โกลบอล คอนซูเมอร์ หรือ GLOCON เปิดแผนธุรกิจปี 2563 เร่งปั๊มธุรกิจอาหารหวังขาดทุนสะสมน้อยลง พร้อมเปิดตัวธุรกิจเครือข่าย “ดิ แองเจิ้ล โกลบอล” หัวหอกใหม่สร้างการเติบโตในอนาคต
เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON (NPPG เดิม) เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานบริษัทฯ ในปีนี้และทิศทางธุรกิจในปี 2563 ว่า จากเดิมที่ธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มุ่งมั่นรุกธุรกิจอาหารมากขึ้น ซึ่งมีการเติบโตและมีสัดส่วนธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้สุทธิ 889 ล้านบาท และสามารถลดการขาดทุนสะสมลงเหลือจำนวนขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท
สำหรับสัดส่วนธุรกิจในเครือของโกลบอล คอนซูเมอร์ในปัจจุบัน แบ่งเป็น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 48%, ธุรกิจผลิตอาหารที่เป็นวัตถุดิบแช่แข็ง อาหารพร้อมทานที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ 32% ธุรกิจร้านอาหารแบบ Quick Service Restuarant ได้แก่ ร้าน A&W และบริษัท คิทเช่น พลัส 999 จำกัด ซึ่งดูแลร้านข้าวแกงครัวไทย สัดส่วน 17% และรายได้จากส่วนอื่นๆ อีก 4%
“ปีนี้ถือว่าเราขาดทุนน้อยลงมาก เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจและบริหารต้นทุนใหม่ ทำให้เราขาดทุนน้อยลง โดยธุรกิจอาหารพร้อมทานที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเติบโตขึ้นถึง 2 เท่า” เชิดศักดิ์ กล่าว
เชิดศักดิ์ ฉายภาพการดำเนินธุรกิจในปีหน้าของบริษัทฯ ว่า กลยุทธ์ต่อจากนี้จะมุ่งเน้นการเพิ่มเมนูอาหารใหม่ในร้านให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยมากขึ้น และพิจารณาลดจำนวนสาขาร้าน A&W โดยเฉพาะในสาขาที่ผลการดำเนินงานขาดทุน เช่น สาขาขนาดใหญ่ที่ต้นทุนค่าเช่าที่ค่อนข้างสูง และเปลี่ยนเป็นเปิดสาขา A&W express ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทำเลใกล้สถานศึกษาแทน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองเปิดสาขาใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและได้รับการตอบรับดีมาก ดังนั้น บริษัทจึงงวางเป้าหมายเดินหน้าขยายสาขาในปีหน้าอีก 10-15 สาขาเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
“ขณะที่ธุรกิจเดิมอย่างแพคเกจจิ้งหรือบรรจุภัณฑ์นั้น แบ่งเป็นแพคเกจจิ้งชนิดอ่อนที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายราว 400 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตตามลูกค้าซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนบรรจุภัณฑ์ชนิดแข็ง เช่น กล่อง ถาด และขวด ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทาย โดยมีรายได้ลดลง 20% อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเนื่องจากเรากำลังพยายามปรับไปเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มย่อยสลายได้ (biodegradable) ให้มากขึ้น”
นอกจากนั้น การเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็นโกลบอล คอนซูเมอร์ยังเป็นการย้ำถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันที่ได้ก้าวไปไกลกว่าการเป็นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจอาหารที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทยังเปิดโอกาสให้กับทุกธุรกิจที่มีแนวโน้มสามารถเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ เช่น การงเปิดตัวบริษัทย่อย คือ บริษัท ดิ แองเจิ้ล โกลบอล จำกัด ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินธุรกิจในรูปแบบการตลาดเครือข่าย (Network Marketing) จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม
“แม้ธุรกิจใหม่ของเราจะไม่ง่ายเนื่องจากมีคู่แข่งในตลาดอยู่แล้ว แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสเติบโต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดี และทีมงานใหม่ที่พร้อมรุกธุรกิจเต็มที่ รวมทั้งกลยุทธ์การสร้างฐานสมาชิกเพื่อขยายธุรกิจ เราจึงเชื่อว่า ดิ แองเจิ้ล จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่มาขับเคลื่อนโกลบอล คอนซูเมอร์ในอนาคตได้”
ดิ แองเจิ้ลฯ วางเป้า 3 พันล้านใน 5 ปี
แม้จะเป็นธุรกิจใหม่ในกลุ่มโกลบอล คอนซูเมอร์ แต่ เอื้ออารี ต่อเนื่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ แองเจิ้ล โกลบอล จำกัด ย้ำถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่สอดคล้องกับการดูแลตัวเอง ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนกว่า 6 พันล้านคนทั่วโลก ขณะที่ธุรกิจเครือข่ายในไทยมีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ดิ แองเจิ้ล โกลบอลจึงยังมีโอกาสเติบโตได้
“สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานของเราแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรก คือ การสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับให้สมาชิกไว้ใช้งาน, ขยายฐานสมาชิก และสร้างช็อปสินค้า รวมถึงคาเฟ่และสปา เฟสที่ 2 คือการสร้างคอมมูนิตี้และไลฟ์สไตล์ใหม่ร่วมกับร้านอาหารในเครือโกลบอล คอนซูเมอร์ และเฟสที่ 3 คือการคัดเลือกสินค้าท้องถิ่นเข้ามาขายในอี-มาร์เก็ตเพลสของเรา”
เอื้ออารี ระบุว่า ปัจจุบันดิ แองเจิ้ล โกลบอลมีสมาชิก 7,000 คน และสินค้าวางจำหน่ายแล้ว 3 กลุ่ม รวม 18 รายการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่มย้อนวัยผิว, ย้อนวัยสุขภาพ และกลุ่มส่งเสริมไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมทั้งยังสร้าง wellness center ต้นแบบที่อาคาร CW Tower เพื่อเป็นจุดพบปะให้กับสมาชิก
“ในช่วงปีแรกนี้เรามุ่งโฟกัสไปที่การขยายฐานสมาชิกในประเทศ ก่อนขยายไปในประเทศกลุ่มอาเซียนที่เรามีเครือข่ายอยู่ เช่น สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ ในระยะถัดไป โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2563 อยู่ที่ 100 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 5 ปี (2563-2567) จะทำยอดขายรวมได้ถึง 3 พันล้านบาท”
“โกลบอล คอนซูเมอร์” ประกาศ 1.6 พันล้านปีหน้า
ด้าน เชิดศักดิ์ กล่าวว่า ปีนี้โกลบอล คอนซูเมอร์ คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท และขาดทุนไม่มากนัก ขณะที่ปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ 1.63 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 25% โดยประมาณการสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 40% ธุรกิจอาหารรวม 60%
“เรามีดิ แองเจิ้ล โกลบอลเป็นหัวหอกในอนาคต ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความหวัง เนื่องจากสามารถมาเชื่อมโยงกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจอาหารในเครือได้ ส่วนงบลงทุนของทั้งเครือปีหน้าอยู่ที่ราว 100 ล้านบาท (ไม่รวมงบการตลาด) สำหรับการทำห้องเย็น, ผลิตบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ และผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดย่อยสลายได้” เชิดศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม- Red Sun ทุ่ม 40 ล้านรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับลุคเจาะคนรุ่นใหม่ดันยอดปีนี้โต 40%
- “อิมแพ็ค” ซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟไฮเอนด์ The Coffee Academics จากฮ่องกง ต่อจิ๊กซอว์พอร์ต F&B
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine