโดนีเซีย จีน อินเดีย หรือแม้แต่ประเทศที่มีประเด็นอื้อฉาวเรื่องการฟอกเงินอย่างปานามา หรือประเทศที่เคยมีชื่อเสียเรื่องยาเสพติดอย่างโคลัมเบีย

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4aa0677e6c38b271fafbe750c3fdddbf.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (ขอบคุณภาพจาก: Posttoday)</figcaption></figure>

ทั้งดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันที่แย่ลง และข่าวเรื่องสินบนข้ามชาติของรัฐวิสาหกิจระดับแนวหน้าหลายแห่ง ล้วนตอกย้ำว่าปัญหาธรรมาภิบาลในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจของประเทศเราเป็นปัญหาใหญ่ จากกระบวนการทำงานที่ไม่โปร่งใส ขาดระบบการตรวจสอบ (check and balance) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้มีอำนาจสามารถตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญต่างๆ โดยไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้เกิดการฉ้อฉลและใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้องอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผลก็คือ การทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นมากอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้สังคมจำเป็นต้องเอาจริงกับปัญหาคอร์รัปชันที่หมักหมมมานานในระบบราชการ และควรใช้กรณีนี้เป็นโอกาสที่จะจัดการเรื่องคอร์รัปชันอย่างจริงจังเพื่อเป็นตัวอย่าง เพราะหากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องการจ่ายสินบนจากองค์กรในต่างประเทศ ก็คงจะเป็นเรื่องยากมากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการจ่ายสินบนในลักษณะนี้จนสามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ นอกจากนี้ รัฐบาลก็ควรใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจไทยไปพร้อมกัน โดยประเด็นสำคัญที่ควรดำเนินการ คือ

หนึ่ง ปรับปรุงระบบการคัดเลือกกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยยึดหลักความโปร่งใส และระบบคุณธรรม เพื่อให้ได้กรรมการและผู้บริหารที่มีความรู้และความสามารถ และมีกระบวนการที่ปิดช่องไม่ให้ฝ่ายการเมืองแทรกแซงด้วยการแต่งตั้งคนใกล้ชิดมารับตำแหน่งเพื่อแสวงประโยชน์จากรัฐวิสาหกิจเหมือนที่เคยมีปัญหามาแล้วในอดีต

สอง ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะโครงการใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีทุจริตคอร์รัปชัน โดยพิจารณาใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการข้อตกลงคุณธรรม (integrity pact) หรือโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (construction sector transparency initiative หรือ CoST) มาช่วยป้องกัน เพื่อให้มีบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความโปร่งใส ทำให้การแอบทำข้อตกลงแบบ “ลับๆ” อย่างที่ผ่านมาเกิดขึ้นได้ยากขึ้น

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8416a02d4dad8fd904f79c9d1abc240b.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (ขวา) จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถูกชี้มูลความผิดโดย ป.ป.ช. ข้อหาร่ำรวยผิดปกติและรับสินบนจากผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (ที่มา: Posttoday)</figcaption></figure>

สาม ภาครัฐควรออกระเบียบให้บริษัทที่เป็นผู้ขายสินค้าให้กับหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ต้องออกจดหมายยืนยันโดยประธานบริษัทประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ถึงประธานของหน่วยงานที่เป็นผู้ซื้อว่า “จะไม่ให้สินบนในการขายสินค้าดังกล่าว”

พร้อมบังคับให้บริษัทผู้ขายต้องแสดงบัญชีการใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าดังกล่าว เช่น การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงต่างๆ หลังการซื้อขายได้จบสิ้นลงแก่ประธานของหน่วยงานที่เป็นผู้ซื้อ และบัญชีดังกล่าวนี้ต้องส่งผ่านสำเนาไปให้กับคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งบริษัทที่ให้ข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้องจะมีความผิดทางกฎหมาย

นอกจากนี้ ควรบังคับให้มีกระบวนการสอบทานการจัดซื้อจัดจ้างที่ทำไปแล้ว โดยหน่วยงานอิสระจากภายนอก (independent audit) เพื่อตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างและป้องกันการปกปิดข้อมูลโดยผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัท

ทั้งหมดนี้ ถ้าลงมือกระทำจริงจังจะสามารถลดโอกาสการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างลงได้มาก แต่ปัญหาของบ้านเราก็คือ “รู้ดีว่าอะไรควรทำ แต่มักไม่ทำ” ปัญหาคอร์รัปชันจึงไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงปัจจุบัน

&nbsp;

<img style="width: 250px; height: 296px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d1d856c09d1fe057aa66f7fff147e3de.png" alt="" />

บัณฑิต นิจถาวร
เลขาธิการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events