<h2>กรุงไทย คาร์เร้นท์ฯ โชว์กำไรสูงสุดในอุตสาหกรรมรถเช่า รถมือสอง สวนกระแสตลาดภาพรวม 30,000 ล้านบาท หดตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ชูกลยุทธ์ “Service and Quality Exellence” สร้างความต่าง สร้างความมั่นใจลูกค้า ขณะที่แนวโน้มตลาดรถมือสองราคาตกลงต่อเนื่อง ถูกรถอีวีแย่งตลาด คาดปี 2568 ฟื้นตัว เตรียมงบลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท ขยายพอร์ตรถยนต์เพิ่ม คาดรายได้-กำไรโตต่อเนื่อง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR ผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมรถเช่าและรถมือสองกว่า 20 ปี เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรถเช่าและรถมือสองในปีที่ผ่านมาหดตัวลง โดยอุตสาหกรรมรถเช่ามีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มขนส่ง (Logistics) แต่มีการเติบโตในกลุ่มลูกค้าที่ธุรกิจฟื้นตัวจากโควิด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ตลาดรถยนต์มือสองได้รับผลกระทบจากสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ หนี้เสียและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ตลาดรถยนต์มือสองขายยากขึ้น และราคาตกลงถึง 30%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/CsboAGUahjJ2RtN7fWTd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CsboAGUahjJ2RtN7fWTd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“รถอีวีเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างของตลาดรถในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ปีนี้ รถอีวียังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก จากแนวโน้มราคาที่ลดลง รวมถึงเทคโนโลยี และความประหยัดเรื่องราคาพลังงาน ทำให้คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงเซกเมนต์ระดับบน ก็ถูกรถอีวีอย่างเทสล่าแย่งตลาดไปพอสมควร ทำให้ตลาดรถมือสองได้รับผลกระทบ” พิชิตกล่าว&nbsp;“อย่างไรก็ตาม การใช้รถอีวียังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาทั้งเรื่องสถานีชาร์จ ระยะทาง และการการันตี ยังมีภาพที่ไม่ชัดเจนนัก ต้องรออีก 3 – 5 ปี ว่าเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันให้ความสนใจเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าซื้อ ด้วยเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในตลาดรถมือสองอีวียังน้อย โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเรื่องการรับประกัน โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่มีราคาสูง ทำให้ผู้ซื้อกังวลภาระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับในธุรกิจรถเช่าสำหรับองค์กรมีความต้องการพอสมควร แต่ยังไม่มากนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์มือสองน่าจะตกลงไปต่ำสุดแล้ว โดยราคาตกลงถึง 30% คาดว่าในปี 2568 ตลาดจะกลับมาฟื้นตัว และมีดีมานด์กลับเข้ามา เพราะหากเทียบค่าครองชีพของคนไทยกับราคารถใหม่ ยังมีช่องว่างที่ค่อนข้างสูง จึงเป็นโอกาสของตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 2,000 ล้านบาท สำหรับขยายพอร์ตรถยนต์ทั้งธุรกิจให้เช่า และรถยนต์มือสอง โดยปัจจุบันมีรถยนต์ในพอร์ตประมาณ 9,000 คัน มีลูกค้าองค์กรเช่าดำเนินงานประมาณ 1,200 คัน โดยบริษัทมีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง กำไรสูงสุดในอุตสาหกรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และกำไรของ KCAR ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 2,280.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 183.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน KCAR มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 4% ขณะที่มีสินทรัพย์รวมเป็นอันดับ 8 มูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) ต่ำสุดที่ 1.5 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้กำไรจากการขายรถงวด 9 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้น 58% สะท้อนถึงการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่สร้างความแตกต่างจากผู้ดำเนินธุรกิจรายอื่น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 900px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/n4iJEjT1ab9WTAPAVgqR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="n4iJEjT1ab9WTAPAVgqR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="900px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="4000,2250" style="width: 900px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;KCAR ผู้ดำเนินธุรกิรรถเช่า ที่มีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นการบริการและคุณภาพเป็นเลิศ “Service and Quality Exellence” เน้นกลยุทธ์การบริหารองค์กรแบบ OPTIMUM สร้างการเติบโตอย่างสมดุลระหว่างการเติบโต กำไร การบริหารความเสี่ยง และผู้มีส่วนได้เสียเพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดรถเช่า รถมือสอง เป็นธุรกิจที่เข้ามาง่าย ไม่มีอุปสรรค แต่เป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ทำให้ยาก และเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เรามองตัวเองว่าเป็นธุรกิจบริการ ไม่ใช่ธุรกิจรถเช่า ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่าง ๆ ในการบริการทุกด้าน ตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่การซื้อรถ การซ่อมบำรุง การบริหารซัพพลาย ทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่าง ทำให้เราเติบโตต่อเนื่อง และมีกำไรสูงอย่างสม่ำเสมอ” พิชิตอธิบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน มูลค่าตามราคาตลาดของ KCAR อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากปี 2548 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยราคาหุ้นไม่เคยต่ำกว่า IPO และมีปันผลตอบแทนอยู่ที่ 5% ต่อปี KCAR เป็นบริษัทที่ไม่เคยขาดทุนตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ แม้จะผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและโควิดที่ผ่านมา และมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี และปี 2567 นี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/the-trend/nontakorn-jittamanonkul-pe-autotrade-launch" alt="นนทกร จิตตมานนท์กุล ต่อยอด พี.อี. เทคนิค สร้างแบรนด์อะไหล่รองรับ “EV”">นนทกร จิตตมานนท์กุล ต่อยอด พี.อี. เทคนิค สร้างแบรนด์อะไหล่รองรับ “EV”</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KCAR โชว์กำไรสูงสุด สวนตลาดรถเช่า-มือสองซบ

<h2>Hertz ผู้ให้บริการเช่ารถรายใหญ่ที่เคยลงทุนมหาศาลกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลับตัดสินใจเดินเกมย้อนกลับ เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้าราว 1 ใน 3 ที่ครอบครองอยู่ออก และนำเงินไปซื้อรถยนต์สันดาปขับเคลื่อนด้วยน้ำมันแบบเดิมแทน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรดาผู้บริหารเผยว่า รถยนต์ไฟฟ้าส่งผลร้ายต่อการเงินของ Hertz เพราะแม้ว่าค่าบำรุงรักษาจะต่ำกว่า แต่ค่าซ่อมแซมเมื่อได้รับความเสียหายและค่าเสื่อมราคากลับสูงกว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ค่าซ่อมรถ EV ที่เกิดการชนและได้รับความเสียหายนั้นสูงกว่าค่าซ่อมรถยนต์สัปดาปถึงสองเท่า” Stephen Scherr ซีอีโอแห่ง Hertz กล่าวในการประชุมทางการเงินของบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกทั้งราคารถ EV ในตลาดรถยนต์มือหนึ่งที่ตกลงก็ยิ่งกดมูลค่าการขายต่อรถ EV ที่ Hertz เคยปล่อยเช่าด้วยเช่นกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ราคาขายปลีกที่แนะนำของผู้ผลิต (MSRP) ในตลาด EV ตลอดปี 2023 อันมี Tesla เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผลักให้ราคากลางในตลาดสำหรับรถ EV ของเราตกต่ำลงเทียบกับปีก่อน รถที่ต้องซ่อมหนักๆ ก่อให้เกิดการขาดทุนมากขึ้น และกลายเป็นภาระหนัก” Scherr อธิบาย&nbsp; &nbsp;&nbsp;พูดง่ายๆ คือ ผู้คนมักยินดีจะจ่ายเงินให้รถที่ผ่านการใช้งานแล้วเป็นมูลค่าน้อยกว่าที่จ่ายให้รถคันใหม่เอี่ยม เมื่อราคาของรถมือหนึ่งถูกลง ย่อมส่งผลกระกอบต่อราคารถที่ผ่านมือมาแล้วเช่นกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;Hertz ประมาณการว่าต้องแบกรับภาระขาดทุนราว 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับค่าเสื่อมสภาพรถ EV โดยตัวเลขเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 12,250 เหรียญ ตามที่ทางบริษัทเผยในเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์&nbsp; &nbsp;&nbsp;และแม้ว่า Hertz จะไม่ได้ชี้เฉพาะไปที่ใคร แต่ดูเหมือนว่า Tesla คือตัวการสำคัญ&nbsp; &nbsp;&nbsp;รถ EV ในครอบครองของ Hertz เกือบ 80% มาจาก Tesla ซึ่งในบรรดารถยนต์ของ Hertz ทั้งหมด มีรถ EV ประมาณ 11% เมื่อ Tesla หั่นราคารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองลง ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นก็ดำเนินรอยตาม พอพวกเขาลดราคารถยนต์มือหนึ่งจึงสะเทือนไปยังตลาดรถยนต์ใช้แล้วที่กำลังขายรถรุ่นเดียวกัน ก่อให้เกิดการเสื่อมราคาอย่างรวดเร็ว&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ให้บริการเช่ารถอย่าง Hertz ที่ต้องขายรถยนต์ใช้แล้วจำนวนมาก ค่าเสื่อมราคานับเป็นผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อธุรกิจ และเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกรุ่นรถมาปล่อยเช่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริหาร Hertz วิเคราะห์ว่า ในฐานะที่ Tesla ค่อนข้างจะเป็นบริษัทหน้าใหม่ อะไหล่รถยนต์ของพวกเขาจึงมีตัวเลือกทดแทนไม่มากนัก เช่นเดียวกับจำนวนช่างซ่อมรถผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ค่าซ่อมรถมีราคาแพงและยังเสียเวลาซ่อมนานอีกต่างหาก&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ยังจำกันได้ไหมครับ ใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีกว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น GM จะสร้างเครือข่ายจัดหาอะไหล่ในระดับนานาชาติได้” Scherr ย้อนความ “ในกรณีของ Tesla ชัดเลยว่าตลาดอะไหล่หลังการขายตัวรถยนต์ไปแล้วนั้นยังต้องพัฒนาอีกมาก”&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากค่าซ่อมที่สูงกว่าเมื่อเกิดการชน Scherr บอกด้วยว่ามีรายงานรถ EV ประสบอุบัติเหตุบ่อยขึ้น แน่นอนว่ารถ Tesla ซึ่งคิดเป็น 80% ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ Hertz ครอบครองอยู่คือส่วนที่มีปัญหามากที่สุด&nbsp; &nbsp;&nbsp;“งานของเรากับ Tesla คือให้ความสำคัญกับสมรรถนะของรถ และลดอัตราการเกิดความเสียหาย” Scherr กล่าว “และเราก็มีส่วนร่วมโดยตรงกับพวกเขาในการจัดซื้ออะไหล่ จัดหาแรงงาน และอื่นๆ” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2024/01/11/business/hertz-tesla-selling/index.html" alt="Hertz is selling 20,000 electric vehicles to buy gasoline cars instead">Hertz is selling 20,000 electric vehicles to buy gasoline cars instead</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/top-20-downloaded-apps-th" alt="20 อันดับแอปพลิเคชันไทย ยอดดาวน์โหลดสูงสุด">20 อันดับแอปพลิเคชันไทย ยอดดาวน์โหลดสูงสุด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Hertz สวนกระแสแก้ขาดทุน ขาย EV ซื้อรถยนต์สันดาปแบบเดิม

พิชิต จันทรเสรีกุล KCAR สปีดรถเช่าบริการไฮบริด

<h2 class="p2">หลังจากอยู่ในธุรกิจมากว่า 100 ปี บริษัทผู้ให้บริการรถเช่า Hertz ก็ได้ยื่นล้มละลาย นับเป็นรายล่าสุดที่ได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังก่อนหน้านี้บริษัทในสหรัฐอเมริกาอย่าง J.C. Penney, J. Crew, Neiman Marcus, Gold’s Gym, Pier 1 และเครือหนังสือพิมพ์ McClatchy ต่างยื่นขอพิทักษ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา</h2>
โดย Hertz ให้บริการเช่ารถยนต์มาตั้งแต่ปี 1918 และรอดจากเหตุการณ์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression), การหยุดผลิตรถในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และภาวะน้ำมันขึ้นราคาหลายต่อหลายครั้ง แต่วิกฤตโควิด-19 สร้างบาดแผลลึกและแรงให้บริษัทให้เช่ารถยนต์รายนี้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การประกาศล้มละลายดังกล่าว Hertz กล่าวว่าบริษัทตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจไปพร้อมๆ กับการปรับโครงสร้างหนี้ และสร้างสถานะการเงินที่ดีครั้งใหม่ให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตาม แม้มันง่ายที่จะบอกว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นความโชคร้ายของบริษัท เช่นเดียวกับที่บริษัทอื่นๆ ต้องบาดเจ็บล้มตายเพราะผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า แต่ในความเป็นจริงเรื่องราวของ Hertz แตกต่างออกไป
ความล้มเหลวของ Hertz รวมถึงบริษัทอื่นๆ ส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุความเฉื่อยและความทะนงตนของตัวเอง รวมถึงการที่พวกเขาไม่รับรู้ถึงเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และปฏิเสธที่จะปรับรูปแบบธุรกิจของตนให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆ

<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/global/%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81-victorias-secret-%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%96%e0%b8%b2.html">ยอดขายดิ่งหนัก! Victoria’s Secret ปิดถาวร 250 สาขาในสหรัฐฯ-แคนาดา</a></li>
</ul>
Wall Street Journal รายงานว่า Hertz Global Holdings Inc. หนึ่งในผู้ให้บริการรถเช่ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีหนี้สินราว 1.9 หมื่นล้านเหรียญ และรถยนต์ราว 700,000 คันที่ให้บริการไม่ได้เนื่องจากไวรัสโคโรน่า
แต่ในความเป็นจริงบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2019 ขาดทุนไปถึง 58 ล้านเหรียญ เป็นการขาดทุนที่ลดลงจากในปี 2018 ที่ขาดทุนไป 225 ล้านเหรียญ ขณะที่ในไตรมาสแรกปีนี้ขาดทุนไปถึง 356 ล้านเหรียญ
ย้อนไปในเดือนมีนาคม ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งให้ Hertz ปลดพนักงานไป 12,000 คน และจะให้พักงานชั่วคราวอีก 4,000 คน ซึ่งคิดเป็น 25% ของพนักงานทั้งหมด
การดำเนินธุรกิจรถเช่านั้นมีการเดินทางเป็นปัจจัยหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถไปเที่ยวช่วงวันหยุดของครอบครัว, นักธุรกิจที่บินไปพบลูกค้า ก็จะใช้บริการเช่ารถจากสนามบินไปใช้ในช่วงระหว่างเยือนประเทศนั้นๆ ซึ่งเมื่อการเดินทางทางอากาศแทบจะหยุดชะงัก ความต้องการเช่ารถจึงลดลงไปอย่างมาก
จริงอยู่ที่ COVID-19 สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงให้กับ Hertz เช่นเดียวกับธุรกิจน้อยใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง แต่บริษัทเก่าแก่แห่งสหรัฐฯ รายนี้ก็บาดเจ็บมานานก่อนที่เราจะได้ยินคำว่าโคโรน่าไวรัสเสียอีก
Hertz นั้นอยู่ในตลาดรถเช่าที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว แต่เมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Uber และ Lyft เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง จึงไม่แปลกที่ธุรกิจรถเช่าแบบเดิมๆ จะถูกโจมตี
ความง่ายของการใช้แอปเรียกรถ ที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปกรอกสัญญาฉบับยาว รอรถและขับออกไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยด้วยตัวเอง เพียงแค่เปิดแอปแล้วกดเรียกคนขับให้พาไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าประสบการณ์ใหม่เหล่านี้สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าได้มากกว่า และกระทบต่อธุรกิจรถเช่าแบบเดิมๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาบางอย่างของ Hertz ก็มาจากการทำร้ายตนเอง โดยบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1918 รายนี้เพิ่งมีการปรับโครงสร้างการทำงานครั้งใหญ่ซึ่งเปลี่ยนซีอีโอไปแล้วถึง 4 คน
ทั้งนี้ การล้มละลายของ Hertz อาจสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นไปได้ว่าบริษัทอาจปลดพนักงานเพิ่มในอนาคตอีก นอกเหนือจาก 16,000 คนที่ปลดออกและให้พักงานไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าบริษัทจะลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานที่เหลือ ส่วนคนที่ให้พักงานชั่วคราวก็จะไม่ถูกเรียกกลับมาทำงานอีก
สำหรับ Hertz นั้นซื้อและเช่ารถมาจาก General Motors และผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ วิกฤตของ Hertz จึงสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ไปด้วย
โดย Hertz จะถูกบังคับให้ขายรถยนต์ และสิ่งนี้จะสร้างแรงกดดันให้กับตลาดรถยนต์มือสองไปด้วย ผู้คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะขายรถยนต์ของตัวเองเพื่อนำเงินมาใช้เนื่องจากต้องตกงาน ก็อาจขายไม่ได้ราคาเท่าแต่ก่อน เพราะมีรถยนต์มือสองในตลาดมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลายคนสันนิษฐานว่า Hertz น่าจะได้รับโอกาสที่จะรอดชีวิต จาก Chapter 11 ที่จะทำให้ Hertz ได้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่ Hertz กล่าวว่า “กระบวนการล้มละลายจะนำไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ที่จะทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในของเราในอนาคต แม้กว่าจะไปถึงวันนั้นก็อาจต้องใช้เวลายาวนาน เนื่องจากต้องต้องอาศัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย”
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/jackkelly/2020/05/23/hertz-files-for-bankruptcy-after-16000-employees-were-let-go-and-ceo-made-over-9-million/?utm_campaign=forbes&amp;utm_source=facebook&amp;utm_medium=social&amp;utm_term=Valerie%2F&amp;fbclid=IwAR3uGH-xNjndtPiAW7hkRkPfHFUsSAG_BQKyQXlT_Z3CONkRG1eU11ysKrs#7c22ea992bca">Hertz Files For Bankruptcy After 16,000 Employees Were Let Go And CEO Made Over $9 Million</a></li>
 	<li><a href="https://edition.cnn.com/2020/05/22/business/hertz-bankruptcy/index.html">Hertz files for bankruptcy</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

โควิด-19 อาจเป็นแค่ปัจจัยเร่งให้ Hertz เป็นอีกบริษัทที่ประกาศล้มละลาย

<h2>ASAP สั่งสมไมล์ทางจากการขับเคลื่อนและประสบการณ์ที่สั่งสมจากดีเอ็นเอ "ผู้ให้บริการรถเช่าครบวงจรที่ผสานเข้ากับไอเดียคลื่นลูกใหม่" ซึ่งเข้าใจความต้องการและความเปลี่ยนแปลงของเทรนด์เทคโนโลยี สร้างไมเนอร์เชนจ์ให้ธุรกิจของครอบครัวขับเคลื่อนบนเส้นทางใหม่ พร้อมผนึกกำลังแฟรนไชส์เสริมสมรรถนะเข้าสู่เส้นชัย</h2>
ระยะเวลากว่าครึ่งปีที่บุตรสาวคนกลางของครอบครัวฐิติปุญญาต้องแสดงฝีมือพิสูจน์ความตั้งใจจริงในการสานต่อธุรกิจโดยไม่ได้รับเงินเดือน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจนับตั้งแต่เลือกศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Bristol และปริญญาโทด้านการเงินจาก CASS Business School ประเทศอังกฤษ รวมถึงเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกรั้วธุรกิจครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อธนาคารไทยพาณิชย์ นักวิจัยของทิสโก้ ดอยช์แบงก์ และงาน Corporate Finance ของ PwC ไทยแลนด์

“คุณพ่อ (ทรงวิทย์) และคุณแม่ (ปริญดา) มาจากธุรกิจรถยนต์ ท่านเป็นดีลเลอร์มาก่อนและทำธุรกิจรถเช่า ซึ่งตั้งแต่เด็กเราต้องติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปออกบูท ทำให้ซึมซับธุรกิจของครอบครัวและสายเลือดธุรกิจรถยนต์ปลูกฝังเรามาตั้งแต่เกิด แต่ท่านไม่ได้วางไว้ตั้งแต่แรกว่าให้เราต้องเข้ามาสานต่อ ท่านไม่ให้เงินเดือนหรือตำแหน่ง เราต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าไม่ได้มาเล่นๆ” พิชชาภัสร์ ฐิติปุญญา ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือASAP กล่าวถึงการทำงานในธุรกิจครอบครัวช่วงบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2560

สายเลือดของผู้ประกอบธุรกิจยานยนต์ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากทรงวิทย์ที่เติบโตและวิ่งเล่นในเต็นท์รถมือสองของครอบครัว ซึ่งขยับขยายเป็นดีลเลอร์โตโยต้าของจังหวัดพิษณุโลก

“13 ปีที่แล้วเราเป็นหน้าใหม่และบริษัทในไทยใช้ระบบลิสซิ่งน้อยมาก คุณพ่อเข้าไปเสนองานเองทุกงาน ซึ่งดีเอชแอลและเทสโก้โลตัสเป็นลูกค้ารายแรกๆ ของเราที่ต่อสัญญาถึงวันนี้ เราเป็นหนึ่งในบริษัทที่เปลี่ยนพฤติกรรมตลาดจากการซื้อเป็นการเช่า โดยหลังทำตลาด B2B ประมาณ 10 ปี เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาเราจึงเข้ามาในตลาด B2C เริ่มจากรถเช่าสนามบินใช้สโลแกน “รถใหม่ไมล์น้อย” พร้อมการันตี ว่า ไมล์ไม่เกิน 50,000 กิโล ด้วยกลยุทธ์การนำรถทดแทนให้บริการเป็นรถเช่าสนามบิน ก่อนนำไปใช้เป็นรถทดแทน สอดคล้องกับภาพลักษณ์คุณภาพและความปลอดภัยที่ลูกค้ามั่นใจได้”

<img class="alignnone wp-image-22069 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/ASAP-รายได้-03.jpg" alt="asap" width="800" height="322" />
<h2>พิสูจน์ฝีมือใน asap GO</h2>
บนเส้นทางธุรกิจที่ทอดยาวได้รับการเสริมทัพด้วยแนวคิดของคลื่นลูกใหม่ร่วมขับเคลื่อนสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของครอบครัว โดยเฉพาะการขยายฐานผู้ใช้บริการในคอนเซปท์ car sharing ชื่อasap GO ซึ่งคิดค่าบริการรถเช่ารายชั่วโมงตามการใช้งานจริง พร้อมบุกเบิกสร้างตลาดในประเทศไทย รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันให้รองรับการใช้งานในอนาคต

“asap GO เหมือนเป็นตัวชี้วัดของเรา เพราะนอกจากจะเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทยังเป็นธุรกิจใหม่ของประเทศด้วย แม้ธุรกิจ car sharing จะมีมานานแล้วในตลาดโลกทั้งยุโรป อเมริกา หรือประเทศอื่นในเอเชีย แต่ในไทยอาจจะยังไม่คุ้นชิน ซึ่งธุรกิจใหม่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ ตลาดอาจจะยังไม่รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ การเข้าถึงการใช้งานอาจจะยากเล็กน้อย แต่มุมกลับกันเรายังไม่มีคู่แข่ง และได้เข้ามาเรียนรู้ก่อน ถ้าวันนี้เราไม่เข้ามา วันหน้าคนอื่นก็ต้องมา”

ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาพิชชาภัสร์สามารถแสดงฝีมือบุกเบิกตลาดเช่ารถระยะสั้นที่คิดค่าบริการจากการใช้งานจริงในกลุ่มผู้ใช้งานองค์กร ซึ่งasap GO ไม่ผูกมัดเรื่องสัญญา ส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วยการใช้รถร่วมกันหลายแผนก และช่วยให้สามารถบริหารระบบการวางบิลหรือค่าใช้จ่ายได้ตามการใช้งานจากการคำนวณระยะทางและค่าใช้จ่ายอัตโนมัติทันทีที่รถกลับมาจอดจุดเดิม

หลังจากได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดีasap GO พร้อมเดินหน้าสู่การดำเนินงานในเฟส 2 รุกกลุ่มผู้ใช้บริการทั่วไปหรือ B2C  พิชชาภัสร์กล่าวถึงการพัฒนาแอพพลิเคชันใหม่ภายใต้ชื่อ asap app ซึ่งไม่ได้รองรับเฉพาะการใช้งานรถยนต์ให้เช่าตามการใช้งานจริงหรือasap GO แต่ยังสามารถใช้กับการบริการรถเช่าระยะสั้น รถเช่าระยะยาว รถพร้อมคนขับรถมือสอง รวมถึงการทำหน้าที่เป็นกุญแจปลดล็อกรถผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งเริ่มทดสอบระบบกับกลุ่มธุรกิจองค์กรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะasap GO และวางแผนนำรถยนต์ให้เช่ารายชั่วโมงกลับไปวางตามจุดสาธารณะและมหาวิทยาลัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้

<img class="alignnone wp-image-22067 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/ASAP-รายได้.jpg" alt="asap" width="800" height="513" />
<h2>สตาร์ทสู่เส้นทางธุรกิจใหม่</h2>
ความท้าทายสำคัญในความสำเร็จของธุรกิจรถเช่าที่มีจำนวนรถให้บริการระยะยาวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่การบริหารจัดการรถหมดสัญญาเช่าจำนวนหลายพันคัน ซึ่งการขายต่อในตลาดประมูลรถมือสองไม่ใช่คำตอบหรือทางเลือกที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้asap จึงเล็งเห็นความสำคัญของการต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“แฟรนไชส์เป็นเหมือน BU น้องใหม่ของasap มีทีมงานดูแลอยู่แล้ว เราเข้าไปช่วยซัพพอร์ต ซึ่งแผนของเราคงทยอยเปิดตามจำนวนรถหมดสัญญาให้นำกลับมาขายได้ เช่น ปีที่แล้วเราซื้อรถ 4,000 คันแสดงว่าอีก 5 ปีจะมีรถกลับมาให้เราขาย 4,000 คัน เราจึงต้องทยอยเปิดเรื่อยๆ”

โดยในปีนี้ได้มีการลงนามเซ็นสัญญากับผู้ซื้อแฟรนไชส์ 5 ราย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครราชสีมา อุบลราชธานี เชียงใหม่ ทั้งยังมีแผนเปิดให้บริการในหัวเมืองใหญ่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 30 แห่งภายใน 5 ปี

ขณะที่รถมือสองของบริษัทมุ่งเน้นในด้านคุณภาพและมาตรฐานการซ่อมบำรุง ด้วยความร่วมมือกับบริษัท คาร์ เครโดะ (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของแบรนด์ Goo Inspection ในเครือ PROTO Corporation ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น และยังทำสื่อเกี่ยวกับรถยนต์ใช้แล้วอย่างนิตยสาร Goo และเว็บไซต์ Goo-Net ในประเทศญี่ปุ่น

<img class="alignnone wp-image-22068 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/ASAP-รายได้-02.jpg" alt="asap" width="398" height="535" />

พิชชาภัสร์ปิดท้ายถึงหลักการบริหารธุรกิจที่ได้รับการถ่ายทอดจากบิดาและกลยุทธ์การบริหารใจพนักงานของมารดาผสมผสานเป็นสูตรเฉพาะของทายาทวัย 25  ปี ด้วยความมุ่งมั่นร่วมขับเคลื่อนให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตเฉลี่ย 35% ทุกปี และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทให้บริการรถเช่าครบวงจรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสอดคล้องกับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงในอนาคต พร้อมเป็น Top of Mind ทั้งธุรกิจรถเช่าและรถมือสอง

“คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในธุรกิจรถยนต์กว่า 25 ปี ท่านขายรถเองตั้งแต่วันแรกคุณแม่จะเป็นฝั่ง soft skill ท่านเก่งเรื่องบริหารใจพนักงาน และสอนว่า เราต้องให้ใจพนักงานก่อน ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีใจให้องค์กรก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าเขามีใจ เขาจะเต็มที่กับองค์กร ส่วนคุณพ่อจะเป็นฝั่งธุรกิจ ท่านสอนว่า เราไม่ใช่ธุรกิจรถเช่าแบบ conventional เราต้องไม่หยุดนิ่ง ทุกอย่างที่เป็นอุปสรรคหรือคนอื่นทำไม่ได้ เรายิ่งต้องทำให้ได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ”

<hr />

<a href="https://bit.ly/2kmIPNv">คลิกอ่านบทความ "พิชชาภัสร์ ฐิติปุญญา แต่งเกียร์ติดสปีด ASAP" ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกันยายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://bit.ly/2kmIPNv"><img class="alignnone wp-image-15976" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

พิชชาภัสร์ ฐิติปุญญา แต่งเกียร์ติดสปีดธุรกิจ ASAP

บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด ผู้นำด้านการให้บริการรถเช่าแบบครบวงจร ทั้งรถเช่าระยะสั้นในนาม SIXT Rent a Car และรถเช่าระยะยาว พร้อมบริการพนักงานขับรถ (Master Driver and Services) ในเครือกลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย การันตีด้วยรางวัล ‘บริการรถเช่าดีที่สุด’ (Best Car Rental &amp; Services) ในงาน Car of The Year 12 ปีซ้อน (2008-2019) ได้จัดพิธีรับมอบประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพจาก ‘SGS (THAILAND) LIMITED’

ซึ่งงานนี้ได้รับเกียรติจาก จิโรจ ณ นคร, กรรมการผู้จัดการ บริษัท SGS (THAILAND) LIMITED,  ศิริวรรณ นวลสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด และ อลิษา เชื้อเทพ ผู้จัดการส่วนงานขาย โดยมี ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เป็นผู้รับมอบ ณ โรงแรม Royal Suite โดยทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารงาน คำนึงถึงการให้บริการอย่างมืออาชีพ และมุ่งปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นับเป็นการตอกย้ำความมั่นใจ และส่งผลดีต่อการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกๆ ราย

มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล คว้าประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ ISO9001:2015

วนชัย กรุ๊ป จากธุรกิจค้าไม้ดั้งเดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 ก้าวสู่ยุคที่ 3 กับฐานะผู้สร้างผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้แบบครบวงจร ควบคุมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต่อยอดมาจนถึงอีกหนึ่งโปรเจกต์ใหญ่กับการเตรียมเดินเครื่องโรงงานผลิตไม้แบบไร้มลพิษ ซึ่งจะสร้างเสร็จภายในปี 2563 ภายใต้การบริหารของสองพี่น้อง วรรธนะ เจริญนวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และ ภัทรา สหวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการแห่งวนชัย กรุ๊ป

บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด โรงงานผลิตรองเท้าแบรนด์ แกมโบล และคีโต้ ภายใต้การบุกเบิกธุรกิจของสองพี่น้องตระกูล กิจกำจาย โดย สมพงษ์ กิจกำจาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ในวัย  67 ปี เขาบุกเบิกธุรกิจรองเท้าสร้างการเติบโตมาตั้งแต่การเร่ขายรองเท้าเลหลัง ขยายมาทำโรงงานรับจ้างผลิต และผลิตเป็นแบรนด์ของตัวเองในที่สุด วันนี้ธุรกิจของเขามียอดขายกว่า 1,200 ล้านบาท เป็นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมรองเท้าลำลอง ซึ่งเป็นตลาดแมสที่ซื้อง่ายขายคล่อง ตลาดของบิ๊กสตาร์ส่วนใหญ่ยังเป็นส่งออก 70% จากฐานตลาดยุโรปในการรับจ้างผลิตเมื่อหลายสิบปีก่อน วันนี้ปรับมาสู่ตลาดเอเชีย ประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเวียดนาม เป็นตลาดใหญ่ที่รองเท้าแบรนด์ไทยรายนี้ เข้าไปปักธงได้สำเร็จ

เลือดผู้ประกอบการที่เข้มข้นของ วีรวัฒน์ องค์วาสิฎฐ์ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ได้ขับให้เขาลุกขึ้นสร้างธุรกิจโรงแรมหรูเป็นของตนเอง วันนี้ วีรันดา รีสอร์ท เตรียมขยายพอร์ตการลงทุน หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ไม่นาน สู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดย โซ แบงค็อก โรงแรมหรูแห่งเดียวในเมืองหลวงของไทยของ วีรวัฒน์ ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 80% ถือเป็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ และก้าวแห่งความมุ่งมั่นของหนุ่มวัย 48 หลังก่อตั้งบริษัทมากว่า 15 ปี

พิชชาภัสร์ ฐิติปุญญา ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ทายาทธุรกิจวัย 25 ปีต่อยอดธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับภายใต้แบรนด์ asap รายได้รวม 2.68 พันล้านบาท ในปี 2561 โดยพัฒนา asap Go คิดค่าบริการรายชั่วโมง ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้การบริการกลุ่มรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และพัฒนาแอพพลิเคชั่นตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานรุ่นใหม่ รวมถึงโครงการคอมมูนิตี้มอลล์  Att U Park (Auto Park) และเฟรนไชส์ ASAP Select ขยายการให้บริการตามหัวเมืองใหญ่ โดยคาดการณ์รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 30% สิ้นปีนี้

ภายในฉบับพบการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2019 และร่วมอ่านบทความและเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับกันยายน 2562

<hr />

&nbsp;

<a href="https://bit.ly/2kmIPNv"><img class="alignnone wp-image-15977 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/FB076_RES150-_Page_008.jpg" alt="วรรธนะ เจริญนวรัตน์ “วนชัย” ต้องปรับ เมื่อสงครามการค้าไล่ล่า" width="800" height="1050" /></a>

<a href="https://bit.ly/2kmIPNv"><img class="alignnone wp-image-15978 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/FB076_RES150-_Page_010.jpg" alt="วรรธนะ เจริญนวรัตน์ “วนชัย” ต้องปรับ เมื่อสงครามการค้าไล่ล่า" width="800" height="1057" /></a> <a href="https://bit.ly/2kmIPNv"><img class="alignnone wp-image-15979 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/FB076_RES150-_Page_012.jpg" alt="วรรธนะ เจริญนวรัตน์ “วนชัย” ต้องปรับ เมื่อสงครามการค้าไล่ล่า" width="800" height="1050" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events