คิง ไว กรุ๊ป (KWG) บริษัทอสังหาฯ-การเงินจากเกาะฮ่องกงซุ่มวางมาสเตอร์แพลนโครงการสมาร์ทซิตี้ขนาด 2,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา รับนโยบายอีอีซี พร้อมรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในกรุงเทพฯ เปิดตัวคอนโดมิเนียมแห่งแรก "S61" ย่านเอกมัย
Henry Chan รองประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ
KWG เปิดเผยว่า KWG ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในจีนมาตั้งแต่ปี 2525 ปีนี้บริษัทได้เริ่มต้นขยายการลงทุนในประเทศไทยแล้วในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่ในต่างจังหวัด และโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ KWG เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 ผ่านการซื้อหุ้นทั้งหมดใน
บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และเปลี่ยนชื่อเป็น
บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หลังจากนั้นรุกสู่ธุรกิจการเงิน โดยใช้ KWG เข้าซื้อหุ้น 98% ใน
บริษัท คิว บี อี อินชูแรนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แล้วจึงเปลี่ยนชื่อเป็น
บริษัท คิง ไว ประกันภัย จำกัด เพื่อทำธุรกิจประกันวินาศภัยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
Chan กล่าวว่า KWG ต้องการขยายการลงทุนเข้ามาในไทยตามนโยบาย
One Belt, One Road ของประเทศจีน และเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการขยายตัวของบริษัทในภูมิภาคอาเซียนจากศักยภาพบุคลากรไทยที่มีความสามารถ และค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ
โดยบริษัทเตรียมการลงทุนเมกะโปรเจกต์ 2 แห่ง ซึ่ง KWG ได้จัดซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ที่ดิน 2,000 ไร่ใน จ.ฉะเชิงเทรา และ ที่ดิน 2,600 ไร่ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
สมาร์ทซิตี้ ที่อยู่อาศัย-แหล่งงาน-ท่องเที่ยว
Chan กล่าวต่อว่า พื้นที่ 2,000 ไร่ใน จ.ฉะเชิงเทรา นั้น บริษัทกำลังออกแบบมาสเตอร์แพลนเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) และคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (บอร์ดสมาร์ทซิตี้)
โดยคอนเซปท์โครงการนั้นจะให้สอดรับกับนโยบาย
ไทยแลนด์ 4.0 เป็นเมืองใหม่ที่เหมาะสมกับการทำงาน ไลฟ์สไตล์ และอยู่อาศัย (work-play-live)
ภายในโครงการจะมีที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองสังคมผู้สูงอายุ ศูนย์เวลเนสและสุขภาพ สถาบันการศึกษา และมีกิจกรรมความบันเทิงเพื่อการท่องเที่ยว ได้แก่ สวนสนุกธีมปาร์คและห้างสรรพสินค้า
สำหรับการยกระดับให้เป็นสมาร์ทซิตี้นั้น KWG จะออกแบบให้ตรงกับแนวนโยบายสมาร์ทซิตี้ 8 องค์ประกอบที่รัฐบาลไทยกำหนด
ส่วนโครงการ Mixed-use ขนาดใหญ่ 2,600 ไร่ในอยุธยา กำหนดให้เป็นเมืองการศึกษาเป็นหลัก โดยจะมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาจากประเทศจีนในอนาคต
Chan กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมและความเข้าใจการพัฒนาเมืองใหม่เหล่านี้ จากประสบการณ์ของ KWG ที่เคยพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ในจีนมาก่อน เช่น
King Wai Oasis Shanghai พื้นที่ 1.8 ล้านตร.ม. ซึ่งเป็นโครงการ Mixed-use เน้นด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและบริษัทกำลังจะทดลองระบบรถยนต์ไร้คนขับในเมืองเร็วๆ นี้ หรือโครงการ
King Wai Hongqiao CBD Core ใน Shanghai ขนาด 3.3 แสนตร.ม. ที่ใช้เป็นศูนย์จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมต่อธุรกิจด้านนำเข้าส่งออก
IMX International Trade and Exhibition Centre ระดับประเทศของจีน
อย่างไรก็ตาม KWG ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของเมกะโปรเจกต์ในไทยรวมถึงมูลค่าโครงการทั้งหมด แต่คาดว่าเฟสแรกของโครงการในฉะเชิงเทราจะชูโรงด้านการท่องเที่ยวด้วยสวนสนุกธีมปาร์ก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์สุขภาพ
เจาะคอนโดฯ ตลาดบนสุขุมวิท-พระราม 4
ด้านแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ปี 2561 KWG มีการเปิดขายโครงการแนวราบ
วิลล่า อะคาเดีย ศรีนครินทร์ และ
วิลล่า อะคาเดีย วัชรพล เป็นโครงการต่อเนื่องจากการเทกโอเวอร์บริษัท เคปเปลฯ
ในขณะที่วิสัยทัศน์การพัฒนาโครงการของ KWG เอง
Dave Keung ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเลือกเน้นโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน ราคาเฉลี่ย 1.5-2.5 แสนบาทต่อตร.ม. ในทำเลกลางเมือง เนื่องจากมองว่าซัพพลายคอนโดฯ ปี 2560-61 ร้อยละ 50 เป็นการพัฒนาในย่านนอกเมืองและเป็นคอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. จึงมองว่าคอนโดฯ ระดับบนในเมืองน่าจะมีโอกาสที่ดีกว่า
ทำให้ KWG เลือกเปิดตัวโครงการแรก
S61 Sukhumvit by KWG คอนโดฯ low rise ในซอยสุขุมวิท 61 ทำเล 600 เมตรจากสถานีบีทีเอสเอกมัย ที่ดิน 1 ไร่ จำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ออกแบบห้องชุดฟังก์ชัน 1-3 ห้องนอนและเพ้นท์เฮ้าส์ พื้นที่ใช้สอย 40-160 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.92 แสนบาทต่อตร.ม. หรือ 7.69 ล้านบาทต่อยูนิต เริ่มพรีเซลวันที่ 1 ธันวาคม 2561
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแลนด์แบงก์พร้อมพัฒนาโครงการแนวสูงอีก 2 แปลง บริเวณซอยสุขุมวิท 31 ที่จะพัฒนาเป็นอาคาร low rise และบริเวณริมถนนพระราม 4 ทำเลติดกับโรงแรมมณเฑียร ห่างจากสถานีเอ็มอาร์ทีสามย่าน 250 เมตร ซึ่งจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ high rise ทั้งนี้ 2 โครงการดังกล่าวเตรียมพัฒนาภายในปี 2562