<h2>Trip.com กระตุ้นท่องเที่ยวไทย! จับมือ ททท. และ One Bangkok เปิดตัวแคมเปญ “มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุดกับ Trip.com” เนรมิต 3 สถานี BTS เป็นแลนด์มาร์กสุดปัง พร้อมออกบัตร BTS รุ่นพิเศษ ใช้แลกเครื่องดื่มฟรี-รับส่วนลดร้านค้ากว่า 18 ร้านใน One Bangkok ได้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Edison Chen รองประธาน Trip.com Group กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับ Trip.com และแคมเปญ ‘มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด' นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเปลี่ยนโฉม 3 สถานี BTS พร้อมกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างหมุดหมายทางการตลาด แต่ยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีการเดินทางกับประสบการณ์จริง เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ ททท. และ One Bangkok เราจะสามารถยกระดับการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/Z4dP6L66msDBd9JNBwGe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="Z4dP6L66msDBd9JNBwGe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>Edison Chen</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร่วมมือระหว่าง Trip.com การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ One Bangkok มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยร่วมกันสร้างบัตรโดยสาร BTS รุ่นพิเศษสำหรับสร้างความตระหนักรู้ในการเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางง่ายๆ ได้ด้วยรถสาธารณะ และมอบสิทธิประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/Pxdb6A5Eu7dRsW3zuqQZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="Pxdb6A5Eu7dRsW3zuqQZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยสนับสนุนให้นักเที่ยวเลือกใช้การเดินทางที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่ได้สัมผัสของดีที่สุดในกรุงเทพฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไทย ประเทศไทยของเราอาจไม่ได้ต้องการแค่การมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่เราต้องการการเดินทางที่มีคุณภาพสูงสุด และยั่งยืนด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเดินทางทำให้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่จับต้องได้ โดยบัตร BTS รุ่นพิเศษ จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการเดินทางที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน เรากำลังพิสูจน์ว่าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องลดคุณภาพ ทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้สถานประกอบการในศูนย์การค้า One Bangkok นี่จึงมีคุณค่ามากกว่าตัวเลือกการเดินทางแบบเดิมๆ” กิตติพงษ์กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/rwDTPwkmCM8csU9FSx8o.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="rwDTPwkmCM8csU9FSx8o.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS รุ่นพิเศษ ‘Trip.com Travel Card’ มุ่งส่งเสริมให้นักเที่ยวได้เข้าถึงระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งได้รับสิทธิพิเศษที่ วัน แบงค็อก อย่างครบครัน โดยเพียงแค่แสดงบัตรเดินทาง BTS Trip.com ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่วัน แบงค็อก ผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษพิเศษมากกว่า 18 รายการ เพื่อยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร และการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-เครื่องดื่มฟรีที่ Food Street &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-คูปองเงินสด 50 บาทสำหรับใช้ที่ Food Street &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดสูงสุด 10% จากแบรนด์ยอดนิยมที่มากกว่า 40 ร้านค้า &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดพิเศษ 5% ที่ร้านอาหาร 15 แห่งภายใต้กลุ่ม Food of Asia &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ของขวัญพิเศษที่ร้านค้าและร้านอาหารที่เข้าร่วม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/1oG6EtVgNkxbXZFy9RdY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="4" data-file-name="1oG6EtVgNkxbXZFy9RdY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฤดีพรรณ เต็มชื่น ผู้อำนวยการภูมิภาคฝ่ายการตลาดและความสัมพันธ์ภาครัฐ Trip. com Group กล่าวว่า “บัตร BTS Trip.com ในเฟสแรกเราจะแจกฟรีให้กับนักท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกของ Trip.com โดยแจกที่สนามบิน นักท่องเที่ยวเพียงแค่โชว์หน้าแอปพลิเคชั่นว่าเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกระดับใดก็รับบัตรนี้ได้ ทั้งนี้ เฟสหนึ่งเริ่มแจกมาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผ่านพันธมิตรต่างๆ และจะแจกฟรีทั้งหมด 10,000 ใบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ส่วนเฟสที่สองจะจำหน่ายบนแอปพลิเคชั่นของ Trip.com ซึ่งทุกคนสามารถซื้อบนแอปได้เลย ซึ่งเฟสสองคาดว่าจะเริ่มในปีหน้าช่วงเทศกาลตรุษจีน”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/yVwvMDdVrDY1WitXqJNK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="5" data-file-name="yVwvMDdVrDY1WitXqJNK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>ฤดีพรรณ เต็มชื่น</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฤดีพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า บัตรนี้นอกจากจะเป็นบัตรแรบบิทที่ใช้เติมเงินเพื่อเดินทางรถไฟฟ้า BTS แล้ว ยังใช้เป็นบัตรสำหรับแตะใช้จ่ายในร้านค้าที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิท และในระยะต่อไป จะมีการรวบรวมสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นอีกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย รวมถึงยังมีแผนว่าจะขยายสิทธิประโยชน์ไปยังศูนย์การค้าอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อย่างที่เราเห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองรถติด การร่วมมือกันครั้งนี้ เราคาดหวังว่าอยากให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักกับการเดินทางสาธารณะของไทยให้มากขึ้น และเข้าใจว่าการเดินทางด้วยรถสาธารณะของไทยเป็นเรื่องง่าย สามารถหลีกเลี่ยงรถติดด้วยการขึ้น BTS ต่อเรือ เป็นต้น ซึ่งช่วยประหยัดเวลาการเดินทางไปในแต่ละจุดหมายปลายทาง และ enjoy กับสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งได้มากขึ้น” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/5u11vDUzSKSHFXjDtpqw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="6" data-file-name="5u11vDUzSKSHFXjDtpqw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ นอกจากเปิดตัวบัตร BTS รุ่นพิเศษแล้ว ภายใต้แคมเปญนี้ยังเปลี่ยนโฉม 3 สถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้งสถานีให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่แห่งการท่องเที่ยวและการเดินทาง ได้แก่ สถานีพร้อมพงษ์ สถานีชิดลม และสถานีช่องนนทรี เพื่อทำให้ข้อความ “มูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด” ของแคมเปญเป็นจริงขึ้นมาในสามจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/10/hRfpZ7rU8VzwnivE5YLx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="7" data-file-name="hRfpZ7rU8VzwnivE5YLx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแคมเปญมูฟออนให้สุด เที่ยวไม่สะดุด ที่ Trip.com จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ Trip.com ที่จะมอบการเดินทางที่สะดวกและราบรื่นให้กับนักเดินทาง แคมเปญนี้ตอบโจทย์สิ่งที่นักเดินทางใส่ใจที่สุด คือบริการช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้าเมื่อต้องการความช่วยเหลือ ราคาที่แน่นอนโปร่งใสไม่บวกเพิ่ม โดยแคมเปญนี้เน้นย้ำจุดเด่นของ Trip.com ที่สำคัญคือ:&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง: ฝ่ายบริการลูกค้าคอยช่วยเหลือทุกวัน ตลอดเวลา ในหลากหลายช่องทางที่ติดต่อสะดวก ไม่ต้องรอนาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ราคาโปร่งใส: ราคาที่เห็นตรงกับราคาที่จ่ายจริง ไม่มีการบวกเพิ่มหรือค่าใช้จ่ายแอบแฝง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ Trip.com เป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวครบวงจร ซึ่งให้บริการครอบคลุม 24 ภาษา ใน 40 ประเทศ รองรับ 35 สกุลเงิน โดยมีเครือข่ายโรงแรมและเที่ยวบินที่หลากหลายและครอบคลุม ประกอบด้วยที่พักและเที่ยวบินมากกว่า 1.7 ล้านแห่งจากสายการบินกว่า 640 ราย ครอบคลุมสนามบิน 3,400 แห่ง ใน 220 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ภาพ: Trip.com เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/trip-com" alt="ซื้อทริปเที่ยวใน Live! ไปเมืองนอกเพื่อดูคอนเสิร์ต เปิด 5 เทรนด์ท่องเที่ยวมาแรง จากรายงานของ Trip.com และ Google">ซื้อทริปเที่ยวใน Live! ไปเมืองนอกเพื่อดูคอนเสิร์ต เปิด 5 เทรนด์ท่องเที่ยวมาแรง จากรายงานของ Trip.com และ Google</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดตัว Trip.com Travel Card บัตร BTS รุ่นพิเศษสุดคุ้ม! ใช้แลกน้ำฟรี-รับส่วนลดร้านค้าใน One Bangkok ได้

<h2>หลายปีมานี้มีข่าวคราวที่ BTS หรือ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประกาศทวงหนี้ ‘กรุงเทพมหานคร’ หลายครั้งผ่านการทำคลิป VDO ทวงหนี้ให้ประชาชนที่ใช้บริการได้ดูระหว่างนั่งรถ BTS จนล่าสุด (30 ก.ค.67) ที่ ‘คีรี กาญจนพาสน์’ ประธานกรรมการ ของ BTS มาแถลงข่าวด้วยตนเอง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ให้ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&amp;M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน - วงเวียนใหญ่ - บางหว้า และช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง (พ.ค. 62 ถึง พ.ค. 64) และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต (เม.ย. 60 ถึง พ.ค. 64) จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/JNByPtDZ8kWWQmMmTLwQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JNByPtDZ8kWWQmMmTLwQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>​คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS​</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทาง ‘คีรี กาญจนพาสน์’ ประธานกรรมการ BTS เล่าว่า BTS ใช้เวลา 3 ปีในการชี้แจงกรณีนี้ โดยคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุดในครั้งนี้ จะเป็นแนวทางในการพิจารณาคดีในหนี้ส่วนที่เหลือต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“BTS ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง จนได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี” คีรี กล่าว ส่วนมูลหนี้ที่ยังคงค้างอยู่นั้น ทาง BTS พร้อมจะเจรจากับกทม. และ KT ในการหาทางออกร่วมกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ยอดหนี้คงค้างที่เกิดจาก ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงสิ้นสุด ณ 25 ก.ค. 2567 ได้แก่ 39,402 ล้านบาท แบ่งเป็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2567 ที่ให้กทม. และ KT ร่วมกันชำระให้กับบีทีเอสเป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 ให้กทม. และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับบีทีเอสของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (หนี้ค่าจ้างตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ถึง ต.ค. 2565) เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ถึง มิ.ย. 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585 (ส่วนนี้ทาง BTS ไม่ได้ระบุยอดเงินไว้) ภาพ: BTS เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/singhaestate-the-extro-rangnam-new-premium-luxury-condominium" alt="สิงห์ เอสเตท ขยายพอร์ตพรีเมียม-ลักชัวรี เปิดตัว THE EXTRO พญาไท-รางน้ำ เริ่มต้น 7.89 ล้านบาท"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/it/scbx-announces-termination-of-robinhood-application-service" alt="SCBX แจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2567"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/scbx-robinhood-food-delivery-july-2024" alt="SCBX ประกาศเลื่อนปิดแอปฯ Robinhood เฉพาะส่วน Food delivery 'ออกไปก่อน' เผยคนสนใจซื้อกิจการเยอะ"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/sec-press-briefing-july-2024" alt="ก.ล.ต. เร่งศึกษาตั้งกองทุนเยียวยาฯ ชดเชยความเสียหายนักลงทุน ส่วน Thai ESG พร้อมปรับเกณฑ์แล้ว">ก.ล.ต. เร่งศึกษาตั้งกองทุนเยียวยาฯ ชดเชยความเสียหายนักลงทุน ส่วน Thai ESG พร้อมปรับเกณฑ์แล้ว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;

สรุปยอดหนี้ 39,402 ล้านบาท ที่ ‘กทม.’ ยังค้างกับ BTS กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีอะไรบ้าง

<h2>BTS เปิดเผยงบการเงินปี 66/67 แม้รายได้รวมอยู่ที่ 24,387 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย แต่กลับมีผลขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนจากการขายหุ้น เคอรี่ หรือ KEX ออกที่ 4,363 ล้านบาท จับตาผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสีชมพู - เหลือง ที่คนใช้ยังน้อย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ เปิดเผยว่า ปี 2566/2567 (สิ้นสุด ณ 31 มี.ค. 67) ว่า แม้รายได้รวม 24,387 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) รายได้ยังเพิ่มขึ้นจาก รายได้ดอกเบี้ยรับ และรายได้การบริการ แต่ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,241 ล้านบาท จาก 3 สาเหตุหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุน&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 4,363 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ส่วนใหญ่มาจากแรบบิท โฮล ดิ้งส์ ควบคู่กับส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 8,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อนหน้า โดยมีค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 24.7% จากปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักกว่า 67% ยังคงมาจากธุรกิจ MOVE ที่เป็นระบบขนส่งมวลชลทางราง และบริการเดินรถ ฯลฯ มีรายได้ 12,003 ล้านบาท ลดลง 2.4%YoY ธุรกิจ MIX เช่น ธุรกิจสื่อโฆษณา บริการดิจิทัล มีสัดส่วน 28%) มีรายได้ 5,112 ล้านบาท ลดลง 0.5%YoY ธุรกิจ MATCH ที่มีสัดส่วน 5% มีธุรกิจเช่น บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น มีรายได้ 851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7%YoY&nbsp; &nbsp; สินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค. 2567 อยู่ที่ 272,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยลูกหนี้ภายใต้สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ และลูกหนี้ภายใต้สัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ (E&amp;M) เพิ่มขึ้นจำนวน 7,932 ล้านบาท จาก 31 มี.ค. 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ประเมินว่าของธุรกิจภายใต้บีทีเอส กรุ๊ป ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ตามสัญญากับทั้ง กทม. และภาครัฐ แต่ในปี 2566/67 บริษัทฯ ไม่ได้รับชำระรายได้ตามสัญญาดังกล่าวจากกทม. อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางกฎหมายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีข้อกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจาก กทม. ได้ชำระเงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระหนี้ E&amp;M จำนวนประมาณ 23,300 ล้านบาท เมื่อ 2 เม.ย. 2567 บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการชำระคืนหนี้ O&amp;M ในไม่ช้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันในปี 2567/2568 รายได้ของธุรกิจ MOVE คาดว่าจะลดลงจากรายได้จากการให้บริการรับเหมาที่ลดลง เนื่องจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่แล้วเสร็จ แต่ยังทำกำไรยังจำกัดจากจำนวนเที่ยวเดินทางของผู้โดยสารอยู่ในระยะแรก (สะท้อนถึงจำนวนผู้ใช้งานยังไม่มากนัก)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนธุรกิจ MIX ด้านรายได้ทาง VGI คาดการณ์รายได้สำหรับปี 2567/68 อยู่ในกรอบ 6,000 - 6,500 ล้านบาท&nbsp;และได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดใน KEX ไปเมื่อ 22 มี.ค. 2567 เพื่อเลี่ยงการขาดทุนที่ส่งผลกระทบต่องบการเงินดังที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจ MATCH คาดว่าปี 2567/2568 จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นากแรบบิท โฮลดิ้งส์และ TNL เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/coca-cola-300-ml-use-plastic-recycle" alt="ขายแล้ว ‘โค้ก’ ไซส์ 300 มล. ใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100%"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/other/b-grimm-power-malacha-hydropower-plant" alt="บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ">บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events