ดำเนินกิจการในไทยมา 26 ปีแล้วสำหรับ ‘สตาร์บัคส์’ (Starbucks) เชนร้านกาแฟระดับใหญ่ของโลก ที่ตอกย้ำความสำเร็จด้วยตัวเลขกว่าห้าร้อยสาขาในไทย โดยเปิดตัวสาขาที่ 517 อย่าง ‘สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก’ ที่ถือเป็นร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมเผยมุมมองถึงโอกาสที่จะขยายสาขาในไทยได้อีกยาว เพราะตลาดกาแฟเมืองไทยมีศักยภาพเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สตาร์บัคส์ ให้บริการในไทยมา 26 ปีแล้ว โดยในปี 2567 นี้เรียกได้ว่ามาถึงหมุดหมายสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการมีสาขาครบ 500 สาขาในไทย และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้เปิดร้านสตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งที่ 3 ในไทยของเรา”
“และล่าสุดคือการเปิดสาขาใหม่ของเราแห่งนี้ สาขาที่ 517 ซึ่งเป็นสาขาแฟล็กชิปสโตร์แห่งล่าสุด และยังเป็นร้านกาแฟสีเขียว (Greener Store) แห่งที่ 4 ของเรา ซึ่งเป็นแห่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย โดยสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก มีการออกแบบที่พยายามผสมผสานความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชาวไร่กาแฟ
“และไม่ใช่แค่ร้านสวยอย่างเดียว แต่พยายามสะท้อนที่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มีจุดแยกขยะอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมยังคงมอบประสบการณ์ด้านเครื่องดื่มให้ลูกค้าหลายๆ เรื่อง เช่น การชงกาแฟด้วยเครื่อง Oviso รวมถึงเอาใจคนรักชาด้วย Teavana Bar เป็นต้น”
เนตรนภา กล่าวอีกว่า นอกจากสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ในโครงการเมกะโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสแห่งนี้ยังมีร้านสตาร์บัคส์อีก 2 สาขาด้วย สะท้อนความเชื่อมั่นในการขยายสาขาของสตาร์บัคส์ในประเทศไทย โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งสิ้น 522 สาขา และปีหน้ายังคงเปิดสาขาตามปกติคือเฉลี่ยปีละ 30 สาขา
“ตลาดกาแฟในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ไทยมีศักยภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายังเห็นโอกาสในการขยายสาขาไปได้อีกยาวพอสมควร ขณะที่เราเองก็ยังมีความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์จากความสำเร็จที่ผ่านมา ที่ได้รับการรับที่ดีจากลูกค้าในทุกกิจกรรม และการที่เราเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะลูกค้ายังคงมีความต้องการและอยากเรียนรู้กาแฟใหม่ๆ ส่วนเราก็มีมาตรฐาน คุณภาพ มีนวัตกรรมของเครื่องดื่ม จึงเชื่อว่าลูกค้ากลับมาใช้ของเราอย่างต่อเนื่อง” เนตรนภากล่าว
ส่องสาขาที่ 517 ร้านเขียวที่ใหญ่สุดในไทย
สำหรับสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นร้าน Greener Store ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพื้นที่กว่า 860 ตารางเมตร มี 2 ชั้น รองรับลูกค้าได้มากกว่า 230 ที่นั่ง
จุดเด่นของสาขานี้คือการใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมาผสมผสานในการการออกแบบ ได้แก่ จุดรีไซเคิลขยะครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโครงการ วัน แบงค็อกในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จุฑาทิพย์ เก่งมานะ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นร้านที่พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราต่อการดูแลสิ่งแวดล้อม ร้านนี้เป็นสาขาแรกที่มี Condiment Bar เพื่อความยั่งยืนที่ส่งเสริมให้ลูกค้าล้างแก้วและเทเครื่องดื่มที่เหลือทิ้ง พร้อมทิ้งขยะในที่ที่เหมาะสม
“นอกจากนี้ ทุกองค์ประกอบของร้านนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความยั่งยืน ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของสตาร์บัคส์ต่อแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราเชื่อว่าร้านแห่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตที่สำคัญของร้านสตาร์บัคส์ทั่วทั้งประเทศไทย"
ทั้งนี้ สตาร์บัคส์กำลังเดินหน้าในการเปิดร้าน Greener Store จำนวน 20 สาขาในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2567 เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ได้เปิดตัว “LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.” แคมเปญเพื่อความยั่งยืน เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน ด้วยการมอบส่วนลด 10 บาทสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศโดยเป็นกิจกรรมที่สตาร์บัคส์ทำมาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาใช้แล้วมากกว่า 1.6 ล้านแก้ว
ในแง่ของการออกแบบ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนถึงแก่นแท้ของกาแฟ ชุมชน และการเชื่อมต่อ เพื่อมอบประสบการณ์ Third Place
การออกแบบภายในร้านทั้งสองชั้นได้รับแรงบันดาลใจจากทิวเขาที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย ที่อยู่ของชุมชนชาวเขาที่มีชีวิตชีวา จนกลายเป็นแนวคิดการออกแบบเรือนยอดไม้ใหญ่ หรือ Tree Top Canopy ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ใช้ในการเพาะปลูกกาแฟ
โดยชั้นแรกของร้านเป็นตัวแทนของต้นกาแฟ ซึ่งอุทิศให้กับการชงและเสิร์ฟกาแฟ ส่วนชั้นบนสะท้อนถึงเรือนยอดไม้ มีพื้นที่นั่งเล่นในบรรยากาศผ่อนคลายให้กับลูกค้าเพื่อพูดคุยกันและพักผ่อน
ภายในร้านตกแต่งด้วยงานศิลปะจากศิลปินชาวไทย เพื่อเฉลิมฉลองวัฒนธรรมกาแฟของไทย มีไฮไลต์สำคัญได้แก่ผลงานสิ่งทอบนเพดานโดย Ease Studio และภาพจิตรกรรมฝาผนังอันสวยงามในห้อง Community room โดยศิลปิน ภาวิษา มีศรีนนท์ (PABAJA) ที่เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ปลูกกาแฟที่สำคัญ
ธนาศักดิ์ กุลรัตนรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวถึงเบื้องหลังการออกแบบร้านนี้ว่า “การออกแบบของ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมกาแฟอันหลากหลายของภาคเหนือของไทย และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของทำเลใจกลางเมืองนี้ เราได้สร้างพื้นที่ที่สะท้อนถึงความงดงามและประเพณีของเรา
“ร้านนี้ยังเป็นสถานที่ต้อนรับใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของสตาร์บัคส์ในการเชื่อมต่อผู้คนผ่านกาแฟที่มีคุณภาพท่ามกลางพื้นที่ที่มีความสวยงาม ทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ไปจนถึงงานศิลปะ ล้วนบอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่นและความยั่งยืน”
การออกแบบที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ผนังอิฐบริเวณชั้นล่างสะท้อนภาพนาขั้นบันไดอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ เมื่อลูกค้าเดินขึ้นไปชั้นบนจะรู้สึกเสมือนเดินขึ้นไปบนนาขั้นได เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนลูกค้าจะพบกับงานก่ออิฐซึ่งแสดงให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีที่นั่งแบบสเตเดียม ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งอเนกประสงค์ให้ลูกค้าได้ผ่อนคลาย สะท้อนถึงทัศนียภาพอันงดงามของไร่กาแฟที่ตั้งอยู่บนภูเขา การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นที่ปลูกกาแฟเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสตาร์บัคส์และชาวไร่กาแฟที่จะมอบความรื่นรมย์จากการดื่มกาแฟผ่านเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง
ไฮไลต์สำคัญของสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก คือการให้บริการด้วยเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่สุดพิเศษ Starbucks OVISO™ ซึ่งมีการออกแบบให้ตัวเครื่องซ่อนอยู่ด้านล่าง ทำให้ลูกค้าและคอฟฟี่มาสเตอร์ได้มีปฏิสัมพันธ์กันได้สะดวกในระหว่างการชงกาแฟ
การออกแบบนี้ยังช่วยยกระดับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสของลูกค้าให้ได้มีโอกาสดื่มด่ำไปกับขั้นตอนการทำกาแฟอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟไปจนถึงการได้เห็นกระบวนการชงเครื่องดื่ม
“สตาร์บัคส์ ยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นเครื่องพิสูจน์ที่สำคัญถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การมีส่วนร่วมกับชุมชน และการมอบประสบการณ์กาแฟที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า” เนตรนภากล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘สตาร์บัคส์’ เปิด Community Store แห่งที่ 3 ณ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม ซื้อเครื่องดื่มทุกแก้วได้บริจาค 10 บาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine