สายการบิน Singapore Airlines กลับมาแกร่งขึ้นหลังการระบาดใหญ่ พร้อมได้ทำข้อตกลงธุรกิจครั้งใหญ่ในอินเดีย ตลาดซึ่งเป็นความหวังสู่การเติบโตในอนาคต
Goh Choon Phong ซีอีโอของ Singapore Airlines มีเรื่องให้อวดเยอะเลย ทั้งกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ เครื่องบินที่มีผู้โดยสารเกือบเต็มลำ หรือรางวัลสายการบินยอดเยี่ยมที่สุดในโลกที่ทุกคนปรารถนา
แต่เรื่องที่ทำให้ Goh วัย 60 ปี ตื่นเต้นจริงๆ ก็คืออินเดีย “ดูก็รู้ว่ามีศักยภาพมากแค่ไหน” Goh กล่าวอย่างกระตือรือร้นในการสัมภาษณ์พิเศษเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
สำหรับ Singapore Airlines ศักยภาพของอินเดียเป็นมากกว่าการเพิ่มจำนวนที่นั่ง Goh วางแผนที่จะทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางหรือเป็นบ้านหลังที่ 2 ของสายการบินนี้โดยมีพื้นที่เติบโตอย่างไม่จำกัด และ SIA ยังได้ลงนามข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในปลายปี 2022 เพื่อทำให้แผนดังกล่าวเป็นจริง และได้เข้าถือหุ้น 25.1% ในสายการบิน Air India ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมปีนี้
ข้อตกลงเรื่อง Air India ครั้งนี้เป็นผลลัพธ์สุดท้ายหลังจากมีการทำธุรกรรมมายาวนาน เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ Air India รั้งท้ายในบรรดาสายการบินเอเชียด้วยกัน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจตอนต้นปี 2022 ทำให้บริษัท Tata Sons เข้ามาหรือกลับมากุมบังเหียนอีกครั้ง (JRD Tata เป็นผู้ก่อตั้งสายการบิน Tata Airlines ในปี 1932 ก่อนจะมาเป็น Air India) และก่อนหน้านี้ SIA และ Tata Sons เคยร่วมกันบริหารสายการบินชื่อ Vistara ในอินเดียมาตั้งแต่ปี 2015
จากนั้นในช่วงปลายปี 2022 SIA และ Tata ได้ประกาศทำข้อตกลงควบรวมกิจการ Vistara กับ Air India เพื่อจัดตั้งกลุ่ม Air India ที่ขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ SIA เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย ส่วน Tata Sons ถือหุ้นส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ Singapore Airlines จะลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน Air India ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง
ตามข้อมูลของ Statista หลังจากการควบรวมเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม Air India จะเป็นสายการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศ (วัดตามส่วนแบ่งการตลาด 23% โดยประมาณ) เป็นรอง IndiGo สายการบินราคาประหยัดซึ่งมีส่วนแบ่ง 55% (Air India ไม่ตอบกลับถึงประเด็นนี้)
อินเดียเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าสำหรับ SIA เพราะเป็นตลาดใหญ่แห่งสุดท้ายในเอเชียที่คนยังไม่ค่อยเข้าไป ในขณะที่จีน ส่วนใหญ่ก็ปิดกั้นสายการบินภายนอก และอินโดนีเซียก็ค่อนข้างอิ่มตัว (มีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาด เช่น Lion Air และ Garuda) ไม่มีตลาดการบินอื่นในเอเชียหรืออาจจะมีน้อยมากทั่วโลกที่มีศักยภาพแบบเดียวกัน
ตามข้อมูลของ Statista “อินเดียกำลังเติบโต แต่ผู้เล่นยังน้อยมาก” Goh บอก “นั่นคือจุดแข็งจริงๆ ของอินเดีย เป็นตลาดการบินที่ยังไม่อิ่มตัวไม่ว่าในแง่ไหน” ในปีที่แล้วคาดว่ามีผู้โดยสารชาวอินเดียกว่า 327 ล้านคนใช้บริการเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 73% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่เศรษฐกิจของอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเดินทางทางอากาศก็เช่นกัน และขณะนี้ SIA ก็พร้อมที่จะคว้าโอกาสใหญ่นั้น
Goh ซึ่งเป็นซีอีโอมาตั้งแต่ปี 2011 ได้พิสูจน์ฝีมือให้เห็นแล้วในฐานะผู้นำที่สามารถวางแผนระยะยาวในช่วงโควิด-19 ระบาด หนึ่งวันหลังจากที่จีนปิดเมือง Wuhan เพื่อหยุดการแพร่กระจายในเดือนมกราคม ปี 2020 Goh ได้เรียกประชุมภาวะวิกฤตและสรุปภายใน 3 เดือนว่าสายการบินต้องอัดฉีดเงินทุนจำนวนมากเพื่อความอยู่รอด “มีความเสี่ยงที่สายการบินจะล้มละลาย” Goh บอก “เป็นช่วงที่เราเครียดกันมากๆ”
Goh ขอให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเขา Temasek Holdings ซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของและนักลงทุนรายอื่นๆ อัดฉีดเงินทุนก้อนใหม่จำนวน 1.5 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ (1.13 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) ด้วยการจองซื้อหุ้นบริษัทเพิ่มเติม โดยรวมแล้วเขาระดมทุนได้ถึง 2.35 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งรวมถึงรายได้จากการขายหุ้นกู้แปลงสภาพด้วย
แม้ว่าสายการบินจะพยายามรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุด แต่สุดท้ายก็ตัดออกประมาณ 20% ของจำนวนก่อนเกิดโควิด และสั่งลดเงินเดือนสูงสุดถึง 35% ในส่วนของผู้บริหารระดับสูง
SIA ใช้เงินทุนดังกล่าวเตรียมสายการบินให้พร้อมสำหรับอนาคตหลังการแพร่ระบาดด้วยการขยายและปรับปรุงฝูงบิน ทั้งยังใช้เงิน 230 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อปรับโฉมห้องโดยสารบนเครื่องบินขนาดเล็กในเส้นทางระยะสั้นเอเชียแปซิฟิก โดยติดตั้งที่นั่งแบบนอนราบเพิ่มในชั้นธุรกิจ และตอนนี้มีบริการ Wi-Fi ฟรี (สำหรับทุกชั้นโดยสาร) ใน 95% ของเที่ยวบินทั้งหมด ส่วนเงินอีก 50 ล้านเหรียญสิงคโปร์ใช้ไปกับการยกระดับห้องรับรองที่อาคารผู้โดยสาร 3 ในสนามบิน Changi
การเตรียมการทั้งหมดนี้หมายความว่า เมื่อมีการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางทางอากาศเมื่อสิ้นสุดการแพร่ระบาด SIA ก็สามารถขึ้นบินได้ทันทีด้วยเที่ยวบินที่เต็มลำจากความอัดอั้นของผู้คน และขายตั๋วได้ราคาดี
เมื่อเดือนธันวาคมสายการบินของกลุ่มนี้ได้บินไปยังจุดหมายต่างประเทศ 121 แห่ง หรือประมาณ 90% ของตัวเลขก่อนการแพร่ระบาด SIA และสายการบินราคาประหยัดอย่าง Scoot ให้บริการผู้โดยสารราว 27 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชีนี้ (สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม) ซึ่งเพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน
หลังจากขาดทุนมา 3 ปีรวม 5.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ บัญชีก็กลับมามีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์นับในรอบปีบัญชีที่สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม ปี 2023 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชีนี้กำไรสุทธิแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์
และที่สุดยอดกว่านั้นคือ SIA ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกโดย Skytrax บริษัทที่ปรึกษาสายการบินในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยล้มแชมป์อย่าง Qatar Airways ซึ่งได้อันดับ 1 มาตั้งแต่ปี 2019
สิ่งนี้ย้อนกลับไปถึงประเด็นของอินเดียและข้อตกลงครั้งใหญ่กับ Air India โดย SIA จะมีความพร้อมมากขึ้นในการแข่งขันกับ 3 สายการบินจากตะวันออกกลาง ได้แก่ Qatar และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Emirates และ Etihad ซึ่งครองเส้นทางระหว่างอนุทวีปและตะวันตกอยู่
“ถ้า Air India กลายเป็นสายการบินระหว่างประเทศระดับโลกโดยมีชื่อเสียงในด้านการบริการที่มีคุณภาพและความตรงต่อเวลา” Goh กล่าว “มันจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับชาวอินเดียที่อยากเดินทางไปยุโรป” สำหรับ Singapore Airlines ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ อนาคตในฝันของพวกเขากำลังลอยอยู่เหนืออินเดีย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'Hilmi Panigoro' เศรษฐีอินโดนีเซียแม้ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ยังมุ่งขยายธุรกิจไม่หยุดยั้ง