ข้อตกลงธุรกิจสายเขียวของเศรษฐีพันล้าน Charles Koch - Forbes Thailand

ข้อตกลงธุรกิจสายเขียวของเศรษฐีพันล้าน Charles Koch

FORBES THAILAND / ADMIN
01 Dec 2021 | 07:19 AM
READ 2772

ทำไมเศรษฐีพันล้านที่พ่วงฉายาสุดยอดนักปรัชญาการเมืองแบบเสรีนิยมอย่าง Charles Koch รายนี้ ถึงอยากให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันกับการเปิดเสรีกัญชาทั่วอเมริกา

Charles Koch อาจเป็นขาใหญ่ในแวดวงธุรกิจ เป็นปิศาจทางการเมืองเจ้าของเงินมืด เป็นดังเช่นจักรพรรดิ Marcus Aurelius หรือยอดนักปราชญ์แห่งการเคลื่อนไหวตามแนวทางเสรีนิยม ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามหาคำตอบจากใคร หากแต่ในไม่ช้า Koch อาจจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดในฐานะเศรษฐีพันล้านผู้โน้มน้าวให้สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตผู้มีความเห็นต่างยกมือสนับสนุนการเปิดเสรีกัญชาในระดับประเทศ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่า Koch เป็นนักพี้กัญชาตัวยง ผู้บริหาร Koch Industries วัย 85 ปีรายนี้เคยลิ้มลองกัญชาเพียงครั้งเดียวจากความไม่ตั้งใจ ย้อนไปในช่วงทศวรรษ 1980 Koch ไปเล่นเฮลิ-สกีใน British Columbia และในงานเลี้ยงสังสรรค์หลังการเล่นสกี เขาและเพื่อนๆ ดื่มจินและโทนิกในระหว่างอาหารมื้อเย็น พ่อครัวยกบราวนี่มาเสิร์ฟเป็นของหวาน Koch รับประทานไป 1 ชิ้น และหลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึก “แปลกๆ” เขาไม่รู้ว่าใคร ผสมกัญชาลงในขนมหวานจานนั้น แต่ Koch กล่าวว่า เขามีเพื่อนที่เสพกัญชาแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตหลายคน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทนายความ หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่นิยมชมชอบการเสพกัญชา หากแต่ Koch เปิดเผยต่อสาธารณะถึงความเชื่อที่เขายึดมั่นมาช้านานว่า กัญชาควรเป็นพืชถูกกฎหมายในอเมริกา ดังนั้น เขาจึงออกหน้าและทุ่มเงินเกือบ 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทรัพย์สินมูลค่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญของเขาเพื่อสร้างอิทธิพลไปยังการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และการปลดล็อกให้กัญชาเป็นพืชถูกกฎหมาย Brian Hooks มือขวาของ Koch กล่าวว่า เครื่องมือชี้วัดที่ดีสำหรับประเมินว่าในท้ายที่สุดแล้ว Koch กับเครือข่ายของเขาพร้อมทุ่มมากแค่ไหนก็คือ ดูว่าพวกเขาลงทุนกับเรื่องนี้ไปแล้วเท่าไร นั่นคือราว 70 ล้านเหรียญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
Charles Koch
Koch ให้สัมภาษณ์จากห้องทำงานใน Koch Industries ซึ่งเป็นอาคารหินแกรนิตที่เรียงตัวอย่างอิสระใน Wichita รัฐ Kansas ว่า “ทุกคนควรมีสิทธิ์เลือก (การห้ามเสพกัญชา) ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มีแต่จะเป็นต้นเหตุทำให้ผู้คนล้มตาย สร้างความขัดแย้งในสังคม และขัดขวางความเจริญก้าวหน้า นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี” ในระดับประเทศกัญชาถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอเมริกานับตั้งแต่ปี 1937 หากแต่มีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง ปัจจุบัน 37 รัฐในอเมริกาอนุญาตให้ใช้กัญชาในวงการแพทย์ได้ 18 รัฐอนุญาตให้ผู้ใหญ่เสพกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคนอเมริกันราว 70% เชื่อว่ากัญชาควรเป็นพืชถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่ากฎหมายของแต่ละรัฐจะเป็นอย่างไร แต่การที่รัฐบาลกลางกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายนั้นสร้างปัญหาหลายประการ โดยบริษัทผู้ผลิตหรือจำหน่ายกัญชาจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงมากๆ ประสบความยากลำบากในการเข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ และไม่สามารถเจาะตลาดเพื่อซื้อขายกับประชาชนทั่วไปได้โดยสะดวก ทั้งหมดนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมที่ทำเงินได้กว่า 1.75 หมื่นล้านเหรียญจากการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายในปีที่ผ่านมา และคาดว่ายอดขายดังกล่าวน่าจะทะยานขึ้นแตะ 1 แสนล้านเหรียญภายในปี 2030 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Chuck Schumer, Cory Booker และ Ron Wyden วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐที่การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้เสนอร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชาระดับประเทศที่พวกเขาเฝ้ารอมานานแสนนาน อย่างไรก็ดีมีความหวังเพียงริบหรี่ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 10 คน และวุฒิสมาชิกซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตทั้ง 50 คนจะต้องลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ประกอบกับ Schumer เองก็ยอมรับว่า เขายังไม่ทราบจำนวนวุฒิสมาชิกที่จะสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่ประธานาธิบดี Biden จะใช้สิทธิวีโต้ยับยั้งร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากเขาไม่สนับสนุนการเปิดเสรีกัญชา Koch ซึ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงานข้างหน้าภาพวาดสีน้ำมันของ Fred บิดาผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันและก๊าซอย่าง Koch Industries ในปี 1940 อธิบายว่า ในฐานะนักเสรีนิยมผู้แน่วแน่เขามองว่า การห้ามใช้กัญชาเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน รวมถึงเป็นการบ่อนทำลายนโยบายสาธารณะ ซึ่งเป็นเหมือนกับการซ้ำเติมปัญหาผู้ต้องขังมีจำนวนมาก สหรัฐฯ ควรเรียนรู้จาก “ฝันร้าย” ที่เกิดจากกฎหมายห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งบังคับใช้ในศตวรรษที่ผ่านมา “การกำหนดให้ (กัญชา) เป็นสิ่งผิดกฎหมายสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไม่เพียงแต่กับผู้ที่ติดกับดักของระบบเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงสังคมในภาพรวมอีกด้วย เราอยากได้สังคมที่สร้างพลังให้ผู้คน ทำให้พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของตนเองและต้องการมีส่วนร่วม หากแต่การบังคับใช้กฎหมายพวกนี้เท่ากับว่าคุณกีดกันผู้คนจำนวนหลายล้านคน” Koch กล่าว สิ่งที่สำคัญที่สุด Koch มองว่า การเปิดเสรีกัญชาเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดการประกาศสงครามกับยาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลกลาง ยอดนักปรัชญายุคใหม่รายนี้ถอดบทเรียนจากนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสในสมัยศตวรรษที่ 19 Koch กล่าวโดยถอดความจากคำกล่าวของ Frédéric Bastiat ว่า “ถ้าอยากให้ผู้คนเคารพกฎหมาย กฎหมายนั้นจะต้องน่าเคารพด้วย”   เรื่อง: WILL YAKOWICZ เรียบเรียง: ริศา YASU + JUNKO/TRUNK ARCHIVE อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine