<h2>​ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โครงการมิกซ์ยูสระดับ Super CBD ย่านใจกลางเมืองแยกสีลม เตรียมเปิดตัว "โรงแรมดุสิตธานี" ก่อนเป็นเฟสแรกในช่วงกลางปี 2567 </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด&nbsp;เผยถึงความคืบหน้าของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค&nbsp;โครงการมิกซ์ยูสชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่า 46,000 ล้านบาท ขนาด 23 ไร่ บนที่ดินผืนประวัติศาสตร์และทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว บนตึกสูง 39 ชั้น 257 ห้อง พร้อมตกแต่งที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของดุสิตธานีเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. โครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park (เดอะ เรสซิเดนเซส แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) อาคารสูง 69 ชั้น 406 ห้อง ในสองลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ ประกอบไปด้วย Dusit Residences และ Dusit Parkside โดยรูปแบบห้องจะมีให้เลือกมากกว่า 20 type ห้องที่มีขนาดเล็กสุดจะเริ่มตั้งแต่ 55 ตรม.ขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ห้องที่มีวิวเห็นถนนเส้นสาทรจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17 ล้านบาท ขณะที่ห้องวิวสวนลุมฯ จะเริ่มต้นที่ 31 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีห้องพักสุดหรูอย่าง penhouse ที่มีหลายขนาด รวม 7 ยูนิต โดยห้องขนาดใหญ่สุดจะมีพื้นที่ 900 ตรม. และขณะนี้ขายไปได้แล้วถึง 4 ยูนิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค ภายใต้คอนเซ็ปต์ &nbsp;แบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนThe New Luxury&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. สำนักงานเซ็นทรัลพาร์ค ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานของคนเมืองที่รายล้อมด้วยตึกออฟฟิศและนวัตกรรมที่ทันสมัย&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/hkjw7Sb6efZvq3VSWpSi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hkjw7Sb6efZvq3VSWpSi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ตั้งอยู่ในย่าน Super CBD บนถนนเส้นพระราม 4 ตัดกับแยกสีลม ถือเป็นทำเลทองนับจากอดีตที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513 จวบจนปัจจุบันหลังมีการปิดปรับปรุงและก่อสร้างขึ้นใหม่จนกลายเป็นโครงการมิกซ์ยูสดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การสร้างแลนด์มาร์คที่ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัวในครั้งนี้ จะทำให้ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ณ ตำแหน่งที่ตั้งประวัติศาสตร์อันเป็นจุดตัดระหว่างความคึกคักของเมือง และพื้นที่สีเขียวของสวนลุมพินีด้วยการพัฒนาโครงการแบบผสมผสานที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยว พักผ่อน ชอปปิง การทำงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองในทุกๆ ด้าน" ละเอียดบอกเล่าถึงตัวโครงการเพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความโดดเด่นที่จะเห็นได้ชัดหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จนี้ ตัวอาคารทั้ง 3 ตึกจะตั้งตระหง่านในย่านใจกลางเมืองด้วยโทนสีเงิน ทอง และโรสโกลด์&nbsp;นอกจากนี้ ยังมี Roof Park สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ถือเป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อทั้ง 4 โครงการ และยังมีการใช้คอนกรีตรีไซเคิล และระบบกรองอากาศครอบคลุมทั้งโครงการอีกด้วย <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/4pcBSdEXn8Xq9KzDfz5v.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="4pcBSdEXn8Xq9KzDfz5v.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="516px,344px" style="width: 100%;" data-index="1" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75,"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/XUzy88UAHC89d3cz7hik.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XUzy88UAHC89d3cz7hik.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวโครงการ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" ทั้ง 4 ส่วนนี้ จะแบ่งออกเป็น การเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในช่วงกลางปี 2567 ก่อนเป็นเฟสแรก ถัดมาเป็นการเปิดตัวสำนักงาน Central Park Offices และ การเปิดตัวศูนย์การค้า Central Park ภายในปี 2568 หลังจากนั้นจึงเริ่มทยอยส่งมอบห้องชุด The Residences at Dusit Central Park ในช่วงปลายปี 2568&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หากดูตัวเลขยอดขายล่าสุดของ The Residences at Dusit Central Park ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามียอดขายราว 80% จากการขายยูนิตจำนวนกว่า 300 ห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวไทย 75% และต่างชาติ 25% จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่าโครงการแห่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทั้งจากของไทยและต่างชาติในย่าน Super CBD ได้เป็นอย่างดี&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/k3WCaGZEctAfDaX72Juo.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="k3WCaGZEctAfDaX72Juo.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/BqHdTsB5bjwvgZNwjnub.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BqHdTsB5bjwvgZNwjnub.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div>&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/metthier-x-sc-asset" alt="“Metthier” จับมือ “SC Asset” ใช้ AI ดูแลความปลอดภัยลูกบ้าน ตรวจจับการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์">“Metthier” จับมือ “SC Asset” ใช้ AI ดูแลความปลอดภัยลูกบ้าน ตรวจจับการบุกรุกได้แบบเรียลไทม์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" เตรียมเปิด "โรงแรมดุสิตธานี" ก่อนเฟสแรกกลางปี 2567

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เมกะโปรเจกต์รูปแบบมิกซ์ยูสที่จะมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ใจกลางกรุงเทพมหานคร ได้อัพเดทความก้าวหน้าของโครงการทั้ง 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ, โครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส, อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อสืบสานการเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/5m87rKaER5pi5J6kh9yn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="5m87rKaER5pi5J6kh9yn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กล่าวถึงแนวคิดการริเริ่มโครงการนี้ว่า “จุดเริ่มต้นของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาจากการที่เราให้คุณค่ากับชุมชน เราต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ เพื่อบาลานซ์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่มีทุกอย่างใกล้มือ ตัวใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมด้วยการบริการแบบครบวงจร นี่คือหลักยึดมั่นของโครงการนี้ว่าเราอยากให้ทุกคนได้ อาศัย ทำงาน และใช้ชีวิต ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งโครงการที่พักอาศัยของเรา เป็นแบรนด์เด็ดเรสซิเดนส์ (branded residence) หมายความว่าเราเป็นเจ้าของเอง เราพัฒนาเอง ดูแลลูกบ้านด้วยตัวเอง ทำให้คนที่มาซื้อเชื่อใจได้ว่าเราจะดูแลอย่างดี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดุสิต เรสซิเดนเซส ประกอบด้วยสองลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ (living concept) ได้แก่ ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 60% และคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมียอดขายราว 70-75% จากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยล่าสุดสัดส่วนลูกค้าปัจจุบันเป็นชาวไทย 85% ต่างชาติ 15% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะขยับเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เดิมที่ 35% เมื่อทุกประเทศเปิดให้ท่องเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้กลุ่มดุสิตธานี ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์และเอเจนท์ในหลายประเทศ รวมถึงได้มีการทำโรดโชว์สำหรับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธในหลายประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก โดยดุสิตฯ ยังวางแผนที่จะไปเจาะตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรป ภายในปีนี้อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/iVVHDcMgGahwUuhGeyq6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="iVVHDcMgGahwUuhGeyq6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1800,818" style="" data-index="1"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ละเอียด กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่ดึงดูดทั้งคนในและคนนอกประเทศว่า “เมื่อเราดูจากสถิติแล้วแนวโน้มพฤติกรรมของต่างชาติเปลี่ยนไป จากแค่การลงทุนทำธุรกิจ มาเป็นการอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งตรงนี้ประเทศไทยเรามีความพร้อมทั้งด้านการศึกษาที่หลากหลาย เรามีโรงเรียนนานาชาติที่หลักสูตรแน่น และยังมีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้า บุคลากรทางการแพทย์ที่มีฝีมือ และสาธารณสุขของเราอยู่ในลำดับแนวหน้าของเอเชีย อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพถูกกว่าหลายเท่าหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถโน้มน้าวให้ต่างชาติสนใจและเข้ามาอยู่อาศัยใน ดุสิต เรสซิเดนเซส ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยค่อนข้างให้ความสำคัญถึงการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจ จนเกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาวะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Well-being &amp; Sustainable Residences) ผ่านโซน รูฟพาร์ค (Roof Park) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่ ที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของการอยู่ในเมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติได้พร้อมๆ กัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/D1DZNKccwuR8jJsNfAJ9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="D1DZNKccwuR8jJsNfAJ9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1800,1142" style="" data-index="2"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ออกแบบที่อยู่อาศัยด้วยการคำนึงถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตั้งแต่ช่วงการออกแบบก่อนการก่อสร้าง ที่ประกอบด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การใช้คอนกรีตรีไซเคิล การใช้ปูนฉาบที่เป็นปูนขาว ที่จะช่วยเรื่องการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในห้อง รวมถึงการทำระบบรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้วมารดน้ำต้นไม้และส่งต่อถึงสวนลุม เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ระดับ 6 ดาว จะพร้อมเปิดให้บริการเป็นเฟสแรกในเดือนมิถุนายน ปี 2567 บนตึกความสูง 39 ชั้น ด้วยจำนวน 257 ห้องพัก ที่ออกแบบให้ทันสมัยและใหญ่ขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็น "ดุสิตธานี แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ดีการทำโรงแรมอย่างเดียวนั้นอาจไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและผันเปลี่ยนของคนเมืองในปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาร่วมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ให้ครบครันยิ่งขึ้น โดยส่วนของออฟฟิศและศูนย์การค้าที่อาศัยความเชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนา จะเปิดให้บริการเป็นเฟสที่สองในช่วงปลายปี 2567 และโครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ จะทยอยเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/cc1j3vGwW6FCuf49ssjY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="cc1j3vGwW6FCuf49ssjY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1800,1058" style="" data-index="3"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ละเอียด กล่าวปิดท้ายว่า&nbsp;เราเชื่อมั่นในทีมงานและคัดสรรทีมงานมือดีที่สุดเพื่อโครงการนี้ ที่สำคัญที่ตั้งตรงนี้เป็นแหล่งของดุสิตธานีเดิม ตั้งแต่ปี 2513 สู่เรสซิเดนส์และโครงการแบบมิกซ์ยูส ที่เราเสริมเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเราอยากให้ตรงนี้เป็นสถานที่พิเศษยิ่งกว่าเดิม เพื่อเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของคนกรุงเทพฯ เป็น Here for Bangkok ที่ใครๆ ต่างจดจำ&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70438" alt="เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ส่ง &quot;Omne by FWD&quot; แอปฯ รวมทุกบริการประกัน-บันเทิง-ไลฟ์สไตล์ แบบ All-in-one">เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ส่ง "Omne by FWD" แอปฯ รวมทุกบริการประกัน-บันเทิง-ไลฟ์สไตล์ แบบ All-in-one</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โชว์ยอดขาย "เรสซิเดนเซส" เกินครึ่ง พร้อมเปิดเฟสแรกกลางปี 2567

<h2>ความเคลื่อนไหวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกกล่าวถึงมากในระยะหลังๆ คือการพัฒนาโครงการบนพื้นที่เช่า หรือลีสโฮลด์ (Leasehold) ซึ่งสอดคล้องกับราคาที่ดินในเมืองที่ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก หากพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ฟรีโฮลด์ (ขายกรรมสิทธิ์) กลางใจเมืองในปัจจุบัน ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตขนาดเล็กสุด เกือบ 10 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่เทรนด์ที่พักอาศัยแบบสิทธิการเช่าจะมาแรง</h2>
แนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ กำลังเติบโตไปในทิศทางเดียวกับหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก อาคารสูงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะราคาที่ดินปรับตัว สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เริ่มมองแนวโน้มที่พักอาศัยแบบสิทธิการเช่าว่าจะกลายเป็น เทรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์

อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐอย่างเช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดมาสเตอร์แพลนในที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลง เช่น บางซื่อ สเตชั่น มักกะสันคอมเพล็กซ์ ที่มีคอนโดมิเนียมสิทธิการเช่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งของโครงการ รวมถึงแนวคิดที่จะ นำที่ดินรอบตัวสถานีรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ ที่ถือเป็น ที่ดินภาครัฐมาพัฒนาเป็นที่พักอาศัยสิทธิการเช่า รอบสถานีในราคาที่ชนชั้นกลางเอื้อมถึง และหวังจะลดความร้อนแรงของราคาที่ดินใจกลางเมืองลง

แม้ว่าโครงการเหล่านี้จะยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่แนวโน้มของโครงการคอนโดมิเนียมสิทธิการเช่าก็เริ่มเกิดขึ้นบนที่ดินหลายแปลงใหญ่ของภาครัฐ ประเดิมด้วย โครงการ Sindhorn Village ที่พัฒนาโดยบริษัท สยามสินธร จำกัด บนที่ดินเช่าสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ คอนโดมิเนียมสิทธิการเช่าระดับ ลักชัวรี่

นอกจากนี้ กลุ่มโรงแรมดุสิตที่จับมือกับซีพีเอ็น เปิดตัว “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ก็เปิดตัวที่พักอาศัย สิทธิการเช่าระดับลักชัวรี่ โดยจะใช้ 2 แบรนด์ ได้แก่ Dusit Residences จำนวน 159 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 120-600 ตารางเมตร และ Dusit Parkside จำนวน 230 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 60-80 ตารางเมตรเช่นเดียวกับโครงการยักษ์ใหญ่ที่หลายคนจับตาอย่าง One Bangkok บนที่ดินสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ ล่าสุดเพิ่งเผยมาสเตอร์แพลน ว่าจะมีคอนโดมิเนียมสิทธิการเช่าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 110 ยูนิต คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2563 พื้นที่เริ่มต้นที่ 130 ตารางเมตร ราคาราวๆ 700,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นราคาสิทธิการเช่าที่สูงสุดในตลาด

<img class="alignnone wp-image-25180 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/อสังหาฯ-ลีสโฮลด์.jpg" alt="ราคาอสังหาริมทรัพย์แบบ ลีสโฮลด์" width="800" height="401" />
<h2>มิกซ์ยูส เทรนด์ใหม่คอนโดลีสโฮลด์</h2>
ผู้ประกอบการหลายรายที่หันมาลงทุนพัฒนาโครงการแบบลีสโฮลด์ ล้วนมีมุมมองคล้ายกันคือ เลือกพื้นที่ทำเลทองแต่มองโอกาสในการทำตลาดในราคาที่ต่ำลง เช่นเดียวกับ ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า คอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์จะเกิดได้ต้องอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง หรือไม่สามารถหาซื้อที่ดินแบบซื้อขายได้ ซึ่งเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยทำเลหลักของคอนโดมิเนียมเหล่านี้ คือ ราชดำริ หลังสวน และพระราม 4 อีกทั้งในระยะหลังคอนโดมิเนียม

<figure><img class="wp-image-25177 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/ธนพล-ศิริธนชย.jpg" alt="ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)" width="800" height="619" /><figcaption> ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

ลีสโฮลด์จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งแต่ละองค์ประกอบก็จะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างลงตัวจากการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์ตั้งแต่ปี 2560-2562 มีคอนโดสิทธิการเช่าระยะยาวเกิดขึ้นใหม่ราว 1% ของตลาดคอนโดมิเนียมทั้งหมด โดยทุกโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง เชื่อมต่อรถไฟฟ้า จุดเด่นสำคัญของคอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์

นอกจากอยู่ในทำเลที่ดี หาซื้อยากแล้ว ยังต้องมีราคาถูกกว่าประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับฟรีโฮลด์ ในย่านเดียวกัน และภายในย่านเดียวกัน ลีสโฮลด์จะอยู่ในพิกัดที่สะดวกกว่า เช่น ลีสโฮลด์ติดสถานีรถไฟฟ้า อยู่ใจกลางแหล่งธุรกิจ แหล่งการศึกษา แต่ฟรีโฮลด์ จะต้องเดินต่อไปอีก 400-800 เมตร จึงเป็นจุดที่ดึงให้คน ยังมาสนใจลีสโฮลด์ได้
<h2>ลีสโฮลด์ไพร์มแอเรียราคาเพิ่มทุกปี</h2>
นอกจากผู้ประกอบการแล้ว บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน และการตลาดก็ให้ความสำคัญเก็บตัวเลขสถิติตลาดคอนโดมิเนียมมาอย่างต่อเนื่อง นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในมุมมองการลงทุนคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ว่า ในประเทศไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศเช่น อังกฤษ หรือสิงคโปร์ ยังไม่แพร่หลายเท่า

ความแตกต่างสำคัญคือเรื่องระยะเวลาของสัญญาเช่า เนื่องจากคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ ในประเทศไทยมีระยะเวลาการเช่าที่กฎหมายรับรองที่ 30 ปี ในขณะที่ในบางประเทศกฎหมายรองรับถึง 99 ปี

<figure><img class="wp-image-25178 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/นางนลินรัตน์-เจริญสุพงษ์-กรรมการผู้จัดการ-บริษัท-เน็กซัส-พร.jpg" alt="นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด" width="800" height="533" /><figcaption> นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด</figcaption></figure>

นอกจากนี้ที่ดินที่มีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับในการให้เช่าระยะยาวในประเทศไทย ยังมีอยู่อย่างจำกัด เมื่อเทียบกับต่างประเทศความเชื่อสำหรับคนส่วนใหญ่ในการลงทุนคอนโด-มิเนียม ลีสโฮลด์ คือมูลค่าของคอนโดมิเนียมจะลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อสัญญาเช่ามีจำนวนปีลดลง ซึ่งความเชื่อ ดังกล่าวไม่ได้ถูกต้องนัก ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่เป็น ทำเลซูเปอร์ไพร์มได้ถูกพัฒนาขึ้นมากกว่า 20 โครงการโดยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณหลังสวน ราชดำริ และ สามย่าน ราคาไม่ได้ปรับลดลงตามจำนวนปีของสัญญาเช่าที่ลดลงเลย ในทางตรงข้ามกลับปรับตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง

อย่ำงไรก็ตำม ข้อจำกัดของคอนโดมิเนียมลีสโฮลด์ในประเทศไทยยังคงมีอยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของผู้ซื้อ ที่รู้สึกว่าไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่แท้จริงเมื่อเทียบกับคอนโดฟรีโฮลด์ ซึ่งกำรแก้ปัญหาเรื่องนี้จะทำได้ให้กฎหมายไทยอนุญาตให้จดสิทธิการเช่าได้มากกว่า 30 ปีที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับผู้ซื้อรายย่อยยังมีอยู่จำกัด และระยะเวลาการให้กู้จะสั้นกว่าฟรีโฮลด์

เรื่อง: ฐิตาภา ญาณพัฒน

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/bebabb02-eb1c-4942-ab9c-3fbf41894111/forbes-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-2562">คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Life แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019 ในรูป e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-24460" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/ForbesLifeNov2019.jpg" alt="" width="300" height="359" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events