<h2>สาววัย 22 ปีผู้สร้างปราฏการณ์ใน YouTube ทำเงินได้ราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว และกำลังสร้างแบรนด์กาแฟในชื่อของตัวเองไปพร้อมกันเชิญพบกับนักสร้างคอนเทนต์ผู้เปี่ยมพลังคนนี้กันได้เลย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตอนที่ Emma Chamberlain เริ่มทำช่อง YouTube ของตัวเองในปี 2017 เธอไม่ได้ตั้งใจจะสร้างปรากฏการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่จะเป็นเจ้าแม่มัลติมีเดียที่เก่งรอบด้านอย่างทุกวันนี้ด้วย เพราะเมื่อดูวิดีโอนับร้อยของเธอผู้ชมจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมากของครีเอเตอร์วัย 22 ปีคนนี้ จากวัยรุ่นที่ “ชอบโต้รุ่ง” ผู้ทำคลิปอธิบายว่า ทำไม “เราทุกคนต้องขอโทษร้าน Dollar Store” สู่การเดินทางที่ลุ่มลึกขึ้นและกลายเป็นนักทำสารคดีแฟชั่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิดีโอบล็อกในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาทำให้ Chamberlain เป็นหนึ่งในครีเอเตอร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในรุ่นของเธอ ด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 12 ล้านคนบน YouTube และผู้ติดตาม 15 ล้านคนบน Instagram เธอทำเงินได้ราว 20 ล้านเหรียญในปีที่แล้วตามการประเมินของ Forbes และชื่อเสียงก็นำเธอไปสู่โอกาสอื่นๆ นอกโซเชียลมีเดีย เธอได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Louis Vuitton, Lancome และ Cartier รวมถึงแบรนด์หรูอื่นๆ ที่หลงใหลใน Emmaverse หรือโลกที่เธอสร้างขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ระยะหลัง Chamberlain จะอยู่ในโลกที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง แต่เธอยังคงมีบุคลิกของสาวข้างบ้านอยู่ และแม้ว่าผู้ติดตามของเธอส่วนใหญ่จะไม่เคยเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ใน Milan และ Paris หรือถ่ายวิดีโอช่วงเตรียมตัวก่อนไปงาน Met Gala อันโด่งดังใน New York แต่ความเป็นตัวของตัวเองของเธอคือสิ่งที่ทำให้คนเจน Z ชื่นชอบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทุกวันนี้เธอใช้ความรู้สึกที่จับต้องได้รวมถึงจำนวนผู้ติดตามมหาศาลของเธอในการขยายธุรกิจสตาร์ทอัพ Chamberlain Coffee ของเธอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ฉันก็ชงเองดื่มเองที่บ้านเหมือนทุกคนนั่นแหละ” Chamberlain ซึ่งอยู่ในทำเนียบ Forbes 30 Under 30 ปี 2021 เล่า “หลายๆ ครั้งการทำกาแฟก็ทำให้รู้สึกกดดันมาก และสิ่งที่จุดประกายฉันคือ ความคิดที่ว่าจะสร้างแบรนด์ที่ทำให้รู้สึกตรงกันข้ามได้อย่างไร” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/jbRpABoBgy9PLWc6nV1J.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jbRpABoBgy9PLWc6nV1J.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"></figure></div>​​​&nbsp; &nbsp;&nbsp;Chamberlain Coffee ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ด้วยความช่วยเหลือจาก UTA Ventures ภายใต้ United Talent Agency และระดมทุนได้ 15 ล้านเหรียญจากนักลงทุนซึ่งรวมถึง Blazar Capital และ Volition Capital ผลิตภัณฑ์มีตั้งแต่กาแฟคั่วบดไปจนถึงผงมัทฉะ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งเปิดตัวลาเต้กระป๋องพร้อมดื่ม ตั้งแต่ปี 2022-2023 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดย Forbes ประมาณการว่า มีมูลค่าถึง 7 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว&nbsp; &nbsp; “ฉันคลั่งไคล้พวกผลิตภัณฑ์กาแฟมาโดยตลอด” Chamberlain บอก “ก็เลยมีภาพฝันอยู่ในใจ แล้วก็บอกตัวเองว่า ‘หวังว่าฉันจะเก่งพอที่จะทำมันได้’” &nbsp; &nbsp; Chamberlain โตมาในย่านอ่าว San Francisco ช่วงฤดูร้อนก่อนขึ้นเกรด 11 เธอต้องต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตและเพิ่งสอบขับรถไม่ผ่าน (ซึ่งทำให้รู้สึกแย่ลงไปอีก) เธอจึงสร้างช่อง YouTube เพื่อเป็นที่พักใจ โดยเริ่มทำวิดีโอเกี่ยวกับแฟชั่นและความงามที่เธอเรียกว่า “เรียบร้อยและเหมาะสม” แต่ทำได้ไม่นานก็เริ่มเบื่อสไตล์นี้และตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มที่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมในรูปแบบใหม่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เธอเล่าว่า “ตอนนั้น (การเป็นคนตลก) คือเป้าหมายหลัก มันกลายมาเป็นรูปแบบศิลปะของฉัน” เธอจะถามตัวเองว่า “ฉันจะทำให้เรื่องธรรมดาๆ น่าสนใจสุดๆ ได้อย่างไร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในไม่ช้าเธอก็พัฒนาสไตล์การตัดต่ออันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ทั้งการใช้ช็อตสั้นๆ การซูมเข้า ฟิลเตอร์แปลกๆ อย่าง warp filter และการพากย์เสียงใส่ความคิดเห็นในฟุตเทจจากเตียงของเธอ ในปี 2018 หรือ 1 ปีหลังจากประกาศ (ผ่านวิดีโอ YouTube) เรื่องการลาออกจากโรงเรียน เธอมีสมาชิกถึง 1 ล้านคน เธอย้ายไปอยู่Los Angeles คนเดียวและเริ่มสร้างทีมเพื่อยกระดับอาชีพของเธอ&nbsp;ภายในปี 2019 เธอได้รับเชิญให้เข้าชมโชว์ของ Louis Vuitton ที่ Paris Fashion Week และอีก 1 ปีต่อมาก็เปิดตัวพอดแคสต์ชื่อ Anything Goes ซึ่งทำให้เธอได้ทำสัญญากับ Spotify เป็นเวลาหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากใช้เวลา 1 ปีแบบเงียบกว่าเคยบน YouTube และหันไปทำวิดีโอแนวสารคดีมากขึ้น ตอนนี้เธอกำลังเตรียมกลับสู่แพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ “ฉันกำลังสร้างความสัมพันธ์กับ YouTube ขึ้นมาใหม่ และหาทางทำให้มันส่งต่อพลังงานดีๆ และสนุกสนาน” เธอเล่า “ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันชอบจริงๆ คือคอนเทนต์วิดีโอ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะยังคงสร้างคอนเทนต์เพื่อโปรโมต Chamberlain Coffee “ฉันคลั่งไคล้มันมาตลอดก่อนจะเริ่มทำ YouTube เสียด้วยซ้ำ” เธอเล่าถึงอุตสาหกรรมกาแฟ “มันเป็นส่วนหนึ่งของฉันและของพ่อแม่ฉันด้วย นี่คือสิ่งที่เราเป็น” จนถึงทุกวันนี้เธอก็ยังยืนยันว่า San Francisco มีกาแฟที่ดีที่สุดในโลก ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/world/europe/richard-mille-watchs-june-2024" alt="Richard Mille แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสกับกลยุทธ์เจาะตลาดเอเชีย">Richard Mille แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสกับกลยุทธ์เจาะตลาดเอเชีย</a>​<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px; width: 300px;"><a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="320,420" data-image-link="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="1"></a></figure></div>

Emma Chamberlain การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสตาร์ทอัพฉบับคนรักกาแฟ

<h2>ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียอย่างง่ายดาย ใครๆ ก็สามารถสร้างสรรค์และแบ่งปันคอนเทนต์ของตัวเองได้ ทำให้อินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นอาชีพใหม่มาแรงที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน หนึ่งในนั้นอาจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคุณ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลสำรวจล่าสุดของ IZEA แพลตฟอร์มการตลาดและเทคโนโลยีอินฟลูเอนเซอร์ได้ทำการสำรวจผู้พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกากว่า 1,200 คน ที่นิยามตัวเองเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือไม่ก็ตั้งใจจะประกอบอาชีพนี้ พบว่า 54% ของผู้ที่มีอายุ 18-60 ปีบอกว่าพวกเขาจะลาออกจากงานหากสามารถเลี้ยงชีพด้วยการเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโลกโซเชียลแบบฟูลไทม์ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่กำลังพลิกโฉมการทำงานแห่งอนาคตครับ” Ted Murphy ซีอีโอ IZEA เผยกับสำนักข่าว Business Insider “สิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลกำลังปรับเปลี่ยนโมเดลการจ้างงานให้ต่างออกไปจากเดิม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันที่จริง 26% ของผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามบอกว่าพวกเขามองตัวเองเป็นอินฟลูเอนเซอร์ไปแล้ว เพราะพวกเขาใช้เวลาบนโลกออนไลน์ค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่แล้วยังคงดิ้นรนกับการทำงานอื่น โดย 59% บอกว่าพวกเขามีงานประจำทำอยู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากพูดถึงพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน ไม่ว่าจะ TikTok, Instagram และแพลตฟอร์มอื่นๆ พบว่า ผู้คนต่างแชร์ประสบการณ์เฉพาะตัวหลากหลายรูปแบบ เช่น การท่องเที่ยว การเงิน แฟชั่น ฯลฯ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มีผู้ติดตาม ผู้ชมออนไลน์จำนวนมาก จะเริ่มมีรายได้จากช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเซ็นสัญญาทำงานกับแบรนด์ การโปรโมตสินค้า และสตรีมอื่นๆ จนทำให้หลายคนเลือกออกจากงานประจำเพื่อเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ จากผลสำรวจ IZEA พบว่า 36% ของอินฟลูเอนเซอร์ที่เข้าร่วมทำแบบสำรวจมีรายได้เฉลี่ย 100,000 - 199,000 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2022&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อเม็ดเงินมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นทำให้ Emarketer คาดการณ์ว่า ปี 2024 นี้เม็ดเงินที่นักการตลาดในสหรัฐฯ ใช้จ่ายไปกับคอนเทนต์สปอนเซอร์จะเพิ่มขึ้นแตะ 8.14 พันล้านเหรียญ เติบโต 16% เทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Business Insider ชี้ว่า การยึดงานนี้เป็นแหล่งรายได้หลักอาจไม่มั่นคงนัก จึงทำให้อินฟลูเอนเซอร์ฟูลไทม์หลายคนยังเลือกกลับไปทำงานบริษัท เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และผลประโยชน์จากการทำงานร่วมกับมืออาชีพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มุมมองเกี่ยวกับการเป็นอินฟลูเอนเซอร์แบบฟูลไทม์มักจะดูสวยงามกว่าความเป็นจริง” Mitchie Nguyen คอนเทนต์ครีเอเตอร์กล่าว และบอกด้วยว่างานนี้เหงากว่าที่คิด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายคนที่สร้างรายได้จากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้มากกว่างานประจำที่บริษัท และเลือกจะลาออกจากงาน เช่น กรณีของ Ariana Nathani ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์บน TikTok และจัดรายการพอดแคสต์ อินฟลูเอนเซอร์สาวรายนี้ทิ้งตำแหน่งงานประจำที่ Johnson &amp; Johnson เพื่อมาทุ่มเทให้กับงานบนโซเชียลมีเดียของเธอเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การออกจากงานเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่มาก แต่ฉันหวังว่าทุกวินาทีและหยาดเหงื่อที่ทุ่มเทลงไปจะผลิดอกออกผลค่ะ” เธอให้สัมภาษณ์กับ Business Insider โดยรายได้ส่วนใหญ่ของเธอมาจากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ต่างๆ เช่น Bumble และ About Time Coffee ผ่านการโพสต์คอนเทนต์สปอนเซอร์ โดยเธอทำเงินจากช่องทางนี้ 49,700 เหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานของ IZEA พบว่าผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่เข้าร่วมทำแบบสำรวจ 64% ยินดีตกลงรับค่าตอบแทนเพื่อให้แบรนด์ต่างๆ ใช้พื้นที่ของพวกเขาเพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงระหว่างปริมาณเวลาที่คนๆ หนึ่งใช้ไปกับโลกออนไลน์และโอกาสที่จะได้รับการจ้างให้โพสต์คอนเทนต์ ผู้ที่ใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันบนโลกโซเชียลมีโอกาสทำเงินมากกว่าถึง 4.4 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สถิติชี้ชัดว่าการลงทุนด้านเวลาเพื่อสร้างตัวตนในโลกออนไลน์และผลิตคอนเทนต์สำหรับผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนมาเป็นโอกาสทางการเงินและเพิ่มความสำคัญของโซเชียลมีเดียที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจปัจจุบันได้” Murphy จาก IZEA กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/andy-jassy-amazon-ceo-leadership-earning-trust" alt="‘สร้างความเชื่อใจ’ หลักการของผู้นำ Amazon ที่ไม่ใช่แค่ ‘ใจดีให้พนักงานรัก’">‘สร้างความเชื่อใจ’ หลักการของผู้นำ Amazon ที่ไม่ใช่แค่ ‘ใจดีให้พนักงานรัก’</a>​ภาพ: Pexels เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/3-things-to-successful-warren-buffett" alt="พาตัวเองไปอยู่กับคนเก่ง ไม่หยุดเรียนรู้ และเป็นที่รัก 3 คำแนะนำสู่ความสำเร็จจาก Warren Buffett">พาตัวเองไปอยู่กับคนเก่ง ไม่หยุดเรียนรู้ และเป็นที่รัก 3 คำแนะนำสู่ความสำเร็จจาก Warren Buffett</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘อินฟลูเอนเซอร์’ อาชีพมาแรงยุคดิจิทัลที่ชาวอเมริกันกว่า 50% อยากทำเป็นงานประจำ

<h2>YDM Thailand เผย เทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงปี 2024 แนะกลยุทธ์ 5 ข้อ ใช้ Content Creator สร้างแบรนด์ พร้อมโชว์เคสจากการใช้ KOL อินฟลูเอนเซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สร้าง Engagement เพิ่ม 50% และเพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดใน South East Asia ในระยะเวลา 1 เดือน </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ YDM&nbsp;เผยว่า เทรนด์มาร์เก็ตติ้งปีนี้ การสื่อสารแบรนด์อาจไม่ได้จบเพียงแค่สื่อโฆษณาผ่านทีวี ออนไลน์ หรือป้ายโฆษณา เพราะเป็นยุคที่แบรนด์ต้องปรับตัวใช้กลยุทธ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ KOL และอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งถือเป็นเทรนด์มาร์เก็ตติ้งมาแรงในปี 2024 โดยพบว่าผู้บริโภคมากกว่า 46% เลือกเชื่อข้อมูลแนะนำ หรือการรีวิวใช้จริงในออนไลน์จากผู้บริโภคคนอื่น พอ ๆ กับการเชื่อคำแนะนำจากคนใกล้ชิดหรือครอบครัว สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาแต่ละวันมากกว่า 5 ชั่วโมงไปกับโซเชียลมีเดีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยแต่ละกลุ่มเจเนอเรชั่นต่างเลือกเสพสื่อบนแต่ละแพลตฟอร์มที่ต่างกัน อาทิ ในกลุ่ม Gen X ใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Tiktok ขณะที่ Gen Y เลือกใช้แพลตฟอร์ม Facebook รองลงมาคือ Youtube, Instagram, Tiktok และกลุ่ม Gen Z ใช้แพลตฟอร์ม Tiktok มากที่สุด รองลงมาคือ Instagram และ Youtube <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/kRFArqz1SZTUEMWe1myQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kRFArqz1SZTUEMWe1myQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อผู้บริโภคเข้าถึงโซเชียลมีเดียบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้มีพื้นที่สื่อสาร สร้างสตอรี่เทลลิ่ง แสดงความคิดเห็นที่เป็นตัวเองที่นำไปสู่โอกาสจากผู้เล่นโซเชียลกลายเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวมคนไทยที่ใช้งานโซเชียลมีเดีย เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร และเพื่อความบันเทิงต่างๆ ทำให้แบรนด์จำเป็นต้องเข้าถึงแก่นแท้ของกลเม็ดในการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์เพื่อการสร้างแบรนด์ โดย YDM แนะ 5 ขั้นตอน ดังนี้1. กำหนดเป้าหมายแบรนด์ให้ชัดเจน ต้องรู้ตำแหน่งของแบรนด์ในตลาด และกำหนดความต้องการของแบรนด์ในการสื่อสารสู่เป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อสร้างการรับรู้ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สร้างการมีส่วนร่วม หรือเพื่อสร้างยอดขาย เป็นต้น2. ทำความเข้าใจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โดยเฉพาะบทบาทของคอนเทนต์ครีเอเตอร์แต่ละกลุ่ม ที่มีจุดแข็งต่างกัน เช่น อินฟลูเอนเซอร์ แค่ชูผลิตภัณฑ์ก็สามารถทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการจนทำให้ขาดในตลาด และ KOL เน้นมุมมองการแสดงความเห็นอันทรงพลัง พูดอะไรคนก็เชื่อถือ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์สตอรี่เทลลิ่งผ่านไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ และ Mix บางคนเป็นหลายอย่าง เป็นทั้ง KOL + คอนเทนต์ครีเอเตอร์ นำเสนอเรื่องราวยาก ๆ ผ่านการทำคอนเทนต์แนวเล่าให้ง่าย สนุก ไปพร้อม ๆ กัน3. ใช้เทคโนโลยีช่วยเลือก การดึงเทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์เลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญที่ตอบโจทย์เหมาะกับแบรนด์ ทั้งไลฟ์สไตล์ รูปแบบคอนเทนต์ มีฐานแฟนคลับหรือผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการสื่อสารเดียวกับแบรนด์ โดย YDM มองเห็นบทบาทความสำคัญในส่วนนี้ ในการพัฒนาเครื่องมือ AI ช่วยวิเคราะห์การเลือกใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนทุกแคมเปญการตลาดให้กับทุกแบรนด์พาร์ทเนอร์อย่างมีศักยภาพที่สามารถวัดผลได้ในระยะเวลาที่กำหนด4. คอนเทนต์สร้าง Trust ต้องไม่ยัดเยียด ให้พื้นที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้สร้างเรียลคอนเทนต์ บนสตอรี่เทลลิ่งผ่านคาแรกเตอร์และไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ตีกรอบหรือยัดเยียดคอนเทนต์แบรนด์เข้าไปในการสื่อสารมากเกินไป เพราะอาจทำให้กลบจุดเด่นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่เป็นตัวเอง คอนเทนต์ก็จะไม่สนุก และอาจจะส่งผลต่อ Engagement5. วัดผลให้ได้ กำหนดตัวชี้วัดเกณฑ์ความสำเร็จที่ชัดเจน เช่น online วัดผลผ่านการแทรค Offline ต้องทำ Correlation เพื่อหาความสัมพันธ์ในการใช้ KOL กับยอดขาย ส่วน KOL ไม่ใช่ one time marketing แต่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงวัดผลได้ และที่สำคัญแบรนด์ไม่ควรมองข้ามการลงทุนกับอินฟลูเอนเซอร์กระแสที่มีค่าตัวสูง แม้จะกระตุ้นยอดขายได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหลายแบรนด์อาจมองว่าเหมือนจะไม่คุ้ม หรือขาดทุน แต่ทางกลับกัน การลงทุนดังกล่าวเป็นหนึ่งในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนรู้จัก จดจำแบรนด์ได้ เปิดใจทดลองผลิตภัณฑ์ เพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/wXNgu4wCBNfusWxEyoo6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wXNgu4wCBNfusWxEyoo6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แนวคอนเทนต์ทรงพลังเพิ่ม Engagement ให้แบรนด์ คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญมากในการร่วมงานกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งแนวคิดที่แบรนด์ควรตระหนักคือ 1. ครีเอทีฟคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างอย่างมีไลฟ์สไตล์ 2. ตามเทรนด์ กระแสที่ถูกพูดถึงในช่วงเวลานั้น เทรนด์มาต้องทำเลย ก่อนตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็น แอคติ้ง เพลง แฮชแท็ก กระแสต่างๆ ในโซเชียลแพลตฟอร์ม แต่ข้อควรระวัง คือต้องวิเคราะห์ภาพลักษณ์และความเหมาะสม เพราะไม่ใช่ทุกเทรนด์ที่แบรนด์จะเกาะกระแสได้ 3. Unknown fact การนำเสนอคอนเทนต์แบบที่คนไม่เคยรู้มาก่อน จะสร้างความน่าสนใจ 4. Build Discussion เช่น ทานหมี่หยก “ทีมลวก/ไม่ลวก” คอนเทนต์ที่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นหรือถกเถียงกันต่อ และ 5. คอนเทนต์เหมาะกับ Platform เช่น Tiktok ต้องเสนอเป็นวิดีโอสั้น ๆ ดูเรียล Facebook เสนอเป็นภาพหรือ Photo album หรือ IG เน้นรูปสวย Reels ดูดีมีระดับตั้งแต่ภาพแรก” ธนพล กล่าวเสริม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี หากแบรนด์ดำเนินกลยุทธ์การตลาดอย่างถูกต้อง จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผลลัพธ์ตามเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างโชว์เคสของ YDM จากกลุ่มธุรกิจ Streaming Platform ดึง KOL อินฟลูเอนเซอร์ ผสมคอนเทนต์ครีเอทีฟ สามารถสร้างผลลัพธ์เพิ่ม Engagement มากขึ้น 50% และเพิ่มยอด New streaming สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะเวลา 1 เดือน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/rit-thirakomen-mk-group-to-expand-portfolio" alt="เปิดแผน ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ แห่ง MK เตรียมดึงร้านอาหารญี่ปุ่นเข้าไทยปีนี้ ขยายพอร์ต เปิดร้านเพิ่ม ดันฝัน 1,000 สาขา">เปิดแผน ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ แห่ง MK เตรียมดึงร้านอาหารญี่ปุ่นเข้าไทยปีนี้ ขยายพอร์ต เปิดร้านเพิ่ม ดันฝัน 1,000 สาขา</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events