Red Sun ทุ่ม 40 ล้านรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับลุคเจาะคนรุ่นใหม่ดันยอดปีนี้โต 40% - Forbes Thailand

Red Sun ทุ่ม 40 ล้านรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับลุคเจาะคนรุ่นใหม่ดันยอดปีนี้โต 40%

หลังธุรกิจร้านอาหาร Red Sun ในประเทศไทยภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ฟู้ดซัน จำกัด ถูกฟู้ดแพชชั่นเข้าซื้อกิจการไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยฟู้ดแพชชั่นถือครองหุ้น 74% และผู้บริหารเดิมของฟู้ดซันถือหุ้น 26% ซึ่งล่าสุดร้านอาหารเกาหลีรายนี้ได้ทำการรีแบรนด์พร้อมปรับโฉมร้านครั้งใหญ่ กรุยทางสู่ผู้นำร้านอาหารเกาหลีในไทย

นพวินท์ รอดริน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดซัน จำกัด เปิดเผยว่า จากเทรนด์วัฒนธรรมเกาหลีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปด้วย ทำให้ Red Sun ต้องพัฒนาตัวเองตามเทรนด์ทั้งเรื่องอาหาร การตกแต่งร้าน และประสบการณ์ในร้าน เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า

การรีแบรนด์ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมแบบ 360 องศา ภายใต้คอนเซปท์ Korean with a Twist ซึ่งหมายถึงการได้กินอาหารเกาหลีจริงๆ พร้อมทวิสต์ให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ มากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังรีโนเวทร้านใหม่หมดให้ดูสว่างสดใสจากเดิมที่อยู่ในโทนทึมๆ โดยใช้วัสดุและงานดีไซน์ที่เข้ากับคนรุ่นใหม่ พร้อมปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในร้านใหม่หมด

"ขณะเดียวกันยังเพิ่มประสบการณ์ใหม่ด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการจับเซตคอมโบ้หลากหลายเซต, ลดขนาดของบางเมนูลงเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเมนูได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งทำให้อาหารมีราคาเข้าถึงง่ายขึ้นด้วย ตอบรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปี จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายคือช่วงอายุ 25-35 ปี

นพวินท์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังเพิ่มโซนบริการแนว Grab&Go บริเวณหน้าร้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงอาหารเกาหลีได้ในเวลาเร่งรีบ นอกจากนี้ยังเพิ่มเมนูใหม่ที่ทำให้ลูกค้ามีกิจกรรมในการกินอาหารมากขึ้น เช่น เมนูข้าวเขย่า, ไก่พันชีส เป็นต้น

โฉมใหม่ของร้านที่สาขาสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

เรายังพัฒนาเมนูที่เสิร์ฟเฉพาะบนบริการเดลิเวอรี่อย่างเดียวอีก 15 เมนูด้วย หลังยอดขายผ่านบริการเดลิเวอรี่ในปีนี้เติบโตมาก โดยมีสัดส่วนประมาณ 10% จากที่ปีก่อนมีสัดส่วนอยู่ที่ 1% เท่านั้น ขณะที่ภาพรวมบริการรับ-ส่งอาหารในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้เราคาดการณ์ว่าปีหน้าเราจะมีสัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นเป็น 20%”

นพวินท์ระบุว่าปัจจุบัน Red Sun มีสาขาในไทยรวม 13 สาขา (กรุงเทพฯ 11 สาขา และต่างจังหวัด 2 สาขาโดยสาขาล่าสุดคือสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นร้านลุคใหม่ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะเปิดเพิ่มในปีนี้อีก 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเซ็นทรัล ลาดพร้าวซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน โดยเตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งสิ้น 40 ล้านบาท สำหรับการรีแบรนด์เปิดสาขาใหม่ และรีโนเวทร้านเดิม พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 40%

 

ตลาดอาหารเกาหลียังมีแนวโน้มเติบโต

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดร้านอาหารเกาหลีในไทยที่ในปี 2561 มีมูลค่าราว 2 พันล้านบาท จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตลาดร้านอาหารในประเทศไทยที่มีมูลค่าอยู่กว่า 4 แสนล้านบาท แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารเกาหลีกำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนพวินท์คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเติบโตราว 4-5% ต่อปี

แน่นอนว่าการแข่งขันในตลาดรุนแรงมากขึ้น เพราะมีแบรนด์ใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งจะแย่งชิงลูกค้าได้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละคน แต่เรามองว่าปัจจัยประสบความสำเร็จนอกจากเรื่องการรักษาคุณภาพแล้วก็คือความสามารถในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงรับไดนามิกของเด็กรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟู้ดซันกล่าว

นพวินท์ รอดริน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดซัน จำกัด

นพวิทน์ กล่าวอีกว่า ปีที่ผ่านมาเราครองส่วนแบ่งในตลาดได้ประมาณ 5% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 10% อย่างไรก็ตาม ถ้าในแง่ของร้านหม้อต้มต๊อกปกกี่ เราเป็นที่ 1 ในตอนนี้ ส่วนการมุ่งไปเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรวมให้ได้นั้นเราอาจต้องอาศัยการขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้นด้วย

ตลาดอาหารเกาหลีในไทยตอนนี้เหมือนตลาดอาหารญี่ปุ่นเมื่อราว 10 ปีก่อน แต่เชื่อว่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีดึงดูดคนที่ชอบอาหารเกาหลีอยู่แล้ว แล้วค่อยเจาะไปที่กลุ่มคนที่รู้จักเกาหลีแต่ไม่ได้ชื่นชอบอาหารเกาหลี เพื่อขยายฐานผู้บริโภคสู่ระดับแมสได้มากขึ้น” นพวินท์ กล่าวทิ้งท้าย

  Forbes Fact
  • Red Sun เป็นร้านอาหารเกาหลีที่เปิดครั้งแรกในเกาหลีเมื่อปี 2551 โดยเคยได้รับรางวัลแชมป์เมนูหม้อไฟต๊อกปกกี่จากช่อง SBS ในปี 2555 ปัจจุบันมีสาขาในประเทศเกาหลีใต้กว่า 50 สาขา
  • สำหรับในประเทศไทย ผู้บริหารชาวไทยซื้อแฟรนไชส์เข้ามาในปี 2557 โดยเปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์
 
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine