ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ซีอีโอคนใหม่ OR โชว์วิสัยทัศน์ครั้งแรก ตั้งเป้าฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังเกิดคำถามว่าทำไมบริษัทยิ่งพัฒนาตัวเองแต่หุ้นยิ่งตก เดินหน้าลุยธุรกิจ Non-Oil เพราะมองว่านี่จะเป็นแม็กเน็ตดึงทราฟฟิกคนเข้าปั๊ม ดันมาร์เก็ตแชร์สู่ 38%
“ทำไมเรายิ่งพัฒนาตัวเอง หุ้นยิ่งตก นั่นคือสิ่งที่คิดว่า งั้นเรามาช่วยกันไหม เพื่อให้คนภายนอกและนักลงทุนมีความมั่นใจใน OR มากขึ้น มีความมั่นใจในความสามารถของคนกลุ่ม ปตท. เพราะถ้าหุ้นตกขนาดนี้ แสดงว่าเขาไม่มั่นใจแล้วล่ะ
“ผมมีหน้าที่ทำให้คนในองค์กรมีเป้าหมายร่วมกัน คิดร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อข้างนอกจะได้มองว่าบริษัทนี้มีคนเก่งและคนดีนะ เพื่อจะได้ไว้ใจเราอีกครั้งหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ท้าทายมาก” ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คนใหม่ กล่าวในงานแถลงข่าวครั้งแรกของเขาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าการเข้ามารับตำแหน่งของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจากสถานการณ์ของ OR ที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ IPO ในปี 2564 คือราคาหุ้นร่วงลง 14% ต่อปี
ไม่เพียงเท่านั้น การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นรวมถึงประเด็นร้อนอย่างกรณีเติมเต็มลิตรหรือไม่เต็มลิตร ยังส่งผลให้ OR สูญเสียมาร์เก็ตแชร์บางส่วนจนมาอยู่ที่ 35% ในปัจจุบันด้วย
ม.ล.ปีกทอง กล่าวในช่วงเริ่มต้นของงานแถลงข่าวว่ายังคงสานต่อวิสัยทัศน์เดิมของ OR คือ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” เพราะการวางวิสัยทัศน์ใหม่นั้นต้องใช้เวลากว่า 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อให้สามารถสื่อความจนทุกภาคส่วนเข้าใจตรงกันได้
ภายใต้วิสัยทัศน์ดังที่กล่าวไปข้างต้น ม.ล.ปีกทองวางภาพใหญ่ของเป้าหมายของ OR ไว้ 4 ข้อหลักๆ ด้วยกัน คือ
1.Happy Workplace เป็นบริษัทที่คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม
2.ในแง่ขององค์กร นอกจากจะทำผลประกอบการรายไตรมาสขึ้นแตะระดับสูงสุด ก็ยังจะดูแลพลังงานให้มีเพียงพอต่อการใช้งาน และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม
3.สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จะเพิ่ม EBITDA ของธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็น 10% CAGR เพราะเป็นธุรกิจที่มี Profit Margin ดี “Non-Oil จะต้องเป็นแม็กเน็ตที่ดึงทราฟฟิกให้คนเข้ามาใช้บริการที่สถานี” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
4.Sustainability ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050
ทั้งนี้ OR ตั้งเป้างบลงทุนสำหรับปีนี้ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ธุรกิจ Mobility 7.6 พันล้านบาท, ธุรกิจไลฟ์สไตล์ 7.3 พันล้านบาท ที่เหลือจะเป็นงบลงทุนสำหรับธุรกิจต่างประเทศ อินโนเวชั่น และธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ ดังนี้
-Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการ และเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ฟื้นความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อดันมาร์เก็ตแชร์ หรือจำนวนคนที่มาใช้บริการที่สถานีให้ไปสู่ที่สัดส่วน 38% จากปัจจุบันอยู่ที่ 35% โดยได้รับผลกระทบจากประเด็นเติมเต็มลิตรหรือไม่เต็มลิตรในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังพัฒนาควบคู่ไปกับการก้าวสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)
-ด้าน All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ทการลงทุน (Diversify Portfolio)
นอกจากนี้จะปลดล็อก Value ชั้นวางสินค้าภายในร้าน Café Amazon ต้องวางอย่างไรให้น่าสนใจมากที่สุด หรือเกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะที่ OR Space วางเป้าไว้ว่า 30-40% ของอัตราการเข้าใช้บริการ จะต้องเป็นการใช้บริการโปรดักต์ของ OR
ส่วน EV Charger วางเป้าหมายให้เป็น Enabler หรือตัวเปิดโอกาสให้คนมาใช้เวลาอยู่ที่สถานีมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะมีหัวชาร์จ DC ให้บริการทั้งสิ้น 5,000 หัวชาร์จ ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นการปรับลดเป้าหมายลงจากก่อนหน้านี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7,000 หัวชาร์จ ซึ่งปรับลดตามอัตราการเติบโตของ EV ที่ลดลง
-Global Market ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา
นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“OR เปลี่ยนจาก Gas Station เป็น Life Station ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เรามีห้องน้ำสะอาด มีร้านอาหาร มีร้านค้าปลีก นี่คือสเต็ปแรกที่เราทำ แต่สิ่งนี้มัน Copy ได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่เราที่จะบูรณาการข้อมูลต่างๆ ที่เรามีแล้วนำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในการกระโดดหนีคู่แข่ง” ม.ล.ปีกทอง กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับปีนี้ OR ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 2-3% ตามการเติบโตของ GDP ประเทศ
เครดิตภาพ: OR
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ โตแรงมาก! ปี 67 กวาดรายได้ 2,575 ล้าน โต 97.4% ปีนี้ตั้งเป้าขยายอีก 600 สาขา
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine