<h2>Shake Shack เตรียมสร้างปรากฏการณ์ความอร่อยครั้งใหม่ ผนึกกำลังเชฟแพมเจ้าของรางวัล The World’s Best Female Chef 2025 หรือเชฟหญิงยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2025 คนแรกของเอเชีย เจ้าของร้านอาหารโพทง (POTONG) ร่วมรังสรรค์เมนูพิเศษ เติมรสไทยๆ ใส่เบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด และมิลค์เชค ที่จะจัดจำหน่ายเพียง 2 เดือนเท่านั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพราะไม่ใช่แค่คนไทยที่หลงรักสตรีทฟู้ดและของหวานของไทย ชาวต่างชาติจากทั่วโลกเองชื่นชอบอาหารเหล่านี้ไม่แพ้กัน จุดประกายให้ Shake Shack แบรนด์เบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกันที่มาเปิดถึง 4 สาขาในกรุงเทพฯ คิดค้นเมนูพิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ Taste of Thailand โดยได้ เชฟแพม - พิชญา สุนทรญาณกิจ เชฟชาวไทย-จีน-ออสเตรเลีย เจ้าของร้านอาหารโพทง ที่การันตีด้วยดาวมิชลิน มาร่วมเนรมิตความอร่อยแบบไทยๆ ถือเป็นพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการร่วมมือกับเชฟครั้งแรกของ Shake Shack ประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 4 เมนู Taste of Thailand จากการผนึกกำลังระหว่าง Shake Shack และเชฟแพม ได้แก่​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/UoigsvpyoNssLEULPEgh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UoigsvpyoNssLEULPEgh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบอร์เกอร์หมูแจ่วบาร์บีคิว: แรงบันดาลใจจากหมูย่างหอมกรุ่นคลุ้งกลิ่นควันร้อนๆ อันเป็นเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยของตลาดสุดคึกคักในกรุงเทพฯ เดบิวต์สู่เบอร์เกอร์หมูแจ่วบาร์บีคิวที่ Shake Shack นำเนื้อหมูมารมควันด้วยไม้แอปเปิ้ลธรรมชาติ เพิ่มความน่าลิ้มลองด้วยซอสแจ่วบาร์บีคิวรสแซ่บจัดจ้านสูตรเฉพาะของเชฟแพม ท็อปด้วยชีส หอมแดงสด ผักชีฝรั่ง และแคบหมู บนขนมปังมันฝรั่งหอมกรุ่นที่ทาด้วยแช็คซอส สัมผัสรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากซอสแจ่วบาร์บีคิวของเชฟแพมซึ่งช่วยสร้างความสมดุลให้กับรสชาติได้อย่างลงตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบอร์เกอร์เนื้อฉ่ำพริกไทยดำ: จากเมนูพริกไทยดำจานโปรดลูกผสมไทย-จีน ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและเมนูเด็ดที่พบได้ตามร้านอาหารเก่าแก่ในกรุงเทพฯ สู่เมนูเบอร์เกอร์เนื้อฉ่ำพริกไทยดำ ด้วยเนื้อแองกัสร้อยเปอร์เซ็นต์สุดชุ่มฉ่ำ ราดซอสพริกไทยดำสูตรเด็ดจากเชฟแพม พร้อมชีสจัดเต็มถึง 2 แผ่น หอมใหญ่ และหอมเจียวกรุบกรอบ วางบนขนมปังมันฝรั่งหอมนุ่ม การผสมผสานของพริกไทยดำบดหยาบ ต้นหอม ซอสถั่วเหลือง และซอสหอยนางรม ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นกระทะที่พบได้ในการผัดแบบดั้งเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มันทอดซอสซี๊ด: มันฝรั่งเส้นหยักทอดกรอบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Shake Shack ราดด้วยซอสซีฟู้ดมายองเนสรสเปรี้ยวสุดเข้มข้นจากเชฟแพม ท็อปด้วยแคบหมูและผักชีสด ซอสซีฟู้ดมายองเนสสูตรพิเศษนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากความคลั่งไคล้ในรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว แซ่บ อร่อยกลมกล่อม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสตรีทฟู้ดไทย ตัวซอสจัดเต็มความแซ่บด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนูสวน กระเทียม และผักชีเล็กน้อย ผสมผสานกับมายองเนสเนื้อเนียนนุ่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้าวเหนียวมะม่วงมิลค์เชค: สำหรับ Shake Shack ที่ขาดไม่ได้เลยคือมิลค์เชค ซึ่งในโอกาสนี้ก็ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานอันเป็นที่รักของคนไทย ผ่านการถ่ายทอดรสชาติแสนอบอุ่นของมะม่วงสุกและข้าวเหนียวมูนในรูปแบบเชค ผสมผสานไอศกรีมคัสตาร์ดวานิลลาปั่นกับเนื้อมะม่วง ข้าวเหนียวมูน และครีมมะพร้าว ท็อปด้วยวิปครีม ถั่วทองทอดกรอบ และผงมะม่วง เพื่อให้ครบรสขนมไทยและได้รสชาติแบบไทยดั้งเดิม <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/HUoiHf19obPxWUb8A2Fp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HUoiHf19obPxWUb8A2Fp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เชฟแพม ได้แบ่งปันความคิดเห็นของเธอเกี่ยวกับแคมเปญอันน่าตื่นเต้นครั้งนี้ว่า การร่วมมือกับ Shake Shack ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้นำปรัชญาในการทำงานอย่างการเชิดชูเมนูดั้งเดิมไปพร้อมๆ กับการผลักดันให้เมนูเหล่านี้ก้าวไปข้างหน้า มาออกแบบเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เข้าถึงง่ายและเป็นกันเองมากขึ้น และ Shake Shack ถือเป็นพาร์ทเนอร์ที่สมบูรณ์แบบในการร่วมมือกันครั้งนี้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญในกระบวนการการทำอาหารด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การร่วมมือกันครั้งนี้แพมต้องการที่จะเน้นย้ำว่าอาหารไทยไม่ใช่แค่อาหารรสเผ็ด แต่เป็นอาหารที่มีความกลมกล่อม ความซับซ้อน และความลุ่มลึกที่น่าค้นหา และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น การร่วมงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเติมกลิ่นอายไทยๆ ลงในเบอร์เกอร์ แต่มันคือการเล่าเรื่องราวการส่งต่อความสนุกสนานและเสน่ห์ของวัฒนธรรมอาหารไทยในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย กล้าที่จะนำเสนอ และอร่อยอย่างลงตัว” เชฟแพมกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jim Frisch ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และการประกอบอาหาร อินเตอร์เนชั่นแนล ของ Shake Shack เปิดเผนถึงความตื่นเต้นในการร่วมงานกันครั้งนี้ว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเชฟแพมในฐานะพาร์ตเนอร์ของ Shake Shack เพื่อแบ่งปันมุมมองการทำอาหารอันน่าทึ่ง และสไตล์อันเป็นเอกลัษณ์ของเธอกับแฟนๆ ชาวไทย การได้ร่วมงานกับหนึ่งในสุดยอดเชฟของยุคนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และเราแทบรอไม่ไหวที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่เชฟแพมได้รังสรรค์ขึ้นให้กับ Shake Shack ซึ่งจะมอบรสชาติของความเป็นไทยที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกใหม่อย่างลงตัว ผมหวังว่าแฟน Shake Shack ทุกคนจะเพลิดเพลินไปกับเมนูนี้เหมือนกับที่เราสนุกกับการสร้างสรรค์มันขึ้นมาครับ!”​ ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ดีกับ POTONG’s Women For Women&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ค่านิยมของ Shake Shack คือ Stand For Something Good หรือการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ดี โดยจะมอบ 5 % ของยอดขายสุทธิที่ได้มาจากวันแรกของการเปิดตัวเมนูพิเศษให้กับโครงการ POTONG’s WFW Scholarship (Women For Women) ซึ่งส่งเสริมและสนับสนุนเชฟหญิงไทยรุ่นใหม่ให้พัฒนาทักษะและความรู้ในวงการอาหาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการ WFW Scholarship เป็นโครงการที่มีความสำคัญกับเชฟแพมด้วยเหตุผลหลายประการ โดยเธออธิบายว่า “โครงการนี้มีความหมายกับแพมเป็นอย่างมาก แพมโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางอาชีพเชฟของแพม แพมจึงอยากจะมอบโอกาสเหล่านี้ให้กับเชฟผู้หญิงรุ่นใหม่ให้ได้ทำตามความฝัน โดยโครงการ WFW Scholarship and Internships จะมอบการสนับสนุนทางการเงินและจัดโปรแกรมให้คำปรึกษาแบบลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเชฟผู้หญิงรุ่นใหม่เหล่านี้จะมีความรู้ความสามารถติดตัวเพื่อต่อยอดจนประสบความสำเร็จในครัวระดับมืออาชีพได้ การร่วมมือกับ Shake Shack ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแบ่งปันด้านรสชาติอาหาร แต่เรายังเสริมสร้างอนาคตของอาหารไทยร่วมกันอีกด้วยค่ะ”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/05/tKZozP6BKieCNhXzgiW5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tKZozP6BKieCNhXzgiW5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1200,1500" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"></figure></div> รถตุ๊กตุ๊กและของที่ระลึกสุดเอ็กคลูซีฟที่ Shake Shack&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากอาหาร 4 เมนูพิเศษ Shake Shack ยังจะพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศเมืองไทยอันมีชีวิตชีวาแบบใกล้ชิดยิ่งขึ้น ด้วยการจัดแสดง ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ สามล้อรับจ้างซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญของถนนอันพลุกพล่านในกรุงเทพฯ ที่ใครๆ ก็รู้จัก ซึ่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะงานนี้ที่ Shake Shack สาขาวัน แบ็งคอก ในวันที่ 6 - 8 พฤษภาคม 2568 และสาขาเอมสเฟียร์ ในวันที่ 9 - 12 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ลูกค้าได้มาร่วมถ่ายภาพสุดพิเศษ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษของวัฒนธรรมไทย แบ่งปันช่วงเวลาประทับใจกับเพื่อนๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Taste of Thailand ทั้ง 4 เมนู จะจัดจำหน่ายที่ร้าน Shake Shack ทุกสาขาในไทยในวันที่ 7 พฤษภาคม - 6 กรกฎาคม 2568 เพียง 2 เดือนเท่านั้น โดยนอกจากรับประทานที่ร้านแล้ว ยังสั่งเดลิเวอรี่ได้ทาง Grab เท่านั้น ภาพ: Shake Shack เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ktc-pet-industry-may-2025" alt="เจาะอินไซต์ ‘ทาสหมา-แมว’ สู่ 5 ธุรกิจขาขึ้นในตลาดสัตว์เลี้ยง ‘โรงพยาบาล-อีเวนต์-โรงแรม-บัตรเครดิต-ประกัน’">เจาะอินไซต์ ‘ทาสหมา-แมว’ สู่ 5 ธุรกิจขาขึ้นในตลาดสัตว์เลี้ยง ‘โรงพยาบาล-อีเวนต์-โรงแรม-บัตรเครดิต-ประกัน’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Shake Shack เปิดตัว 4 เมนูพิเศษ มาพร้อมความอร่อยแบบไทยๆ ร่วมรังสรรค์โดย ‘เชฟแพม’ มือรางวัลระดับโลก จำกัดเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

<h2>ดาวมิชลิน (Michelin Star) อาจถูกมองเป็นเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการอาหาร เชฟมากมายพยายามไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาซึ่งดาวมิชลินสักดวง แต่สำหรับร้านอาหารหลายแห่ง รางวัลดังกล่าวมาพร้อมกับความท้าทายใหญ่หลวงที่หนักหนาสาหัสเสียจนต้องเลิกกิจการ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทีมวิจัยจาก University College London (UCL) School of Management ได้ติดตามข้อมูลการรีวิวร้านอาหารต่างๆ ในนิวยอร์กที่เปิดระหว่างปี 2000-2014 และพบว่าร้านที่ได้รับดาวมิชลินมีแนวโน้มจะปิดตัวลงมากกว่าร้านที่ไม่ได้รับดาว แม้ว่าจะพิจารณาเกณฑ์ด้านสถานที่ ราคา และประเภทอาหารแล้วก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ สิ้นปี 2019 ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินตั้งแต่ปี 2005-2014 จำนวน 40% ต้องเลิกกิจการ อาจกล่าวได้ว่า ชื่อเสียงมาพร้อมความรับผิดชอบที่หนักเกินกว่าพวกเขาจะแบกรับไหว บางคนมีชื่อเล่นให้กับสถานการณ์นี้ว่า Michelin Curse หรือ คำสาปดาวมิชลิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สื่อ Harpers ของสหราชอาณาจักร เผยว่า เมื่อเดือนมกราคม 2024 ร้าน Le Gavroche ซึ่งเป็นร้านอาหารแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่เคยครอบครองดาวมิชลินถึง 3 ดวงช่วงปี 1982-1993 ได้ประกาศเลิกกิจการ ต่อด้วยร้าน Cornerstone ในลอนดอนซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2018 และคว้าดาวมิชลินไปครองในปี 2019 ก็เพิ่งปิดร้านไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นในปี 2020 ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังรุนแรง ร้านอาหารเจ้าของดาวมิชลิน 2 ดวงอย่าง Greenhouse ก็ได้อำลาลอนดอนไปอย่างน่าเสียดาย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/ttJzykAmQ8cKwSjryUf1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ttJzykAmQ8cKwSjryUf1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงแค่ในลอนดอนเท่านั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 สำนักข่าว Euronews รายงานว่า ร้านอาหาร fine dining ที่เคยคว้าดาวมิชลินถึง 5 แห่งในเบอร์ลิน เยอรมนี ทยอยปิดตัวไปตามๆ กันตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้น พิษเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ผู้บริโภครัดเข็มขัด และค่าใช้จ่ายในการบริการจัดการร้านที่เพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ รางวัลที่มาพร้อมความคาดหวังและกดดัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนมักเข้าใจว่าดาวมิชลินเป็นตัวการันตีความสำเร็จของร้านอาหารแต่ละแห่งในระยะยาว แต่ตัวเลขสถิติกลับชี้ไปยังทิศทางตรงกันข้าม มีข้อมูลในแวดวงอุตสาหกรรมร้านอาหารเผยว่า ราว 60% ของร้านอาหารมักจะล้มเหลวภายในปีแรกที่เริ่มดำเนินการ และอัตราการล้มเหลวเพิ่มขึ้นถึง 80% เมื่อเข้าสู่ปีที่ห้า ซึ่งร้านอาหารเจ้าของดาวมิชลินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การได้รับดาวมิชลินจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาการต่อรองกับเจ้าของที่ดิน ซัพพลายเออร์ และพนักงาน” Daniel Sands หนึ่งในทีมวิจัยจาก UCL กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อร้านอาหารได้รับดาวมิชลิน ก็มักมีลูกค้าหน้าใหม่แห่แหนกันมาเยือนมหาศาล หลายคนคาดหวังว่าอาหารทุกจานต้องยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ทำให้ร้านต้องสรรหาวัตถุดิบเกรดพิเศษ เพิ่มจำนวนพนักงาน และลงทุนปรับปรุงสถานที่ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือความท้าทายใหม่ๆ อันนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของแต่ละร้าน กลายเป็นภาระด้านการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ร้านอาหารยังต้องเผชิญแรงกดดันจากการพยายามรักษาดาวมิชลินเอาไว้ หรือไม่ก็ความทะเยอทะยานต้องการจำนวนดาวมากขึ้น ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ต้องสะดุดลง เนื่องจากเชฟอาจยึดติดกับเมนูอาหารที่คว้ารางวัลมาให้ร้านจนเผลอจำกัดไอเดียและโอกาสในการทดลองสิ่งใหม่ อิทธิพลของดวงดาว ภาระของร้านอาหาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัญหาจากดาวมิชลินไม่ใช่เรื่องใหม่ ในปี 2020 สำนักข่าว CNN รายงานว่า เชฟและร้านอาหารดังหลายแห่งมองว่าดาวมิชลินเป็นเสมือนภาระมากกว่ารางวัลแห่งเกียรติยศ โดยหลายคนเลือกที่จะขอคืนดาวมิชลิน ปิดประตูอำลาเส้นทางแห่งอาหารชั้นสูง (Haute-cuisine) เพื่อค้นหาโอกาสใหม่ๆ ที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาได้ดีกว่า เช่น การหันมาทำรถขายอาหาร (Food Truck) แทน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/m2Sh4RvouBoGutBu6Jqn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="m2Sh4RvouBoGutBu6Jqn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยกตัวอย่าง ในปี 2018 ร้านอาหารในอันดาลูเซีย สเปนของ Dani Garcia ได้รับดาวมิชลินดวงที่ 3 และ 22 วันหลังจากนั้น เชฟชาวสเปนผู้นี้ก็แจ้งแก่พนักงานว่าเขาจะปิดร้านในปี 2019 นับเป็นช่วงเวลาการครอบครองดาวมิชลิน 3 ดวงที่สั้นที่สุดในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Garcia ให้เหตุผลว่า เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถอุทิศทุ่มเทเพื่อรักษาดวงดาวเหล่านี้เอาไว้ได้ “ความสำเร็จครั้งนี้บ่อนทำลายอิสระในการทดลองทำสิ่งใหม่ของผม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การประกาศปิดร้านอาหาร ณ ขณะที่กำลังเฟื่องฟูนับว่าสร้างความฉงนไม่น้อย แต่กรณีเช่นนี้สะท้อนมุมมองความคิดว่าด้วยโมเดลธุรกิจร้านอาหาร fine dining สมัยใหม่ที่กดดันให้เชฟต้องมีความคิดสร้างสรรค์ไม่ขาดสายเพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่ารางวัลดาวมิชลินช่วยให้ผู้คนรู้จักร้านอาหารมากขึ้นจริง การศึกษาของ UCL ชี้ว่าผลการค้นหาร้านอาหารที่เพิ่งได้รับดาวมิชลินใน Google มีความเข้มข้นขึ้นกว่า 1 ใน 3 อย่างไรก็ตาม การประกาศปิดร้านอาหารในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ย่อมกลายเป็นประเด็นร้อนยิ่งกว่า และถือเป็นโอกาสดีให้เชฟได้ประชาสัมพันธ์ธุรกิจใหม่ บางทีการปิดกิจการหนึ่งเพื่อดำเนินกิจการอื่นก็อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่เลวร้ายอะไร แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://theweek.com/culture-life/food-drink/why-michelin-stars-can-spell-danger-for-restaurants" alt="Why a Michelin star can spell danger for restaurants">Why a Michelin star can spell danger for restaurants</a>​แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:​<a href="https://thedecisionmagazine.com/business/lessons/the-michelin-star-a-blessing-or-a-curse/" alt="The Michelin Star: A Blessing or a Curse?">The Michelin Star: A Blessing or a Curse?</a>​ ​<a href="https://harpers.co.uk/news/fullstory.php/aid/32848/Tom_Brown_92s_Michelin-starred_restaurant_Cornerstone_to_close_amidst_wave_of_high-profile_closures.html" alt="Tom Brown’s Michelin-starred restaurant Cornerstone to close amidst wave of high-profile closures">Tom Brown’s Michelin-starred restaurant Cornerstone to close amidst wave of high-profile closures</a>​ ​<a href="https://www.euronews.com/my-europe/2024/08/26/has-berlins-fine-dining-bubble-already-burst-michelin-starred-restaurants-in-crisis-in-ger" alt="Has Berlin's fine dining bubble already burst? Michelin-starred restaurants in crisis in Germany">Has Berlin's fine dining bubble already burst? Michelin-starred restaurants in crisis in Germany</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/agoda-thailand-sep-2024" alt="ไทยติดอันดับ 3 เมืองที่สายกินต้องมาเยือนในเอเชีย รองจาก ‘เกาหลีใต้ - ไต้หวัน’">ไทยติดอันดับ 3 เมืองที่สายกินต้องมาเยือนในเอเชีย รองจาก ‘เกาหลีใต้ - ไต้หวัน’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘คำสาปดาวมิชลิน’ เมื่อเกียรติยศมาพร้อมภาระสาหัส พาร้านอาหารปิดกิจการถึง 40% ใน 9 ปี

“มิชลิน ไกด์” ประเทศไทย ปี 2567 เผยรายชื่อ 447 ร้านอาหารอร่อยเจิดจรัสใต้ฟ้าเมืองไทย

<h2>ร้านอาหารหรูหราสไตล์โมเดิร์นในไทยอาจมีให้เลือกมากมาย แต่ร้านที่มีเชฟระดับโลกที่ได้รับมิชลินสตาร์ถึง 21 ดวง ถือเป็นเชฟที่ได้มิชลินสตาร์มากเป็นอันดับสองของโลกอย่าง Alain Ducasse เป็นเจ้าของและผู้กำหนดสไตล์การออกแบบและรสชาติอาหารในร้าน น่าจะมีเพียง 1 เดียวในประเทศไทย นั่นคือ “Blue Alain Ducasse”</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-58223" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Blue-Alain-Ducasse_0203.jpg" alt="" width="600" height="400" />

แน่นอน “Blue Alain Ducasse” ต้องเป็นร้านอาหารหรูหราแบบ fine dining ที่พร้อมสรรพทั้งสไตล์ ดีไซน์ ความสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งรสชาติอาหารที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเลิศ ทั้งรูปโฉมของเมนูแต่ละจาน และรสชาติที่พิเศษแต่ละเมนู ที่คัดสรรมาให้ลูกค้าเลือกลิ้มลองอย่างมีเรื่องราว เสพความบันเทิงทั้งในแง่บรรยากาศ รสชาติเป็นความสุนทรีย์ครบรสในมื้อเดียว

ภัตตาคารหรูที่ว่านี้อยู่ไม่ไกลจากย่านใจกลางธุรกิจกรุงเทพฯ มากนัก เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชื่อดัง “ไอคอนสยาม” ที่มีเอกลักษณ์การเป็นศูนย์การค้าติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีบรรยากาศริมแม่น้ำให้ลูกค้าได้สัมผัสตลอดเวลา ร้านค้าหลากหลายภายในศูนย์การค้าแห่งนี้ พากันจับจองพื้นที่ริมแม่น้ำและทำผนังกระจกให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งน้ำย่านคลองสาน-สี่พระยา ที่มีสีสันสวยงามเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน ร้าน Blue by Alain Ducasse เป็นหนึ่งในนั้น ที่จับจองพื้นที่ชั้นสองของศูนย์การค้าฝั่งริมแม่น้ำเป็นที่ตั้ง
<h3>หรูหราพร้อมเรื่องเล่า</h3>
Blue by Alain Ducasse เป็นร้านอาหารหรูแห่งแรกในประเทศไทย ของเชฟในตำนานชื่อดัง Alain Ducasse (อลัง ดูคาส) ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกและมีความเป็นมาน่าสนใจ เป็นทั้งเชฟและ mentor chef ชื่อดังที่ได้รับการยอมรับในวงการอาหาร มีประวัติน่าสนใจตั้งแต่วัยหนุ่ม

เมื่อครั้งที่เขาเป็นเชฟที่กำลังรุ่งเรืองได้ประสบอุบัติเหตุ พอฟื้นฟูร่างกายกลับมาเขาไม่สามารถยืนทำงานหนักเป็นเวลานานได้ แต่ยังคงความรู้ความสามารถด้านเชฟ จึงกลายมาเป็น mentor chef ชื่อดังระดับตำนาน ด้วยจุดเด่นคือการได้รับมิชลินสตาร์มากถึง 21 ดวง ถือเป็นเป็นเชฟที่ได้รับดาวมิชลินมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

<img class="alignnone size-full wp-image-58225" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Blue-Alain-Ducasse_0205.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ร้าน Blue by Alain Ducasse เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2562 เปิดมาได้ไม่นานก็ต้องเผชิญกับภาวะการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ร้านต้องปิดบริการตามมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ และต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือน ก่อนจะได้กลับมาเปิดบริการใหม่ ถึงแม้จำเป็นต้องปิดบริการชั่วคราว แต่ความหรูหราและอลังการของร้านอาหารแห่งนี้ไม่ได้ลดความพิเศษลง

อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ Blue by Alain Ducasse ยังได้รับดาวมิชลิน 1 ดาว จากคู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2564 เป็นเครื่องตอกย้ำความพิเศษทั้งการดีไซน์สถานที่ คอนเซ็ปท์ร้าน รวมถึงหน้าตาและรสชาติอาหารที่น่าประทับใจ

Forbes Thailand มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศการรับประทานอาหารมื้อค่ำแบบ fine dining เต็มรูปแบบที่ภัตตาคารแห่งนี้ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือการออกแบบที่หรูหราสวยงามแปลกตา ต่างกับร้านอาหารที่มีอยู่ทั่วไปชัดเจน เพราะที่นี้จัดบรรยากาศให้หรูหราน่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่การตกแต่งภายในอันงดงามของร้าน

ด้วยโทนสี Blue เข้มขรึมและสีทองสว่างไสว ซึ่งได้รับรางวัล Best of Year Awards ด้านการตกแต่งภายในยอดเยี่ยมสาขา fine dining จากนิตยสาร Interior Design นิตยสารระดับแนวหน้าของวงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

Wilfrid Hocquet (วิลฟริด ฮ็อคเกต) เอ็กเซกคิวทีฟเชฟ ของ Blue by Alain Ducasse และทีมงาน ได้รังสรรค์เมนูใหม่เนื่องในโอกาสที่ทางร้านสามารถเปิดให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้อีกครั้ง พร้อมเริ่มต้นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ ด้วยเมนูมื้อกลางวัน (Set Lunch) ที่พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่ 12.00 – 15.00 น.

โดยลูกค้าสามารถลิ้มลองเมนูใหม่ได้ในรูปแบบอา ลา คาร์ท (A la carte) สำหรับทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำได้ด้วย โดยเชฟ Wilfrid ได้สร้างสรรค์ เทสติ้ง เมนู (Tasting Menu) ปรับใหม่ทั้งหมด เนรมิต เป็นเมนูเอกลักษณ์ (Signature Menu) ของร้านโดยนำเสนอผลิตผลตามฤดูกาลในสไตล์ที่หรูหรา ร่วมกับเมนูที่ลูกค้าชื่นชอบ
<h3>ดื่มด่ำกับเมนูพิเศษ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-58226" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Amuse-Bouche-Ostra-Regal-Oyster-November-2021-101.jpg" alt="" width="600" height="400" />

เริ่มจากหอยนางรมออสตร้ารีกัล (Ostra Regal oysters) โดดเด่นด้วยเนื้อแน่นหวานฉ่ำและรสชาติที่กลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมกับฮอร์สแรดิช ตามด้วยพายปิทิวิเยร์ (Pithivier) ยัดไส้เนื้อไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย (free range) เรียงชั้นด้วยทรัฟเฟิลดำ เสิร์ฟกับราวิโอลีชีสโบฟอร์ต ทรัฟเฟิลขาวและเพิ่มความหรูด้วยซอสเหล้า Noilly-Prat

ส่วนอาหารจานหลักสามารถเลือกได้ ระหว่างเนื้อกวางฝรั่งเศสกับซอส poivrade พร้อมด้วยแรดิคิโอและแบล็คเคอร์แรนท์ หรือเนื้อวากิว มิยาซากิ เอ 5 เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและแครอทสไตล์ฝรั่งเศส ปิดท้ายด้วยชีสกงเต้ (Comte) เคียงด้วยควินซ์ และเสาวรสในน้ำมันมะกอกกับโหระพา

<img class="alignnone size-full wp-image-58227" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/Dessert-Chocolate-November-2021-155.jpg" alt="" width="450" height="675" />

พร้อมด้วยช็อกโกแลตของ Alain Ducasse ที่ผลิตในฝรั่งเศสและไอศกรีมโกโก้นิบส์ สำหรับผู้ที่เลือกอาหารเซ็ตที่สองจะได้เอร็ดอร่อยกับปูยักษ์พร้อมคาเวียร์สีทอง กับปลากะพงขาวฝรั่งเศสที่เสิร์ฟพร้อมบัตเตอร์นัท หอยแมลงภู่และทาร์รากอน

พร้อมกับรสชาติและหน้าตาที่สวยงาม ร้าน Blue by Alain Ducasse ยังให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันเพื่อสุขอนามัยของลูกค้าและพนักงาน ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อจำกัดด้านจำนวนลูกค้าในร้านและการเว้นระยะห่างตามที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเพื่อดูแลให้จำนวนลูกค้าในร้านเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐ

ทางร้านแนะนำให้ลูกค้าสำรองโต๊ะล่วงหน้าผ่านทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ไว้ล่วงหน้า ก่อนเดินทางมาที่ร้านเพื่อให้มื้อพิเศษในบรรยากาศพิเศษอย่างแท้จริง

ภาพ: Blue Alain Ducasse

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events