Jubilee x Line Friends ยูบิลลี่ออกคอลเล็กชันใหม่ดีไซน์เครื่องประดับเพชรแท้จากคาแรกเตอร์ Line Friends มุ่งทำตลาดคนรุ่นใหม่วัยนักศึกษา ชี้เป็นกลุ่มบลูโอเชียนที่มีกำลังซื้อ ด้านผลประกอบการปีนี้ บริษัททำรายได้สวนเศรษฐกิจคาดเติบโต 10%
อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงคอลเล็กชันเครื่องประดับเพชรใหม่ของบริษัท ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จาก Line Friends ระยะเวลา 3 ปีให้นำคาแรกเตอร์ทั้ง 4 ตัว คือ Brown, Cony, Sally และ Choco มาใช้ออกแบบเครื่องประดับ หลังจากผ่านการออกแบบดีไซน์ บริษัทพร้อมเปิดตัว “Jubilee Line Friends Collection” วันนี้
ซีอีโอยูบิลลี่กล่าวว่า การนำลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์มาใช้ครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 18-29 ปี โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและ first jobbers ซึ่งนับเป็นบลูโอเชียนของธุรกิจเครื่องประดับเพชร
“คนกลุ่มนี้รู้จักเพชรแท้แต่เขารู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับตัวเขา ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้เพชรเหมาะกับการแต่งตัวของคนรุ่นใหม่ เขาใส่แล้วจะไม่เคอะเขิน” อัญรัตน์กล่าว ดังนั้น การออกแบบคอลเล็กชัน Line Friends จึงทำให้เครื่องประดับเพชรดูเด็กลง แต่ขณะเดียวกันก็ยังเหมาะที่จะใส่ในชีวิตประจำวัน
ราคาเริ่มต้นต่อชิ้นก็มีการลดระดับลงมาคือเริ่มต้นที่ 2,900 บาทสำหรับชาร์ม 1 ชิ้น (ชาร์มเป็นจี้สำหรับร้อยเข้ากับสร้อยข้อมือ) จากปกติยูบิลลี่จำหน่ายเครื่องประดับราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาทต่อชิ้น เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้นด้วย
อัญรัตน์กล่าวว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือมิลเลนเนียลเป็นโอกาสของบริษัท โดยมองตัวอย่างเทรนด์ในประเทศจีนซึ่งคนรุ่นใหม่นิยมซื้อเครื่องประดับเพชรสูงขึ้น มีการเติบโตปีละ 10%
ส่วนในบริษัทยูบิลลี่เอง กลุ่มลูกค้าวัย 18-29 ปีคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% จากฐานลูกค้าทั้งหมด 160,000 คน เชื่อว่าจากการออกคอลเล็กชันด้วยคาแรกเตอร์ Line Friends และคาแรกเตอร์อื่นๆ ที่บริษัทจะซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มในอนาคต น่าจะทำให้ฐานลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 20-25% ภายใน 3 ปี
“เราเข้าถึงลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลก่อน เขาก็รู้จักแบรนด์เราก่อน และจะโตไปด้วยกัน” อัญรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ยูบิลลี่มีการลงทุนลิขสิทธิ์จาก Line Friends และการพัฒนาระบบอี-คอมเมิร์ซรวมมูลค่าลงทุน 35-40 ล้านบาท เชื่อว่าคอลเล็กชัน Line Friends เซ็ตแรกนี้จะทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 3-5% ของรายได้รวมบริษัทในปี 2562
เทสต์ตลาดอี-คอมเมิร์ซ
นอกจากการออกคอลเล็กชันใหม่แล้ว ยูบิลลี่ยังเปิดตลาดอี-คอมเมิร์ซพร้อมๆ กับคอลเล็กชันนี้ โดยที่ผ่านมาบริษัทเคยทดลองจำหน่ายเครื่องประดับผ่านมาร์เก็ตเพลซอย่าง JD.central ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทำตลาดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตนเอง และจับมือกับ Lazada ด้วย
อัญรัตน์กล่าวว่า เพชรเป็นสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการความน่าเชื่อถือ ดังนั้นเชื่อว่าร้านค้าออฟไลน์จะยังเป็นช่องทางขายหลัก แต่ด้วยเทรนด์ตลาดอี-คอมเมิร์ซที่โตขึ้น บริษัทจึงมองว่าเป็นโอกาสการขายโดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่สะดวกไปถึงสาขา
“ขอดูเทรนด์อีกสัก 6 เดือนก่อนว่าเป็นอย่างไร ประมาณครึ่งปีหลังปีหน้าน่าจะได้เห็นผลและทิศทางอี-คอมเมิร์ซของเรา”
ขายเพชรโตสวนเศรษฐกิจ
ด้านผลประกอบการบริษัทช่วงครึ่งปีแรก 2562 ยูบิลลี่ทำรายได้ไป 873 ล้านบาท เติบโต 14.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสำหรับงวด 119 ล้านบาท เติบโต 25.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่การเติบโตมาจากยอดขายสาขาเดิม 7.37% และมาจากสาขาที่เปิดใหม่ 5.35% และจากการจัดงานอีเวนท์อีก 1.82%
“ครึ่งปีแรกโต 14% ถือว่าโตเกินคาดหมายที่เราตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะโต 5-8% อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้ทั้งปีเรายังมอง conservative โดยตั้งเป้าหมายโต 10%” อัญรัตน์กล่าว ทั้งนี้ เมื่อปี 2561 ยูบิลลี่ทำรายได้ไป 1,553 ล้านบาท
สำหรับตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรมูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท อัญรัตน์มองว่าปีนี้ค่อนข้างชะลอตัว และน่าจะไม่เติบโต
การเติบโตของยูบิลลี่ที่สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจ อัญรัตน์กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจมีผลกับการตัดสินใจของลูกค้าอยู่บ้าง ดังนั้นบริษัทต้องพัฒนาภายในองค์กรโดยใช้ดาต้าและการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อที่จะจับเทรนด์การตลาดและผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำการตลาดได้ตรงเป้าซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สะท้อนเป็นผลกำไรที่ดีขึ้น