โอสถสภา เผยกลยุทธ์ปรับ เปลี่ยน พร้อมรักษาสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ฝ่าสถานการณ์โควิด-19 วรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เผยแนวทางการบริหารงานด้วยหลัก Agility ทำให้โอสถสภา สร้างกำไรสุทธิ 923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% ในไตรมาส 3 ปี 2563 พร้อมเผยกลยุทธ์ปี 64
วรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เผยถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของทุกภาคธุรกิจ อุปสรรคสำคัญในการดำเนินธุรกิจคือความไม่แน่นอน และผลกระทบที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากว่า 129 ปี และแนวทางการบริหารงานด้วยหลัก Agility ทำให้โอสถสภาสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถฝ่าวิกฤตดังกล่าว พร้อมผลประกอบการที่เป็นไปตามแผน ด้วยกำไรสุทธิ 923 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 ในไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ผ่านมา จุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของโอสถสภา ได้แก่ Agility หรือความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที การคาดการณ์สถานการณ์และเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ รอบด้าน ซึ่งส่งผลให้เกิดรูปแบบการทำงานแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมปรับตามสถานการณ์ต่างๆ และมีความแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้มุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ประกอบด้วย- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนโดยรวมผ่านโครงการ Fit Fast Firm
- สร้างการเติบโตโดยเจาะกลุ่มสินค้าและผู้บริโภค ชูแบรนด์หลัก (Power Brand) อาทิ เอ็ม-150 และ ซีวิท พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันต่อเหตุการณ์ เน้นการบริโภคในครัวเรือนและช่องทางจัดจำหน่าย E-Commerce
- รักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและรักษากระแสเงินสด
- เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ Fit Fast Firm
- สร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง
- ขยายตลาดเครื่องดื่มซีวิท
- ขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาร์
- ขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน (Sustainability)
ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine และ ทวิตเตอร์ Forbes Thailand