กัญชากับความโลภ

<h2>ด้วยความไม่หยุดนิ่ง และเสาะหาโอกาสใหม่ๆ เสมอ กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์ จึงกลับเข้ามาสู่ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยจากการจัดอันดับของ Forbes อีกครั้ง หลังจากหลุดทำเนียบไปถึง 4 ปี</h2>
ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ปลดล็อกกัญชงเสรี โดยหนึ่งในมหาเศรษฐีผู้ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจนี้คือ กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL บริษัทผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในไทย และได้จัดสรรเงินทุนไว้ถึง 2 พันล้านบาท (57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในการเดินหน้าปลูกกัญชงทางการแพทย์ เพื่อนำมาสกัดเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง

ก้าวแรกในการหันมาเล่นธุรกิจสายเขียวของ GUNKUL คือ การร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ของพี่น้องเจียรวนนท์ในการพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกัญชงและผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มี CBD เป็นส่วนผสม

<figure><img class="wp-image-65520 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/09098012873FC7D7DEEEB1141D51042A.jpg" alt="" width="640" height="480" /><figcaption> กัลกุล (กลาง) และ โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ (ขวา)</figcaption></figure>

แนวทางธุรกิจนี้ทำให้เหล่านักลงทุนมั่นใจในบริษัทอย่างมากจนในปีที่ผ่านมาหุ้นของทางบริษัทพุ่งขึ้นร้อยละ 8 ส่งผลให้ <a href="https://forbesthailand.com/forbes_lists/%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b8%a5-%e0%b8%94%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b8%e0%b8%92%e0%b8%b4%e0%b9%8c">กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์</a> ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท กลับมามีชื่อใน<a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-50-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5-13.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2565</a> อีกครั้งในอันดับที่ 44 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 765 ล้านเหรียญ หลังจากหายหน้าหายตาไปถึง 4 ปี

ณ ห้องประชุมบอร์ด ชั้น 8 ที่สำนักงานใหญ่ Pearl Bangkok อาคารสำนักงานที่หน้าตาคล้ายกับ The Gherkin ในกรุง London แห่งนี้ กัลกุล ผู้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการกล่าวถึงธุรกิจใหม่นี้ว่าเป็น “โอกาสแห่งทศวรรษ”

โดยผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ผู้เป็นภรรยา และ สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผู้ดูแลการดำเนินงานต่างๆ ในบริษัท (นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ บุตรสาวของกัลกุล นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน)

โดยทางบริษัทจะนำที่ดินโดยรอบของทุ่งกังหันลมมาทำประโยชน์ในการดำเนินการโปรเจ็กต์ดังกล่าว “ที่ดินคือผลพลอยได้จากธุรกิจพลังงานลมของเรา” กัลกุลกล่าว อีกทั้ง เขายังคาดว่ากัญชงจะสร้างรายได้ให้บริษัทได้ถึง 50 ล้านเหรียญภายในปีหน้าอีกด้วย

ทั้งนี้ โศภชาได้เสริมว่าการเสาะหาโอกาสใหม่ๆ อยู่ในดีเอ็นเอของสามี แต่จะเริ่มลงมือทำเมื่อเขา “มั่นใจร้อยละ 90 ว่าจะประสบความสำเร็จ”
<h3>ก่อนประสบความสำเร็จ</h3>
กัลกุล เป็นผู้สร้างบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาเองกับมือ เขาเกิดในครอบครัวที่บิดาเป็นเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างเล็กๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้อง 7 คน ทั้งนี้ กัลกุลเผยว่าในขณะที่พี่ๆ น้องๆ ขยันหมั่นเพียร เขานั้นไม่ได้เป็นเด็กเรียนเท่าไร และเลือกที่จะลาออกมาช่วยงานพ่อที่ร้านแทน

ด้วยอายุ 18 ปี เขาเริ่มหาช่องทางทำเงิน เข้าหาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเพื่อเสนอขายอุปกรณ์ช่างต่างๆ แต่เป็นเวลานับทศวรรษที่ธุรกิจของกัลกุลถึงจะเริ่มตั้งตัวได้ โดยในปี 2525 กัลกุลก็เริ่มตั้งกิจการของตัวเองขึ้นมา

<figure><img class="wp-image-65522 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Gunkul-Dhumrongpiyawut.jpg" alt="" width="558" height="800" /><figcaption> กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์</figcaption></figure>

ปี 2535 เขากู้เงินจากธนาคารเป็นจำนวน 2 ล้านบาทเพื่อดำเนินการผลิตซึ่ง ณ ตอนนั้นรัฐบาลมีนโยบายเสนอราคาพิเศษเพิ่มให้ร้อยละ 14 สำหรับอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศ กัลกุลเองก็เล็งเห็นโอกาสสร้างกำไรจากนโยบายดังกล่าว

การตั้งโรงงานแห่งแรกเป็นไปด้วยความยากลำบาก "ต้องอดหลับอดนอนกันหลายคืน" กัลกุลเล่าย้อนความ การหาคนที่เหมาะสมมาร่วมงานด้วยก็ยาก อีกทั้ง พนักงานบางส่วนก็ลาออกไปทำธุรกิจคู่แข่ง

จุดเริ่มต้นของการขยายสู่สนามธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนของกัลกุล คือช่วงปี 2550 เมื่อได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานลม “ผมตระหนักได้ว่านี้น่าจะเป็นธุรกิจที่ดีและสร้างผลตอบแทนได้เร็ว” เขาอธิบาย

ทางบริษัทเริ่มโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อนที่จะขยับขยายมาทำพลังงานลม และสามารถคว้ารายใหญ่อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP Group มาเป็นลูกค้าได้สำเร็จ
<h3>ก้าวต่อไปของ กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์</h3>
ราวเกือบ 10 ปีก่อน บริษัท GUNKUL เริ่มขยายธุรกิจออกนอกประเทศผ่านการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม หลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้ขายโรงงาน 2 แห่งจาก 4 แห่งในญี่ปุ่น ทั้งนี้กัลกุลเผยว่าจุดที่เขาให้ความสนใจเป็นอันดับแรก ณ ตอนนี้คือ ตลาดในประเทศ

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา <a href="https://forbesthailand.com/news/other/gulf-%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad-gunkul-%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1.html">GUNKUL ได้จับมือกับบริษัทย่อยของ ​บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF</a> ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ สารัชถ์ รัตนาวะดี มุ่งเพิ่มศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้บรรลุเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี จาก 642 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน

<figure><img class="wp-image-65521 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/GULF-x-Gunkul-2-2.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> GULF จับมือ GUNKUL ตั้งบริษัทร่วมทุน ตั้งเป้าผลิต “พลังงานสะอาด”</figcaption></figure>

แผนขยายธุรกิจครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเปลี่ยนทิศทางรายได้ของบริษัทที่ดำดิ่งให้กลับมาดูดีอีกครั้ง ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทตกลงถึงร้อยละ 17 ลดลงอยู่ที่ 505 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ยังคงอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ไม่ต่างจากเดิมนัก หลังจากทางบริษัทต้องเจอกับกำไรสุทธิที่น้อยลงถึงร้อยละ 35  และรายได้ที่ตกลงถึงร้อยละ 10 เมื่อปี 2564

ทั้งนี้ สุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุนเอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะพุ่งขึ้นร้อยละ 73 แตะ 3.8 พันล้านบาท และรายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาร้อยละ 32 เป็น 1.23 หมื่นล้านบาทในปี 2565 นี้ อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าจะเติบโตปีต่อปีเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2567

ท้ายนี้ กัลกุล ผู้นอกจากจะเป็นนักธุรกิจตัวยงแล้ว ยังมีไร่ทุเรียนใกล้ๆ หัวหิน อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ และมีคอลเล็กชั่นส่วนตัวที่เก็บไว้ ณ Hong Kong และเขามั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ภายใน 5 ปีนี้หน้านี้ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ณ ตอนนี้ ผมก็เริ่มเสาะหาโอกาสต่อไปแล้ว”

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Renewable Energy Producer Gunkul Dhumrongpiyawut Returns To The List Of Thailand’s 50 Richest Recharged By A New Business เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-50-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5-13.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2565</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์ กลับสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีไทยอีกครั้ง

Travis Barker ก้าวเข้าโลกสุขภาพด้วยธุรกิจกัญชา

ยินดีต้อนรับสู่ นิวยอร์ก มหานครแห่งกัญชา

Forbes Thailand คุยกับ “เอกพันธ์ วนโกสุม” ประธานกรรมการบริหาร KWM ถึงการต่อยอดความเชี่ยวชาญจากธุรกิจผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร สู่การพัฒนาเครื่องสกัดกัญชง-กัญชาและพืชสมุนไพร เสริมทัพช่องทางการเติบโตใหม่ในระยะยาว

https://youtu.be/I83bIzijmcc

&nbsp;

<hr />

รับชมบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่น่าสนใจ กดติดตามแชลเนลวิดีโอของเราบนยูทูบได้ที่ <a href="https://www.youtube.com/user/ForbesThai">Forbes Thailand Magazine</a>

เอกพันธ์ วนโกสุม ชูกลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจของ KWM (Video)

<h2>Pfizer เปิดประตูสู่โลกกัญชาสำหรับการแพทย์ โดยวางเดิมพันไว้กับทรีตเมนต์รักษาอาการลำไส้อักเสบเรื้อรังที่ทำมาจากสารแคนนาบินอยด์</h2>
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บริษัทเภสัชภัณฑ์ข้ามชาติเชื้อสายอเมริกัน และยักษ์ใหญ่ด้านไบโอเทคอย่าง Pfizer ได้เซ็นสัญญากับ Arena Pharmaceuticals โดยส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดมีมูลค่าราว 6.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยในข้อตกลงดังกล่าว Pfizer จะถือหุ้นทั้งหมดในราคา 100 เหรียญต่อหุ้นในการซื้อขายแบบเงินสด อีกทั้ง ใน<a href="https://invest.arenapharm.com/news-releases/news-release-details/pfizer-acquire-arena-pharmaceuticals">จดหมายข่าว</a>ยังระบุด้วยว่าการซื้อขายดังกล่าวจะเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมซึ่งรวมไปถึงใบแสดงการได้รับอนุมัติตามข้อบังคับและการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น Arena

<figure><img class="size-full wp-image-56106" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Pfizer_WSJ.jpg" alt="Pfizer" width="720" height="479" /><figcaption> Photo Credits: Wall Street Journal</figcaption></figure>

Arena Pharmaceuticals เป็นบริษัทด้านไบโอเทคที่เน้นด้านการบำบัดโรคด้วยสารแคนนาบินอยด์โดยหัวใจหลักของการดำเนินการสายเขียวนี้ คือ Olorinab (APD371) สารกระตุ้นขั้นวิจัยตัวรับแคนนาบินอยด์ชนิดที่ 2 (CB2) ที่มุ่งใช้ในกลุ่มผู้ป่วยด้านช่วงท้องและลำไส้ และตามที่ได้ระบุไว้ใน<a href="https://www.arenapharm.com/pipeline/olorinab/">เว็บไซต์</a>ของ Arena ตัวยา Olorinab เป็นยาในโครงการวิจัยและยังไม่ได้การรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพใดๆ ทั้งสิ้น

ทีมงานฝั่ง Arena กำลังเดินหน้าพัฒนาตัวยาที่ทำมาจากแคนนาบินอยด์นี้ โดยจะให้ความสนใจกับอาการปวดจากอวัยวะภายในอันเนื่องมาจากโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ต่างๆ โดยในเว็บไซต์ของทางบริษัทยังได้ระบุอีกด้วยว่า แม้สารสกัดตัวนี้จะใช้ CB2 แทน CB1 ก็ยังถือว่ากำลังอยู่ในช่วงวิจัยสำหรับการใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดโดยไม่มีผลด้านลบต่อจิตประสาท

CB1 และ CB2 เป็นตัวรับสารสื่อประสาทที่ผูกอยู่กับระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์อันซับซ้อนที่คอยส่งสารไปให้เซลล์ซึ่งมีในร่างกายเรา ตัวรับเหล่านี้สามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์ เอ็นโดแคนนาบินอยด์อย่าง THC และ CBD สามารถประกบเข้ากับตัวรับ CB1 และ CB2 และกะตุ้นในระบบเอ็นโดแคนนาบินอยด์ทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่อาจตามมานั้นขึ้นอยู่กับตัวรับเอ็นโดแคนนาบินอยด์ และปฏิกิริยาของแคนนาบินอยด์ต่อตัวรับดังกล่าว

"การเข้าซื้อ Arena ในครั้งนี้ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญของเราในด้าน Inflammation and Immunlogy ซึ่งถือเป็นกลไกด้านนวัตกรรมของไฟเซอร์ที่เดินหน้าพัฒนาแนวทางบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคอักเสบต่างๆ อันเนื่องมาจากภูมิคุ้มกัน ที่ต้องการคำตอบที่เห็นผลกว่านี้" Mike Gladstone ประธานฝ่าย Inflammation &amp; Immunology ประจำยักษ์ใหญ่ด้านไบโอเทคและยาแห่งนี้กล่าวไว้ในจดหมายข่าว

ด้าน Amit D ประธานและซีอีโอแห่ง Arena ก็กล่าวว่า ด้วยประสิทธิภาพของ Pfizer นั้นจะช่วยผลักให้ Arena ทำตามเป้าในนำยาเหล่านี้ไปสู่มือคนไข้ที่ต้องการได้เร็วขึ้น และเชื่อว่าการเข้าซื้อครั้งนี้เปรียบเสมือนการก้าวไปข้างหน้าสำหรับทั้งเหล่าคนไข้และผู้ถือหุ้น

"เรารู้สึกยินดีมากที่จะประกาศว่าไฟเซอร์จะเข้าซื้ออารีน่า และเล็งเห็นเห็นศักยภาพของอารีน่าที่จะก้าวการเป็นสุดยอดด้านโมเลกุล S1P และผลงานของเราในหาคำตอบให้กับความต้องการด้านโรคอักเสบที่เกิดจากภูมิคุ้มกันตก" เขากล่าว

พอร์ตโฟลิโอของ Arena ยังมีตัวยาอื่นๆ นอกเหนือจากยาสารสกัดแคนนาบินอยด์อีกด้วย โดยทางบริษัทสายเขียวมุ่งหน้าพัฒนานวัตกรรมการบำบัดใหม่ๆ เพื่อช่วยรักษาโรคอักเสบต่างๆ อันเนื่องมาจากภูมิคุ้มกัน

<figure><img class="size-full wp-image-56108" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Cannabis_Forbes_Getty.jpg" alt="" width="641" height="480" /><figcaption> Photo Credits: Getty Images</figcaption></figure>

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้เข้าสู่ตลาดดังกล่าวด้วยวิธีการหลากหลาย แตกต่างกันไป

เมื่อปี 2017 Avicanna บริษัทวิจัยและพัฒนาจากแคนาดา<a href="https://www.newswire.ca/news-releases/johnson--johnson-innovation-announces-40-resident-companies-now-at-jlabs--toronto-621978353.html">เข้าเป็น</a>บริษัทในเครือ JLabs ของ Johnson &amp; Johnson ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Toronto

อีก 1 ปีต่อมา บริษัทสัญชาติแคนาดาอีก 1 รายอย่าง Tilray ก็ได้ก้าวสู่ระดับโลกด้วยการเซ็น<a href="https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-12-18/tilray-goes-global-with-novartis-marijuana-sales-partnership">สัญญา</a>กับ Novartis AG บริษัทด้านเภสัชภัณฑ์จากสวิสเซอร์แลนด์เพื่อที่จะพัฒนาและกระจายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ในบริเวณที่ถูกกฎหมายทั่วโลก

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกอย่าง Jazz Pharmaceutical ได้<a href="https://investor.jazzpharma.com/news-releases/news-release-details/jazz-pharmaceuticals-completes-acquisition-gw-pharmaceuticals">เข้าซื้อ</a> GW Pharmaceuticals ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Epidiolex ยา CBD ที่ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA ให้ใช้ในเด็กที่เป็นโรค Lennox-Gastaut และ Dravet Syndrome ได้

เช่นเดียวกับ<a href="https://www.forbes.com/sites/dariosabaghi/2021/08/02/cannabis-is-part-of-the-future-of-big-tobacco/?sh=6eb4cc6c71ed">ยักษ์ใหญ่ยาสูบ</a> ความสนใจในวงการกัญชาทางการแพทย์ของยักษ์ใหญ่ด้านยาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับอุตสาหกรรมแคนนาบินอยด์ที่โตไม่หยุดหย่อน

การวิจัยและพัฒนาแคนนาบินอยด์ก็กำลังไปได้สวย มีผลลัพธ์น่าตื่นเต้นมากมายจากการนำไปใช้บำบัด และด้วยเหตุนี้เอง คาดได้ว่าเราจะสามารถเห็นบริษัทด้านเภสัชภัณฑ์เข้าสู่โลกสีเขียวอีกมากขึ้นอย่างในไม่กี่ปีข้างหน้านี้แน่นอน

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Pfizer Bets On Medical Cannabis With $6.7 Billion Acquisition เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/rentbrella-ให้คุณยืมร่มแบบฟรีๆ-ห.html">Rentbrella ให้คุณยืมร่มแบบฟรีๆ (หากคืนตรงเวลา)</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Pfizer เข้าซื้อ Arena เปิดประตูสู่โลกกัญชา

<h2>กัญชา เข้าสู่โลกดิจิทัล แล้วก็กลับมาสู่โลกจริงอีกรอบหนึ่ง โดยคุณสามารถกดสั่งได้ง่ายๆ ระหว่างใช้เวลาใน Metaverse ได้ แถมยังไปฟังเพลงในร้านได้อีกด้วย</h2>
ท่ามกลางกระแส NFTs และ Metaverse แบรนด์ กัญชา จำนวนมากก็ได้ค้นพบนวัตกรรมในการเจาะเทรนด์ดิจิทัลนี้ และมีอยู่หนึ่งบริษัทที่นำร่องไปไกลกว่าเพื่อน โดยการพาโลก Metaverse มาสู่โลกความเป็นจริง

ในสัปดาห์นี้ Higher Life CBD กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์กัญชาแรกที่เปิดตัวร้านขาย CBD ของจริงในโลกเสมือนจริง พร้อมมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบดิจิทัลในรูปแบบเกมสุดสนุก ที่ไม่เหมือนใคร และแปลงสิ่งนั้นให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ส่งถึงหน้าบ้านคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่รัฐไหนในสหรัฐก็ตาม

"สถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายๆ บริษัทต้องคิดหาทางเลือกอื่นในการสื่อสารกับลูกค้าและพนักงานอย่างปลอดภัย สำหรับบางคน นั่นหมายถึงการมองข้ามโลกความเป็นจริง และคิดนอกกรอบ" Brandon Howard ซีอีโอหนุ่มกล่าว

"เราเห็นศักยภาพมหาศาลในโลกเสมือนจริง VR และ AR เปลี่ยนเกมไปเลยว่าเราจะซื้อของอย่างไรในอนาคต ช็อปใน Metaverse และสามารถรับของในโลกจริงได้ที่หน้าบ้านของคุณเป็นอะไรที่ล้ำและเป็น The Next Big Thing เลยล่ะ มันเป็นที่ที่ NFTs, สกุลเงินคริปโต และโลกกัญชามารวมตัวกัน"
<h3>โลกนี้เป็นของคุณ</h3>
ร้านขายกัญชาในโลกเสมือนจริงของ Higher Life CBD เปิดตัวบน Cryptovoxels โลกเสมือนจริงทีสร้างอยู่บนบล็อกเชนของ Ethereum

<figure><img class="size-full wp-image-55778" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Brandon_Howard.jpg" alt="Brandon_Howard_กัญชา" width="564" height="564" /><figcaption> Brandon Howard</figcaption></figure>

โลก Cryptovoxels แห่งนี้มีเมืองเป็นของตัวเองที่มีชื่อว่า Origin City และผู้ที่เป็นเจ้าของถนนสายต่างๆ คือ 'The Corporation' เจ้าของโลก Metaverse ที่เป็นเหมือนพระเจ้า แต่ที่ที่ดูเหมือนกล่องพัสดุต่างๆ มีเจ้าของต่างกันไป โดยเจ้าของบางคนจ่ายเงินเพื่อซื้อที่ถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

อีกทั้ง เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ใช้งานคนหนึ่ง<a href="https://www.rollingstone.com/culture/culture-news/sandbox-decentraland-virtual-land-sales-soar-metaverse-nfts-1267740/amp/">ทุ่มเงิน</a> 450,000 เหรียญเพื่อซื้อที่ข้างๆ บ้านในโลกเสมือนจริงของ Snoop Dogg ในแพลตฟอร์มที่ใช้ Ethereum เช่นกันอย่าง The Sandbox

"รู้สึกดีมากเลยที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทกัญชากลุ่มแรกที่ก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริง เราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น และมอบประสบการณ์ให้พวกเขาโดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่หน้าร้านของเราจริงๆ อีกทั้งมันทำให้ประสบการณ์ช็อปปิ้งออนไลน์สนุกขึ้นอีกด้วย" Howard กล่าว

เขายังได้อธิบายด้วยว่า ลูกค้าสามารถฟังเพลง, ดูร้านขายกัญชาได้แบบทั้งข้างนอกและข้างใน, ชมงาน NFTs ของบริษัทได้ทั้งหมดที่แขวนอยู่บนผนังของร้าน และอีกมากมายในโลกเสมือนจริง

ความจริงแล้ว Howard กำลังเดินตามรอยยักษ์ใหญ่ด้านเทคอื่นๆ ที่กำลังลองสนาม Metaverse เช่น เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน Facebook ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Meta และประกาศแฟนการสร้างโลกเสมือนจริงของตัวเอง

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่แบรนด์ของผม Higher Life CBD นี้ จะเป็นหนึ่งในผู้เล่นในสนามรอบแรก" Howard กล่าวสรุป "เมื่อคุณทำในสิ่งที่คุณรัก ความสำเร็จและรางวัลต่างๆ มันจะมาหาคุณอยู่แล้ว อย่าละทิ้งความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะล้มเหลวกี่ครั้งก็ตาม"

ลองเข้าไปดูร้านได้แล้ว<a href="https://www.cryptovoxels.com/spaces/ace396cb-b186-4c69-bb2e-cbf2ca5f9989/play">ที่นี่</a> หรือเข้าสู่ Cryptovoxels เพื่อได้ประสบการณ์แบบจุกๆ กันไปเลย
<h3>Kandy Girl ก็เป็น Meta</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-55779" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/960x0.jpeg" alt="Kandy Girl​_กัญชา" width="711" height="473" />

เมื่อวันจันทร์ Kandy Girl บริษัทสตาร์ทอัพด้านกัญชาก็ประกาศว่าจะวางขายผลิตภัณฑ์ Delta-9 THC ในโลกเสมือนจริงนามว่า Decentraland โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจาก 2018 Farm Bill

พบกัน Kandy Girl ได้ที่ -55, 129, Decentraland

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Buy Cannabis On A Blockchain Metaverse And Get It Delivered To Your Real Home: Now It’s Possible เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/time-%e0%b8%a2%e0%b8%81-elon-musk-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99-%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b5-2021-%e0%b8%9a%e0%b8%ad.html">TIME ยก Elon Musk เป็น 'บุคคลแห่งปี' 2021 บอกอะไรเกี่ยวกับเรา</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กัญชา จาก Metaverse ส่งตรงถึงหน้าบ้าน

<h2>ทำไมเศรษฐีพันล้านที่พ่วงฉายาสุดยอดนักปรัชญาการเมืองแบบเสรีนิยมอย่าง Charles Koch รายนี้ ถึงอยากให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันกับการเปิดเสรีกัญชาทั่วอเมริกา</h2>
Charles Koch อาจเป็นขาใหญ่ในแวดวงธุรกิจ เป็นปิศาจทางการเมืองเจ้าของเงินมืด เป็นดังเช่นจักรพรรดิ Marcus Aurelius หรือยอดนักปราชญ์แห่งการเคลื่อนไหวตามแนวทางเสรีนิยม ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามหาคำตอบจากใคร หากแต่ในไม่ช้า Koch อาจจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดในฐานะเศรษฐีพันล้านผู้โน้มน้าวให้สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตผู้มีความเห็นต่างยกมือสนับสนุนการเปิดเสรีกัญชาในระดับประเทศ

แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่า Koch เป็นนักพี้กัญชาตัวยง

ผู้บริหาร Koch Industries วัย 85 ปีรายนี้เคยลิ้มลองกัญชาเพียงครั้งเดียวจากความไม่ตั้งใจ ย้อนไปในช่วงทศวรรษ 1980 Koch ไปเล่นเฮลิ-สกีใน British Columbia และในงานเลี้ยงสังสรรค์หลังการเล่นสกี เขาและเพื่อนๆ ดื่มจินและโทนิกในระหว่างอาหารมื้อเย็น พ่อครัวยกบราวนี่มาเสิร์ฟเป็นของหวาน Koch รับประทานไป 1 ชิ้น และหลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึก “แปลกๆ” เขาไม่รู้ว่าใคร ผสมกัญชาลงในขนมหวานจานนั้น แต่ Koch กล่าวว่า เขามีเพื่อนที่เสพกัญชาแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทนายความ หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่นิยมชมชอบการเสพกัญชา หากแต่ Koch เปิดเผยต่อสาธารณะถึงความเชื่อที่เขายึดมั่นมาช้านานว่า กัญชาควรเป็นพืชถูกกฎหมายในอเมริกา ดังนั้น เขาจึงออกหน้าและทุ่มเงินเกือบ 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทรัพย์สินมูลค่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญของเขาเพื่อสร้างอิทธิพลไปยังการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการปลดล็อกให้กัญชาเป็นพืชถูกกฎหมาย

Brian Hooks มือขวาของ Koch กล่าวว่า เครื่องมือชี้วัดที่ดีสำหรับประเมินว่าในท้ายที่สุดแล้ว Koch กับเครือข่ายของเขาพร้อมทุ่มมากแค่ไหนก็คือ ดูว่าพวกเขาลงทุนกับเรื่องนี้ไปแล้วเท่าไร นั่นคือราว 70 ล้านเหรียญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

<figure><img class="wp-image-54848 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Charles-Koch-03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Charles Koch</figcaption></figure>

Koch ให้สัมภาษณ์จากห้องทำงานใน Koch Industries ซึ่งเป็นอาคารหินแกรนิตที่เรียงตัวอย่างอิสระใน Wichita รัฐ Kansas ว่า “ทุกคนควรมีสิทธิ์เลือก (การห้ามเสพกัญชา) ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มีแต่จะเป็นต้นเหตุทำให้ผู้คนล้มตาย สร้างความขัดแย้งในสังคม และขัดขวางความเจริญก้าวหน้า นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”

ในระดับประเทศกัญชาถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอเมริกานับตั้งแต่ปี 1937 หากแต่มีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง ปัจจุบัน 37 รัฐในอเมริกาอนุญาตให้ใช้กัญชาในวงการแพทย์ได้ 18 รัฐอนุญาตให้ผู้ใหญ่เสพกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคนอเมริกันราว 70% เชื่อว่ากัญชาควรเป็นพืชถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่ากฎหมายของแต่ละรัฐจะเป็นอย่างไร

แต่การที่รัฐบาลกลางกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายนั้นสร้างปัญหาหลายประการ โดยบริษัทผู้ผลิตหรือจำหน่ายกัญชาจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงมากๆ ประสบความยากลำบากในการเข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ และไม่สามารถเจาะตลาดเพื่อซื้อขายกับประชาชนทั่วไปได้โดยสะดวก ทั้งหมดนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมที่ทำเงินได้กว่า 1.75 หมื่นล้านเหรียญจากการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายในปีที่ผ่านมา และคาดว่ายอดขายดังกล่าวน่าจะทะยานขึ้นแตะ 1 แสนล้านเหรียญภายในปี 2030

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Chuck Schumer, Cory Booker และ Ron Wyden วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐที่การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้เสนอร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชาระดับประเทศที่พวกเขาเฝ้ารอมานานแสนนาน อย่างไรก็ดีมีความหวังเพียงริบหรี่ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 10 คน และวุฒิสมาชิกซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตทั้ง 50 คนจะต้องลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ประกอบกับ Schumer เองก็ยอมรับว่า เขายังไม่ทราบจำนวนวุฒิสมาชิกที่จะสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่ประธานาธิบดี Biden จะใช้สิทธิวีโต้ยับยั้งร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากเขาไม่สนับสนุนการเปิดเสรีกัญชา

Koch ซึ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงานข้างหน้าภาพวาดสีน้ำมันของ Fred บิดาผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันและก๊าซอย่าง Koch Industries ในปี 1940 อธิบายว่า ในฐานะนักเสรีนิยมผู้แน่วแน่เขามองว่า การห้ามใช้กัญชาเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน รวมถึงเป็นการบ่อนทำลายนโยบายสาธารณะ ซึ่งเป็นเหมือนกับการซ้ำเติมปัญหาผู้ต้องขังมีจำนวนมาก สหรัฐฯ ควรเรียนรู้จาก “ฝันร้าย” ที่เกิดจากกฎหมายห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งบังคับใช้ในศตวรรษที่ผ่านมา

“การกำหนดให้ (กัญชา) เป็นสิ่งผิดกฎหมายสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไม่เพียงแต่กับผู้ที่ติดกับดักของระบบเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงสังคมในภาพรวมอีกด้วย เราอยากได้สังคมที่สร้างพลังให้ผู้คน ทำให้พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของตนเองและต้องการมีส่วนร่วม หากแต่การบังคับใช้กฎหมายพวกนี้เท่ากับว่าคุณกีดกันผู้คนจำนวนหลายล้านคน” Koch กล่าว

สิ่งที่สำคัญที่สุด Koch มองว่า การเปิดเสรีกัญชาเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดการประกาศสงครามกับยาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลกลาง ยอดนักปรัชญายุคใหม่รายนี้ถอดบทเรียนจากนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสในสมัยศตวรรษที่ 19 Koch กล่าวโดยถอดความจากคำกล่าวของ Frédéric Bastiat ว่า “ถ้าอยากให้ผู้คนเคารพกฎหมาย กฎหมายนั้นจะต้องน่าเคารพด้วย”

&nbsp;

เรื่อง: WILL YAKOWICZ เรียบเรียง: ริศา YASU + JUNKO/TRUNK ARCHIVE

อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%8a-%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a0-%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%9e-sky-ict.html">“สิทธิเดช มัยลาภ” นำทัพ SKY ICT เจาะธุรกิจไอทีซีเคียวริตี้เอกชน</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%8b%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%89%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87-10-%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97.html">กรุงโซลเผยโฉม ‘เมือง 10 นาที’ แห่งโลกอนาคต</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/america/virgil-abloh-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-off-white-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95.html">VIRGIL ABLOH ผู้ก่อตั้ง OFF-WHITE และดีไซเนอร์ LOUIS VUITTON เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 41 ปี</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3cBBD7E">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-54465 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/242558307_2931919347023136_7291120447369577612_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events