เบอร์เกอร์คิง โชว์ยอดขายปี 2562 แตะ 2 พันล้านบาท โต 15% ปีนี้ลุยเปิดสาขาเพิ่มเป็น 125 สาขา เน้นพื้นที่กรุงเทพฯ-หัวเมืองหลักแหล่งท่องเที่ยว
ประพัฒน์ เสียงจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารจานด่วน ภายใต้แบรนด์ “เบอร์เกอร์คิง” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเบอร์เกอร์ของไทยปี 2562 ที่ผ่านมา มีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมาจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย โดยปัจจุบันเบอร์เกอร์คิงมีส่วนแบ่งการตลาด 12% มีสาขารวมทั้งสิ้น 116 สาขา มียอดขายปี 2562 ที่ผ่านมา ที่ 2,094 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เทียบกับปีก่อน
สำหรับแผนและกลยุทธ์การทำตลาดในปี 2563 มุ่งเน้นกลยุทธ์การขยายสาขาร้าน เบอร์เกอร์คิง อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายขยายสาขาปีละประมาณ 10-15 สาขา เทียบกับปีก่อนหน้าที่ขยายสาขาใหม่ไปแล้ว 11 สาขาซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บริการมากขึ้น
รวมถึงการขยายสาขาในรูปแบบสแตนด์อโลนตามหัวเมืองหลักในแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งรูปแบบการขยายสาขาของเบอร์เกอร์คิงนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่และทำเลที่ตั้งของแต่ละสาขา โดยสาขาร้านเบอร์เกอร์คิงกว่า 40% เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และสมุย เป็นต้น
โดยล่าสุดได้เปิดสาขาร้านเบอร์เกอร์คิงแห่งใหม่ที่เกาะพีพี ตั้งอยู่บริเวณท่าเรืออ่าวต้นไทร จังหวัดกระบี่ ภายใต้แนวคิด “เบอร์เกอร์หลักร้อย วิวหลักล้าน” สาขาดังกล่าวนับว่าเป็นสาขาที่มีวิวสวยที่สุดของร้านเบอร์เกอร์คิงในประเทศไทย
ภายในร้านถูกตกแต่งตามสไตล์มาตรฐานแสตนดารด์ของเบอร์เกอร์คิงทั่วโลก เน้นโทนสีน้ำตาลที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บนพื้นที่ 210 ตร.ม. สามารถรองรับลูกค้าได้ 49 ที่นั่ง ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ แบ่งเป็น กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย 10% และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 90% โดยมีเมนูซิกเนเจอร์อย่างวอปเปอร์ และเมนูเบอร์เกอร์ต่างๆ รวมถึงเมนูเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นอีกมากมาย ส่วนเมนูข้าวเริ่มต้นเพียง 89 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ ร้านเบอร์เกอร์คิงสาขาดังกล่าวเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-23.00 น. นอกจากนี้สาขาดังกล่าวยังลดการใช้ถุงพลาสาติกและหันมาใช้ภาชนะแบบย่อยสลาย อาทิ จาน ถ้วยซอส และภาชนะที่ใส่หลอด ตามนโยบานการดำเนินธุรกิจด้วยการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนภาชนะให้เป็นแบบย่อยสลายให้ครบภายในปี 2564
ประพัฒน์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ที่มีกำลังซื้อและมีรสนิยมในการบริโภคแฮมเบอร์เกอร์ จากเดิมที่มีฐานลูกค้าในกลุ่มวัยทำงาน อายุระหว่าง 22-45 ปี นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เบอร์เกอร์คิงผ่านเมนูใหม่ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“เรามั่นใจว่าจากแผนงานในปีนี้จะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่ 15-20% และหากขยายสาขาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้ ณ สิ้นปี 2563 มีสาขารวมทั้งสิ้น 125 สาขา ทั้งนี้ การเข้ามาของธุรกิจ Aggregation เช่น Grab, Food Panda และรายอื่นๆ จะส่งเสริมให้ช่องทางการจัดจำหน่ายแบบเดลิเวอรี่ของเราด้วย” ประพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม- โกลบอล คอนซูเมอร์ ปรับกลยุทธ์ A&W ปั้นธุรกิจเครือข่ายล้างขาดทุน
- พิธาน องค์โฆษิต ซื้อกิจการ “มอส เบอร์เกอร์” ในไทย ปูพรมบุก 90 สาขาท้าชิงเจ้าตลาด