ททท. คาดวันหยุดยาว 2 รอบในเดือนก.ค. 67 หนุนรายได้ไทยเที่ยวไทยสะพัด 1.8 หมื่นล้าน - Forbes Thailand

ททท. คาดวันหยุดยาว 2 รอบในเดือนก.ค. 67 หนุนรายได้ไทยเที่ยวไทยสะพัด 1.8 หมื่นล้าน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์รายได้จากการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว 2 รอบในเดือน ก.ค. 67 จะสะพัดกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 5 ล้านคน-ครั้ง พร้อมเปิดรายชื่อ 10 จังหวัดที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่มากที่สุดในเดือนนี้


    ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในเดือน ก.ค. ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องถึง 2 ช่วง ได้แก่ วันหยุดยาวเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา (วันที่ 20-22 ก.ค. 2567) และวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 (วันที่ 27-29 ก.ค. 2567) คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า 5 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนราว 18,360 ล้านบาท

    ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลางมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุด (1,174,060 คน-ครั้ง) รองลงมาคือกรุงเทพฯ (947,810 คน-ครั้ง) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (931,950 คน-ครั้ง) ส่วนภูมิภาคที่สร้างรายได้มากที่สุดคือ กรุงเทพฯ (4,781 ล้านบาท) รองลงมาคือภาคตะวันออก (4,061 ล้านบาท) และภาคใต้ (3,017 ล้านบาท) ตามลำดับ ซึ่งโดยภาพรวมคาดว่าบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวทั้ง 2 ช่วงวันหยุดยังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ประชาชนส่วนใหญ่นิยมพาครอบครัวเดินทางไปไหว้พระ ทำบุญตักบาตรและถวายเทียนพรรษาตามศาสนสถานต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลทั้งแก่ตนเองและคนในครอบครัวตามความเชื่อและศรัทธาชองพุธศาสนิกชน

    ประกอบกับเป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ จิตอาสาร่วมกันปลูกป่า 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่าทั่วประเทศ, เปิดปราสาทพระเทพบิดร ภายในวัดพระศรีศาสดารามให้ประชาชนเข้าไปถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมเรือพระราชพิธีสาหรับใช้พระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม การเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาคาดว่ามีความคึกคักมากกว่าวันเฉลิมพระชนมพรรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเป็นภูมิภาคที่มีวัดเก่าแก่สำคัญ มีเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ศรัทธาของประชาชน กอปรกับการจัดกิจกรรมและงานประเพณีทางศาสนาที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะพื้นที่ อาทิ ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี, ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา จ.สระบุรี, ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้าที่ลาดชะโด จ.พระนครศรีอยุธยา, งานประเพณีแห่เทียนพรรษาโคราช จ.นครราชสีมา เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการเดินทางเข้าพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษารวมกันประมาณ 1.22 ล้านคน-ครั้ง



    ขณะที่ วันหยุดยาววันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คาดว่ากรุงเทพฯ มีความคึกคักมากกว่าพื้นที่อื่น ทำให้มีผู้เยี่ยมเยือนเดินทางเข้าพื้นที่มากเป็นอันดับหนึ่งโดยมีจำนวน 947,810 คน-ครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประชาชนส่วนใหญ่เดินทางเข้าพื้นที่ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงเวลาดังกล่าว

    สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่า ชลบุรีมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 86% จากความได้เปรียบที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้เดินทางสะดวก มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมหลากหลาย ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากการจัดงาน AMAZING THAILAND PATTAYA MARATHON 2024 PRESENTED BY MAMA และงานวิจิตร 5 ภาค @ชลบุรี ในธีม “เกาะใต้น้ำมหัศจรรย์” 


    รองลงมาคือ อุบลราชธานี พื้นที่ไฮไลท์ในช่วงเทศกาลงานเข้าพรรษา มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 84% ซึ่งในปีนี้การจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ภายใต้ชื่องาน "เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมืองเทียน เมืองธรรม งามล้าเมือง 4 แสง" ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้เป็นเทศกาลระดับโลก หรือ World Festival ตามนโยบายรัฐบาล 

    ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่มากสุดในช่วงวันหยุดยาวของเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนใหญ่คือจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย ทั้งพื้นที่ระยะใกล้และระยะไกล อาทิ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี นครราชสีมา ภูเก็ต ระยอง พระนครศรีอยุธยา ประจวบคีรีขันธ์ อุดรธานี และเพชรบุรี ตามลำดับ




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นักท่องเที่ยวเลี่ยงไปปารีสช่วง ‘โอลิมปิก 2024’ กระทบยอดขายตั๋วเครื่องบินร่วงกว่า 100 ล้านยูโร

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine