กรมพัฒนาธุรกิจฯ ออก 6 มาตรการด่วน หวังแก้ปัญหา ‘บริษัทผี-นอมินี-บัญชีม้านิติบุคคล’ - Forbes Thailand

กรมพัฒนาธุรกิจฯ ออก 6 มาตรการด่วน หวังแก้ปัญหา ‘บริษัทผี-นอมินี-บัญชีม้านิติบุคคล’

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจงมาตรการป้องกันนิติบุคคลผีหลอกลวงประชาชน (ซึ่งมิจฉาชีพนำไปเปิดบัญชีม้านิติบุคคลหลอกลวงประชาชนในช่วงที่ผ่านมา) หยุดยั้งความเสียหายที่อาจขยายวงกว้าง พร้อมเร่งบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว หวั่นมิจฉาชีพนำนิติบุคคลไปหลอกลวงประชาชนสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ

    

    นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์เล่าว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินกว่า 1.2 ล้านบาท โดยมีการให้โอนเงินเข้าบัญชีนิติบุคคล ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายบัญชีม้านิติบุคคล รวมทั้ง สถานที่ตั้งนิติบุคคลก็ไม่ตรงตามความเป็นจริง เจ้าบ้านไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน โดยให้กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนรายอื่นจนนำมาซึ่งความเสียหายในวงกว้าง รวมทั้ง ให้บูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ทันท่วงทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ เป็นการป้องกันและป้องปรามไม่ให้มิจฉาชีพย่ามใจในการกระทำความผิด

    กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมีรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (นายจิตรกร ว่องเขตกร) เป็นหัวหน้าทีม เบื้องต้น กรมฯ ได้กำหนด 6 มาตรการและแผนงานกำกับการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลให้เป็นไปอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่ตั้งสำนักงาน ดังนี้

    1) ยกร่างคำสั่งนายทะเบียนกลางเพื่อเรียกเอกสารเพิ่มเติมกรณีที่มาจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงานที่จะแสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่ตั้งยินยอมให้ใช้เป็นสำนักงานนิติบุคคล เช่น สัญญาเช่า หรือ หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่ตั้งนิติบุคคลจากเจ้าบ้าน โดยจะเร่งเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นเรื่องดังกล่าวตามกระบวนการยกร่างกฎหมาย เพื่อผู้มีส่วนได้เสียแจ้งความเห็นผลดี-ผลกระทบต่อร่างคำสั่งฯ ดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    2) จัดทำระบบการตรวจเช็คสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล เพื่อให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าตรวจเช็คได้ว่าบ้านหรือที่อยู่ของตนมีการนำมาใช้เป็นที่ตั้งของนิติบุคคลหรือไม่ โดยระบบตรวจเช็คดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจว่าบ้านของตนเองไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นสถานที่ตั้งของนิติบุคคลโดยที่เจ้าบ้านไม่ได้ให้ความยินยอม หากพบว่ามีการนำที่อยู่ไปใช้จดทะเบียนเป็นที่ตั้งของนิติบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือมีข้อสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสดังกล่าวได้ โดยส่งเรื่องมายังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือส่งอีเมลมาที่ cgbusiness@dbd.go.th (เฉพาะกรุงเทพมหานคร) หรือติดต่อสายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 โดยเมื่อตรวจสอบพบว่าบริษัทนั้นไม่ได้มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนอยู่จริง จะดำเนินการหมายเหตุไว้ในระบบจดทะเบียนว่านิติบุคคลดังกล่าวไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้ และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีฐานแจ้งข้อความเท็จ ทั้งนี้ หมายเหตุดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนหนังสือรับรอง และบนระบบ DBD Datawarehouse+ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบด้วย

    3) บูรณาความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ผู้ขอจดทะเบียนได้แจ้งไว้และปักหมุดพร้อมแสดงภาพถ่ายในลักษณะแผนที่ Google Map ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูลบริษัทสามารถเช็คและเห็นภาพสถานที่ตั้งนิติบุคคลตามที่ได้แจ้งจดทะเบียนไว้

    4) หากพบว่านิติบุคคลมีที่ตั้งไม่ตรงกับที่แจ้งจดทะเบียนจะดำเนินการป้องปรามภายใต้อำนาจหน้าที่ที่กรมฯ สามารถกระทำได้ ทั้งในส่วนการระบุหมายเหตุในหน้าหนังสือรับรองนิติบุคคลว่า “ไม่มีสถานที่ตั้งจริง” เพื่อเป็นการเตือนให้ผู้ที่ต้องการจะทำธุรกิจด้วยต้องพึงระมัดระวัง และส่งเรื่องดำเนินคดีตามกฎหมาย

    5) มาตรการป้องปรามบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินที่ปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อ HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมฯ ได้ออกคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ที่ 3/2567 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดของบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐาน ตามรายชื่อของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยหากมีบุคคลซึ่งมีรายชื่ออยู่ในบัญชี HR-03 มาขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหรือแจ้งชื่อเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนหรือกรรมการบริษัทจำกัด จะเรียกให้บุคคลดังกล่าวมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน และส่งข้อมูลต่อให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) เพื่อติดตามขยายผล ทั้งนี้ หากไม่มาแสดงตนก็จะไม่รับจดทะเบียนให้

    6) ร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขยายผลเอาผิดและบังคับใช้กฎหมายกับผู้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานในเรื่องสถานที่ตั้งนิติบุคคล ทั้งนี้ นิติบุคคลต้องมีสำนักงานที่ตั้งและแจ้งต่อนายทะเบียนของกรมฯ เมื่อดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งสำนักงาน หากไม่กระทำตามจะต้องได้รับโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    กรมฯ ขอแจ้งว่า การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล มีขั้นตอน ดังนี้ 1) จัดทำคำขอพร้อมเอกสารประกอบมายื่นต่อนายทะเบียน และ 2) นายทะเบียนตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากถูกต้องครบถ้วนก็รับจดทะเบียนฯ โดยหลักเกณฑ์การจดทะเบียนในปัจจุบันไม่มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งก่อนการรับจดทะเบียนและกฎหมายไม่ได้ห้ามที่หลายนิติบุคคลมีสถานที่ตั้งเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาคำขอจดทะเบียนจะมีการตรวจสอบเลขรหัสประจำบ้านกับฐานข้อมูลของกรมการปกครองว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกันกับบ้านเลขที่ดังกล่าวจริง โดยในส่วนว่าเจ้าของบ้านจะทราบและยินยอมให้ใช้เป็นที่ตั้งนิติบุคคลหรือไม่นั้น ผู้ขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลจะเป็นผู้ยืนยันและรับผิดชอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเอง หากเป็นการแจ้งเท็จก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้สำหรับในส่วนการยื่นจดทะเบียนออนไลน์ต้องมีการยืนยันตัวตนของกรรมการและผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบ e-KYC หรือ Thai ID ของกรมการปกครอง

    ในส่วนของสถานที่ตั้งนิติบุคคล การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกฎหมายต้องการให้นิติบุคคลมีสถานที่ตั้งเพื่อเอาไว้ใช้ติดต่อธุรกิจการงานรวมทั้งใช้รับส่งจดหมายต่างๆ ของบริษัท โดยไม่ได้กำหนดว่าสถานที่ดังกล่าวจะต้องมีลักษณะอย่างไร ห้ามเป็นบ้านพักอาศัยหรือไม่ หรือห้ามใช้เป็นที่ตั้งของนิติบุคคลมากกว่า 1 ราย ดังนั้น บ้านเลขที่เดียวกันถูกใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของนิติบุคคลหลายนิติบุคคลนั้น จึงสามารถทำได้เนื่องจากไม่ได้มีข้อห้ามตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กรมฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบวิเคราะห์พฤติกรรมนิติบุคคล หรือ Intelligence Business Analytic System (IBAS) ซึ่งจะใช้รวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ทราบหากจะทำธุรกรรมกับนิติบุคคลที่ใช้ที่ตั้งเดียวกันกับนิติบุคคลอีกหลายรายดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้สามารถใช้งานได้ภายในกลางปีนี้

    อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานพันธมิตรเพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหา ‘บัญชีม้านิติบุคคล’ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมฯ  โดยจะเพิ่มความเข้มงวดด้านการจดทะเบียนธุรกิจอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลที่อาจจะเกิดขึ้น และร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิด รวมถึง ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพัฒนาการตรวจสอบธุรกิจนอมินีและบัญชีม้านิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 



ภาพ: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธปท. เร่งเครื่องคุมเข้ม ‘บัญชีม้านิติบุคคล’ ขยายผลสู่ ‘ม้าคริปโต’ พร้อมผลักดันแนวทางร่วมรับผิด

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine