Dusit Central Park เผยก่อสร้างโครงการคืบหน้าตามแผนตั้งเป้าปลายปี 2568 เริ่มส่งมอบห้องชุด The Residences at Dusit Central Park และเปิด Central Park Retail และ Central Park Offices อย่างเป็นทางการ โดยเรสซิเดนซ์ปิดยอดขายได้ 85% แล้ว ได้กระแสตอบรับที่ดีจากทั้งคนไทยและต่างชาติ
หลังเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2565 Dusit Central Park มิกซ์ยูสมูลค่าโครงการกว่า 46,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 23 ไร่ ที่เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างยักษ์ค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัลและยักษ์โรงแรมอย่างดุสิตธานี ก็เริ่มทยอยเปิดให้บริการแล้วในปีนี้ คือ โรงแรม Dusit Thani Bangkok ซึ่งเปิดตัวแล้วตั้งแต่กันยายน 2567 ขณะที่ส่วนอื่นๆ ได้แก่ เรสซิเดนซ์, ค้าปลีก และอาคารสำนักงาน จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปีหน้า
ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Dusit Central Park กล่าวว่า “โครงการ Dusit Central Park นับเป็นโครงการที่มีการพัฒนาอยู่บนพื้นที่ที่ดีที่สุด หรือ Super Core CBD ที่สามารถเชื่อมต่อย่านธุรกิจและแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ มากมาย
“และนับเป็น Luxury spot ที่มีการผสานกันอย่างลงตัว ทั้งภายในโครงการ อย่างโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน ซึ่งแต่ละส่วนสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้หมดแบบ Seamless และเชื่อมต่อภายนอกอาคารกับการสัญจรทุกระนาบ ทั้งระดับผิวถนน BTS และ MRT
“โดยในปีนี้ นับเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจจากการที่เราได้เริ่มเปิดส่วนแรกของการพัฒนาโครงการ Dusit Central Park ออกสู่สาธารณะ กับ Dusit Thani Bangkok โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยมียอดเข้าพักและใช้บริการห้องจัดเลี้ยงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2567 โรงแรมมีการเปิดให้บริการเพิ่มเติม 4 ส่วน ได้แก่ 1) ห้องอาหาร Cannubi by Umberto Bombana ร้านอาหารอิตาเลียนรูปแบบไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกของเชฟ Umberto Bombana เชฟระดับตำนานเจ้าของมิชลิน 3 ดาว 2) Sky Lobby ชั้น 39 ที่มอบวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี พร้อมบริการอันโดดเด่นและสง่างามโดยดุสิต 3) Spire Rooftop Bar บาร์บนชั้นที่เปิดประสบการณ์ขอบฟ้ายามเย็นพร้อมชมวิวเมืองมุมสูงของกรุงเทพฯ และ 4) 1970 Bar ที่ผสานเสน่ห์ของการสังสรรค์อย่างมีระดับเข้ากับบรรยากาศกลิ่นอายความหรูหราของยุค 70
สำหรับความคืบหน้าในส่วนของโครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park ปัจจุบันสามารถปิดการขายไปมากกว่า 85% โดยมีลูกค้าให้การตอบรับทั้งชาวไทย 80% และชาวต่างชาติ 20% เป็นผลมาจากการออกแบบดีไซน์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกยูนิตโดยคำนึงทิศทางแสงและลม ส่งผลให้มีการถ่ายเทอากาศด้วยลมธรรมชาติ และทำให้ห้องเย็นไม่ร้อน
พร้อมทั้งรูปแบบการดูแลในแบบฉบับ Thai Branded Residences ที่บริหารและดำเนินการโดยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่โดดเด่นด้วยความเป็น Gracious Hospitality ระดับเวิลด์คลาส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการบริการในแบบดุสิตธานีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตเหนือระดับ ยิ่งไปกว่านั้น
สำหรับปี 2568 เราได้เตรียมรังสรรค์ Special Edition Show Residences จำนวน 3 ยูนิต ขนาด 55 ตารางเมตร 85 ตารางเมตร และ 115 ตารางเมตร ซึ่งได้ร่วมมือกับ ‘Arkitektura’ ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับลักชัวรี่ โดดเด่นที่ดีไซน์อันเรียบหรู และ ‘Euro Creations’ ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปแบบร่วมสมัยแต่แฝงไว้ซึ่งความอบอุ่น ด้วยแพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 รูปแบบ ดังนี้
-Arkitektura มาพร้อมกับแบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกาที่มีคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น และแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่มีความโดดเด่นด้านในการผสมผสานความ Modern และ Contemporary ผ่านการออกแบบผนังที่รวมดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว
-Euro Creations นำเสนอสไตล์ Timeless Beauty จากดีไซน์เนอร์ชั้นนำจากยุโรป นำเสนอความพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำและสายลมธรรมชาติ สวยงามเหนือกาลเวลา
ซึ่งคาดว่าห้องทั้ง 3 ห้องจะพร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2568
ละเอียด กล่าวต่อไปว่า “นอกเหนือจากส่วนที่พักอาศัย ในปี 2568 เราเตรียมการเปิดให้บริการ อีก 2 ส่วนสำคัญของโครงการ นั่นคือ อาคารสํานักงาน Central Park Offices และ ศูนย์การค้า Central Park Retail ภายใต้การพัฒนาของพาร์ทเนอร์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
โดย Central Park Offices จำนวน 43 ชั้น พื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร นับเป็นอาคาร Prestigious Class A โดยวางไว้ให้เป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สำนักงานของเซ็นทรัลพัฒนา ผ่านแนวคิด The Future Work/Life for Global Visionaries ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานทั้งร่างกายและจิตใจ
ซึ่งตัวโครงการมีขนาดเหมาะสมด้วยการเป็น Walkable Proximity ที่มีความโดดเด่นและเหมาะสมกับการเป็นคอมมูนิตี้ของคนทำงานและบริษัทชั้นนำ ทั้งในไทยและทั่วโลก ให้มาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทต่างชาติ ด้วยการออกแบบ Flexible Design ที่รองรับธุรกิจผู้เช่าทุกขนาด พร้อมพื้นที่ Hybrid Workspace และยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่โรงแรม และศูนย์การค้า โดยเตรียมพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2568
สำหรับในส่วนของ Central Park Retail มีพื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลก อีกทั้งนำ Essence ของ Heritage เดิมที่มีอัตลักษณ์ที่สวยงามมาสะท้อนใน Architecture และ Interior Design รวมถึง Collaboration ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก, Up-and-Coming Thai & International Designers รวมถึงพื้นที่ที่จะรองรับ Urban Active Lifestyles เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เช่นกัน”
นอกจากนี้ โครงการ Dusit Central Park ได้วางแนวทางการก่อสร้าง Sustainability Development ตั้งแต่แนวความคิดตลอดจนการเลือกสรรวัสดุก่อสร้างและนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ Green Concrete เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ถึง 16 ตัน ระบบ Water Treatment ที่สามารถช่วยลดการปล่อยน้ำเสีย ระบบการกรองอากาศ HEPA Filter กรองอากาศภายในอาคารถึง 2 ชั้น เพื่อช่วยลดฝุ่น กระจกกรอบอาคารหนา 3 ชั้น ป้องกันแสง UV และความร้อน วัสดุผนัง พื้น ที่ดูดซับเสียง ลดเสียงรบกวนจากภายนอกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร เป็นต้น
โดยดำเนินการควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานชีวิตของสังคมเมือง เพื่อการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ผ่านพื้นที่สวนสาธารณะลอยฟ้าสีเขียว Roof Park ขนาด 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ภายใต้หลักการออกแบบ Universal Design เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
“ทุกย่างก้าวและทุกความสำเร็จของ โครงการ Dusit Central Park คือตัวแทนของความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่ไม่มุ่งหวังเพียงแต่สร้างผลตอบแทนทางกำไรสูงสุด แต่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างโครงการที่มีความหมาย และยกระดับชีวิตของผู้คนภายในประเทศไทย รวมถึงมิติด้านความยั่งยืนเพื่อยกระดับสุขภาพของผู้คนและของเมืองให้ดียิ่งขึ้น
"เรามั่นใจว่าการเดินทางในปี พ.ศ. 2568 จะเดินหน้าโครงการได้ตามเป้าหมาย และพร้อมเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่มีความเป็นเลิศในทุกมิติ สมกับการเป็น A World-class Complete Mixed-use Development สร้างความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ทุกคนทั่วโลกต้องจับตามองอย่างแน่นอน” ละเอียด กล่าวสรุป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตึกออฟฟิศเก่าจะถูกเมิน คนย้ายไปตึกใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ มองเทรนด์อสังหาฯ กับบริษัทที่ปรึกษา JLL
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine