“ถ้าอยากมี Work-Life Balance แปลว่ายังไม่ได้อยู่ในงานที่ใช่” มุมมองจาก Lucy Guo มหาเศรษฐีวัย 30 ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI - Forbes Thailand

“ถ้าอยากมี Work-Life Balance แปลว่ายังไม่ได้อยู่ในงานที่ใช่” มุมมองจาก Lucy Guo มหาเศรษฐีวัย 30 ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI

Lucy Guo มหาเศรษฐีสาวผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI มีข้อความฝากถึงคนที่โหยหาสมดุลชีวิตกับการทำงาน หรือ Work-Life Balance ว่า บางทีคุณอาจกำลังอยู่ในงานที่ “ไม่ใช่”


    หญิงสาววัยมิลเลนเนียลคนนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้าเศษ และทำงานต่อเนื่องจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่เริ่มเปิดรับ “วัฒนธรรมทำงานหนักแบบ 996” ของจีนอย่างเต็มตัว

    ทุกวันนี้ “Work-Life Balance” หรือสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน กลายเป็นสิ่งสำคัญของการจ้างงานยุคใหม่ เป็นสวัสดิการที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งหรือเงินเดือน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียลที่พร้อมลาออกทันทีหากงานนั้นไม่ตอบโจทย์ชีวิตส่วนตัว

    แต่ Lucy Guo มองต่างออกไป เธอเชื่อว่าแทนที่จะหนีจากงานที่ไม่ให้สมดุลชีวิต เราควรหนีจากงานที่ “ทำให้เราต้องการมี Work-Life Balance” มากกว่า เพราะถ้างานทำให้คุณเฝ้ารอนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานตอนห้าโมงเย็น มันอาจหมายความว่าคุณอยู่ในงานที่ไม่เหมาะกับคุณเลย

    Guo ผู้ลาออกจากมหาวิทยาลัยและสร้างความมั่งคั่งในวงการเทคโนโลยี บอกว่าตารางชีวิตสุดโหดของเธอที่ตื่น 05.30 น. ทำงานจนถึงเที่ยงคืน นั้นไม่ได้รู้สึกเหมือน “ทำงาน” เลยสักนิด

    “ฉันอาจไม่มีสมดุลชีวิตกับการทำงานก็จริง แต่สำหรับฉัน งานไม่ได้รู้สึกเหมือนงานเลย ฉันรักในสิ่งที่ทำ” เธอบอกกับ Fortune “ถ้าคุณรู้สึกว่าต้องการสมดุลชีวิตกับการทำงาน บางทีคุณอาจไม่ได้อยู่ในงานที่ใช่”

    อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ละเลยชีวิตส่วนตัวเสียทีเดียว

    หญิงสาวผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนนี้ได้โค่น Taylor Swift ขึ้นแท่น “ผู้หญิงร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของ Forbes เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สัดส่วนหุ้นเพียง 5% ที่เธอยังถืออยู่ใน Scale AI หลังจากลาออก มีมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันเธอทุ่มเวลาให้กับบริษัทใหม่อย่าง Passes แพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์คอมมูนิตี้

    ถึงแม้จะทำงานสัปดาห์ละกว่า 90 ชั่วโมง Guo บอกว่าเธอยังหาเวลา “1-2 ชั่วโมงต่อวัน” ให้ครอบครัวและเพื่อนเสมอ “ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน ควรหาเวลาให้คนสำคัญในชีวิตเสมอ” เพราะสำหรับเธอ มันไม่ใช่การหนีจากงาน แต่คือการ “จัดเวลาให้ชีวิต”


ตารางชีวิตประจำวันของ Lucy Guo

05.30 น. — ตื่นนอน

    ในวันที่ให้สัมภาษณ์กับ Fortune ที่ลอนดอน เธอบอกว่าตัวเองแทบไม่ได้หลับเลยเพราะเจ็ตแล็ก แต่โดยปกติจะตื่นตอนประมาณ 05.30 น. และไปออกกำลังกายแบบเข้มข้นที่ Barry’s สองถึงสามรอบต่อวัน

09.00 น. เป็นต้นไป — เข้าออฟฟิศ

    “แต่ละวันไม่เหมือนกันเลย” Guo เล่าว่า “บางวันฉันโฟกัสด้านการตลาด คุยกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ อัดพอดแคสต์ ฯลฯ ส่วนบางวันฉันโฟกัสเรื่องผลิตภัณฑ์ ตรวจดีไซน์ ให้ฟีดแบ็กเรื่องประสบการณ์ผู้ใช้” เธอดื่มกาแฟดำทุกวัน และมักทานอาหารกลางวันบนโต๊ะทำงาน

เที่ยงคืน — เข้านอน

    ผู้ก่อตั้งสาวบอกว่าเธอมักทำงานต่อเนื่องถึงเที่ยงคืน ก่อนจะปิดแล็ปท็อปและเข้านอน สิ่งที่มักทำให้เธอยังไม่ยอมหลับคือ การตรวจกล่องอีเมลฝ่ายบริการลูกค้า เธอกำหนดให้ทีมตอบลูกค้าภายใน 5 นาที หากช้ากว่านั้นเธอจะตอบเองทันที

    “การบริการลูกค้าแบบพิเศษสุดนี่แหละที่ทำให้สตาร์ทอัพแตกต่างจากบริษัทเทคยักษ์ใหญ่” Guo อธิบาย “ตอนที่ลูกค้ายังไม่เยอะมาก CEO ยังสามารถตอบทุกข้อความได้ ซึ่งช่วยสร้างความภักดีได้จริง มันเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับ CEO ของ Uber หรือบริษัทใหญ่ๆ แบบนั้น แต่ฉันยังเชื่อในแนวคิดนี้”

    “ถ้าคุณอยากเติบโต ชื่อเสียงคือทุกอย่าง และวิธีสร้างชื่อเสียงที่ดีที่สุดคือการมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ดังนั้นฉันถึงคอยดูแลเรื่องนี้ตลอดเวลา”

    ผู้ก่อตั้งและ CEO ทยอยนำโมเดล ‘996’ ของจีนมาปรับใช้ในโลกตะวันตก

    แม้ตารางของ Guo จะดูสุดโต่งสำหรับคนทำงานทั่วไป แต่มันกลับกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพทั่วโลก หลายคนใน LinkedIn กล่าวว่าการจะประสบความสำเร็จในยุคนี้ ต้องทำงานตามโมเดลจีนที่เรียกว่า “996” คือทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม สัปดาห์ละ 6 วัน

    Harry Stebbings ผู้ก่อตั้งกองทุน 20VC เป็นคนจุดประกายถกเถียงนี้ในต้นเดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า Silicon Valley กำลัง “เร่งความเข้มข้นของการทำงาน”

    “การทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์คือความเร็วที่จำเป็นต่อการชนะในตอนนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด” Stebbings เขียนใน LinkedIn “คุณไม่ได้แข่งกับบริษัทธรรมดาในเยอรมนี แต่แข่งกับบริษัทที่เก่งที่สุดในโลก”

    Martin Mignot หุ้นส่วนของ Index Ventures เห็นด้วย เขาโพสต์ว่า “ลืม 9-to-5 ไปได้เลย ตอนนี้ 996 คือมาตรฐานใหม่ของสตาร์ทอัพ”

    เขาเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 2018 Michael Moritz เคยแนะนำโลกตะวันตกให้รู้จักตารางทำงานแบบ 996 ของจีน ตอนนั้นมันยังเป็นแนวคิดที่ถกเถียงกันมาก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี และเหล่าผู้ก่อตั้งก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษสำหรับมันอีกต่อไป”

    ไม่ใช่แค่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพเท่านั้นที่ต้องทำงานหนักเพื่อให้ก้าวนำ CEO หลายคนยอมรับกับ Fortune ในงานประชุม Most Powerful Women Summit ที่ริยาดห์ว่า พวกเขาทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แน่นอน

    Leah Cotterill ซีอีโอของ Cigna Healthcare Middle East and Africa กล่าวว่า “ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าฉันเลิกคิดเรื่องงานได้จริงๆ หรือเปล่า” เธอยอมรับว่าเธอทุ่มตัวให้กับงานทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี และพยายาม “ผ่อนคลายลง” ในวันศุกร์เพื่อเข้าสู่สุดสัปดาห์

    คนอื่นๆ ระบุชัดเจนถึงชั่วโมงการทำงานของตัวเอง ตั้งแต่วันละ 12 ชั่วโมงไปจนถึงสัปดาห์ละ 80 ชั่วโมง

    แต่เช่นเดียวกับ Guo หลายคนยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานหนักเพราะสภาพตลาดกดดัน แต่เพราะพวกเขาหลงใหลในสิ่งที่ทำ “ฉันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เพราะฉันรักในสิ่งที่ทำ” Princess Noura bint Faisal Al Saud ซีอีโอของ Culture House กล่าว

    และคนรุ่นต่อไปก็ควรใส่ใจเรื่องนี้เช่นกัน เพราะสำหรับคนหนุ่มสาวที่หลงใหลใน work-life balance ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการทำงานเพียง 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อาจไม่พอสำหรับการเติบโตในสายอาชีพ ในบันทึกภายในของ Google ที่หลุดออกมา Sergey Brin แนะนำว่าการทำงานสัปดาห์ละ 60 ชั่วโมงต่างหากคือ “จุดที่ลงตัวที่สุด”



Photo by GONZALO MARROQUIN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP



แปลและเรียบเรียงจาก Scale AI’s 30-year-old billionaire cofounder has a warning for anyone who craves work-life balance: ‘maybe you’re not in the right work’



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “อยากสำเร็จต้องมุ่งมั่น ขยัน และทำงานหนัก” แนวคิดจากบรรดานักธุรกิจ อย่ามี Work-Life Balance ในช่วงเริ่มต้นบริษัท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine