เดิมพันของ Warren Buffett
จุดเริ่มต้นมาจากปี 1984 เมื่อช่องโทรทัศน์เคเบิล ABC ซื้อกิจการช่องเคเบิลกีฬา ESPN มาครองในราคาเพียง 188 ล้านเหรียญ ในปีต่อมา Warren Buffett ได้ลงทุนในบริษัท Capital Cities ซึ่งเป็นผู้แพร่ภาพและกระจายเสียงโทรทัศน์และวิทยุในปี และมีส่วนสนับสนุนเงินทุนแก่ Capital Cities ในการซื้อกิจการที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่าง ABC (ที่ควบรวม ESPN มาเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งมีมูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญพลังแห่งเงินตรา
หนึ่งทศวรรษถัดมา ในวันที่ 31 กรกฎาคม 1995 เกิดดีลครั้งใหญ่เมื่อ Disney และ Capital Cities/ABC ควบรวมกิจการกัน ทำให้เกิดการรวมช่องโทรทัศน์ที่แพร่ภาพไปทั่วประเทศของ ABC โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อง ESPN เข้ากับสตูดิโอผลิตภาพยนตร์และสวนสนุกของ DisneyOracle และพ่อสื่อแม่ชัก
ดีลธุรกิจนี้จะไม่เกิดขึ้นหรืออย่างน้อยก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เร็วขนาดนี้ ถ้าหากไม่มี Warren Buffett และผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดใน Capital Cities/ABC หนุนหลัง ในระหว่างการพบปะกันโดยบังเอิญครั้งหนึ่งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 1995 Buffett ได้ช่วยให้ Tom Murphy ซีอีโอของ Capital Cities และ Michael Eisner ผู้บริหารสูงสุดของ Disney ปลดล็อคข้อขัดแย้งระหว่างกัน ที่ว่าการควบรวมกิจการจะชำระเป็นเงินสดทั้งหมด (อย่างที่ Disney ต้องการ) หรือเป็นหุ้น (ตามความประสงค์ของ Capital Cities) Murphy และ Eisner ยอมประนีประนอมกัน และสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ผลจากดีลนี้ ทำให้กองทุน Berkshire Hathaway ของ Buffett ได้รับเงินสดจำนวน 1.2 พันล้านเหรียญ และหุ้นของ Disney มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ คิดเป็นกำไรทั้งสิ้น 2.2 พันล้านเหรียญความขัดแย้ง ณ เบื้องบน
ท่ามกลางการเจรจาและการควบรวมกิจการ Murphy และ Dan Burke ประธาน Capital Cities ต่างก็อยู่ในวัยใกล้เกษียณในช่วงที่ Disney เริ่มปรับกลยุทธ์ ในปี 1994 Michael Eisner ซีอีโอของ Disney สั่งปลด Jeffrey Katzenberg ออกจากตำแหน่งหัวหน้าสตูดิโอ และ Michael Ovitz ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น “ตัวพ่อในวงการ” ก็ลาออกจากบริษัทในปี 1997 หลังจากที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทได้เพียงไม่นาน Robert Iger ซีโอโอของ Capital Cities ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Disney แทน Eisner ในปี 2005 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เป็นกำลังสำคัญในการทำให้หุ้นของบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าตัวบัลลังก์สะเทือน
ภายในปี 2005 เครือข่ายเคเบิลของทั้งสองบริษัทรวมกัน (รวมตระกูล ABC ด้วย) สร้างยอดขายได้ 23% และมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจอีก 53% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ESPN กำลังประสบปัญหาสมาชิกบอกยกเลิกบริการเคเบิลทีวี ภายในปี 2016 เพียงปีเดียว จำนวนสมาชิกลดลงอย่างน่าใจหายถึง 2 ล้านคน ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปอ่านเพิ่มเติม: เคเบิลทีวี ESPN ระส่ำ! ปลดพนักงานรวด 100 คน ประหยัดต้นทุนสู้โลกดิจิทัล