ท่ามกลางธุรกิจประกันภัยไทยที่ยังหดตัว 0.5% ในช่วง 9 เดือนแรกปี 67 แต่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย เบี้ยรับรวมยังเติบโต 5.2% จากแรงหนุนประกันรถยนต์ ทว่าปี 2567 นี้ อาจเติบโตได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้เมื่อตอนต้นปี แต่ปีหน้าคาดว่าเบี้ยรับรวมจะเพิ่มขึ้นแตะ 35,000-36,000 ล้านบาท เติบโต 8%
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัยวินาศภัยไทย 9 เดือนแรกปี 2567 พบว่าติดลบ 0.5% เนื่องจากเบี้ยประกันภัยรถยนต์ลดลง สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์หดตัวลง ซึ่งปี 2567 นี้ยังมีการปรับเป้าหมายยอดขายรถยนต์ใหม่เหลือราว 550,000 คันจากต้นปีที่คาดไว้สูงถึง 800,000 คัน
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2567 ของบริษัทฯ พบว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 23,122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,290.7 ล้านบาท ลดลง 10%YoY
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา พบว่าอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 59% (เพิ่มขึ้น 3%) ซึ่งสูงกว่าจากช่วงปีสุดท้ายของ COVID-19 ที่อยู่ระดับ 56% อีกทั้งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยยังเจอภัยธรรมชาติ โดยในส่วนของบริษัทฯ มีมูลค่าความเสียหายจากน้ำท่วม ทั้งประกันภัยรถยนต์ (123 ล้านบาท) และประกันภัยอื่นๆ (609 ล้านบาท) รวมกว่า 730 ล้านบาทโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเรียกรับจากการรับประกันภัยต่อราว 460 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ยังมีเป้าหมายเป็น lifestyle insurance ที่จะตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ช่วงที่ผ่านมาจึงมีการเพิ่มความคุ้มครองการเสียชีวิตและค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่กรณีเกิดอุบัติเหตุจากการชนให้แก่ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ทุกแผนประกันภัย นอกจากนี้ยังมีประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อรองรับสังคมสูงวัย (Aging Society) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนอายุ 55-75 ปี และประกันภัยสุขภาพ Telemedicine ที่เริ่มนำเสนอขายไปแล้วในช่วงเดือนก.ย. 2567 ที่ผ่านมา
ขณะที่กลุยทธ์ในปี 2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำแผนงาน แต่คาดว่าจะตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 35,000 - 36,000 ล้านบาท เติบโตราว 8% จากปี 67 นี้
ทั้งนี้ ปี 2568 มองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยจากปี 2567 ซึ่งอาจส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยรับรวมในตลาดทำให้แนวโน้มธุรกิจประกันภัยรถยนต์ปี 2568 มองว่าอาจยังเปราะบาง เพราะยังเจอผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นและเศรษฐกิจที่ยังทรงตัว รวมถึงหนี้ครัวเรือนก็ยังไม่ลดลงมาก อาจเห็นธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดหนี้เสีย (NPL) ดังนั้นหากปี 2568 การปล่อยสินเชื่อยังเข้มงวดคาดว่าการเช่าซื้อรถใหม่น่าจะไม่เติบโตมากนัก
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่ไทยยังไม่เคยเจอ หากเกิดภัยใหญ่ขึ้นอาจจะส่งผลกระทบส่วนอัตราค่าสินไหมทดแทน แต่ในภาพรวมประเมินว่า Loss Ratio ในปี 2568 คาดว่าจะทรงตัวในระดับเดิม แต่เบี้ยประกันภัยยังมีการแข่งขันทำให้ราคาไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ในส่วนของ BKI จะไม่ได้ปรับลดเบี้ยฯ ลง และอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นในบางรุ่นเพื่อให้สอดคล้องกับค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง โดยบริษัทฯ มีอัตราการต่ออายุที่ 86% ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรม
ในส่วนของการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า มองว่า BKI คาดว่าปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 250 ล้านบาท ส่วนปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยมองว่าอัตราความเสียหายในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าคาดว่าจะเริ่มลดลง เพราะผู้ใช้เริ่มคุ้นชินกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ขณะเดียวกันพทางบริษัทฯ ยังขยายศูนย์ซ่อมกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้น ในปี 2568 มองว่า บริษัทประกันวินาศภัยขนาดใหญ่ ยังคงมีกำไรจากการประกันภัยรถยนต์ แต่รายกลางและเล็กอาจเหนื่อย หากไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยราว 3-5% ให้สอดคล้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และอาจส่งผลต่อกำไรของบริษัทฯ เหล่านั้น ซึ่งการปรับเพิ่มเบี้ยฯ อาจทำได้ยากตามสถานการณ์แข่งขันในปัจจุบัน
ในส่วนของ BKIH อยู่ระหว่างการศึกษาหา s curve ใหม่โดยอาจจะเน้นอินชัวรันส์แพลตฟอร์มเพื่อให้บริษัทประกันวินาศภัยขนาดเล็กขนาดกลางสามารถเข้าไปแบบฟอร์มเหล่านี้โดยจ่ายค่าบริการเป็นค่าธรรมเนียมซึ่งช่วยลดต้นทุนภายในขององค์กรมากขึ้น
หมายเหตุ
ปัจจุบัน บมจ. กรุงเทพประกันภัย เป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักให้แก่ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH โดผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) มีรายได้รวม 17,344.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0%YoY ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 2,277.9 ล้านบาท ลดลง 10.5%YoY คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 21.39 บาท
ภาพ: BKIH, Christian Wiediger on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ตลท. เผยบริษัทจดทะเบียนใน SET ช่วง 9 เดือนแรก ปี 67 มีกำไรสุทธิลดลง 5.4%YoY ฝั่งธุรกิจน้ำมันร่วงแรง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine