<h2>Lucy Guo มหาเศรษฐีสาวผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI มีข้อความฝากถึงคนที่โหยหาสมดุลชีวิตกับการทำงาน หรือ Work-Life Balance ว่า บางทีคุณอาจกำลังอยู่ในงานที่ “ไม่ใช่”</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หญิงสาววัยมิลเลนเนียลคนนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้าเศษ และทำงานต่อเนื่องจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่เริ่มเปิดรับ “วัฒนธรรมทำงานหนักแบบ 996” ของจีนอย่างเต็มตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทุกวันนี้ “Work-Life Balance” หรือสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน กลายเป็นสิ่งสำคัญของการจ้างงานยุคใหม่ เป็นสวัสดิการที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งหรือเงินเดือน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียลที่พร้อมลาออกทันทีหากงานนั้นไม่ตอบโจทย์ชีวิตส่วนตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ Lucy Guo มองต่างออกไป เธอเชื่อว่าแทนที่จะหนีจากงานที่ไม่ให้สมดุลชีวิต เราควรหนีจากงานที่ “ทำให้เราต้องการมี Work-Life Balance” มากกว่า เพราะถ้างานทำให้คุณเฝ้ารอนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานตอนห้าโมงเย็น มันอาจหมายความว่าคุณอยู่ในงานที่ไม่เหมาะกับคุณเลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Guo ผู้ลาออกจากมหาวิทยาลัยและสร้างความมั่งคั่งในวงการเทคโนโลยี บอกว่าตารางชีวิตสุดโหดของเธอที่ตื่น 05.30 น. ทำงานจนถึงเที่ยงคืน นั้นไม่ได้รู้สึกเหมือน “ทำงาน” เลยสักนิด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ฉันอาจไม่มีสมดุลชีวิตกับการทำงานก็จริง แต่สำหรับฉัน งานไม่ได้รู้สึกเหมือนงานเลย ฉันรักในสิ่งที่ทำ” เธอบอกกับ Fortune “ถ้าคุณรู้สึกว่าต้องการสมดุลชีวิตกับการทำงาน บางทีคุณอาจไม่ได้อยู่ในงานที่ใช่”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ละเลยชีวิตส่วนตัวเสียทีเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หญิงสาวผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงคนนี้ได้โค่น Taylor Swift ขึ้นแท่น “ผู้หญิงร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของ Forbes เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สัดส่วนหุ้นเพียง 5% ที่เธอยังถืออยู่ใน Scale AI หลังจากลาออก มีมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันเธอทุ่มเวลาให้กับบริษัทใหม่อย่าง Passes แพลตฟอร์มสำหรับครีเอเตอร์คอมมูนิตี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถึงแม้จะทำงานสัปดาห์ละกว่า 90 ชั่วโมง Guo บอกว่าเธอยังหาเวลา “1-2 ชั่วโมงต่อวัน” ให้ครอบครัวและเพื่อนเสมอ “ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน ควรหาเวลาให้คนสำคัญในชีวิตเสมอ” เพราะสำหรับเธอ มันไม่ใช่การหนีจากงาน แต่คือการ “จัดเวลาให้ชีวิต” ตารางชีวิตประจำวันของ Lucy Guo05.30 น. — ตื่นนอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวันที่ให้สัมภาษณ์กับ Fortune ที่ลอนดอน เธอบอกว่าตัวเองแทบไม่ได้หลับเลยเพราะเจ็ตแล็ก แต่โดยปกติจะตื่นตอนประมาณ 05.30 น. และไปออกกำลังกายแบบเข้มข้นที่ Barry’s สองถึงสามรอบต่อวัน09.00 น. เป็นต้นไป — เข้าออฟฟิศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แต่ละวันไม่เหมือนกันเลย” Guo เล่าว่า “บางวันฉันโฟกัสด้านการตลาด คุยกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ อัดพอดแคสต์ ฯลฯ ส่วนบางวันฉันโฟกัสเรื่องผลิตภัณฑ์ ตรวจดีไซน์ ให้ฟีดแบ็กเรื่องประสบการณ์ผู้ใช้” เธอดื่มกาแฟดำทุกวัน และมักทานอาหารกลางวันบนโต๊ะทำงานเที่ยงคืน — เข้านอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ก่อตั้งสาวบอกว่าเธอมักทำงานต่อเนื่องถึงเที่ยงคืน ก่อนจะปิดแล็ปท็อปและเข้านอน สิ่งที่มักทำให้เธอยังไม่ยอมหลับคือ การตรวจกล่องอีเมลฝ่ายบริการลูกค้า เธอกำหนดให้ทีมตอบลูกค้าภายใน 5 นาที หากช้ากว่านั้นเธอจะตอบเองทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การบริการลูกค้าแบบพิเศษสุดนี่แหละที่ทำให้สตาร์ทอัพแตกต่างจากบริษัทเทคยักษ์ใหญ่” Guo อธิบาย “ตอนที่ลูกค้ายังไม่เยอะมาก CEO ยังสามารถตอบทุกข้อความได้ ซึ่งช่วยสร้างความภักดีได้จริง มันเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับ CEO ของ Uber หรือบริษัทใหญ่ๆ แบบนั้น แต่ฉันยังเชื่อในแนวคิดนี้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ถ้าคุณอยากเติบโต ชื่อเสียงคือทุกอย่าง และวิธีสร้างชื่อเสียงที่ดีที่สุดคือการมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ดังนั้นฉันถึงคอยดูแลเรื่องนี้ตลอดเวลา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ก่อตั้งและ CEO ทยอยนำโมเดล ‘996’ ของจีนมาปรับใช้ในโลกตะวันตก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ตารางของ Guo จะดูสุดโต่งสำหรับคนทำงานทั่วไป แต่มันกลับกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพทั่วโลก หลายคนใน LinkedIn กล่าวว่าการจะประสบความสำเร็จในยุคนี้ ต้องทำงานตามโมเดลจีนที่เรียกว่า “996” คือทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม สัปดาห์ละ 6 วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Harry Stebbings ผู้ก่อตั้งกองทุน 20VC เป็นคนจุดประกายถกเถียงนี้ในต้นเดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า Silicon Valley กำลัง “เร่งความเข้มข้นของการทำงาน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์คือความเร็วที่จำเป็นต่อการชนะในตอนนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด” Stebbings เขียนใน LinkedIn “คุณไม่ได้แข่งกับบริษัทธรรมดาในเยอรมนี แต่แข่งกับบริษัทที่เก่งที่สุดในโลก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Martin Mignot หุ้นส่วนของ Index Ventures เห็นด้วย เขาโพสต์ว่า “ลืม 9-to-5 ไปได้เลย ตอนนี้ 996 คือมาตรฐานใหม่ของสตาร์ทอัพ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 2018 Michael Moritz เคยแนะนำโลกตะวันตกให้รู้จักตารางทำงานแบบ 996 ของจีน ตอนนั้นมันยังเป็นแนวคิดที่ถกเถียงกันมาก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี และเหล่าผู้ก่อตั้งก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษสำหรับมันอีกต่อไป”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ใช่แค่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพเท่านั้นที่ต้องทำงานหนักเพื่อให้ก้าวนำ CEO หลายคนยอมรับกับ Fortune ในงานประชุม Most Powerful Women Summit ที่ริยาดห์ว่า พวกเขาทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แน่นอน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Leah Cotterill ซีอีโอของ Cigna Healthcare Middle East and Africa กล่าวว่า “ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าฉันเลิกคิดเรื่องงานได้จริงๆ หรือเปล่า” เธอยอมรับว่าเธอทุ่มตัวให้กับงานทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี และพยายาม “ผ่อนคลายลง” ในวันศุกร์เพื่อเข้าสู่สุดสัปดาห์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คนอื่นๆ ระบุชัดเจนถึงชั่วโมงการทำงานของตัวเอง ตั้งแต่วันละ 12 ชั่วโมงไปจนถึงสัปดาห์ละ 80 ชั่วโมง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่เช่นเดียวกับ Guo หลายคนยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานหนักเพราะสภาพตลาดกดดัน แต่เพราะพวกเขาหลงใหลในสิ่งที่ทำ “ฉันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เพราะฉันรักในสิ่งที่ทำ” Princess Noura bint Faisal Al Saud ซีอีโอของ Culture House กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และคนรุ่นต่อไปก็ควรใส่ใจเรื่องนี้เช่นกัน เพราะสำหรับคนหนุ่มสาวที่หลงใหลใน work-life balance ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการทำงานเพียง 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อาจไม่พอสำหรับการเติบโตในสายอาชีพ ในบันทึกภายในของ Google ที่หลุดออกมา Sergey Brin แนะนำว่าการทำงานสัปดาห์ละ 60 ชั่วโมงต่างหากคือ “จุดที่ลงตัวที่สุด” Photo by GONZALO MARROQUIN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://fortune.com/2025/06/22/scale-ai-millennial-billionaire-lucy-guo-warning-work-life-balance-gen-z-wrong-job-career/" alt="Scale AI’s 30-year-old billionaire cofounder has a warning for anyone who craves work-life balance: ‘maybe you’re not in the right work’">Scale AI’s 30-year-old billionaire cofounder has a warning for anyone who craves work-life balance: ‘maybe you’re not in the right work’</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/hr/what-do-business-people-think-about-work-life-balance" alt="“อยากสำเร็จต้องมุ่งมั่น ขยัน และทำงานหนัก” แนวคิดจากบรรดานักธุรกิจ อย่ามี Work-Life Balance ในช่วงเริ่มต้นบริษัท">“อยากสำเร็จต้องมุ่งมั่น ขยัน และทำงานหนัก” แนวคิดจากบรรดานักธุรกิจ อย่ามี Work-Life Balance ในช่วงเริ่มต้นบริษัท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ถ้าอยากมี Work-Life Balance แปลว่ายังไม่ได้อยู่ในงานที่ใช่” มุมมองจาก Lucy Guo มหาเศรษฐีวัย 30 ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI

<h2>ชื่อของ Alexandr Wang ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ไม่เฉพาะในฐานะหนึ่งในมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก จากทำเนียบมหาเศรษฐีโลก ปี 2025 ของ Forbes แต่เขายังเป็นแม่ทัพ AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Meta ด้วยวัยเพียง 28 ปีเท่านั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เส้นทางของ Alexandr Wang เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย เขาเติบโตในครอบครัวชาวอพยพที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา พ่อและแม่ของเขาเป็นนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ ทำงานที่ Los Alamos National Laboratory รัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นสถานที่ลับสุดยอดของสหรัฐฯ ที่เคยใช้พัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคิดด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีล้ำสมัยในครอบครัวนี้ กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับ Wang จนในที่สุด เขาตัดสินใจลาออกจาก MIT หลังเรียนได้เพียงปีเดียว เพื่อก่อตั้งบริษัทด้าน AI ร่วมกับ Lucy Guo ภายใต้ชื่อ Scale AI จากฝันเล็กๆ สู่ธุรกิจระดับพันล้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงฤดูร้อนปี 2016 Wang วัย 19 ปี และ Guo เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ Y Combinator โดยใช้บ้านพักริมสระน้ำในซิลิคอนแวลลีย์เป็นทั้งออฟฟิศและที่นอน ทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไอเดียจากบริการด้านการแพทย์ มาสู่การทำ data labeling — งานเบื้องหลังที่จำเป็นต่อการฝึกสอนโมเดล AI แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทำให้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้สำเร็จ&nbsp; &nbsp; กระทั่ง Scale AI สามารถระดมทุน 325 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งถึง 7.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Wang ซึ่งถือหุ้นราว 15% กลายเป็น “มหาเศรษฐีผู้สร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก” ก่อนอายุครบ 25 ปี ผลงานระดับรัฐบาลและอุตสาหกรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทคโนโลยีของ Scale AI ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไปจนถึงการติดตามเอกสารหลายล้านฉบับ นอกจากนี้ Scale ยังได้ทำสัญญามูลค่ารวมกว่า 110 ล้านเหรียญกับกองทัพอากาศและกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อช่วยงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทางทหาร เช่น การประเมินความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซียในยูเครน ด้วยการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมได้เร็วกว่ามนุษย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกอุตสาหกรรมต่างก็ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล” Wang กล่าวในการให้สัมภาษณ์ หลังมีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ Forbes Under 30 ปี 2018 เป็นครั้งแรก “เป้าหมายของเรา คือ การช่วยให้พวกเขาปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลและขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI” ความมุ่งมั่นตั้งแต่วัยเด็ก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เส้นทางของ Wang ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เขาเริ่มแข่งขันคณิตศาสตร์และเขียนโปรแกรมตั้งแต่ชั้นประถม จุดเริ่มต้นคือการพยายามชนะการแข่งขันเพื่อได้ตั๋วฟรีไป Disney World แม้จะไม่สำเร็จ แต่กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวัย 17 ปี เขาเริ่มทำงานเขียนโค้ดเต็มเวลาที่เว็บไซต์ถามตอบ Quora ซึ่งทำให้ได้รู้จัก Guo ก่อนจะเข้าเรียนที่ MIT สาขาปัญญาประดิษฐ์ และตัดสินใจออกมาทำธุรกิจเต็มตัวหลังปี 1 โดยบอกพ่อแม่ว่า “จะทำแค่ช่วงปิดเทอม” แต่สุดท้ายไม่เคยกลับไปเรียนอีก จากคู่ค้าสู่ตำแหน่งแม่ทัพ Meta&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Meta เริ่มใช้บริการ Scale AI ตั้งแต่ปี 2019 และในปี 2024 ก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรอบ 1 พันล้านเหรียญ ความสัมพันธ์ระหว่าง Wang และ Mark Zuckerberg แน่นแฟ้นขึ้นในต้นปี 2025 เมื่อ Zuckerberg เชิญ Wang ไปคุยที่บ้านพักใน Lake Tahoe และ Palo Alto เพื่อหารือเรื่องความท้าทายของ Meta ในการแข่งขัน AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ Meta จะมีโมเดลภาษา Llama ที่ได้รับความนิยม แต่ไม่สามารถรักษาความเป็นผู้นำได้นาน คู่แข่งอย่าง OpenAI, Anthropic และ Google DeepMind มักจะแซงหน้าไปได้เสมอ ปัญหาทวีความรุนแรงหลังการเปิดตัว Llama 4 ในเมษายน 2025 ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีการโฆษณาตัวเลขเกินจริง รีบปล่อยก่อนพร้อม และขาดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม Meta จะปฏิเสธข้อกล่าวหา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สถานการณ์นี้ทำให้ Zuckerberg ตัดสินใจดึง Wang มานำทีม AI ทั้งหมดในตำแหน่ง Chief AI Officer ผ่านการเข้าซื้อหุ้นกิจการบริษัท Scale AI ไปเกือบครึ่งถึง 49% ด้วยเงินมูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อ Meta Superintelligence Labs และรวบรวมบุคลากรชั้นนำจากทั่วโลกด้วยค่าตัวระดับสูงลิ่ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในระยะสั้น Wang ต้องฟื้นฟูความแข็งแกร่งของ Llama และตัดสินใจว่าจะยังเปิดซอร์สต่อไปหรือปิดโมเดลเพื่อแข่งขันกับจีนและผู้เล่นหน้าใหม่ แต่เป้าหมายระยะยาวคือการสร้าง Superintelligence หรือ AI ที่เหนือกว่ามนุษย์ในแทบทุกด้าน ซึ่งจะทำให้ Meta ข้ามขั้นจากการเป็นผู้ตาม ไปสู่การเป็นผู้นำระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยไม่นานมานี้ Zuckerberg ประกาศว่า “เริ่มเห็นสัญญาณว่า AI ของเราสามารถพัฒนาตัวเองได้ แม้จะช้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า Superintelligence อยู่ในระยะที่เอื้อมถึงแล้ว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลงทุนใน AI ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ (อีกครั้ง) ของ Meta โดย Zuckerberg ประกาศว่าจะลงทุน “หลายร้อยพันล้านเหรียญสหรัฐฯ” ในโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวติ้ง เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ “Prometheus” และ “Hyperion” ที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าเกาะแมนฮัตตัน เพื่อรองรับการพัฒนา AI ขั้นสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่แม้จะเสี่ยง แต่ถ้าทีมของ Wang สามารถสร้างความก้าวกระโดดได้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า การลงทุนทั้งหมดก็จะถูกมองว่าคุ้มค่าในทันที Photo by KEVORK DJANSEZIAN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP บทความที่เกี่ยวข้อง&nbsp; &nbsp; -&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/world/technology/alexandr-wang-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-25-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A3" alt="Alexandr Wang วัย 25 ปี “มหาเศรษฐีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก”">Alexandr Wang วัย 25 ปี “มหาเศรษฐีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก”</a>&nbsp; &nbsp; -&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/worth-it-mark-zuckerberg-spends-15-billion-dollars-hire-alexandr-wang-develop-ai-for-meta" alt="จะคุ้มไหม? Mark Zuckerberg ทุ่มเงิน 15,000 ล้านเหรียญ จ้าง Alexandr Wang พัฒนา AI ให้ Meta">จะคุ้มไหม? Mark Zuckerberg ทุ่มเงิน 15,000 ล้านเหรียญ จ้าง Alexandr Wang พัฒนา AI ให้ Meta</a> ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม&nbsp;<a target="_blank" href="https://fortune.com/article/alexandr-wang-meta-scale-ai-entrepreneur-mark-zuckerberg/" alt="Alexandr Wang is now leading Meta’s AI dream team. Will Mark Zuckerberg’s big bet pay off?">Alexandr Wang is now leading Meta’s AI dream team. Will Mark Zuckerberg’s big bet pay off?</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/world-s-youngest-billionaires-2025" alt="21 มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลกจากทำเนียบ Forbes ประจำปี 2025">21 มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลกจากทำเนียบ Forbes ประจำปี 2025</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Alexandr Wang หนึ่งในมหาเศรษฐีอายุน้อยสุดในโลก อัจฉริยะผู้ไม่จบปริญญา ที่กำลังนำทัพ AI ของ Meta สู่อนาคต

Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI พันล้านเหรียญฯ

<h2 class="p1">Alexandr Wang ในวัย 19 ปี ตัดสินใจลาออกจาก MIT เพื่อร่วมก่อตั้ง Scale AI ซึ่งตอนนี้กำลังช่วยหน่วยงานของกองทัพสหรัฐฯและบริษัทยักษ์ใหญ่ ปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์</h2>
<img class="alignnone wp-image-63380" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/data_label_shutterstock_Zapp2Photo.jpeg" alt="Alexandr Wang " width="720" height="480" />
Alexandr Wang เติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักฟิสิกส์ที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการอาวุธ ที่ Los Alamos National Lab ใน New Mexico ซึ่งได้รับเลือกเป็นสถานที่ลับสุดยอดที่สหรัฐฯ ใช้ในการพัฒนาระเบิดปรมาณูลูกแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรนักที่ประเด็นความมั่นคงเช่นนี้จะจุดประกายความคิดของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง จนถึงขั้นตัดสินใจลาออกจาก MIT เพื่อร่วมก่อตั้ง Scale AI บริษัทด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กับ Lucy Guo
ปัจจุบัน บริษัทอายุ 6 ปี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ใน San Francisco ซึ่งได้ลงนามในสัญญา 3 ฉบับ มูลค่าสูงกว่า 110 ล้านเหรียญ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับกองทัพอากาศและกองทัพบกของสหรัฐฯ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งถือได้ว่าค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับเด็กอายุ 25 ปี
โดยเทคโนโลยีของ Scale สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมได้รวดเร็วกว่าทักษะการวิเคราะห์ของมนุษย์ เพื่อตรวจสอบว่าระเบิดของรัสเซียสร้างความเสียหายมากน้อยเพียงใดในยูเครน ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ด้านการทหารเท่านั้น เพราะล่าสุดบริษัทมากกว่า 300 แห่ง อาทิ General Motors และ Flexport ต่างนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในการเก็บภาพจากรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ไปจนถึงการติดตามเอกสารที่ถูกส่งออกไปหลายล้านฉบับ
“ทุกอุตสาหกรรมต่างก็ใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล” Wang กล่าวในการให้สัมภาษณ์ หลังมีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ Forbes Under 30 ปี 2018 เป็นครั้งแรก “เป้าหมายของเรา คือ การช่วยให้พวกเขาปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลและขับเคลื่อนธุรกิจด้วย AI”
สำหรับการระดมทุนมูลค่า 325 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่า ณ ราคาตลาดอยู่ที่ 7.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Wang ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทราวร้อยละ 15 มีมูลค่าทรัพย์สินแตะ 1 พันล้านเหรียญ พร้อมขึ้นแท่นเป็น “มหาเศรษฐีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก”
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก Wang เคยเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรมระดับประเทศ โดยสนามแข่งแรกของเขาเริ่มต้นในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิชิตตั๋วเข้าชม Disney World ฟรี ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามที่ดี
ต่อมาในวัย 17 ปี เขาเริ่มทำงานเขียนโค้ดเต็มเวลาที่เว็บไซต์ถามตอบ Quora ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ Lucy Guo ผู้ร่วมก่อตั้งของ Scale อีกคนหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อที่ MIT ด้านปัญญาประดิษฐ์ และตัดสินใจมาทำธุรกิจอย่างเต็มตัวหลังเรียนจบปี 1 ด้วยเงินสนับสนุนจาก Y Combinator “ผมบอกพ่อกับแม่ว่า ผมจะทำสิ่งนี้ในช่วงฤดูร้อน” Wang กล่าว “แน่นอน ผมไม่เคยกลับไปเรียนอีกเลย”
แปลและเรียบเรียงจากบทความ The New Youngest Self-Made Billionaire In The World Is A 25-Year-Old College Dropoutโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/swiperx-%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%af-%e0%b9%80%e0%b8%a0%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99-27.html">SwipeRx แอปฯ เภสัชกรรม ระดมทุน 27 ล้านเหรียญฯ เจาะตลาดอาเซียน</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events